หน้าแรก > ศพ
ตอนที่ 372 เริ่มเรียกวิญญาณ

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

ตอนที่ 372 เริ่มเรียกวิญญาณ

หลังจากผมและเหล่าเฟิงพูดชื่อเสร็จ เราก็ไม่รอให้เสี่ยวฟางตอบกลับ เดินออกไปทันที

 

ส่วนเสี่ยวฟางที่ยืนอยู่ข้างหลังพวกเรา ก็มองแผ่นหลังของพวกเราที่ค่อยๆห่างออกไป แต่ระหว่างนั้นเองจู่ๆเธอก็ตะโกนออกมา “ ขอบคุณพวกคุณมาก ฉันชื่อฉู่ยฟาง ”

 

ผมและเหล่าเฟิงได้ยินเสียงนี้ทั้งคู่ ผมแค่ยกยิ้มที่มุมปาก และโบกมือแบบหันหลังในพนักงานหญิงที่ชื่อ

ฉู่ยฟางคนนี้เท่านั้น

 

สำหรับพวกเรา การช่วยเธอในวันนี้ เป็นเพราะต้องการตอบแทนที่เธอต้อนรับพวกเราอย่างอบอุ่นเท่านั้น !

แน่นอน ผมก็ไม่คิดว่าต่อไปพวกเราจะต้องติดต่ออะไรกันอีก

 

แต่เราไม่รู้จักฉู่ยฟางคนนี้ เธอมีที่มาที่ไม่ธรรมดา

ต่อมาเป็นเพราะเธอ ช่วยพวกเราจัดการเรื่องยุ่งยากตั้งมากมาย แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องต่อจากนี้……

 

หลังออกจากศูนย์เบนช์ ผมและเหล่าเฟิงก็ไม่มีอารมณ์ไปดูรถยี่ห้ออื่นอีก

ดังนั้นพวกเราเลยยึดตามที่อยู่ที่ครอบครัวเหยียนทิ้งเอาไว้ให้ ตรงไปหาสถานที่ที่พวกเขาตายทันที

 

มันอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ เดินตรงไปอีกประมาณสองสามเมตร เลี้ยวโค้งอีกหน่อยก็ถึงแล้ว

พอพวกเรามาถึงถนนที่เกิดเหตุ ยังสามารถเห็นราวเหล็กกั้นถนนที่หักอยู่ข้างถนน ตอนนี้มีสายเตือนของตำรวจปิดเอาไว้ มันยังไม่ถูกซ่อมให้เหมือนเดิม

 

บนพื้นยังมีพวกเถ้ากระดาษ ครอบครัวของผู้ตาย หรือไม่ก็ชาวบ้านที่อยู่แถวนี้ คงทำเพื่อ “ ความสงบสุข ” เลยเอาเงินกระดาษมาเผาที่นี่เป็นแน่

 

ผมและเหล่าเฟิงเดินมาถึงตรงที่เกิดเหตุ ชะโงกหน้ามองลงไป มันสูงจากน้ำประมาณสามเมตร ด้านล่างเป็นเขตน้ำลึก

 

เพื่อให้เรียกวิญญาณได้ราบรื่นและเร็วกว่าเดิม พวกเราเลยเผายันต์ที่นี่สองแผ่น ถือว่าเป็นการทำ

สัญลักษณ์เอาไว้

 

หลังทำเรื่องพวกนี้เสร็จ เราก็ไม่คิดจะอยู่ต่อ เรียกรถตรงไปที่ขนส่งทันที

วันนี้เราเหนื่อยมามากพอแล้ว แค่มาซื้อรถก็ต้องลงมือลงไม้ถึงสองยก แถมยังมาเจอกับครอบครัวผีอีก

 

ตอนอยู่บนรถ ผมและเหล่าเฟิงไม่พูดอะไรมาก ต่างเอนตัวนั่งพิงเบาะพักผ่อนกันทันที

พอมาถึงขนส่ง เราก็ซื้อตั๋วกลับตำบลชิงฉือ

 

