spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 453 หมิงโลจิสติกส์
หลังจากคุณโจวบอกว่าที่ทำงานของสามีเธออยู่ที่ไหน ผมก็อดพูดพึมพำกับตัวเองไม่ได้
บริษัทหมิงโลจิสติกส์ !
เมื่อคุณโจวได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็พยักหน้ารับทันที “ ใช่ บริษัทหมิงโลจิสติกส์ สามีของฉันบอกว่ามันเป็นบริษัทเปิดใหม่ ทำเกี่ยวกับการส่งสินค้าขนาดใหญ่ ! ”
หลังฟังคุณโจวพูดจบ ผมก็อดหันหน้าไปหาอาจารย์ไม่ได้ “ อาจารย์ อาจารย์ว่าพวกเราควรจะไปดูดีไหม ? ”
อาจารย์พยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็พูดกับผมตรงๆ “ อือ ! เรื่องแบบนี้ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตา คงพูดยาก ยังไงก็ต้องไปดูสักหน่อย ”
หลังจากพูดจบ อาจารย์ก็หันไปทางคุณโจวอีกครั้ง “ คุณโจว คุณช่วยเอารูปสามีของคุณมาให้พวกเราดูหน่อย ส่วนตัวคุณก็รออยู่ที่บ้านนี่แหละ และไม่ต้องโทรไปบอกสามีคุณด้วย พวกเราจะเข้าไปดูกันเอง ! ”
พอคุณโจวได้ยินแบบนั้น ก็มองไปที่เด็กน้อยสองคนตรงหน้า และคนแก่ในบ้าน จากนั้นก็หันมาพยักหน้าให้เรา “ อื้อ งั้นก็รบกวนท่านนักพรตติงแล้ว ! แต่จะไม่ให้บอกเขาจริงๆเหรอคะ ? ”
“ ไม่ต้อง ถ้าสามีคุณโดนสิ่งชั่วร้ายเข้าสิงจริงๆ คุณไปพูดแบบนั้นเข้า มันอาจไปทำให้เจ้าตัวนั้นสงสัยได้ แล้วสุดท้ายก็สร้างปัญหาให้พวกเราจัดการยากกว่าเดิม ! ” อาจารย์พูดออกมาอีกครั้ง
เมื่อคุณโจวได้ยินคำพูดนี้ ถึงได้พยักหน้ารับรัวๆ
ต่อจากนั้น เธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างรวดเร็ว กดเปิดอัลบั้ม แล้วเอารูปสามีเธอ ให้ผมกับอาจารย์ดู
คุณหวงผอมมาก และยังมีขอบตาดำนิดหน่อย สภาพดูไม่มีชีวิตชีวา
หลังผมและอาจารย์จำลักษณะของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจนแล้ว เราก็บอกลาคุณโจว
ออกมาจากห้องเช่าเก่าๆ เตรียมจะไปดูบริษัทที่ชื่อหมิงโลจิสติกส์
ต่อจากนั้น ผมและอาจารย์ก็ลงมาถึงชั้นล่าง
แต่เพิ่งเข้ามาในรถ ไม่รอให้ผมได้สตาร์ทรถ อาจารย์ก็พูดกับผมว่า “ เสี่ยวฝาน เรื่องนี้ยุ่งยากนิดหน่อย
เมื่อกี้ตอนอยู่บนตึกคุยได้ไม่สะดวก ฉันว่ายายคนนั้น น่าจะกำลังกลายร่างเป็นปีศาจ…… ”
จู่ๆก็ได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้น ผมเลยทำหน้าไม่เข้าใจ หรือแม้แต่ตกใจ “ อะไรนะ ? กลายร่างเป็นปีศาจ ? ”
อาจารย์ทำหน้าหนักใจ “ ใช่ กลายร่างเป็นปีศาจ ”
“ อาจารย์ ทำไมถึงพูดแบบนั้นละ ? ” ผมไม่ค่อยเข้าใจ
อาจารย์กลับจุดบุหรี่ หลังสูดเข้าไปครั้งนึงเขาก็พูดออกมาว่า “ แกยังจำเจ้าจางจึเทาเพื่อนสมัยเด็กของแกได้ไหม ? ”
“ จางจึเทา ผมต้องจำได้อยู่แล้ว แต่เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับจางจึเทาด้วย ? ”
อาจารย์พ้นควันออกมา “ สภาพในตอนนี้ของยายคนนั้น ไม่คล้ายกับตอนที่จางจึเทากลายร่างเป็นสัตว์เหรอ ? ”
พอได้ยินคำพูดนี้ ในสมองของผมก็มีเสียงดัง “ ตูม ”
เมื่อกี้ไม่ได้รู้สึกแบบนั้น แต่จู่ๆอาจารย์ก็พูดแบบนี้ออกมา ผมเลยรู้สึกว่ามันก็เหมือนจริงๆนั่นแหละ
ตอนแรกที่ไปเลี้ยงรุ่นกับเพื่อนที่โรงแรม ผมเห็นจางจึเทากลายร่างเป็นสัตว์ครั้งแรก
สภาพแบบนั้นเหมือนคนเปลี่ยนเป็นหมาป่า กรงเล็บ ขนสัตว์ เขี้ยว และดวงตาที่ผิดแปลก
ตอนนี้คุณยายคนนั้น ก็มีการเปลี่ยนแปลงแบบนั้นเหมือนกัน
หรือว่า ยายแก่คนนั้นกับคุณหวง ก็เหมือนจางจึเทา พวกเขาเองก็เกี่ยวข้องกับองค์กรตาผี
พอคิดถึงตรงนี้ ผมก็พูดกับอาจารย์อีกครั้ง “ อาจารย์ อาจารย์หมายความว่า คุณหวงอาจเกี่ยวข้องกับองค์กรตาผี และอาจได้เรียนวิชาประหลาดบางอย่างเหมือนกับจางจึเทา ? ”
“ อาจเป็นแบบนั้น แต่อาการทั้งหมดของยายคนนี้ คล้ายการกลายร่างเป็นสัตว์ของจางจึเทาจริงๆ ดังนั้นอีกเดี๋ยวตอนไปที่นั้นเราควรระวังเอาไว้ก่อน ไม่แน่อาจเกี่ยวข้องกับสาวกองค์กรตาผีอีกก็ได้ และที่ทำงานของคุณหวงคนนั้น ก็อาจมีปัญหาด้วย ” อาจารย์ทำหน้าซีเรียส
สำหรับเรื่องที่อาจารย์สงสัยและเป็นห่วง มันถือว่าสมเหตุสมผลพอสมควร
คราวนี้พวกเราต้องตั้งสติกันอีกแล้ว การประมาทเพียงนิด อาจทำให้พวกเราไม่ได้ฟื้นขึ้นมาอีกตลอดกาล
ผมพยักหน้าให้อาจารย์ “ อาจารย์ วางใจได้เลย ! ผมต้องทำทุกอย่างอย่างระมัดระวังที่สุดอย่างแน่นอน ! ”
อาจารย์พยักหน้าเบาๆ ส่งสัญญาณให้ผมเริ่มออกรถ
ผมเองก็ไม่ลังเล เริ่มขับไปตามทางที่คุณโจวบอกทันที
ขับรถไปทางตะวันตกประมาณ 20 นาที ก็จะไปถึงบริษัทหมิงโลจิสติกส์
ระหว่างทาง พวกเรากังวลตลอด ไม่รู้ว่าต่อไปตัวเองต้องเผชิญหน้ากับอะไร
จนกระทั่ง 20 นาทีผ่านไป พวกเราก็มาถึงสถานที่ที่คุณโจวพูดถึง
ผมหยุดรถที่ข้างทาง ด้านข้างของพวกเรา มีป้ายอยู่หนึ่งแผ่น
ด้านบนเขียนเอาไว้สามคำ “ หมิงโลจิสติกส์ ” เมื่อมองเข้าไปข้างใน ก็จะเห็นอาคารอยู่สองสามหลัง นอกจากนั้นยังมีรถจำนวนมาขับเข้าออกตลอด ในเวลาเดียวกันยังมีรถตู้คอนเทนเนอร์ขนส่งสินค้าด้วย
“ อาจารย์ ที่นี่แหละ ! ตอนนี้พวกเราจะเข้าไปยังไง ? ” ผมพูดกับอาจารย์
