spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 444 ผู้จับวิญญาณ
หลังผมพุ่งออกไปทางหลังร้าน ตัวผมก็หยุดนิ่งทันที
เห็นเพียงตรงหน้าของตัวเองประมาณ 7-8 เมตร มีคนสองคนยืนอยู่
ไม่ซิ ต้องบอกว่าผมเห็นผีสองตนต่างหาก
แต่ไม่ใช่ผีร้ายชุดขาว ชุดเหลืองหรือชุดแดงอะไรทั้งนั้น แต่ก็ถือเป็นวิญญาณ ที่ทำให้ผมกลัวได้ถึงขนาดนี้
ผีสองตัวนี้ตัวหนึ่งผอมตัวหนึ่งอ้วน ตัวหนึ่งดำตัวหนึ่งขาว บนร่างกายปลดปล่อยพลังหยินที่เข้มข้นออกมาตลอดเวลา
ไอพลังแบบนั้นดูเหมือนกับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ทรงพลังมาก หรือแม้แต่มีควันขาวๆปรากฎขึ้นรอบๆ
นอกจากนี้ สิ่งที่โดดเด่นที่สุด ยังเป็นบนหัวของพวกเขา ทั้งสองคนใส่หมวกทรงสูง ในมือยังถือไม้ไว้ทุกข์สีดำและขาว
และบนหมวกทรงสูงใบนั้น ก็มีอักษรสีแดงตัวใหญ่เขียนเอาไว้สองสามคำ
บนหมวกทรงสูงของผีชุดขาว เขียนคำว่า “ ใครพบจะร่ำรวย ” ส่วนหมวกของผีชุดดำ กลับเขียนว่า
“ สงบสุขทั่วล่า ”
ไม่ใช่แค่นี้ สิ่งที่ทำให้ผมกลัว ยังเป็นรูปร่างหน้าตาของผีสองตนนี้
พูดถึงผีชุดขาวก่อน นอกจากเขาจะถือไม้ไว้ทุกข์และสวมหมวกทรงสูงแล้ว
หน้าของเขายังซีดผิดปกติ ตาเล็กดูเฉียบคม และเปล่งประกายจนผิดปกติ แต่กลับคลี่ยิ้มออกมา ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคนใจดีมากคนหนึ่ง
ส่วนปากของเขา มีลิ้นยาวๆสีแดงๆแลบออกมายาวมาก
ลิ้นอันนั้นยาวมาก ยาวจนมาถึงหน้าอกของเขาได้
ตอนนี้กำลังกวัดแกว่งไปมา ทำให้คนที่เห็นขนลุกขนพอง ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เหมือนกับได้เห็นผีผูกคอตายไม่มีผิด
ส่วนผีชุดดำที่อยู่ข้างๆเขา มีผิวดำ เหมือนถ่าน
ใบหน้าดุร้าย ดวงตาเป็นประกาย
ทั้งตัวของเขา ดูบวมออกมาพอสมควร เหมือนกับบวมน้ำ
ถ้าอยู่ในสายงานของพวกเราก็จะได้ยินจากพวกนิทานพื้นบ้าน หรือแม้แต่ดูหนังเรื่องนางพญางูขาวก็จะรู้จักกันทั้งนั้น
ถ้าใส่เสื้อผ้าแบบนี้ สภาพแบบนี้ เราก็จะเดาฐานะของพวกเขาได้ง่ายสุดๆ
ถึงผมจะไม่เคยเจอพวกเขาแบบตัวเป็นๆมาก่อน แต่ตอนนี้พอมาได้มาเจอแล้ว ผมก็รู้ฐานะของพวกเขาทันที
ไม่ใช่ใครอื่น พวกเขาก็คือเฮ่ยไป่อู่ฉาง ยมทูตที่มาจับวิญญาณไปลงโทษในนรก ผู้เลื่องชื่อรายนั้นนั่นเอง
มีเพียงเฮ่ยไป่อู่ฉางที่ขึ้นมาจับวิญญาณบนโลกมนุษย์เท่านั้น ถึงจะมีสภาพและใส่เสื้อผ้าแบบนี้
และในศาลเจ้าหลักเมืองหรือพวกวัดต่างๆ ก็จะมีรูปปั้นทองสำริดของพวกเขาทั้งนั้น
