spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 405 ถามทาง
ท่าทีที่เสี่ยวเหมยมีต่อผมและเหล่าเฟิงดูแย่สุดๆ แต่สำหรับฉู่ยเฉิงจิง เธอกลับดูสนิทมากขึ้นเรื่อยๆ
ตลอดทางที่ผ่านมา ด้วยความพูดมากของฉู่ยเฉิงจิง ทั้งสองคนไม่เพียงสนิทกันมากขึ้น แต่ยังส่งเสียงหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขอีกด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น ฉู่ยเฉิงจิงยังชวนให้เสี่ยวเหมยไปเที่ยวเล่นที่มหาลัยเธออีกด้วย
ส่วนเสี่ยวเหมยของเรา ก็เริ่มรู้สึกสนใจสิ่งแปลกใหม่ที่ฉู่ยเฉิงจิงพูดถึงแล้ว
เนื่องจากเสี่ยวเหมยเป็นจิ้งจอกน้อยในภูเขามาโดยตลอด เธอเองก็เพิ่งได้พลัง แปลงกายเป็นมนุษย์มาเมื่อไม่กี่ปีนี้
สำหรับมนุษย์อย่างพวกเรา เธอมีความรู้น้อยมาก ส่วนใหญ่ก็มาจากการฟังผู้อาวุโสทั้งนั้น
ตอนนี้ได้มาเจอฉู่ยเฉิงจิง ดูเหมือนเธอจะโหยหาเรื่องราวของมนุษย์อย่างเราๆมาโดยตลอด ดังนั้นเธอเลยตั้งตารอให้ถึงวันนั้นเร็วๆ
แน่นอน เรื่องนี้มีเพียงแค่เธอกับฉู่ยเฉิงจิงเท่านั้น ผมและเหล่าเฟิงไม่ได้เข้าไปยุ่งเลยสักนิด
หากเราสองคนคุยกับเสี่ยวเหมย เสี่ยวเหมยก็จะดึงหน้าใส่พวกเราสองคนทันที ราวกับพวกเราไปติดหนี้เธอเอาไว้สักห้าล้านงั้นแหละ
เพราะต้องรีบเดินทาง พวกเราเลยกินอะไรนิดๆหน่อยที่ตำบล
หลังจากนั้นก็เริ่มถามทางไปเขาเขี้ยวหมาป่ากับเถ้าแก่ร้านอาหาร
เถ้าแก่ร้านอาหารเห็นพวกเราสะพายกระเป๋า แถมตอนนี้ยังถามทางไปเขาเขี้ยวหมาป่า เขาเลยอดถามขึ้นมาไม่ได้ “ พวกเธอ จะไปเขาเขี้ยวหมาป่ากันเหรอ ? ”
“ ครับ ! ใช่แล้ว พวกเราจะไปตั้งแคมป์ในนั้น ! ” ผมพูดด้วยรอยยิ้ม ปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยวแบ็คแพ็ค
พอเถ้าแก่ร้านอาหารได้ยินแบบนั้น ก็ทำสีหน้าไม่ดีในทันที หรือแม้แต่เผยท่าทีแปลกใจออกมา
“ น้องชาย ฟังฉันนะอย่าเข้าไปเลย พวกนายเปลี่ยนที่ตั้งแคมป์เถอะ ! ไป ไปที่นั้นไม่ได้เด็ดขาด…… ”
น้ำเสียงของเถ้าแก่ร้านอาหาร ดูจะหวาดกลัวเล็กน้อย
พอเห็นเถ้าแก่เป็นแบบนั้น เราก็คิดว่าเหมือนเขาจะรู้ไปอะไรมา
หลังจากผม เหล่าเฟิงและคนอื่นหันมามองหน้ากันแล้ว ก็จะได้ยินเสียงผมถามต่อ “ เถ้าแก่ ทำไมไปไม่ได้เด็ดขาดละ ? ”
เถ้าแก่กวาดสายตามองรอบๆ หลังจากนั้นก็พูดกับผมต่อ “ น้องชาย ฉันจะพูดกับนายตามตรง พวกเราที่นี่ เห็นเขาเขี้ยวหมาป่าเป็นสถานที่ต้องห้าม หมอกพิษรุนแรงทำให้คนตายได้ พอคนธรรมดาเดินเข้าไปจะไม่มีใครได้กลับออกมาอีก และฉันยังได้ยินคนเก็บสมุนไพรบนเขาพูดว่า ในเขาเขี้ยวหมาป่า ยังมีฝูงปีศาจกินคนอยู่ด้วย ”
พอได้ยินคำพูดนี้ ผมก็อดคลี่ยิ้มอย่างขมขื่นออกมาไม่ได้
ในเขาเขี้ยวหมาป่า เป็นสาขาย่อยขององค์กรตาผี
