spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 375 ส่งวิญญาณ
การส่งวิญญาณไม่เหมือนกับการเรียกวิญญาณ การส่งวิญญาณง่ายกว่าเยอะ
ปกติแล้ว ถ้าเป็นวิญญาณที่ตายตามปกติ และยังอยู่ในระยะเวลาเจ็ดวัน เราแค่เผาเงินกระดาษอะไรพวกนั้น พวกเขาก็จะหาทางลงไปเองได้แล้ว
แต่ถ้าเป็นการตายโหงแถมยังมีแรงแค้น งั้นก็ยุ่งยากอีกหน่อย ต้องทำพิธีก่อน
ปกติต้องทำบทขมากรรมสามวันสามคืน แบบนี้คนตายและครอบครัว จะได้รับผลดีทั้งคู่
สำหรับคนตาย มันช่วยขจัดแรงแค้น สำหรับครอบครัว ก็ได้หน้าไปด้วย
ส่วนผีเจ็ดตนตรงหน้านี้ ปัญหาไม่ได้ร้ายแรง ดังนั้นจึงไม่ได้ยุ่งยาก ไม่จำเป็นต้องทำบทขมากรรมสามวันสามคืน
สาเหตุนั้นง่ายมาก แม้ผีทั้งเจ็ดตนนี้จะตายโหง แต่ก็พูดได้ว่าไม่มีแรงแค้นอะไร
เพราะคนทั้งครอบครัวตายหมดแล้ว และยังตายด้วยน้ำมือของคนในครอบครัวตัวเอง
ทุกคนอยู่ครบ เลยไม่มีอะไรต้องห่วง
ปัญหาในตอนนี้คือ ระยะเวลาตายของพวกเขาเกินเจ็ดวันแล้ว ดังนั้นเราต้องทำพิธีนิดหน่อย จุดตะเกียงวิญญาณให้กับพวกเขา เพื่อให้พวกเขาหาทางเดินเจอ
ยังเป็นผมที่เป็นคนทำพิธีในครั้งนี้ ผมทำตามที่อาจารย์ชี้แนะ เริ่มจุดธูปจุดเทียน เผาเงินกระดาษ
สุดท้ายก็เผายันต์สามแผ่น แล้วจุดตะเกียงน้ำมัน
ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีด้วยซ้ำ
หลังจากจุดตะเกียงน้ำมันแล้ว ผมก็ยกถ้วยน้ำผสมเถ้ายันต์ มาที่ตรงหน้าผีทั้งเจ็ดตน จากนั้นก็พูดกับพวกเขาว่า “ มีเกิดมีดับ วิญญาณย่อมดับสูญ มาจากที่ไหนก็กลับไปที่นั้น ! ”
ขณะพูด ผมก็ใช้นิ้วจุมลงไปในน้ำผสมเถ้ายันต์นั้น แล้วแต้มที่หน้าผากผีทั้งเจ็ดตน
การทำแบบนี้เรียกว่า “ จุดแสง ” คล้ายกับการเปิดตาของมนุษย์เรา
หลังจากจุดแสงแล้ว พวกเขาก็จะเห็นแสงไฟ จากนั้นพวกเขาก็จะเดินไปตามแสงไฟ หาทางไปยังนรกเจอในที่สุด
หลังจากจุดแสงแล้ว ผมก็วางถ้วยน้ำลง แล้วพูดกับผีเจ็ดตนนั้นว่า “ โอเคแล้ว ตอนนี้ผมจุดแสงให้พวกคุณแล้ว อีกเดี๋ยวพวกคุณก็เดินไปทางทิศตะวันตก หลังจากนั้นก็จะเห็นตะเกียงน้ำมัน พวกคุณเดินตามตะเกียงน้ำมันไป แล้วเดี๋ยวก็จะลงไปข้างล่างเอง ! ”
ผมพูดอย่างใจเย็น ผีทั้งเจ็ดตนดูซาบซึ้งมาก
ผีหนุ่มตนนั้นพูดกับผมอย่างซาบซึ้ง “ ท่าน ท่านนักพรตขอบคุณคุณมาก ถ้าไม่ได้เจอคุณ พวกเราก็คงโดนขังและทรมานอยู่ในรถต่อไป ! ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆครับ ”
“ ใช่ท่านนักพรต ขอบคุณที่พวกคุณช่วยพวกเราเอาไว้ ไม่รู้ว่าท่านมีชื่อว่าอะไร ถ้าเจอท่านยมบาลแล้ว
ฉันจะบอกเขาว่าคุณเป็นคนดี ขอให้คุณมีความสุขและอายุยืนยาว ! ” ยายคนหนึ่งพูดขึ้น
ผมโบกมือ “ เรื่องนี้คงไม่ต้องแล้ว รีบเดินทางเถอะ ! ”
“ ท่านนักพรต คุณช่วยครอบครัวพวกเราเอาไว้ พวกเรายอมยกเงินที่พวกเราเก็บไว้ตอนมีชีวิตให้คุณ
ฉันจะบอกเลขบัญชีกับรหัสให้คุณ และยังมีข้อมูลยืนยันตัวตนของผม คุณจดแป๊บนึงนะคะ รอให้พวกเราไปแล้ว คุณก็โอนออกมาเอง ! ” ผีสาวตนหนึ่งพูดออกมา
พอได้ยินถึงตรงนี้ ผมก็ฉีกยิ้ม
