หน้าแรก > ศพ
ตอนที่ 442 กินข้าว ช้อปปิ้ง ดูหนัง

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

ตอนที่ 442 กินข้าว ช้อปปิ้ง ดูหนัง

สถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้น เมื่อกี้ลูกเศษรฐียังทำท่าทางจองหอง แต่ตอนนี้กลับตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างสมบูรณ์

 

เรื่องนี้ทำให้ใครหลายๆคนแปลกใจ พวกเขาคิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะมาถึงขั้นนี้ได้

ในเวลาเดียวกัน สาวน้อยไม่กี่คนที่โดนตัวละครประธานใจดำในนิยายล้างสมองทุกวัน ก็ดูตื่นเต้นมาก

 

แต่เสี่ยวม่านกลับเข้ามาห้ามผมเอาไว้ “ พอแล้ว…เป่า เลิกอัดเขาได้แล้ว ”

พอเห็นเสี่ยวม่านเข้ามาห้าม ผมก็หยุดลงมือลงไม้ “ ไอ้หน้าอ่อน ต่อไปอย่ามาตอแยเสี่ยวม่านอีก 

ถ้าฉันเจอแกฉันอัดแกแน่ ”

 

“ ไม่ ไม่กล้าแล้วไม่กล้าแล้ว ” เจ้าหมอนี่โดนอัดจนกลัวหัวหด ไม่กล้าจองหองเหมือนตอนแรกอีก

หลังมองเจ้าแว่นกันแดดแวบหนึ่งแล้ว ผมก็บอกให้เสี่ยวม่านขึ้นรถ

 

ต่อจากนั้นผมก็ขับรถตู้ พาเสี่ยวม่านออกไปจากที่นี่

ทิ้งไว้เพียงลูกเศษรฐีที่ตัวเต็มไปด้วยบาดแผล โดนอัดจนหน้าเขียวหน้าช้ำ และพนักงานบริษัทฮงหยูนพัฒนาอีก 20 กว่าชีวิตที่ยืนตะลึงอยู่ที่เดิม

 

พอขึ้นรถแล้ว ผมก็ขับไปพูดกับเสี่ยวม่านไป “ คนพันนี้ควรโดนสั่งสอนแบบนี้แหละ รับรองมันไม่กล้ามากวนใจเธออีกแน่ ”

“ …เป่า นายนี่เป็นคนหัวรุนแรงมากเลยนะ ! ” เสี่ยวม่านทำตาขวาง

 

“ ฮ่าๆๆ พอได้อยู่ ! แต่เราไม่พูดเรื่องนี้แล้ว เที่ยงนี้จะกินอะไร ? ฉันเลี้ยงเอง ” ผมพูดด้วยรอยยิ้ม

แต่ไม่รอเสี่ยวม่านได้พูดออกมา ผมก็เสริมอีกรอบ “ เอ่อ เอ่อคือกินแพงไปไม่ได้นะ ! เพิ่งซื้อรถมา ฉันไม่มีเงิน ”

 

ผมพูดความจริง อยู่ต่อหน้าเสี่ยวม่านผมก็เหมือนได้กลับไปอยู่ในช่วงวัยเด็กที่ไร้เดียงสาอีกครั้ง 

ไม่รู้สึกเขินเลยสักนิด

 

เสี่ยวม่านกลับกลอกตา พอเห็นผมกำลังยิ้ม เลยทำปากมุ่ยขึ้นมา “ ตกลง ! เที่ยงนี้พวกเราไปกินบุฟเฟ่ต์กันเถอะ ! ฉันรู้จักร้านดีๆอยู่ร้านหนึ่ง ราคา 88 หยวน มีของให้เลือกเยอะ และมีสเต็กเนื้อด้วย แผนกฉันไปกินมื้อเย็นที่นี่กันบ่อยๆ ไปกินที่นั่นก็แล้วกัน ทั้งถูกและคุ้ม ”

 