มู่หลงเหยียนบอกว่า ที่นั้นเป็นฐานเลี้ยงศพขนาดใหญ่ ไม่เพียงมีศพ ทาสต่างๆ ยังมีพวกผีดิบอีกด้วย
คนธรรมดาเข้าไป ก็ต้องไม่ได้ออกมาอยู่แล้ว นี่คงเป็นปีศาจที่เถ้าแก่พูดถึงละมั้ง
ผมเห็นว่าไม่มีข้อมูลใหม่อะไรมาก เลยไม่คิดจะอยู่ต่อ
ผมโบกมือให้เถ้าแก่ “ ขอบคุณมากครับเถ้าแก่ แต่ยังไงเราก็ต้องไปที่เขาเขี้ยวหมาป่า ! ”
ขณะพูด พวกเราก็กำลังหมุนตัวเดินออกจากร้าน
แต่เถ้าแก่คนนั้นกลับเรียกพวกเราอีกรอบ “ น้องชาย อย่าเพิ่งวู่วาม ที่ฉันพูดเป็นความจริงนะ
คนเก็บสมุนไพรของที่นี่หลายคนเข้าไปในเขาเขี้ยวหมาป่าแล้วก็ไม่ได้กลับออกมาอีกเลยนะ แถมที่นั้นยังมีหมอกเยอะมาก พอเข้าไปแล้วจะหลงทางง่ายมากเลยนะ ”
“ มีแค่คนเก็บสมุนไพรคนนั้นคนเดียว ที่เข้าไปในเขาเขี้ยวหมาป่า แล้วสุดท้ายก็ใช้ทางเขาเส้นเล็กๆเส้นนึงหนีออกมาได้ เขาบอกว่าเห็นปีศาจกินคนจำนวนมากในเขาเขี้ยวหมาป่าเลยนะ มันเป็นเรื่องจริงนะ…… ”
เถ้าแก่พูดอย่างมีเหตุผล เขาแนะนำไม่ให้พวกเราเข้าไปในเขาเขี้ยวหมาป่าอีกครั้ง
ผมไม่คิดจะคุยกับเถ้าแก่ร้านอาหารคนนี้ต่อแล้ว แต่พอได้ยินเขาพูดถึงทางบนเขา ผมก็อดรู้สึกสนใจขึ้นมาไม่ได้
มู่หลงเหยียนพูดเอาไว้อย่างชัดเจน สถานที่แห่งนั้นมีข้อจำกัดมากมาย และมีเวรยามเฝ้าอย่างแน่นหนา
ไม่อาจเข้าไปใกล้ได้ง่ายๆ
แต่เถ้าแก่ร้านอาหารคนนี้กลับพูดว่า มีคนเก็บสมุนไพรคนหนึ่ง ใช้เส้นทางเดินเขาเข้าไปในเขาเขี้ยวหมาป่า หรือแม้แต่เข้าไปใกล้ที่ราบในหุบเขาได้ และสุดท้ายยังออกมาได้ครบสามสิบสอง
นี่หมายความว่าอะไร มันหมายความว่าในเขาเขี้ยวหมาป่า มีเส้นทางเส้นหนึ่งที่ไม่มีใครรู้จัก แม้แต่คนธรรมดาก็ยังสามารถใช้เส้นทางเส้นนี้เข้าไปใกล้ได้โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว แถมยังช่วยให้ออกมาได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย
ถ้าพวกเราหาเส้นทางนี้เจอ เราก็จะไม่ปลอดภัยยิ่งกว่าเดิมเหรอ
ผมเลิกคิ้ว พูดกับเถ้าแก่ตรงๆ “ เถ้าแก่ บอกผมได้ไหม ว่าคนเก็บสมุนไพรคนนั้นอยู่ที่ไหน ผมอยากไปหาเขาสักหน่อย ”
“ ไปหาเขา น้อยชาย นี่นายยังคิดจะเข้าไปอีกเหรอ ? ” เถ้าแก่เตือนด้วยความหวังดี เขารู้สึกว่าตัวเองพูดเยอะขนาดนี้ กลับเป็นแค่การเปลืองน้ำลายไปเปล่าๆ
ผมกลับฉีกยิ้ม “ เถ้าแก่ นอกจากพวกเราจะมาแบ็คแพ็คเที่ยวแล้ว เราก็เป็นนักวิชาการด้านธรณีวิทยาและพฤกษศาสตร์ด้วย เขาเขี้ยวหมาป่า เป็นสถานที่ที่สำคัญกับพวกเรามาก ”
ผมยังสร้างฐานะใหม่ขึ้นมาให้ตัวเอง เถ้าแก่เห็นพวกเราเองก็จริงจัง สุดท้ายเลยถอนหายใจออกมา
“ คนเก็บสมุนไพรคนนั้นชื่อว่าลั่วยี่ อยู่บ้านหลังเก่าท้ายถนน เขาชอบดื่มเหล้า พวกนายเอาเหล้าไปให้เขาสักสองขวดซิ เขาน่าจะยอมบอกพวกนายอยู่ว่าต้องไปทางไหน ! ”
พอได้ยินถึงตรงนี้ ผมก็อดดีใจไม่ได้ หลังจากขอบคุณเถ้าแก่คนนั้นแล้ว พวกเราก็เดินออกจากร้านทันที
