spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 446 ผ่อนผัน
พอเห็นท่าทางอมยิ้มของไป่อู่ฉาง และยังมีเจ้าลิ้นยาวๆนั่น ผมก็รู้อึดอัดไปทั้งตัว
แต่ตอนนี้ผมไม่กล้าก่อเรื่อง ถ้าทำให้ยมทูตสองตนนี้ไม่พอใจขึ้นมา ผมต้องตายแบบอนาถมากแน่ๆ
โดยเฉพาะท่านฟ่านอู่จิ้วที่ยืนหน้าดำอยู่ข้างๆ หน้าตาดุร้าย หากประมาทแม้แต่น้อย ต้องโดนเขาใช้ไม้ไว้ทุกข์ฟาดตายแน่ๆ
ผมทำท่ากลืนน้ำลายตามสัญชาตญาณ หลังจากนั้นก็พูดกับไป่อู่ฉางว่า “ ใช่ใช่ใช่ ท่าน ท่านไป่อู่ฉาง
ท่าน ท่านอยากได้ค่าผ่อนผันเท่าไหร่เหรอครับ ? ”
พอไป่อู่ฉางได้ยินแบบนั้น ก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข “ ไม่มากไม่มาก คำนวณตามค่าแรงของพวกเราสองพี่น้อง เจ้าเองก็ทำให้เราเสียเวลาอยู่พักหนึ่ง งั้นก็จ่ายค่าผ่อนผันมาพันล้านก็แล้วกัน ! ”
พันล้านฟังดูเหมือนเยอะ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นเงินกระดาษแล้ว อย่างมากสุดก็แค่เงินสองกอง เรื่องนี้ทำได้สบายๆ
ดังนั้นผมเลยรีบพยักหน้าทันที “ ได้ได้ได้ ! ไม่มีปัญหาครับ ไม่มีปัญหา พอกลับไปแล้ว ผมต้องเผาไปให้ท่านอู่ฉางทั้งสองอย่างแน่นอน ”
เมื่อไป่อู่ฉางได้ยินถึงตรงนี้ ก็คลี่ยิ้มร่าเริงอย่างกับดอกไม้บาน
แต่ท่านเฮ่ยอู่ฉางหรือฟ่านอู่จิ้วที่อยู่ข้างๆ กลับเค้นเสียงดังฮึ แล้วพูดแทรกด้วยเสียงไม่สบอารมณ์
“ เพิ่มภูเขาตำลึงทองอีกสองลูก กับเรือมหาสมบัติสามลำ ”
พอได้ยินฟ่านอู่จิ้วขอเพิ่ม และยังต้องการภูเขาตำลึงทองกับเรือมหาสมบัติ ผมก็คิดว่ามันไม่มีปัญหา
ของพวกนี้ทำมาจากกระดาษ ถึงตอนทำภูเขาตำลึงทองกับเรือมหาสมบัติจะยุ่งยากหน่อย แต่ทำออกมาสองลูก อย่างมากสุดก็ให้เวลาแค่สองสามวัน
ดังนั้น ผมเลยพยักหน้ารัว “ ได้ได้ได้ ผมจำได้แล้ว ต้องทำให้แน่นอนครับ ”
ฟ่านอู่จิ้วเห็นผมตอบรับเร็วถึงขนาดนั้น เลยกวาดสายตามองผมอีกครั้ง จากนั้นปากก็เปิดขึ้นอีกครั้ง
“ และเพิ่มทาสสาวอีกหลายคนด้วย ! ”
เดิมทีผมทำหน้าเคร่งขรึม แต่พอได้ยินคำพูดนี้ ผมก็แทบกระอักเลือดออกมา
อะไรนะ ยังเพิ่มทาสสาว นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ?
ผมมึนขึ้นมาทันที “ ทาส ทาสสาว ? ”
ฟ่านอู่จิ้วยังทำหน้าเหมือนมีคนไปติดหนี้เขาไว้ห้าล้าน “ ใช่ อย่างน้อยสุดต้องสิบตัว และต้องมีสาวยุโรปเป็นอย่างต่ำ ! ”
ฟ่านอู่จิ้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง แต่ผมที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขา กลับฟังจนสมองเบลอไปหมด
ทาสสาว แถมยังต้องเป็นสาวยุโรป ผมเผยสีหน้าไม่อยากเชื่อออกมา ที่เยอะที่สุดคืออาการช็อก แบบนี้ก็มีด้วยเหรอ ?