ราคา 88 หยวน ทำให้ผมเริ่มอยากอาหารขึ้นมา เลยบอกให้เสี่ยวม่านนำทางทันที

ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงร้านบุฟเฟ่ต์ที่เสี่ยวม่านบอก

 

คนที่มากินอาหารที่นี่เยอะมาก ผมสองคนเลือกนั่งโต๊ะสำหรับสองคน จากนั้นก็เริ่มออกไปหยิบอาหารกัน

แต่หลังหยิบอาหารเสร็จ ผมกลับต้องตะลึงกับภาพตรงหน้า

 

เสี่ยวม่านหยิบอะไรมากินละ สลัดผลไม้ สลัดผัก เค้กชิ้นเล็กๆ หรือไม้ก็ติ่มซำ ไม่มีเนื้อเลยสักนิด

มองย้อนกลับมาที่ผม ทั้งเนื้อทั้งปลาจานใหญ่ ไม่มีผักเลยสักนิด ในมือถือถาดใบใหญ่

 

เสี่ยวม่านเห็นที่ผมหยิบมา เลยตะลึงเช่นกัน “ …เป่า เอามาเยอะขนาดนี้นายกินหมดเหรอ ? ”

“ กินไม่หมดก็ต้องหมด ราคา 88 หยวนยังไงก็ต้องกินให้ถึงต้นทุน เธอดูตัวเองซิ เถ้าแก่ชอบลูกค้าแบบเธอนี่แหละ กินแต่มังสวิรัติ ” ผมส่ายหัว

 

เสี่ยวม่านกลับเบะปาก  “ ฉันกำลังลดน้ำหนักย่ะ ”

ผมเหลือบมองเสี่ยวม่านแวบหนึ่ง รู้สึกว่าหน้าอกของยัยนี่อวบออกมาให้เห็นแค่นิดเดียวเท่านั้น ตัวก็ดูไม่เหมือนจะมีไขมันเลยสักนิด “ สภาพอย่างเธอยังต้องลดอีกเหรอฮึ ? ล้มเลิกเถอะ ถ้าลดไปมากกว่านี้คงได้เหลือแต่กระดูกแล้ว มาๆกินกุ้งหน่อย ! ”

 

ขณะพูด ผมก็คีบกุ้งสองสามตัวให้เสี่ยวม่าน

เสี่ยวม่านอ้าปาก เดิมทีคิดจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่สุดท้ายก็กลืนมันลงไป ไม่ได้ปฏิเสธผม

 

ตอนเที่ยงผมกินอิ่มเป็นพิเศษ รู้สึกว่าไม่กินไปจนถึงเที่ยงวันพรุ่งนี้ก็ยังได้

ส่วนเสี่ยวม่าน หลังกินน้อยแค่นั้นแล้วเธอก็ไม่กินอะไรอีก เพียงนั่งมองผมกินเท่านั้น

 

หลังออกจากร้านบุฟเฟ่ต์แล้ว ผมก็ถามเสี่ยวม่านว่าอยากดูหนังอะไร

เสี่ยวม่านบอกว่าตอนนี้ยังเช้าอยู่ ให้ผมไปเดินช้อปปิ้งเป็นเพื่อนเธอ

 

สำหรับเรื่องช้อปปิ้ง ที่จริงผมไม่อยากไปเท่าไหร่

แต่เห็นแก่ที่ก่อนหน้านี้เสี่ยวม่านดูแลพวกเราสามวันสามคืนติด จนขอบตาเป็นหมีแพนด้ากันเลยก็ว่าได้ 

ผมเลยไม่ปฏิเสธเธอ

 

บอกว่าได้ ! ดังนั้นช่วงบ่าย ผมเลยไปเดินห้างกับเสี่ยวม่าน

เสี่ยวม่านใส่ร้องเท้าที่มีส้น เดินทั้งบ่ายก็ยังไม่มีปัญหา แต่ผมกลับเดินจนขาลาก รู้สึกว่าช้อปปิ้งลำบากยิ่งกว่าตอนไล่ล่าภูติผีซะอีก

 

เสี่ยวม่านซื้อเสื้อผ้าสวยๆหลายชุดๆ แต่ราคาของพวกมันแพงเว่อร์

ไม่ใช่แค่นั้น เสี่ยวม่านยังคิดจะซื้อให้ผมด้วย

 

ผมเป็นผู้ชายคนหนึ่ง จะไปรู้สึกดีได้ยังไง ผมเลยปฏิเสธเธอบอกว่าไม่อยากได้

เราเดินกันมาตลอดทั้งบ่าย พอมาถึงช่วงห้าโมงกว่าเราก็เดินออกจากห้าง

 

ที่นี่ก็มีร้านอาหารไม่น้อย แต่เป็นเพราะตอนเที่ยงกินเยอะเกินไป ผมเลยไม่รู้สึกหิวเลยสักนิด

แต่ต้องดูแลเสี่ยวม่าน เลยถามเธอว่าอยากกินอะไรไหม พอกินแล้วเราจะได้ไปดูหนังต่อ

 

เสี่ยวม่านไม่ได้จู้จี้ เธอเลือกกินก๋วยเตี๋ยวต้มยำข้างทาง ถือว่าจัดการปัญหาเรื่องท้องเสร็จแล้ว

ตอนนี้ช้อปปิ้งแล้ว ฟ้าก็มืดแล้ว พวกเราเลยไปที่โรงหนัง

 

ผมกวาดสายตามองรายการหนัง หนึ่งในนั้นมีหนังสยองขวัญ หนังสืบสวน การ์ตูน หนังรักสามเรื่องและหนังแนววิทยาศาสตร์อีกหนึ่งเรื่อง ถือว่ามีหนังให้เลือกเยอะมาก

 

ผมดูหนังอะไรก็ได้ ประเด็นอยู่ที่เสี่ยวม่านจะดูอะไร

แต่ในสายตาของผม เสี่ยวม่านน่าจะเลือกหนังรัก ผู้หญิงย่อมชอบเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว

 

แต่ผลลัพธ์ เสี่ยวม่านกลับบอกว่าจะดูหนังสยองขวัญ

ตอนนั้นผมอึ้งไปพักหนึ่ง “ เสี่ยวม่าน เธอแน่ใจนะ ? นี่มันหนังผีนะ เธอจะดูจริงๆเหรอ ? ”

 

“ อือ ฉันจะดู ” เสี่ยวม่านพยักหน้าอย่างหนักแน่น

พอเห็นเสี่ยวม่านเป็นแบบนั้น ผมก็ซื้อตั๋วที่นั่งตรงกลางโรงสองใบ

 

หนังสยองขวัญเป็นเรื่องที่มีคนชอบน้อย พอเราเข้ามาในโรงหนัง ก็ไม่มีใครนั่งอยู่เลยสักคน

จนกระทั่งหนังเริ่มฉาย ที่นั่งด้านหลัง ถึงได้มีคนเพิ่มมาไม่ถึง 10 คน

 

ผมเป็นคนปราบภูติผี สำหรับพวกเทพ ผี ปีศาจอะไรที่อยู่ในหนังพวกนั้น ! ต่างก็คุ้นเคยดีอยู่แล้ว

ประสบการณ์ที่ผมเจอมาจากข้างนอก หรือเวลาเผชิญหน้ากับผีร้าย ผมยังรู้สึกว่ามันน่ากลัวและเสี่ยงอันตรายกว่าในหนังเยอะ

 

ดังนั้นผมเลยไม่มีความกลัวอยู่เลยสักนิด แต่ผลลัพธ์พอหนังเริ่มฉายแล้ว ผมกลับต้องเสียใจ

แม่งเอ้ยผมไม่แค่ดูไปตกใจไป มันยังทำให้คนปราบผีอย่างผมต้องกลัวตลอดทั้งเรื่อง

 

ถึงจะรู้ว่านี่คือหนัง ไม่ใช่ของจริง และไม่ได้น่ากลัวเหมือนตอนเผชิญหน้ากับภูติผีพวกนั้น

แต่หลังจากโดนหนังดึงเข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้น ผมกลับรู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์ 

แม้แต่คนที่ทำอาชีพแบบผม ก็ยังดูจนขนลุกขนพอง

 

ส่วนเสี่ยวม่านที่อยู่ข้างๆผม ไม่ต้องพูดถึงเลยรายนั้น

ดูๆไปแล้วก็มีอาการเหมือนผู้หญิงคนอื่น “ อร๊าย ” กรี๊ดตลอดทั้งเรื่อง หลังจากนั้นก็จับมือผมเอาไว้แน่น 

ทั้งกลัวทั้งอยากดู……

 

พอดูหนังจบแล้ว ผมกับเสี่ยวม่านมีความรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว

แต่ผมเห็นตอนนี้ค่อนข้างดึกแล้ว เลยบอกว่าจะไปส่งเสี่ยวม่านกลับบ้าน

 

ผลลัพธ์เสี่ยวม่านกลับพูดกับผมว่า “ ดูหนังเรื่องนั้นแล้วฉันกลัวมาก ตอนนี้ก็ไม่ได้ดึกมาก ! ปกติฉันนอนตั้งเที่ยงคืน เอาแบบนี้ก็แล้วกันพวกเราไปดื่มกันย้อมใจ ดื่มด่ำบรรยากาศความสุขกันหน่อย ไม่อย่างงั้นคืนนี้ฉันอยู่คนเดียว ต้องนอนไม่หลับแน่ ! ”

 

ตอนพูดเสี่ยวม่าน เผยสีหน้าน่าสงสารออกมา

พอได้ยินเสี่ยวม่านพูดแบบนั้น ผมก็คิดว่าเธอเองก็พูดถูก

 

ตอนดูหนังสยองขวัญ เสี่ยวม่านตกใจจนกรี๊ด “ อร๊ายๆ ” ออกมาตลอด ตอนนี้เธอก็อยู่คนเดียว 

กลับตอนนี้ ต้องนอนไม่หลับแน่ๆ

 

ไปย้อมใจที่บาร์ เปลี่ยนอารมณ์ก่อนก็ดี

พอคิดถึงตรงนี้ ผมก็พยักหน้าตกลง

 

เสี่ยวม่านเห็นผมตอบตกลง เลยดีใจมาก รีบพาผมไปที่บาร์ตรงถนนเส้นข้างๆทันที !

บาร์ใหญ่มาก คนที่ร้องเพลงออกสเต็ปแดนซ์อยู่ที่นี่เยอะมาก

 

เพิ่งเข้ามาในร้าน เราก็โดนคลื่นเสียงต่างๆโจมตีทันที ชายหญิงนับไม่ถ้วนพูดคุยกันอยู่ในห้องโถง 

สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นออกมา

 

คนที่เคยชินกับบ้านผีสิงอย่างผม จู่ๆก็ได้เข้ามาอยู่ในโลกที่อบอุ่นแบบนี้ ทำให้รู้สึกปรับตัวไม่ทันพอสมควร

เสี่ยวม่านพาผมมานั่งที่ด้านหน้า แล้วสั่งไวน์สองแก้วและผลไม้อีกหนึ่งจาน

 

เดิมทีมันก็ไม่มีอะไร เหมือนชีวิตธรรมดาของมุนษย์กลางคืนทั่วไป ในแต่ละวันจะมีการแสดงที่จัดขึ้นตามเมืองต่างๆ

 

แต่ที่ทำให้ผมคาดไม่ถึงคือ ในเมืองที่มืดมิดแบบนี้ และยังเป็นบาร์ในคืนนี้ ยังมีการแสดงที่แหวกแนวอยู่ด้วย “ เกมจับวิญญาณ ”……

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.