เพิ่งเดินออกมาจากร้าน เสี่ยวเหมยก็พูดกับผมว่า “ มีฉันอยู่ ยังต้องหาทางเส้นนั้นอีกเหรอฮะ ? ”
ผมกลับเผยรอยยิ้มขมขื่น สถานที่ที่พวกเรากำลังจะไปเป็นถึงสาขาย่อยขององค์กรตาผี ดังนั้นระมัดระวังและรอบคอบเอาไว้ก่อนเป็นดี
ผมเลยพูดกับเธอว่า “ เสี่ยวเหมย เวลาอยู่บนเขาเธอร้ายกาจมาก หรืออาจเห็นศัตรูจากที่ห่างไกล แต่องค์กรตาผีไม่เหมือนที่อื่น พวกเราระวังเอาไว้ก่อนดีที่สุด ถ้ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น เราอาจได้จบเห่กันทั้งกลุ่ม ”
พอเสี่ยวเหมยได้ยินผมพูดแบบนั้น เธอก็เค้นเสียงดัง “ ฮึ ” จากนั้นก็ไม่พูดกับผมอีก
ต่อจากนั้น พวกเราก็ซื้อเหล้าหมักสองขวดที่ร้านค้าข้างทาง หลังจากนั้นก็เดินตรงไปที่ปลายสุดของถนน
ตำบลเล็กๆแห่งนี้ไม่ต่างอะไรจากตำบลชิงฉือของพวกเรา หรืออาจเล็กกว่าหน่อยด้วยซ้ำ
ผ่านไปไม่นานพวกเราก็เดินทางถึงท้ายถนน ในที่แห่งนี้พวกเราเห็นบ้านเก่าๆหลังหนึ่งจริงๆ
มันโทรมๆเก่าๆ มีเชือกแดงผูกเอาไว้
นี่เป็นสัญลักษณ์ของคนเก็บสมุนไพรแบบดั่งเดิม แต่ในปัจจุบัน แทบจะไม่มีใครมาผูกเชือกแดงที่หน้าประตูบ้านแล้ว
หลังจากมั่นใจว่าใช่ที่นี่ ผมและเหล่าเฟิงก็เดินเข้าไป ส่วนฉู่ยเฉิงจิงกับเสี่ยวเหมยยืนรออยู่ข้างนอก
ผ่านไปไม่นานผมสองคนก็มาถึงหน้าประตูโทรมๆ ด้านในมีแสงไฟ และเสียงประกาศข่าว
ผมเคาะประตู “ ก๊อกๆๆๆ ”
“ ใคร ! ” จู่ๆเสียงชายแก่คนหนึ่งก็ดังขึ้น
ผมยืนอยู่หน้าประตู ตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ สวัสดีครับลุงลั่ว พวกเราเป็นนักท่องเที่ยวแบ็คแพ็ค
จะมาถามอะไรลุงหน่อยนะครับ ”
“ นักท่องเที่ยวแบ็คแพ็ค อะไรวะ ? ” เสียงดังขึ้นอีกครั้ง
แต่เสียงเพิ่งเงียบลงไม่นาน ประตูก็เปิดออก
คนที่เปิดประตูเป็นคนแก่จมูกแดง ตัวผอมมาก ตาแดงทั้งสองข้าง ปากมีแต่กลิ่นเหล้า เห็นได้ชัดว่าดื่มมาไม่น้อยแล้ว
“ คุณคือคนเก็บสมุนไพรลั่วยี่ หรือลุงลั่วใช่ไหมครับ ? ” ผมถามอย่างสุภาพ
“ อือ ! ฉันเอง พวกนายจะมาซื้อสมุนไพรเหรอ หน้าหนาวแบบนี้ ไม่มีสมุนไพรให้ขาย…… ” ลุงลั่วพูดแบบคนเมา
ผมกลับทำหน้าอึดอัดใจ เดิมทีคิดจะให้เข้าเป็นคนนำทางให้พวกเรา
แต่ตอนนี้ดูเหมือน จะได้แค่ถามทางเท่านั้นแล้ว
ดังนั้นผมเลยพูดต่อ “ ลุงลั่ว พวกเราอยากถามทางจากลุง ”
“ ถามทาง ? ทางอะไร ? ฉันเก็บเงินนะ ! ” ขณะพูด ลุงลั่วยังกรอกเหล้าเข้าปาก
“ ลุงดูนี่ซิพอจะได้ไหม ? ” หลังจากพูดจบ ผมก็ยกขวดเหล้าขึ้น
พอตาแก่นี่เห็นเหล้า ก็ตาเป็นประกาย แล้วเอื้อมมือมาดึงออกไปทันที “ ได้ได้ได้ นี่มันของดี ได้แน่นอนอยู่แล้ว ! ”
พอเห็นตาแก่นี่รับปาก ผมก็ไม่พูดอ้อมค้อม “ ลุงลั่ว พวกเราอยากรู้ว่า ทางเส้นไหนที่เข้าไปในเขาเขี้ยวหมาป่าได้…… ”