spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 363 สารภาพ
ช่วงเวลาสองสามวันนี้ทรมานพี่หูเกินพอแล้ว จนสามารถพูดได้ว่าเขาเป็นโรคประสาทไปแล้ว
นอนไม่หลับสามวันสามคืน จิตป่วนอย่างต่อเนื่อง และยังมีความน่ากลัวจากวิญญาณเร่ร่อนนิรนามที่บรรยายไม่ได้ ทำให้พี่หูถึงขีดจำกัดแล้ว
ในเวลานี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็สงบลงไม่น้อยแล้ว
แต่ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงประหลาดดังขึ้นที่ข้างหูของเขา ทำให้เขาถึงกับวิ่งออกไปพร้อมน้ำตา
เพียงชั่วพริบตาเดียวเขาก็เข้าไปอยู่ในรถแล้ว
ต่อด้วยเสียงสตาร์ทรถ จากนั้นพี่หูก็ขับรถเก๋งออกไปทันที
ขณะที่มองดูรถขับออกไป ผมไม่ได้รู้สึกอะไรมาก
หรือแม้แต่ไม่มีรู้สึกผิดเลยสักนิด แต่รู้สึกว่ามันสมควรแล้ว
ต่อจากนั้น ผมก็ติดตามข่าวเด็กหาย
ถ้าพี่หูคนนี้ไปสารภาพจริงๆ เขาก็ต้องได้รับโทษที่ควรได้ ผมเองก็จะคายคาถา เพื่อให้เขาไม่ต้องระแวงเรื่องนั้นอีก
แต่ถ้ารู้ว่าเขาไม่กลับใจ ผมเองก็ทำอะไรไม่ได้
คงได้แต่ทำให้เขาทรมานไปเรื่อยๆ จนถึงวันตายของเขา
ไม่อย่างงั้นเขาก็จะออกไปปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูงข้างนอก ลักพาตัวเด็ก หรือไปทำร้ายใครอีก
ที่ผมทำแบบนี้ ก็ถือเป็นการเอาเนื้องอกออกจากสังคมทางหนึ่ง
ขณะคิดแบบนี้ในใจ ผมก็เดินกลับเข้าไปในบ้าน
เพิ่งเข้ามาในบ้าน อาจารย์ก็เดินออกมาจากข้างใน “ หือ ! เจ้าหมอนั้นไปแล้วเหรอ ? ”
“ อือ ! กลับไปแล้ว ผมให้เขาคายเงินของผมออกมา แล้วยังได้เงินเพิ่มมาอีก 50,000 ” ผมบอกอาจารย์ตามตรง
อาจารย์พยักหน้า เขาเพียงพูดกับผมเบาๆ “ เงินพวกนี้เป็นเงินสกปรก แกไม่ควรเก็บเอาไว้ ไม่งั้นจะโดนผลกรรมไปด้วย ”
“ ช่วงสองสามวันนี้อากาศหนาว ฉันเห็นเด็กๆบนเขา ยังไม่มีเสื้อกันหนาวใส่เลย แกเอาเงินก้อนนี้ไปบริจาคให้สภากาชาด ! ถือว่าทำความดีให้เจ้าหมอนั้นด้วย จะได้ลดปาบให้มันบ้าง ! ”
เรื่องเวรกรรม แม้จะมองไม่เห็น
แต่ในสายงานของพวกเรา เชื่อเรื่องนี้มาก
ทุกอย่างมีผลของมัน บางอย่างช้าบางอย่างเร็ว นี่ไม่ใช่เรื่องโกหก
เพราะรู้ว่าเงินก้อนนี้ได้มาจากวิธีสกปรก ไปบีบบังคับเอามาจากมือของคนอื่น
เงินประเภทนี้ ตัวเองจะใช้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะได้รับผลกรรมตามไปด้วย
ดังนั้นผมเลยพูดกับอาจารย์ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ วางใจได้เลยอาจารย์ ผมเข้าใจเรื่องนี้ดี ”
อาจารย์ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่จุดกระบอกสูบยา และนั่งเก้าอี้โยกดูทีวีต่อไปเท่านั้น
ต่อจากนั้น ผมก็ใช้โทรศัพท์ หาเว็บทางการของสภากาชาด
เมื่อเห็นรูปภาพเด็กๆบนเขา มันก็น่าสงสารจริงๆ
พวกเขาไม่มีชุดที่เหมาะๆเลยสักคน ทุกคนต้องเดินลุยป่าทุกวัน หรือแม้แต่ต้องเดินหลายชั่วโมงเพื่อไปโรงเรียน กินไม่อิ่มนอนก็ไม่อุ่น
ผมเองก็ไม่ได้ลังเลอะไรมากนัก จากนั้นผมก็โอนเงินทั้งหมดที่พี่หูเพิ่งโอนมาให้ผม ไปให้กับสภากาชาด