คนก็ตายไปแล้ว ผมยังจะรับเงินของพวกเขาได้ยังไงละ
“ ไม่ต้องแล้วจริงๆ พวกคุณไปเถอะ ! ” ผมพูด
“ จะทำแบบนั้นได้ยังไงละคะ ท่านนักพรตต้องรับเอาไว้นะคะ อย่างน้อยเงินในบัญชีก็มีอยู่หลายหมื่นนะคะ ถือซะว่าคุณรับเป็นสิ่งตอบแทนที่ช่วยชีวิตพวกเรานะคะ ! ” ผีสาวพูดออกมาอีกครั้ง
ผีตนอื่นๆก็ดูยืนกรานกันสุดๆ บอกว่าต้องให้อะไรผมบ้าง ไม่อย่างนั้นจะไม่มีโอกาสได้ตอบแทนพวกเราจริงๆ
พอท่านนักพรตตู๋ที่อยู่ข้างๆเห็นแบบนั้น ก็เดินเข้ามา แล้วพูดกับผีพวกนั้นว่า “ ทุกท่าน เงินของพวกคุณพวกเรารับเอาไว้ไม่ได้หรอก และพวกเราก็ไม่กล้ารับเอาไว้ด้วย เพราะพวกคุณตายแล้ว ”
“ ทรัพย์สมบัติตอนมีชีวิตของพวกคุณ ญาติของพวกคุณจะเป็นคนรับช่วงต่อ ถ้าพวกเราไปแตะต้องเงินของพวกคุณตอนนี้ ตอนที่ไล่ตามสืบมาถึงพวกเรา เราจะลำบากกันนะ ! ”
เสียงเพิ่งเงียบลง อาจารย์พูดต่อ “ น้ำใจของพวกคุณพวกเรารับอาไว้แล้ว พวกคุณไปเถอะ ! ”
ครอบครัวสกุลเหยียนเจ็ดคนเห็นเราพูดแบบนั้น แม้จะยังยืนกรานแบบเดิม แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
ถึงพวกเราจะมีข้อมูลบัญชีธนาคารของพวกเขาทั้งหมด แล้วไปโอนเงินจริงๆ
แต่ตอนที่ญาติรับทรัพย์สินต่อ แล้วตามสืบมาเรื่อยๆ พวกเขาก็จะพบว่าเงินก้อนนี้ถูกโยกย้ายหลังจากที่พวกเขาตายไปแล้ว จากนั้นคดีความก็จะเกิดขึ้น พาลแต่จะสร้างปัญหาให้พวกเราเปล่าๆ
ครอบครัวเหยียนเงียบไปพักหนึ่ง พวกเขาหันมามองตากัน แล้วสุดท้ายก็ “ พรึบๆ ” คุกเข่าลงตรงหน้าพวกเรา
ในเวลาเดียวกันเราก็ได้ยินชายชราเป็นคนพูดนำ “ ขอบคุณท่านนักพรตทุกท่านมากที่ช่วยพวกเราเอาไว้
วันนี้ไม่อาจตอบแทนได้ แต่เราหวังว่าจะได้ตอบแทนพวกท่านในชาติภพหน้า ! ”
หลังจากพูดจบ เขาก็คำนับให้พวกเราหนึ่งครั้ง
ผีที่เหลืออีกหกตนก็คำนับพวกเราเช่นกัน คราวนี้พวกเราไม่ได้ห้ามพวกเขา เพียงแต่ยืนมองเท่านั้น
แค่มองดูก็รู้ว่าครอบครัวสกุลเหยียนเป็นคนให้ความสำคัญกับครอบครัวและญาติมิตร รู้จักทดแทนบุญคุณคน
หลังจากพวกเขาคำนับเสร็จแล้ว ถึงได้ลุกขึ้นมาอีกครั้ง
ต่อจากนั้น เราก็เห็นผีหนุ่มจับมือผีเด็ก แล้วพูดกับพวกเราว่า “ นักพรตทุกท่าน รักษาตัวด้วย ! ”
“ รักษาตัวด้วย ! ” ผีที่เหลือก็พูดเช่นกัน
หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้อยู่ต่อ หมุนตัวแล้วเดินไปทางทิศตะวันตกทันที
ผีเด็กตนนั้นยังโบกมือให้พวกเรา จากนั้นถึงได้เดินตามพ่อแม่ ปู่ย่า ตายายไปที่โลกแห่งคนตาย
หลังจากผีทั้งเจ็ดตนเดินออกไปได้ปะมาณห้าเมตร ร่างของพวกเขาก็หายไปจากสายตาของพวกเรา
พวกเขาน่าจะเจอตะเกียงน้ำมันแล้ว และเริ่มเดินทางไปสู่โลกแห่งคนตายแล้ว
หลังจากครอบครัวสกุลเหยียนจากไป ทุกคนถึงได้ถอนหายใจออกมา
เรายืนพักอยู่ที่เดิมพักหนึ่ง หลังจากตะเกียงน้ำมันอันนั้นดับแล้ว พวกเราถึงได้เก็บของเดินทางกลับบ้าน
หลังพวกเรากลับมาถึงร้าน ก็เป็นเวลาตีหนึ่งแล้ว
แม้งานในวันนี้จะไม่ได้ออกมาราบรื่นขนาดนั้น แต่ก็โชคดีที่ผ่านไปได้อย่างปลอดภัย