แต่เฮ่ยอู่ฉางหรือฟ่านอู่จิ้วเห็นผมไม่พูดมาพักหนึ่ง เลยเริ่มพูดกับผมอีกครั้ง “ ไอ้หนู ไม่พอใจเหรอฮึ ? ”
ขณะพูด เจ้าหมอนี่ก็ยกไม้ไว้ทุกข์ในมือขึ้น
ผมเห็นเจ้าหมอนี่ยกไม้ไว้ทุกข์ขึ้น ผมเลยรู้สึกใจหายแวบอีกครั้ง ผมไม่กล้าคิดเยอะอีกต่อไป
“ พอใจ พอใจครับ สิบตัว ผมจำได้หมดแล้วครับ ”
“ ฮึ ! จำให้ขึ้นใจ ภายในเวลาสามวัน เจ้าต้องเผาของพวกนี้มาให้พวกข้าทั้งหมด ถ้าขาดไปแม้แต่ชิ้นเดียว
เจ้ารอตายได้เลย ! ” คำพูดของฟ่านอู่จิ้วดูทรงพลังมาก และดิบเถื่อนมาก พอเทียบกับท่านเชี่ยปี่อ้านที่ยืนอมยิ้มอยู่ ดูเป็นคนละคนชัดๆ
“ ครับครับครับ ” ผมพยักหน้ารัวๆ
แต่ใจกลับเต้นแรงผิดปกติ ไม่คิดไม่ฝันว่า ฟ่านอู่จิ้วคนนี้จะมีงานอดิเรกแบบนี้ ชอบสาวยุโรป
แต่ผมไม่กล้าแสดงสีหน้าใดๆ และยังไม่กล้าทำท่าไม่เคารพกับพวกเขาเลยสักนิด
พอฟ่านอู่จิ้วได้ยินถึงตรงนี้ และเห็นผมพยักหน้าตกลง เขาก็รีบกระตุกมืออย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น เสียง “ แฉ่ๆๆ ” ของโซ่เหล็กก็ดังขึ้น โซ่เหล็กที่เคยพันเอวผมเอาไว้ ถูกเก็บกลับไปทันที
พอเห็นโซ่เหล็กที่เอวหายไป ผมก็ถอนหายใจในใจด้วยความโล่งอก
“ ขอบ ขอบคุณท่านยมทูตทั้งสองมาก ! ” ผมพูดด้วยเสียงที่เคารพและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน
และยังทำมือคารวะพวกเขา
“ ฮ่าๆๆ ไปเถอะ ! เจ้าแค่ต้องเดินกลับเข้าไปในร่าง กลับไปแล้ว ก็เผาของต่างๆมาให้พวกเข้าเร็วๆด้วยละ ! ” ไป่อู่ฉางอมยิ้ม พูดด้วยเสียงที่ไม่ชัดเจน
ผมรีบพยักหน้า จากนั้นก็หมุนตัวเดินไปทางร่างตัวเอง
แต่เพิ่งหมุนตัวกลับ ผมก็ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
ในสมองผมมีความคิดที่อุกอาจผุดขึ้นมา ในเมื่อมาเจอท่านเฮ่ยไป่อู่ฉางแล้ว ทำไมไม่เล่าเรื่องที่เขาเขี้ยวหมาป่าให้พวกเขาฟังละ
ขอแค่ท่านยมทูตทั้งสองท่านนี้ลงมือ พวกทาสผี ซากศพ หมอผีทั้งหลายที่อยู่ที่นั้น ก็จะไม่ถูกกวาดล้างจนหมดแล้วเหรอ ?
แบบนั้น ก็เหมือนได้แก้แค้นองค์กรตาผีให้มู่หลงเหยียน และกำจัดอุปสรรค์ใหญ่ได้แล้วไม่ใช่เหรอ ?
พอคิดได้แบบนั้น ผมก็หมุนกลับมาทันที จากนั้นก็ทำมือคารวะท่านเฮ่ยไป่อู่ฉาง แล้วพูดว่า “ ท่านอู่ฉางทั้งสอง จู่ๆข้าน้อยก็คิดเรื่องนึงขึ้นมาได้ มันเป็นเรื่องที่ต้องรายงานให้พวกท่านทราบ ”
“ โห มีอะไรละ ? ” ไป่อู่ฉางเหมือนจะอยากรู้ขึ้นมานิดหน่อย
ผมเองก็ไม่มัวลีลา พูดออกมาตรงๆเลย “ เรียนท่านไป่อู่ฉาง มันเป็นแบบนี้ แถวที่พวกเราอยู่มีพวกชั่วปรากฎตัวขึ้น คนชั่วพวกนั้นจับผีเร่ร่อน ไปฝึกเป็นผีร้าย เพื่อให้ไปทำเรื่องชั่วๆ และพวกมันก็ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาเขี้ยวหมาป่า ท่านยมทูตทั้งสองโปรดช่วยกำจัดพวกชั่วนั่นให้สิ้นซาก ! และจับทาสผีที่ทำชั่วพวกนั้นด้วย ”
พอไป่อู่ฉางได้ยินแบบนั้น ก็เงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นก็ฝืนยิ้มอย่างลำบากใจ “ เจ้าหนู เจ้าอาจจะไม่เข้าใจ พวกเราสองพี่น้องคือเฮ่ยไป่อู่ฉาง มีหน้าที่ในการจับวิญญาณ ส่วนเรื่องอื่น ย่อมมีคนจัดการเอง และทุกสรรพชีวิต ย่อมมีชะตาชีวิตของตัวเอง เรื่องบนโลกย่อมมีคนบนโลกจัดการ พวกเราเป็นยมทูต ต้องทำตามวิถีฟ้าเท่านั้น ถึงอยากจะช่วย เราก็ไม่มีความสามารถนั่นหรอก ”
ไป่อู่ฉางอาจจะมีลิ้นยาวไปหน่อย เขาเลยพูดได้ไม่ค่อยชัดถ้อยชัดคำ
แต่ผมกลับเข้าใจอย่างชัดเจน ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามายุ่งเรื่องนี้ และพวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้
ผมรู้สึกเสียใจพอสมควร แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี
แต่ผมก็ยังคำมือคารวะให้ท่านเฮ่ยไป่อู่ฉาง “ อ่อ ! ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นข้าน้อยขอตัวกลับไปก่อนนะครับ ! ”
หลังจากพูดจบ ผมก็หมุนตัวจะเดินกลับเข้าร่าง
แต่ทันใดนั้นเอง ไป่อู่ฉางหรือเชี่ยปี่อ้านก็พูดขึ้นมาว่า “ รอก่อน ! ”
“ ท่านไป่อู่ฉางยังมีอะไรจะชี้แนะเหรอครับ ? ” ผมถามด้วยความสงสัย
ไป่อู่ฉางหรือเชี่ยปี่อ้านยังทำหน้าอมยิ้มเหมือนเดิม เขาพูดด้วยเสียงที่ไม่ชัดเจนนั่นต่อไป “ ถึงข้าจะเป็นผู้จับวิญญาณ ไม่มีอำนาจที่จะเข้าไปยุ่งกับความขัดแย้งบนโลกมนุษย์ และช่วยเจ้ากำจัดวิญญาณที่อยู่ใกล้ๆนี้ได้ แต่ข้าเห็นเจ้าเป็นคนดีใช้ได้ ใจรักคุณธรรม และยังเป็นนักพรต ข้าจะให้ของเจ้าอย่างหนึ่ง มันจะช่วยให้เจ้าต่อสู้กับพวกชั่วนั่น ! เมื่อถึงเวลาเป็นตาย มันจะช่วยปกป้องชีวิตของเจ้าได้ครู่หนึ่ง ”