ตนที่ใส่ชุดขาวถือไม้ไว้ทุกข์สีขาว บนหมวกทรงสูงเขียนคำว่าใครพบจะร่ำรวย คือเชี่ยปี่อ้าน มนุษย์เรียกว่าท่านเจ็ด ( ชิดเอี๋ย )
ส่วนตนที่ใส่ชุดดำ ถือไม้ไว้ทุกข์สีดำ บนหมวกทรงสูงเขียนคำว่าสงบสุขทั่วล่า คือฟ่านอู่จิ้ว มนุษย์เรียกว่าท่านแปด ( โป๊ยเอี๋ย )
ผมทำมาหากินกับร้านขายของให้คนตายมาตั้งแต่เด็ก ย่อมเคยได้ยินเรื่องราวและรูปร่างของผีทั้งสองตนนี้มาตั้งนานแล้ว
เมื่อก่อนอาจารย์เคยเล่าให้ผมฟังว่า ตอนมีชีวิตอยู่ทั้งสองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกัน และแล้ววันหนึ่งพวกเขาก็นัดกันไปเดินตลาด
ผลลัพธ์พอเดินมาได้ครึ่งทาง พวกเขาก็เดินมาถึงสะพานแห่งหนึ่ง ขณะเดียวกันฝนก็ตกลงมา
ท่านเจ็ดหรือเชี่ยปี่อ้าน ! พูดกับท่านแปดฟ่านอู่จิ้วว่า ฝนตกแล้ว พวกเราไม่มีใครเอาร่มมา ฉันจะกลับไปเอาร่มมาก่อน แล้วสุดท้ายก็บอกให้ฟ่านอู่จิ้วรอเขาอยู่ที่สะพาน
ฟ่านอู่จิ้วพยักหน้าตกลง บอกว่าถ้านายไม่มา ฉันก็จะไม่ไปไหน
หลังจากนั้นเชี่ยปี่อ้านก็กลับไปเอาร่มที่บ้าน แต่หลังจากเชี่ยปี่อ้านออกไปแล้ว ฝนก็เริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ
น้ำในแม่น้ำเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ฟ่านอู่จิ้วที่ยืนรออยู่ที่เดิม ก็ “ ไม่คิดก่อนพูด ”
เพราะบอกเชี่ยปี่อ้านไปแล้ว ถ้าเชี่ยปี่อ้านไม่มา เขาก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น
ขณะมองน้ำที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เขาเองก็ไม่รู้จักวิ่งไปอีกทางด้านหนึ่ง สุดท้ายเมื่อน้ำไหลเชี่ยวเกินไป เขาก็โดนพัดจนจมลงไปในแม่น้ำ แล้วท้ายที่สุดก็จมน้ำตาย โดนกระแสน้ำพัดออกไปจนศพอืดลอยขึ้นมา
พอท่านเจ็ดหรือเชี่ยปี่อ้านกางร่มเข้ามา ตรงนั้นยังจะมีร่างของฟ่านอู่จิ้วอยู่อีกเหรอ ? กระแสน้ำอันเชี่ยวกราดกลืนร่างฟ่านอู่จิ้วไปนานแล้ว
เชี่ยปี่อ้านรู้ว่าฟ่านอู่จิ้วเป็นคนเที่ยงตรง ก่อนหน้านี้บอกว่าจะรอเขาที่ใต้สะพาน ถ้างั้นฟ่านอู่จิ้วก็ต้องรอเขาที่ใต้สะพานอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้น้ำท่วมเกือบกลืนตัวสะพานแล้ว งั้นฟ่านอู่จิ้ว ก็คงจมน้ำตายไปนานแล้ว
เชี่ยปี่อ้านปวดร้าวปานจะขาดใจ น้ำตาไหลแต่ไร้ซึ่งเสียงร่ำไห้
บอกว่าเขาเป็นคนฆ่าฟ่านอู่จิ้ว ถ้าเขามาเร็วกว่านี้หน่อย ฟ่านอู่จิ้วก็คงไม่ตาย
ต่อมา เพราะเรื่องนี้ เลยเก็บไปเป็นความผิดของตัวเอง เชี่ยปี่อ้านหาเชือกมาเส้นหนึ่ง ไปยืนตรงที่ฟ่านอู่จิ้วจมน้ำตาย จากนั้นก็แขวนคอฆ่าตัวตาย กลายเป็นผีผูกคอตาย