เพียงแค่เจ้าจางจึเทาสมควรตายนั่นดันโผล่หัวออกมาได้ ทำให้พวกเราใจคอไม่ดี
แต่ไม่ช้าก็เร็วสุดท้ายก็ต้องมีสักวันที่เราจะต้องจับตัวจางจึเทาให้ได้ ถึงตอนนั้นผมจะส่งเขาด้วยมือของตัวเองเลย
ไปหาความเป็นอมตะบ้าบอของเขา เรื่องนี้มันไร้สาระทั้งเพ
ท่านนักพรตตู๋และเหล่าเฟิงพักอยู่ที่บ้านเราพักหนึ่ง แล้วถึงได้กลับไปที่ร้านไป๋ฉ่าว
ตอนนี้ดึกมากแล้ว ผมจุดธูปให้มู่หลงเหยียน จากนั้นก็เดินไปล้างหน้าพักผ่อน
เมื่อมาถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ด้านนอกมีหิมะตกเล็กน้อย วันนี้อากาศหนาวพอได้เลยละ
ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น คอยเฝ้าร้านทั้งวัน
หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ ผมก็กลับไปฝึกที่ห้อง
ช่วงสองสามวันนี้ผมรู้สึกว่ามาถึงจุดตัดแล้ว อยากจะทำลายมันให้ได้เร็วๆ
แต่ก็นะ หลังจากเดินพลังมาได้ประมาณสองชั่วโมง ผมก็รู้สึกร้อนที่จุดตานเถียน เหมือนพลังมันพุ่งออกมาจากจุดตานเถียน
ประสบการณ์ทะลุขั้นถัดไปจากสองสามครั้งที่ผ่านมา ทำให้ผมรู้ว่า นี่คือสัญญาณของความก้าวหน้า
ผมดีใจ เริ่มเดินพลังให้ทะลุผ่านไปทันที
ผมนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง เริ่มเดินพลังอย่างต่อเนื่อง พยายามขึ้นไปถึงเต้าฉือขั้นสุดให้ได้
ตรงนั้นมีอะไรบางอย่างขวางเอาไว้ ขอแค่ผมสามารถทะลุผ่านไปได้ ผมก็จะก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง
ผมเดินพลังพุ่งชนอย่างแรง
ครั้งแรก ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม……
จนกระทั่งหลังจากนั้นเป็นสิบครั้ง ผมเริ่มหอบหายใจ ตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อเป็นที่เรียบร้อย
แต่ ผมก็รู้สึกว่ากำแพงที่กั้นอยู่มีรอยร้าวแล้ว
ผมยังไม่คิดจะยอมแพ้ คราวนี้ผมบีบอัดพลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เตรียมจะทำลายอีกครั้ง ฝ่าอุปสรรคสุดท้ายให้มันจบๆไปสักที
พลังผมโดนบีบอัดขึ้นทีละน้อยๆ ตอนที่พลังเยอะจนควบคุมไม่ไหวแล้ว ผมก็เคลื่อนพลังก้อนนั้น
ไปกระแทกกับกำแพงที่มีรอยร้าวนั้นแรงๆ
วินาทีที่พลังปะทะกับกำแพง “ ตูม ” อุปสรรคที่ผมข้ามผ่านไม่ได้มาหลายวัน ก็ถูกผมทำลายลงจนได้
พลังเหมือนกระแสน้ำ มันไหลท่วมท้นออกมา เหมือนน้ำตกที่ไหลลงสู่พื้น
เต้าฉือขั้นสุด ระดับใหม่ และก้าวหน้าขึ้นอีกขั้น
ผมดีใจสุดๆ ผมสัมผัสได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นพละกำลังหรือระดับพลัง มันก็สูงขึ้นเยอะมาก
อาจารย์เคยบอกว่า ผมเป็นคนมีพรสวรรค์ ถึงจะอยู่ท่ามกลางคนรุ่นเดียวกัน แต่ผมก็อยู่ในอันดับต้นๆ
คนประเภทเดียวกับผม ที่สามารถพัฒนาจากศูนย์มาจนถึงระดับเต้าฉือขั้นกลางได้ภายในหนึ่งปีมีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น
ตอนนี้ ผมมาถึงเต้าฉือขั้นสุดแล้ว ผมใกล้จะถึงระดับเต้าชือแล้ว
ไม่พูดถึงพรสวรรค์ที่ฟ้ามอบให้ก็แล้วกัน ผมเกรงว่าความเร็วในการฝึกที่น่ากลัวนี้ จะมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำได้