spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 470 ผู้อาวุโสจากสำนัก
หลังฟังจบ สีหน้าของอาจารย์ก็เปลี่ยนไปทันที
ต่อจากนั้น อาจารย์ก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง แล้วพูดกับผมว่า “ เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้แน่นอน ถึงพวกสำนักชั่วจะร้ายกาจ แต่ก็ไม่เก่งไปกว่ารัฐบาลแน่นอน ตอนนี้ ดูเหมือนพวกเราจะปลอดภัยอยู่ ! ”
ช่วงเวลานั้น อาจารย์สบายใจขึ้นไม่น้อย
แต่ในขณะที่ผมและอาจารย์กำลังคุยกัน รถเช่าคันหนึ่งก็มาจอดที่หน้าร้านพวกเรา
พอเห็นรถเช่าจอดที่หน้าร้านเรา ผมและอาจารย์ก็อดหันไปมองไม่ได้ พวกเราต่างคิดว่าเป็นลูกค้ามาหาที่ร้าน
แต่หลังประตูรถเปิดออก ผมกลับเห็นภาพที่ไม่คาดคิด
คนที่ลงมาก่อน เป็นผู้หญิงสองคนที่คุ้นหน้า หยางเฉ่วและฉู่ยเฉิงจิง
สาวสวยทั้งสองคน ล้วนเป็นสาวสวย ผิวขาว ขายาวประเภทนั้น
จู่ๆก็เห็นหยางเฉ่วและฉู่ยเฉิงจิง ผมเลยรู้ตกใจพอสมควร
เพราะทั้งสองสาวบอกผมว่า พวกเธอน่าจะมาถึงประมาณ 4-5 โมงเย็น
แต่ตอนนี้เพิ่งเที่ยงตรง แต่พอเห็นผู้หญิงทั้งสองคนแล้ว ผมและอาจารย์ก็ลุกขึ้นทันที
ผมและอาจารย์เพิ่งลุกขึ้น เราก็เห็นชายอีกสองคนเดินลงมาจากรถ
พวกเขาเป็นชายชราทั้งสองคน ชายแก่สองคนนี้น่าจะมีอายุพอๆกับอาจารย์ ประมาณ 60 ได้
ท่าทางดูมีพลังเต็มเปี่ยม หนึ่งในนั้นใส่ชุกนักพรต ถือแส้ขนหางจามรี และเกล้าผมมวยด้วย
ส่วนอีกคนกลับดูเป็นคนทันสมัยมาก เขาใส่หมวกกันแดด ใส่เสื้อลายดอก ไว้หนวดหน่อยๆ กางเกงขายาวสีขาวและรองเท้าหนังสีขาว ดูมีสไตล์สุดๆ
ชายแก่สองคนนี้เพิ่งลงรถ ฉู่ยเฉิงจิงและหยางเฉ่วก็พูดกับพวกเขาสองสามประโยค พร้อมกันนั้นยังชี้มาทางพวกเราด้วย
พออาจารย์เห็นแบบนั้น ก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที รีบพูดกับผมว่า “ มาแล้ว นี่คงเป็นผู้อาวุโสของสำนักใหญ่ทั้งสอง ”
หลังจากพูดจบ อาจารย์ก็เหล่ตามองผม แล้วทำตาโต พร้อมกันนั้นยังเอากระบอกสูบยามาเคาะหลังผมหนึ่งครั้ง “ หลังตรงหน่อย เกร็งหน้าท้องเข้าไว้ เงยหน้า เบิกตากว้างๆ ทำท่าทางเคร่งขรึมเข้าไว้ ใช่ ใช่แบบนั้นละ อีกเดี๋ยวยืนตัวตรงๆละ เอาท่าทางแบบนี้แหละ ถ้าไม่ได้บอกให้แกพูด ก็อย่าเผลอพูดออกมามั่วๆนะ
ถึงศาลของพวกเราจะเล็ก แต่ก็อย่าทำให้อาจารย์ขายหน้าเชียว เข้าใจไหมฮึ ? ”
“ แบบ แบบนี้มันทรมานมากเลยนะอาจารย์ ! ” ผมรู้สึกว่าท่าทางแบบนี้มันแปลกมาก
ผลลัพธ์อาจารย์กลับทำหน้าเข้มใส่ผม “ อย่ามาพูดไร้สาระกับฉัน ยืนดีๆละ นี่เรียกว่าการวางตัว ถ้ากล้าขัดคำสั่งฉัน แกรอดูเลยว่าฉันจะจัดการแกยังไง ”
หลังจากพูดจบ อาจารย์ยังจ้องผมพักหนึ่ง
ผมละไม่กล้าขัดคำสั่งอาจารย์จริงๆ เนื่องจากผมรู้ดี ว่าอาจารย์เป็นตาแก่ที่รักศักดิ์ศรีตัวเองมาก
และบางทีอาจเป็นเพราะอาจารย์เองก็ไม่เคยเจอผู้อาวุโสของสำนักมาก่อน ตอนนี้เขาน่าจะกำลังตื่นเต้นและประหม่าเหมือนผม
พอได้ยินคำพูดนี้ ผมก็ได้แต่กลอกตาในใจ แต่ก็ไม่กล้าลีลาท่าเยอะ
ต่อจากนั้น ผมก็เห็นอาจารย์วางกระบอกสูบยาลง จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วเดินตรงไปที่หน้าร้านทันที
ผมเองก็ไม่ได้หยุดอยู่ที่เดิม รีบเดินตามออกไปทันที
นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอผู้อาวุโสในลัทธิเลยรู้สึกตื่นเต้นมากเช่นกัน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าระวังตัวมาก
และกลัวจะเสียมารยาท
ผ่านไปเพียงครู่เดียว ผมและอาจารย์ก็ออกมาอยู่หน้าประตูแล้ว
ผมยืนอยู่ข้างหลังอาจารย์ ทำตามที่อาจารย์พูด ยืนตัวตรง หน้าเคร่งขรึม หรือแม้แต่แทบจะตายด้านไร้อารมณ์ใดๆเลยก็ว่าได้
หยางเฉ่วและฉู่ยเฉิงจิงที่ยืนอยู่ข้างนอก ต่างเหลือบมองผมทันที
พอเห็นผมยืนอย่างกับทหาร สีหน้าไร้ความรู้สึก ดวงตาเบิกกว้าง พวกเธอก็แทบกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่
แต่ตอนนี้มีผู้อาวุโสอยู่ตรงหน้า พวกเธอทั้งสองคนเลยไม่กล้าทำผิดกฎ และไม่กล้าทำตัวร่าเริงเหมือนปกติ
เนื่องจากในสายงานของพวกเรา เคารพกฎมาก
และเพิ่งมาถึงหน้าประตู ผมก็เห็นฉู่ยเฉิงจิงและหยางเฉ่วทำท่ากลั้นหัวเราะ พร้อมพูดกับอาจารย์ผมด้วยความเคารพ “ ท่านผู้อาวุโสติง ! ”
อาจารย์ผมยิ้มและพยักหน้าให้ ในเวลาเดียวกันชายแก่ทั้งสองคนก็ทำตามกฎ ทำมือคำนับอาจารย์ผม
แม้จะยังไม่รู้จักกัน แต่มันก็แสดงถึงมิตรภาพที่ดี
อาจารย์ย่อมไม่กล้าทำตัวหยิ่ง เขาเองก็ทำมือคำนับกลับ “ ข้าติงโย่วซาน ท่านทั้งสองคงเป็นผู้อาวุโสของสำนักอู่ตังและเหมาชาน ”
เสียงอาจารย์เพิ่งเงียบลง ฉู่ยเฉิงจิงก็ยืนแนะนำอยู่ข้างๆ “ ท่านผู้อาวุโสติง นี่คืออาจารย์ลุงของหนู
ท่านนักพรตเฉินแห่งเหมาชาน ”
ฉู่ยเฉิงจิงเพิ่งแนะนำเสร็จ คนที่โดนเรียกว่านักพรตเฉินก็พูดกับอาจารย์ผมด้วยรอยยิ้ม “ ข้าเฉินจื่ออี้
ได้ยินชื่อเสียงท่านนักพรตติงมานานแล้ว ! ”
ชายแก่ที่ชื่อเฉินจื่ออี้คนนี้ เป็นคนที่ใส่เสื้อลายดอก แม้จะเป็นถึงผู้อาวุโสของสำนักเหมาชานที่ยิ่งใหญ่แบบนั้น มีตำแหน่งสูงส่ง แต่ก็เป็นคนที่ถ่อมตัวมาก
คนทั่วไป อาจไม่ได้เห็นเป็นเรื่องใหญ่อะไร
แต่ในสายงานของพวกเรา ผู้อาวุโสสำนักเหมาชานเป็นบุคคลที่สูงส่ง หรือจะเทียบได้กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเมือง
และพวกเราก็เป็นเหมือนคนเปิดร้านแผงลอยข้างถนน มักจะโดนพวกเจ้าหน้าที่แต่งตัวด้วยชุดแปลกๆมาขับไล่เสมอ
อาจารย์ย่อมเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายกำลังชมเขา คนที่เปิดร้านเล็กๆ และเป็นนักพรตธรรมดาคนหนึ่งอย่างอาจารย์ผม อาจมีชื่อเสียงในตำบลชิงฉือที่มีเนื้อที่เล็กๆอย่างนี้อยู่บ้าง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสสำนักเหมาชาน
เราก็มีชื่อเสียงแค่เส้นขนบางๆเท่านั้น
อาจารย์ฉีกยิ้ม พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเขินอายหน่อยๆ “ ไม่ขนาดนั้นหรอก ”
ในเวลาเดียวกัน เขาก็หันไปมองชายแก่ที่ใส่ชุดนักพรต และถือแส้ขนหางจามรี
“ ไม่ทราบว่านักพรตท่านนี้มีนามว่าอะไร ? ” อาจารย์พูดด้วยรอยยิ้ม และทำมือคารวะ
หยางเฉ่วที่อยู่ข้างๆ แนะนำทันที “ ท่านผู้อาวุโสติง นี่คืออาจารย์ลุงของหนูค่ะ ”
“ ข้าหวังเฉิงกาน ชื่นชมท่านนักพรตติงมานานแล้ว ” อีกฝ่ายถือแส้ด้วยมือข้างเดียว พร้อมยกฝ่ามืออีกข้างขึ้นเป็นแนวตั้งเหมือนท่าพนมมือข้างเดียว
อาจารย์ย่อมสุภาพมาก “ ท่านนักพรตหวังเกรงใจแล้ว รีบ รีบเข้าไปด้านในเถอะ ทุกคนเชิญ ! ”
หลังจากพูดจบ อาจารย์ก็ผายมือเชิญ
ผมในฐานะผู้น้อย เวลาผู้ใหญ่กำลังคุยกัน ย่อมเข้าไปพูดแทรกไม่ได้อยู่แล้ว เพราะมันเป็นกฎอย่างหนึ่ง
ตอนนี้เมื่อเห็นอาจารย์พูดเชิญ ผมถึงได้พูดออกมา “ ท่านผู้อาวุโสทั้งสองเชิญ…… ”
นักพรตหวังและนักพรตเฉินยิ้มให้ผมและอาจารย์เล็กน้อย จากนั้นก็ตามอาจารย์ผมเข้าไปด้านใน
อาจารย์และผู้อาวุโสทั้งสองเพิ่งเข้าไปข้างใน ฉู่ยเฉิงจิงและหยางเฉ่วก็เข้ามาใกล้ผมทันที
ผมเห็นหยางเฉ่วยิ้มและล้อผมคนแรก “ ยืนแบบทหารได้ไม่เลว ! ”
หลังจากพูดจบ หยางเฉ่วก็เดินเข้าไปด้านใน
ฉู่ยเฉิงจิงเองก็ “ ฮ่าๆ ” กลั้นหัวเราะไม่อยู่แล้ว “ ลุงติง ไม่ต้องเครียดขนาดนั้น อาจารย์ลุงเฉินของฉันใจดีมาก บางครั้งยังพาฉันไปอัพเวลอีกด้วย ! ”
หลังจากพูดจบ ยัยนี่ก็หัวเราะ “ คิคิ ” แล้วเดินเข้าไป
ผมทำหน้าเลิ่กลั่กทันที พวกเธอสองคนคิดว่าฉันอยากเป็นแบบนี้หรือไง
หลังสูดหายใจเข้าลึกๆแล้ว ผมก็เดินตามเข้าไป
เพิ่งเข้ามาในบ้าน อาจารย์ก็ให้ผมไปยกชามาเสิร์ฟทันที
ส่วนอาจารย์ ก็คุยกับผู้อาวุโสของทั้งสองสำนักสองสามประโยค
แต่ผ่านไปไม่นาน อีกฝ่ายก็เข้าประเด็นทันที
ตอนนี้เห็นเพียงหวังเฉิงกานหรือนักพรตหวังแห่งสำนักอู่ตังที่ใส่ชุดนักพรตคนนั้นพูดว่า “ นักพรตติง น่าจะรู้ดีว่าข้าและนักพรตเฉินมาที่นี่ทำไม พวกเรามาเข้าเรื่องกันเถอะ ! พวกเราอยากรู้เรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับสำนักลื่อเย่เฉินมาก นักพรตติงได้โปรดเล่าที่คุณรู้ให้พวกเราฟังด้วย…… ”
พออาจารย์ได้ยินถึงตรงนี้ ก็ทำท่าทางเคร่งขรึมขึ้นมาอีกครั้ง
เขาพยักหน้าให้นักพรตทั้งสอง จากนั้นก็เริ่มเล่าเรื่องที่พวกเราเห็นและรู้ ให้นักพรตทั้งสองฟัง
ผม หยางเฉ่ว และฉู่ยเฉิงจิงยืนอยู่ข้างๆแม้พวกเราจะสนิทกันมาก
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเหล่าอาจารย์ เราก็ไม่กล้าพูดมาก ได้แต่ยืนเงียบๆอยู่แบบนั้น……