หลังทั้งสองคนตายไปแล้ว ก็ได้ไปเจอกันที่ยมโลกอีกครั้ง
พอยมราชได้ยินเรื่องราวมิตรภาพของทั้งสองคน ก็รู้สึกซาบซึ้งใจมาก และด้วยเหตุผลต่างๆ เขาเลยสั่งให้วิญญาณทั้งสองดวงขึ้นมาจับวิญญาณที่ทำผิดกฎหน้าศาลเจ้าหลักเมือง
เรื่องก็เป็นแบบนี้ ท่านเจ็ดฟ่านอู่จิ้ว และท่านแปดเชี่ยปี่อ้าน เลยกลายเป็นยมทูตจับวิญญาณบนโลกมนุษย์
ท่านเจ็ดเชี่ยปี่อ้านผูกขาดการจับวิญญาณผู้ชาย ไม่จับวิญญาณผู้หญิง กลับกัน ท่านแปดฟ่านอู่จิ้วผูกขาดการจับวิญญาณผู้หญิง ไม่จับวิญญาณผู้ชาย
เมื่อผ่านไปนานเข้า ทั้งสองคนก็โดนขนานนามว่าเฮ่ยไป่อู่ฉาง เทพที่รู้จักกันดี ว่าเป็นผู้ที่เดินทางระหว่างโลกมนุษย์กับยมโลก
พวกศาลต่างๆ ก็มีรูปปั้นทองสำริดของพวกเขาไม่น้อย
ตอนนี้พอได้มาเจอตัวเป็นๆ ในสมองผมกลับมีเรื่องราวของเฮ่ยไป่อู่ฉางผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ ผมตื่นเต้นและกังวลจนพูดออกมาไม่ถูก แต่สิ่งที่มีมากกว่านั้นคือความกลัวที่ไม่รู้จบสิ้น
เพราะพวกเรารู้เรื่องพวกเขาพอสมควร ดังนั้นถึงได้กลัวแบบนี้
เมื่อก่อนอาจารย์เคยพูดเอาไว้ชัดเจนมาก พวกเขาเป็นยมทูต คนที่สามารถเห็นพวกเขาได้ มีเพียงคนตายเท่านั้น
หากคนเป็นเห็นเข้า ก็มีโอกาสโดนจับวิญญาณไปกว่า 80%
ตอนนี้นอกจากยมทูตสองตนนี้แล้ว ข้างๆของพวกเขา ยังมีวิญญาณคู่รักเมื่อกี้อยู่ด้วย
มันชัดเจนมาก ตอนนี้ทั้งสองตนกำลังทำงานอยู่ และมาเพื่อจับวิญญาณ วิญญาณคู่รักทั้งสี่คนนั้น
ไม่ได้โดนปีศาจชั่วที่ไหนจับวิญญาณไป
แต่เป็นเพราะถึงเวลาแล้ว หรือไม่ก็เป็นเพราะพวกเขาไปทำเรื่องแหกกฎอะไรไว้ เลยโดนเฮ่ยไป่อู่ฉางทั้งสองตน มาจับวิญญาณไป ตัดอายุขัยของพวกเขาก่อนกำหนด
ส่วนผมก็หาเรื่องใส่ตัว เปิดตา ไล่ตามพลังหยินออกมาถึงตรงนี้ แล้วสุดท้ายก็มาเจอกับยมทูตทั้งสองพอดี ทำไมผมถึงได้ซวยแบบนี้นะ
ใจเต้นตุ๊มๆต่อมๆ ความรู้สึกตื่นกลัวจนผิดปกติปรากฎขึ้น
ช่วงเวลานั้นผมไม่รู้จะทำอะไรดี ได้แต่ยืนอยู่ที่เดิม
ส่วนเฮ่ยไป่อู่ฉางก็เห็นผมแล้ว พวกเขาทำตาโต กวาดสายตามองผม
ขณะมองแววตาที่เฉียบคมของเฮ่ยไป่อู่ฉาง ผมก็เหงื่อไหลไม่หยุด
เตือนตัวเองไม่หยุดว่า อย่ารนราน อย่ารนราน
ทันใดนั้นเอง แสงสว่างก็แวบเข้ามา
ใช่แล้ว แค่แกล้งทำเป็นคนธรรมดา ทำเป็นมองไม่เห็นพวกเขา หลังจากนั้นก็ค่อยๆถอยกลับไป แบบนี้ก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่เหรอ ?
พอคิดได้แบบนั้น ผมก็กลืนน้ำลายอย่างแรง แกล้งทำเป็นเปิดประตูมาสูดอากาศ แล้วกวาดสายตามองรอบๆแบบตาแข็งๆ “ อา อา อากาศไม่ ไม่เลว ไม่ ไม่มีแสงจันทร์…… ”
ผมอยากสงบสติอารมณ์ แต่ผมกลับพบว่าตัวเองพูดได้ติดๆขัดๆมาก คงเป็นเพราะประหม่าเกินไป
แต่ตอนนี้ผมไม่สนอะไรมาก หลังจากพูดจบ ผมก็คิดจะถอยกลับไปแล้วปิดประตู
ต่อจากนั้น ผมก็จะควบคุมร่างกาย ให้หมุนตัวแล้ววิ่งหนีออกไป กลับไปในบาร์ดังเดิม
ผลลัพธ์ผมเพิ่มหมุนได้แค่ครึ่งตัว เสียงแปลกๆก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ ไอ้หนู ในเมื่อเห็นยมทูตแล้ว เจ้าก็ยังคิดจะรอดชีวิตไปได้งั้นเหรอ ? ”
คำพูดนี้เพิ่งดังขึ้น สายลมอันเยือกเย็นก็พัดเข้ามา ความเร็วแบบนั้นเหมือนโดนภูเขาทับเอาไว้ มันหนักมาก ผมขยับไม่ได้เลยสักนิด
ต่อจากนั้น เสียง “ แฉ่ๆๆ ” ของโซ่เหล็กก็ดังขึ้น
ไม่รอให้ผมได้ทำอะไร โซ่เหล็กเส้นหนึ่งก็เข้ามาพันรอบเอวผมแล้ว
เมื่อเห็นภาพนี้ “ กึก ” ใจของผมก็หยุดเต้น เหมือนตัวเองกำลังตกลงไปในหุบเขาน้ำแข็ง
ให้ตายเถอะ จบกัน
ดูเหมือนลูกไม้ของผม จะหลอกยมทูตทั้งสองตนนั้นไม่ได้เลยสักนิด
เพิ่งคิดถึงตรงนี้ โซ่เหล็กตรงเอวผมก็โดนกระฉาก ด้วยแรงที่มหาศาลสุดๆ
“ เวิง ” ผมรู้สึกแสบแก้วหู ตัวกระเด็นล้มลงทันที
แต่ แต่ตอนที่ผมกระเด็นออกมา ตรงหน้าของผม กลับเห็นภาพของตัวเอง
ผมเห็นตัวเองยืนอยู่ที่เดิม และหันข้างเหมือนเมื่อกี้เป๊ะ
ยังไม่ทันได้สติกลับมา ตัวผมก็โดนดึงลงไปบนพื้น และตัว “ ผม ” ที่อยู่ห่างออกไป ก็ “ ปัก ” ล้มลงกับพื้น
เมื่อเห็นภาพนี้ ผมก็ตกใจอย่างแรง นั่น นั่นมันร่างกายของผม
เมื่อหันมามองตัวเองอีกที ผมกลับพบว่าตัวเองตัวเบามาก ตัวไม่ร้อนไม่เย็นเลยสักนิด หรือแม้แต่พบว่าตัวเองไม่ต้องหายใจ และไม่รู้สึกถึงการเต้นของหัวใจแล้ว
วินาทีนั้น เหมือนฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ
จบแล้ว สะ สภาพของฉันในตอนนี้ คง คงเป็นวิญญาณของฉันซินะ
วินาทีเมื่อกี้ วิญญาณของผมโดนยมทูตสองตนตรงหน้านี้ดึงออกมา
มีชีวิตอยู่ดีๆ ก็ดึงผมออกมาจากร่าง ดังนั้นผมถึงเห็นตัวเองล้มลงกับพื้นซินะ
หรือ หรือว่านี่ก็คือบทลงโทษที่ผมมาเห็นพวกเขาจับวิญญาณ
ตอนนี้ดึงวิญญาณของผมออก คิดจะพาผมไปลงโทษที่ยมโลกพร้อมๆกับวิญญาณคู่รักทั้งสี่ตนนี้เหรอ ?