อาจารย์กลับทำมือไพล่หลัง จ้องอาคารสองสามหลังที่ยังมีแสงสว่างอยู่
หลังจากมองมาได้สักพัก เขาก็พูดกับผมว่า “ เสี่ยวฝาน แกได้กลิ่นอะไรไหม ? ”
“ กลิ่น กลิ่นอะไร ? ” ผมลองดมดูแป๊บหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้กลิ่นอะไรเลยสักนิด
อาจารย์กลับยังจ้องอาคารสองสามหลังนั้นอยู่ “ กลิ่นคาวเลือด ”
“ กลิ่นคาวเลือด ? ไม่ใช่มั้งอาจารย์ ! อาจารย์จะจมูกดีขนาดนั้นเลยเหรอ ? ” ผมไม่ได้กลิ่นอะไรเลยจริงๆ อาจารย์กลับดูมั่นใจมาก
“ ต้องใช่แน่ๆ และนี่ยังเป็นกลิ่นเลือดคน เสี่ยวฝานเปิดตาเลย พวกเราจะเข้าจากทางด้านหลัง ในอาคารสองสามหลังนี้ ต้องมีความลับที่ไม่ธรรมดาอยู่แน่ๆ ! ” อาจารย์ทำหน้าจริงจัง และหยิบขวดน้ำตาวัวออกมาแล้ว
พอเห็นอาจารย์มั่นใจถึงขนาดนั้น ได้กลิ่นคาวเลือด และยังมั่นใจว่าเป็นเลือดคน
ผมก็ไม่กล้าลีลา ถึงพลังของอาจารย์จะมีไม่เยอะเท่าท่านนักพรตตู๋ แต่อาจารย์เคยทำงานอยู่ที่เมรุมาก่อน สำหรับกลิ่นศพและกลิ่นคาวเลือด เขาย่อมมีสัมผัสไวกว่าผม
และเขายังเข้ามาทำงานสายนี้หลายสิบปีแล้ว ถ้าอาจารย์มั่นใจ งั้นก็ต้องไม่ผิดอย่างแน่นอน
ตอนนี้พอเห็นอาจารย์จะเปิดตา ผมก็ไม่รอช้า
หยิบขวดน้ำตาวัวที่ทั้งเหม็นและคาว ออกมาป้ายที่เปลือกตาทันที
หลังความรู้สึกเย็นๆปรากฎขึ้น ตาสวรรค์ก็ถูกเปิดออก
เมื่อกี้รอบๆยังมืดมิด แต่ตอนนี้มันกลับเริ่มชัดเจนขึ้น
ภายใต้ดวงตาสวรรค์ ผมเห็นในอาคารสองสามหลังนั้น มีควันสีเหลืองลอยออกมาจำนวนมาก
ควันสีเหลืองพวกนั้นบางมาก ต้องใช้ตาสวรรค์เท่านั้นถึงจะมองเห็น
ผมเงียบไปพักหนึ่ง ไม่รู้ว่าเจ้าสิ่งนั้นคืออะไร
อาจารย์แค่ขมวดคิ้ว เขาไม่ลังเลยสักนิด หันมาโบกมือให้ผมทันที “ ไป ! ”
หลังจากพูดจบ อาจารย์ก็ออกไปคนแรก
ผมติดสปีดตามไปทันที ผมตามอาจารย์ไปทางด้านหลังของอาคารสองสามหลังนั้น
ตอนอยู่ข้างถนนเมื่อกี้ผมไม่ได้กลิ่นเลือดเลยสักนิด แต่ตอนที่มาอยู่ข้างหลังอาคารพวกนั้นแล้ว ผมกลับได้กลิ่นเลือดสดๆจางๆ
มันจางมาก แต่ยังไงก็ต้องเป็นกลิ่นเลือดไม่ผิดแน่
ที่นี่เป็นบริษัทขนส่ง ไม่ใช่โรงฆ่าสัตว์ จะมีกลิ่นคาวเลือดได้ยังไง ?
มันชัดเจนมาก ที่นี่ต้องมีอะไรแน่ๆ
ผมและอาจารย์ระวังมาก เรามาถึงก็หยุดอยู่ตรงกำแพง เมื่อเห็นไม่มีคนแล้ว เราก็เริ่มปีนเข้าไปข้างใน
เพิ่งปีนลงไปได้ เราก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาทางพวกเรา
ไม่รอให้ผมได้ทำอะไร อาจารย์ก็ออกแรง ดึงตัวผมเข้ามาในพุ่มดอกไม้ที่อยู่ข้างๆ……