ตอนเราสองคนมาถึงตำบลชิงฉือ ก็เป็นช่วงหัวค่ำแล้ว

ตอนลงรถเหล่าเฟิงถามผมว่า จะทำพิธีเรียกวิญญาณเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นเขาจะมาช่วยอีกแรง

 

ผมเห็นว่าวันนี้เราเหนื่อยกันมากแล้ว เลยบอกว่าคืนพรุ่งนี้ วันนี้กลับไปพักผ่อนที่บ้านให้ดีๆ

เหล่าเฟิงพยักหน้า และไม่พูดอะไรไร้สาระอีก

 

ตอนผมมาถึงร้าน อาจารย์กำลังเก็บร้านอยู่พอดี

ในเวลานี้เมื่อเห็นผมกลับมา เขาก็ถามขึ้นมาสั้นๆ “ ซื้อรถเรียบร้อยหรือยัง ? ”

 

“ อือ เรียบร้อยแล้ว ! แต่เกือบถูกคนในศูนย์หลอกขายรถผีสิงให้ ! ” ผมตอบกลับตามตรง จากนั้นก็เริ่มช่วยอาจารย์เก็บร้าน ย้ายพวงหรีด ธูป เทียน และของต่างๆเข้าไปในบ้าน !

 

พออาจารย์ได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็อยากรู้ขึ้นมาทันที “ โห เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ ? ”

ผมเองก็ไม่ได้ลังเล รีบเล่าเรื่องที่เจอในวันนี้ให้อาจารย์ฟังทันที

 

หลังอาจารย์ได้ยินว่าครอบครัวสกุลเหยียนจมน้ำตาทั้งบ้าน เขาก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้

“ เฮ้อชีวิต ! ชะตาชีวิตของครอบครัวนี้น่าสงสารจริงๆ ! ในเมื่อแกรับปากว่าจะทำพิธีเรียกวิญญาณพวกเขาแล้ว งั้นแกก็รีบจัดการเร็วๆละ ! ” อาจารย์พูดสั้นๆ

 

“ วางใจได้อาจารย์ ผมจะทำพิธีพรุ่งนี้ วันนี้เหนื่อยแล้ว ! ” ผมพูดต่อ

พออาจารย์ได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็ไม่พูดอะไรอีก

 

วันนี้ผมนอนหลับตั้งแต่หัวค่ำ พักผ่อนเพียงพอสุดๆ

เช้าวันรุ่งขึ้น ผมเริ่มเตรียมของที่ต้องใช้ทำพิธีในคืนนี้ และทบทวนขั้นตอนต่างๆให้ข้องมือ

 

พิธีเรียกวิญญาณทำได้ไม่ยาก แต่วันนี้ต้องเรียกวิญญาณเจ็ดตนติด งานค่อนข้างหนัก ถึงจะมีเหล่าเฟิงมาช่วยอีกแรง แต่ก็ทำให้ผมได้พักหายใจเท่านั้น

เพื่อฝึกฝนพวกเรา คราวนี้อาจารย์ไม่คิดจะสอดมือเข้ามายุ่ง

 

บอกเพียงว่าจะมองดูพวกเราอยู่ข้างๆ เผื่อผมทำพลาด

แป๊บเดียวเท่านั้น ฟ้าก็มืดแล้ว

 

ผมเพิ่งกินข้าวเสร็จ เหล่าเฟิงก็มาหาถึงบ้านแล้ว คนที่มานอกจากเหล่าเฟิงแล้ว แม้แต่ท่านนักพรตตู๋ก็ยังมาด้วย

 

ท่านนักพรตตู๋บอกว่าอยู่บ้านก็นอนไม่หลับ เลยตามมาดูคนรุ่นหลังอย่างพวกเราทำพิธี ในเวลาเดียวกันก็มาคุยเล่นกับอาจารย์ของผมด้วย

 

ตอนนี้ยังเย็นอยู่ ฟ้าก็เพิ่งมืดได้ไม่นาน

เราเลยรออยู่ในบ้านพักหนึ่ง ดูทีวีกันไปพลางๆ

 

หลังจากนั้นประมาณสี่ทุ่ม พวกเราถึงได้ขนข้าวของ แล้วท้าลมหนาวตรงไปที่หลังเขา

พอมาถึงหลังเขา ผมสองคนก็เริ่มแบ่งงาน ผมจัดโต๊ะบูชาตามที่ต้องการ แล้วแขวนธงเรียกวิญญาณเอาไว้

 

ในเวลาเดียวกันก็ทำหุ่นฟางขึ้นมาเจ็ดตัว บนร่างกายของหุ่นฟางแต่ละตัว จะมีวันเดือนปีเกิด และสถานที่ตายของผีแต่ละตนติดเอาไว้

 

นอกจากนี้ ยังมีน้ำสามถ้วย และไก่เหลือหนึ่งตัวที่ถูกนำมาใช้เป็น “ ตัวนำทาง ”

หลังเตรียมของเสร็จ ผมและเหล่าเฟิงก็เตรียมตัวลงมือ

 

อาจารย์และท่านนักพรตตู๋ นั่งอยู่ตรงต้นไม้ใหญ่ข้างหน้า ตอนนี้กำลังเริ่มคุยกัน ดูหน้าตาผ่อนคลาย

การเรียกวิญญาณทั้งเจ็ดตน เป็นงานที่หนักมาก

 

ด้านการเรียกวิญญาณ เหล่าเฟิงร้ายกาจกว่าผมเยอะ

แต่วันนี้ เขากลับให้ผมเป็นคนเริ่ม หลังจากผมเหนื่อยแล้ว เขาจะเข้ามาแทน

 

ผมยืนอยู่หน้าโต๊ะบูชา มองของทุกอย่างบนโต๊ะ จากนั้นก็อดถอนใจออกมายาวๆไม่ได้ ผมพยายามทำใจให้สงบ จากนั้นก็ใช้ไม้ขีดจุดเทียนสองเล่ม แล้วก็ไปจุดธูปหอมอีกที

 

หลังจากผมปักธูปหอมลงในกระถางแล้ว ผมก็คำนับสามครั้ง หยิบดาบไม้ขึ้นมาถือ แล้วเริ่มรำดาบสองครั้ง จากนั้นก็ท่องคาถาออกมา

พอมาถึงดาบสุดท้าย ผมก็เอายันต์แปะไว้ที่ปลายดาบ

 

ในเวลาเดียวกัน ผมก็ทำมือเป็นรูปดาบ แล้วตะโกนออกมาว่า “ ขอเชิญเทพลุ่ยลิ้ง เปิด ! ”

หลังจากพูดจบ ผมก็กวาดสายตามองหุ่นฟางเจ็ดตนที่อยู่หน้าโต๊ะบูชา

 

“ ตูม ” ทันใดนั้นไฟสีเขียวก็ล้อมรอบหุ่นฟางทั้งเจ็ดเอาไว้ และเริ่มลุกไหม้อย่างรวดเร็ว

หุ่นฟางทั้งเจ็ดเป็นเพียงแค่ฟางที่มัดต่อกันไม่กี่เส้น และตัวเล็กมาก

 

ขณะที่ไฟสีเขียวปรากฎขึ้น วันเดือนปีเกิดที่แปะอยู่บนตัวของพวกมัน ก็โดนเผาอย่างรวดเร็ว

หลังจากหุ่นฟางมอดไหม้เป็นจุลแล้ว ผมก็เริ่มรำดาบอีกครั้ง มันเรียกว่าดาบเรียกวิญญาณ หรือรำเรียกวิญญาณ

 

ในเวลาเดียวกัน เหล่าเฟิงก็ยกไก่เหลือตัวนั้นขึ้นมา จับหัวของมันเอาไว้ แล้วเฉือดคอมันด้วยมีด

เลือดสดๆกระเซ็นโดนธงเรียกวิญญาณ ที่เราทำแบบนี้ เพราะต้องการเพิ่มผลในการเรียกวิญญาณให้มากกว่าเดิม ทำให้วิญญาณที่ถูกเรียกมาถึงที่นี่โดยเร็ว

 

หลังจากรำเสร็จ ผมก็ตะโกนออกมาอีกครั้ง “ ฟ้าดินกว้างใหญ่ เรือไม่ไหลย้อน ชีวิตและความตาย มักถูกกำหนดไว้เสมอ กลับมา ! ”

เสียงเพิ่งเงียบลง ดาบไม้ในมือผมก็ชี้ไปที่ธงเรียกวิญญาณตรงหน้า

 

วินาทีนั้น ก็เกิดลมกระโชกแรงขึ้นมาอย่างฉับพรัน

เทียนบนโต๊ะดัง “ พรึบพรึบ ” ธงเรียกวิญญาณก็โดนพัดโบกสะบัด

 

เรื่องก็เป็นแบบนี้ ผมถือดาบไม้เอาไว้ในมือ มือข้างหนึ่งประสานเป็นรูปดาบ ปากท่องคาถาไม่หยุด

การเรียกวิญญาณผีเจ็ดตน เป็นงานที่หนักมาก พลังที่ใช้ก็ไม่ใช่น้อยๆ

 

เพิ่งผ่านไปแค่แป๊บเดียว หน้าผากผมก็เต็มไปด้วยเหงื่อ

สิ่งที่จะฆ่าชีวิตผมก็คือ ในมือยังต้องถือดาบไม้เอาไว้แบบนั้น ตอนแรกมันก็ไม่เป็นอะไร

 

แต่พอผ่านไปนานเข้า ผมก็เริ่มรู้สึกแขนล้า มันทำให้ผมเหนื่อยมาก

ผีเจ็ดตน ตามจริงแล้วพวกเรามีทั้งวันเดือนปีเกิด และสถานที่ตายของพวกเขา

 

การเรียกวิญญาณของผม ก็น่าจะใช้เวลามากสุดประมาณครึ่งชั่วโมง ผีตนแรกก็น่าจะถูกเรียกมาแล้ว

แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นอย่างที่คิด ผมทนมาสี่สิบนาทีแล้ว แต่รอบๆก็ยังเงียบสงบ ผีเจ็ดตนนั้นไม่ออกมาเลยสักตัว

 

ส่วนตัวผมก็เริ่มทนไม่ไหวแล้ว มือผมถึงกับสั่นแล้ว

เหล่าเฟิงเห็นผมหายใจหอบเหนื่อย เลยสงสัญญาณว่าให้ผมไปพักข้างๆ เขาจะทำแทนเอง

 

ผมเองก็ไม่ไหวแล้ว เลยพยักหน้า เตรียมตัวพักการทำพิธี แล้วถอยออกมา

แต่ทางผมเพิ่งขยับ น้ำสามถ้วยที่ตั้งอยู่บนโต๊ะบูชาก็เริ่มเคลื่อนไหว เหมือนมันกำลังเดือด

 

“ บุ๊ยๆๆ ” ดังขึ้นมาไม่หยุด เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมก็ดีใจขึ้นมาทันที

อาจารย์และท่านนักพรตตู๋ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เข้ามามอง

 

หน้าเหล่าเฟิงเปลี่ยนสี ตะโกนออกมาทันที “ มาแล้ว ! ”

นี่เป็นสัญญาณบอกว่าวิญญาณกลับมาแล้ว อีกนัยหนึ่งคือ มีวิญญาณตนใดตนหนึ่งกลับมาแล้ว

 

แต่ไม่รอให้ผมได้ดีใจ กับการเห็นวิญญาณกลับมา ตรงธงเรียกวิญญาณที่อยู่หน้าโต๊ะบูชาก็มีเสียงดัง 

“ กร๊อบ”

เสาที่แขวนธงอันนั้น กลับหักลงมาอย่างน่าประหลาด……

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.