หน้าแรก > ศพ
ตอนที่ 437 ไขความลับ

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

ตอนที่ 437 ไขความลับ

หลังจากยายโม่ปล่อยพลังหยินเข้าไปจำนวนหนึ่ง เกล็ดปลาสีม่วงทองอันนั้นก็ค่อยๆเปลี่ยนไปทีละนิดๆ

ในสายตาของผม แสงสีแดงระเบิดออกมาทันที

 

ภายใต้แสงสีแดงพวกนั้น อักษรและเครื่องหมายพิเศษบางอย่างเริ่มปรากฎขึ้น

มันเหมือนกับโปรเจคเตอร์ ที่กำลังฉายแสงออกมา

 

ไม่เพียงแค่นั้น ในขณะที่อักษรและเครื่องหมายพิเศษเหล่านั้นปรากฎขึ้น มันก็ยังฉายพวกภาพเส้นลมปราณออกมาด้วย

ภาพเส้นลมปราณพวกนั้น แค่มองก็รู้ทันทีว่ามันคืออะไร

 

มันคือภาพการเคลื่อนพลังลมปราณ หรือก็คือภาพเส้นลมปรารณในตัวคน

พวกเราทุกคนล้วนเป็นผู้ฝึกตน เรื่องแค่นี้เข้าใจได้ไม่ยาก เป็นอะไรที่เข้าใจง่ายมาก

 

ตอนผมเห็นถึงตรงนี้ ตัวผมก็ดูตกใจมาก “ ออก ออกมาแล้ว นี่ นี่คือภาพเดินลมปราณและคำอธิบายของวิชาเฟินเทียนกงงั้นเหรอ ? ”

 

ผมตาโต มองไปรอบๆอย่างไม่อยากเชื่อ จากนั้นก็หันกลับมามองทุกอย่างตรงหน้าอีกครั้ง

แต่ยายโม่ที่กระตุ้นพลังหยินอยู่ กลับทำหน้าไม่เข้าใจ “ คุณผู้ชาย พูดอะไรเจ้าคะ คุณเห็นภาพเดินลมปราณกับคำอธิบายเหรอเจ้าคะ ? ”

 

พอได้ยินยายโม่พูดแบบนั้น ผมก็มึนไปพักหนึ่ง “ อือ ! ใช่ หรือว่ายายมองไม่เห็นเหรอ ? ”

ยายโม่กวาดตามองรอบๆพักหนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสงสัย “ คุณผู้ชาย ข้าไม่เห็นอะไรเลยจริงๆเจ้าค่ะ ! ”

 

เมื่อได้ยินยายโม่พูดแบบนั้น ผมก็ตกใจทันที

มันลอยอยู่รอบๆชัดๆ แต่ทำไมยายโม่ถึงมองไม่เห็นละ

 

หรือว่า นี่จะเป็นคุณสมบัติพิเศษของเจ้าเกล็ดสีม่วงทองอันนี้

ภายใต้สถานการณ์ปกติ คนเป็นไม่เห็นความผิดปกติใดๆ

 

แต่ในสายตาของพวกวิญญาณ กลับเห็นแสงสีแดงจางๆ

เหมือนกับไข่มุกราตรี ที่กำลังส่องแสงอ่อนๆออกมา

 

และหลังจากใส่พลังหยินเข้าไปแล้ว ภาพเดินลมปราณและอักษรต่างๆก็ปรากฎขึ้น แต่พวกวิญญาณ 

กลับมองไม่เห็นพวกมัน

 

หรือว่านี่ก็คือสาเหตุที่ทำไมเหล่าผู้สืบทอดทดลองมาตั้งนานขนาดนั้น แต่กลับมีแค่คนเพียงน้อยนิดที่สามารถอ่านเจ้าสิ่งนี้ได้

 

เจ้าสิ่งนี้ ต้องให้วิญญาณตนหนึ่งร่วมมือด้วย ถึงจะสามารถมองเห็นความลับด้านในได้

พอลองคิดดูแล้ว ผมคิดว่ามันอาจเป็นแบบนั้นก็ได้

 

ในแนวคิดของลัทธิเต๋า แทบไม่มีการร่วมมือกับผีเขียนเอาไว้เลย

สำหรับพวกผี มันแทบจะเรียกได้ว่าเป็นการเคารพอย่างห่างๆ

 

เกล็ดปลาสีม่วงทองของผมอันนี้ ยังเป็นของที่ตกทอดกันมาจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่ง ย่อมไม่ใช่ว่าใครก็อาจเห็นมันได้ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังแสดงต่อหน้าเหล่าวิญญาณไม่ได้เด็ดขาด

 

แถมเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ที่ผีสัมผัสมัน เมื่อเป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ

ความลับในเกล็ดม่วงทองอันนี้ ก็จะไม่มีใครค้นพบ

 

พอคิดได้แบบนั้น ผมก็รู้สึกโลกสดใสขึ้นมาทันที

นี่คือสาเหตุว่าทำไมพวกอาจารย์ถึงไม่สามารถอ่านเคล็ดวิชาบนนี้ได้

 

พอคิดได้แบบนั้น ผมก็หัวเราะ “ ฮ่าๆๆ ” ออกมาเสียงดังลั่น “ ยายโม่ ยายทำต่อไปนะ นี่คือเคล็ดวิชาฝึกพลังที่ผมได้รับตกทอดมาจากอาจารย์ แต่คิดไม่ถึงว่าต้องใช้วิธีนี้ เคล็ดวิชาถึงจะออกมาให้เห็น ”

 

“ อ่อ เป็นวิชาฝึกพลังนี่เอง แถมยังต้องใช้วิธีแปลกๆซ่อนเอาไว้ คุณผู้ชาย นี่ต้องเป็นวิชาลับที่ร้ายกาจมากแน่นอนเจ้าค่ะ คุณต้องจำให้ขึ้นใจเลยนะเจ้าคะ ” ยายโม่พูดขึ้นมาอีกครั้ง

ในเรื่องนี้ ผมไม่กล้าลีลาและพลาดอยู่แล้ว

 

ผมไม่สนอย่างอื่นอีก รีบจำภาพเดินลมปราณพวกนี้อย่างรวดเร็ว

เจ้าพวกนี้จำได้ค่อนข้างง่าย ขอแค่จำตำแหน่งจุดต่างๆ และทิศทางที่ลมปราณเคลื่อนไปก็พอ

 

เพียงแต่อักษรพิเศษพวกนี้ กลับไม่ได้จำง่ายขนาดนั้น

และอักษรที่ปรากฎออกมานี้ ล้วนเป็นตัวเต็มทั้งหมด

 

แถมยังเป็นตัวเต็มแบบพิเศษด้วย มองจากรูปร่างแล้ว มันไม่ต่างอะไรกับตัวอักษรผีเลยสักนิด เหมือนกับอักษรอียิปต์โบราณไม่มีผิด

 

แต่ถ้าให้ทำความเข้าใจกับมัน ผมแทบทำไม่ได้เลยสักนิด

และหลังจากมองทุกตัวอักษรแล้ว มีเพียงตัวเต็มของคำว่า “ เทียน ” เท่านั้น ที่ผมเข้าใจ

 

ตรงนั้นน่าจะเขียนคำว่า “ เฟินเทียนกง ” เพราะอาจารย์พูดว่านี่คือวิชาเฟินเทียนกง ผมเลยคิดว่ามันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ

 

ผมทำความคุ้นเคยกับภาพเดินลมปราณพวกนั้นก่อน หลังจากนั้นถึงค่อยๆจำอักษรพวกนั้น

เพราะเจ้าพวกนี้ไม่ได้จำง่ายขนาดนั้น ผมเลยเริ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดถ่ายเอาไว้ พอทำแบบนี้แล้วผมคงปวดหัวน้อยลง

 

แต่แล้วเรื่องแปลกๆก็เกิดขึ้นอีกครั้ง กล้องผมไม่มีปัญหามันทำงานปกติ

แต่รูปที่ถ่ายออกมา กลับไม่มีอะไรติดมาเลยสักอย่าง

 

หรือแม้แต่แสงสีแดงพวกนั้น ก็ไม่เปล่งแสงอะไรเลยสักนิดในภาพ จะเห็นได้ว่าเจ้านี่ประหลาดขนาดไหน

ทำอะไรไม่ได้ ผมเลยบอกให้คนกระดาษไปหากระดาษมาให้ผม จากนั้นผมก็เริ่มจด ต่อไปค่อยหาใครสักคนมาแปลให้ผมอีกที

 

อักษรพวกนี้มีไม่มาก แต่น่าจะเป็นรายละเอียดและขั้นตอนในการฝึกเดิมลมปราณ จะต้องเป็นสิ่งที่สำคัญมากแน่ๆ

ด้วยเหตุนี้ ผมเลยมองอย่างละเอียด และจดอย่างระมัดระวัง

 

ผลลัพธ์ผมเพิ่งจดไปได้หนึ่งในสาม กลับพบว่าท่าทางของยายโม่แปลกไป เธอตัวสั่นไปทั้งตัว

พอเห็นยายโม่เป็นแบบนั้น ผมก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เลยถามเธอว่า “ ยายโม่ ยายเป็นอะไรไป ? ”

 

ตอนนี้ยายโม่กำลังตัวสั่น เหมือนกับคนเป็น เธอทำท่าทางหายใจหอบเหนื่อยออกมา

“ คุณ คุณผู้ชาย ดู ดูเหมือนเจ้าสิ่งนี้จะกินพลังหยินเป็นอาหาร แถมยังกินเยอะขึ้นเรื่อยๆ ข้าน้อยเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว ” ยายโม่พูดเสียงติดอ่างหน่อยๆ

 

พอได้ยินถึงตรงนี้ ในใจผมก็มีเสียงดัง “ กึก ” เจ้าเกล็ดปลานี่ร้ายกาจถึงขนาดนั้นเลยเหรอ ? ถึงกับสามารถกินพลังหยินเป็นอาหารด้วย

 

แม้ในใจจะยังสงสัยอยู่ แต่พอเห็นยายโม่จะทนไม่ไหวแล้ว ผมก็พูดออกมาว่า “ ยายโม่ ยายไปพักก่อนเถอะ ! ผมยังมีเจ้านี่อยู่ รอให้ยายพักเสร็จแล้ว ค่อยมาช่วยผมเปิดมันใหม่ก็ได้ ”

 

ยายโม่ดูอ่อนแรง หลังฟังผมพูดจบ เธอก็พยักหน้าเล็กน้อย “ แบบ แบบนั้นก็ได้เจ้าค่ะ ! ”

หลังจากพูดจบ ยายโม่ทำมือหยุดพลัง ตัดพลังหยินที่ออกมา

 

ผลลัพธ์พลังหยินเพิ่งขาดหายไป อักษรและภาพวาดสีแดงพวกนั้น ก็หายไปอย่างรวดเร็ว

“ ลำบากยายโม่แล้ว ผมเองก็ไม่รู้ว่าเจ้านี่ต้องใช้พลังหยินเยอะขนาดนั้น ! ” ผมค่อนข้างลำบากใจ

 

แต่ยายโม่กลับคลี่ยิ้มออกมาเบาๆ “ ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ รอข้าน้อยพักครู่นึง แล้วจะมาเปิดเจ้านี่ให้ใหม่นะเจ้าคะ ของที่อยู่ในนั้น ต้องเป็นวิชาที่สุดยอดมากแน่ๆเจ้าค่ะ ถ้าคุณผู้ชายฝึกสำเร็จ ต้องสร้างประโยชน์ใหญ่หลวงให้คุณแน่ๆเจ้าค่ะ ! ”

 

พอได้ยินยายโม่พูดแบบนั้น ผมก็รู้สึกดีใจไม่น้อย

เพราะก่อนหน้านี้อาจารย์บอกว่า ถ้าฝึกวิชานี้สำเร็จ ฝีมือจะพัฒนาขึ้นหลายเท่า

 

ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ผมก็จะพัฒนาเร็วขึ้น และสามารถกลายเป็นผู้ชายที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับมู่หลงเหยียนได้เร็วกว่าเดิม

 

หลังจากขอบคุณยายโม่แล้ว ผมก็เริ่มเรียบเรียงอักษร และยังมีภาพเดินลมปราณที่ผมจดเอาไว้

แต่ผมก็จดมาได้แค่หนึ่งในสามเท่านั้น ยังมีอีกตั้งเยอะที่จดไม่หมด

 

หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง ยายโม่ก็ฟื้นพลังขึ้นมาเล็กน้อย

เธอบอกว่าจะเปิดเกล็ดสีม่วงทองให้ผมอีกรอบ เพื่อช่วยให้ผมได้จดทุกอย่างที่อยู่ในนั้น

 

ผมเองก็พยักหน้าตอบรับ เตรียมจะจดต่อ

แต่ปัญหาก็เกิดขึ้น ตอนยายโม่ลงมือเปิดเจ้านี่อีกครั้ง ไม่ว่าเธอจะส่งพลังหยินเข้าไปเยอะขนาดไหน

 

หรือจะกระตุ้นพลังหยินยังไง เจ้าเกล็ดปลาสีม่วงทองนี่ ก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นของคนละชิ้น มันไม่ขยับเลยสักนิด

 

“ เอ๊ะ ! เกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้านี่ไม่ตอบสนองแล้วละ ? ” หลังลองดูสิบกว่าครั้ง ยายโม่ก็เริ่มพูดด้วยความสงสัย

ผมเองก็ไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

 

สุดท้ายหลังจากเงียบไปพักหนึ่ง ผมก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “ ยายโม่ บางทีอาจเป็นความแปลกประหลาดของเจ้านี่ หรือไม่ก็เพราะเป็นการจำกัดเวลาในการเปิด เช่นหนึ่งวันเปิดได้แค่หนึ่งครั้ง ”

 

ผมเดา จากนั้นก็รับเกล็ดม่วงทองมาถือ

ยายโม่พยักหน้าเบาๆ เธอเองก็คิดว่ามันอาจเป็นแบบนั้น ในเมื่อเจ้าสิ่งนี้ยังเป็นอันเดิมกับตะกี้ ดังนั้นเลยมีคำอธิบายเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือ เวลาเปิดของเจ้านี่มีจำกัด

 

ยายโม่ให้ผมเก็บไว้ดีๆ บอกว่าวันหลังค่อยมาลองกันใหม่

ตอนนี้ดูเหมือน จะต้องเป็นแบบนั้นแหละ

 

แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ไม่ว่ายังไงผมก็จดส่วนแรกเอาไว้แล้ว

ตอนนี้ผมต้องจัดการส่วนแรกให้ชัดเจนก่อน ดูและฝึกตามที่จดไว้ก็พอ

สำหรับส่วนหลัง เดี๋ยวค่อยพูดกันอีกที !

 

ต่อจากนั้น ผมก็อยู่จวนมู่หลงต่ออีกพักหนึ่ง สุดท้ายยายโม่ยังลองอีกสองครั้ง แต่เธอก็เปิดเกล็ดม่วงทองไม่ได้ดังเดิม

 

ผมเห็นคืนนี้คงเปิดเกล็ดปลาไม่ได้แล้ว เลยไม่คิดจะอยู่ต่อ

ผมบอกลายายโม่ หลังจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกมาจากจวนมู่หลง เดินตรงออกไปจากป่ากุ่ยหม่าทันที……

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.