เสียงเพิ่งเงียบลง “ พรึบ ” หน้าผมก็เปลี่ยนสีทันที จากความกลัวเมื่อตอนแรก เปลี่ยนเป็นดีใจขึ้นมาทันที
สุดยอด ! ท่านไป่อู่ฉางบอกว่าจะให้บางอย่างกับผม มันทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก
ต้องรู้ว่านี่คืออู่ฉางนะ เป็นเทพในยมโลกเชียวนะ
ถึงจะเป็นเทพอันดับท้ายๆ แต่ก็มีตำแหน่งเป็นเทพ ย่อมทรงพลังมากเป็นธรรมดา
ถ้าเขาจะให้ของสิ่งหนึ่ง มันย่อมเป็นสมบัติล้ำค่าที่หายากแน่ๆ
พอคิดถึงตรงนี้ ผมก็เลือดร้อนไปทั้งตัว “ ขอบ ขอบคุณมากครับท่านอู่ฉาง แต่ไม่ทราบว่ามันคืออะไรเหรอครับ ? ”
เสียงเพิ่งเงียบลง ไป่อู่ฉางกลับเผยรอยยิ้มแปลกๆออกมา จากนั้นก็หันไปมองเฮ่ยอู่ฉางหรือฟ่านอู่จิ้วแวบหนึ่ง
ฟ่านอู่จิ้วดึงหน้าลง จากนั้นก็ทำท่าประทับฝ่ามือมาทางผม
ระหว่างนั้น ลำแสงสีดำเส้นหนึ่งก็ปรากฎขึ้น
ลำแสงสีดำไม่เอนเอียงแม้แต่น้อย มันตรงมาที่หน้าอกของผม
ระหว่างนั้น ผมรู้สึกเจ็บหน้าอก และตัวก็กระเด็นออกไปทันที
“ อ้า ! เจ็บ เจ็บมาก ! ” ผมเอามือกดหน้าอกไว้
ไป่อู่ฉางยังยิ้มมีความสุข เขาสบัดลิ้นยาวๆไปมา “ ไอ้หนู นี่คือตราประทับอู่ฉาง ด้านในมีพลังนิดๆหน่อยๆของข้าผนึกเอาไว้ เจ้าสามารถใช้มันได้สองครั้ง ”
พอได้ยินถึงตรงนี้ ผมก็กลั้นความเจ็บที่หน้าอกเอาไว้ แล้วรีบเลิกเสื้อออกทันที
จริงด้วย บนหน้าอก เหมือนจะมีรอยไหม้จางๆอยู่ และด้านบนยังมีคำว่า “ อู่ฉาง ”
ถึงจะไม่เข้าใจว่าตราประทับนี้ร้ายกาจถึงขนาดไหน แต่นี่เป็นของที่เฮ่ยไป่อู่ฉางให้ และยังบอกว่าด้านในมีพลังของพวกเขาอยู่นิดหน่อย
ถึงจะไม่เคยใช้มาก่อน แต่ผมก็จินตนาออกว่ามันต้องร้ายกาจมากอย่างแน่นอน
ผมทำหน้าดีใจ ไม่สนความเจ็บที่หน้าอก รีบพูดกับพวกท่านอู่ฉางทันที “ ขอบ ขอบคุณสำหรับตราประทับของพวกท่านอู่ฉางทั้งสองมากครับ ”
ไป่อู่ฉางโบกมือ พูดต่อด้วยเสียงไม่ชัด “ ตกลง จำไว้ทำตามที่เราตกลงกันไว้ คืนนี้ข้ายังต้องไปจับวิญญาณอีกเยอะ จับผีอายุสั้นสี่ตนนี้แล้ว ยังต้องไปที่อื่นอีก ไอ้หนู ไว้มีวาสนาค่อยเจอกันใหม่…… ”
หลังจากพูดจบ เฮ่ยไป่อู่ฉางก็สบัดไม้ไว้ทุกข์ หมุนตัวกลับอย่างไม่ลังเล เดินตรงไปยังความมืดมิด
วิญญาณคู่รักสี่ตนที่โดนจับมานั้น ยังทำหน้าตายด้าน เดินตามหลังพวกท่านเฮ่ยไป่อู่ฉาง ค่อยๆเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ
ผ่านไปไม่นาน พวกเขาก็หายไปพร้อมกลุ่มควันสีขาว และไม่ปรากฎตัวขึ้นอีก
ไร้เสียงไร้ร่องรอย ราวกับพวกเขาไม่เคยปรากฎตัวมาก่อน……