ผมยังใช้เงินสองร้อยหยวนของตัวเองด้วย ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆจากตัวผม……
เมื่อเข้าวันที่สาม ผมก็เห็นข่าวพี่หูสารภาพในข่าว
ทางตำรวจประกาศว่า ผู้กระทำผิดที่ลักพาตัวเด็กในเมืองโดนจับแล้ว ในเวลาเดียวกันก็ทำลายแก๊งเงินกู้ดอกเบี้ยสูงอีกด้วย
บนหนังสือพิมพ์นอกจากรูปพี่หูที่สภาพย่ำแย่แล้ว ยังมีสหายไม่กี่คนของเขาด้วย วินาทีนั้นผมถอนหายใจในทันที
แบบนี้เรื่องพี่หูก็ถือว่าจบลงแล้ว และก็ถือเป็นการคืนความยุติธรรมให้เด็กที่หายตัวไปพวกนั้นด้วย
ต่อจากนั้น ผมก็ได้รับคำชี้แนะจากอาจารย์ ทำยันต์เจ๋ฟู๋ขึ้นมา เพื่อคลายคาถาให้พี่หู
พอทำเรื่องนี้เสร็จแล้ว ผมก็รู้สึกโล่งใจขึ้นไม่น้อย
หนึ่งอาทิตย์ต่อจากนั้น ธุรกิจก็เป็นไปได้แย่มาก ผมเองก็มีเวลาฝึกมากขึ้น
แต่ไม่รู้ว่าทำไม ผมรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าตัวเองจะทะลุข้ามผ่านไปได้แล้ว แต่สุดท้ายก็ผ่านไปไม่ได้สักที
เที่ยงวันนี้ ผมและอาจารย์ทำอาหารสองอย่างง่ายๆ และไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
ผมเล่าเกี่ยวกับความสับสนในการเลื่อนขั้นเมื่อเร็วๆนี้ให้อาจารย์ฟัง พออาจารย์ได้ยินว่าผมใกล้ทะลุถึงเต้าฉือขั้นสุดแล้ว เขาก็อดตกใจไม่ได้ “ เร็วขนาดนี้เชียว แกรู้สึกมาถึงจุดจุดนั้นแล้วเหรอ ? ”
ผมเห็นอาจารย์ทำท่าทางคาดไม่ถึง แต่ก็ไม่ได้สนใจ เพียงบอกไปตามความจริงเท่านั้น “ อือ ! หลายวันแล้ว ช่วยสองสามวันนี้ผมไปถึงจุดนั้นทุกวัน แต่ทะลุผ่านมันไปไม่ได้สักที ! ”
อาจารย์เห็นท่าทางที่จริงจังของผม เขาเลยอดสูดหายใจเข้าลึกๆไม่ได้
หลังจากนั้นก็พูดกับผมอย่างเคร่งขรึม “ เสี่ยวฝาน ! แกมีพรสวรรค์ แต่ก็อย่าเพิ่งรีบร้อนเกินไป บางครั้งรีบเกินไป มันจะได้ผลลัพธ์ไม่ดีนัก สงบสติอารมณ์ก่อน ไม่แน่พอผ่อนคลายแล้ว อาจทะลุได้ตามธรรมชาติก็ได้นะ ! ”
พอได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้น ผมก็คิดว่ามันมีเหตุผลอยู่เหมือนกัน จึงพยักหน้ารับ และไม่พูดเรื่องนี้อีก
ส่วนอาจารย์หลังจากกินข้าวไปสองสามคำแล้ว จู่ๆก็พูดขึ้นมาอย่างกระทันหัน “ เสี่ยวฝาน ! ช่วงนี้แกไม่ต้องสนใจเรื่องเลื่อนขั้นได้หรือไม่ได้ เราสองคนครูศิษย์ก็หาเงินได้ไม่น้อยเหมือนกัน ตอนนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องบ้านกับอาหารแล้ว แกก็มีใบขับขี่แล้ว เราไปซื้อรถกันไหม ! ”
พอผมได้ยินคำพูดนี้ ก็ตะลึงไปพักหนึ่ง ผมดีใจสุดๆ
ซื้อรถ ผมเองก็ไม่ใช่ไม่เคยคิดมาก่อน
เนื่องจากพวกเราทำธุรกิจ มีรถสักคันก็สะดวกดีเหมือนกัน
มีอยู่หลายครั้ง ที่พวกเราต้องออกไปทำงานข้างนอก หรือซื้อของเข้าร้านเป็นต้น
เพียงแต่เมื่อก่อนรายได้ของผมกับอาจารย์ ได้แต่ใช้ประทังชีวิตไปวันๆ ไม่มีเงินเหลือเก็บขนาดนั้น
ตอนนี้พอได้ยินอาจารย์พูดถึงขนาดนั้น ผมก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที “ ดีซิอาจารย์ ! แต่ผมมีเงินไม่พอ อาจารย์เพิ่มมาอีกหน่อยซิ ผมว่ารถโฟล์คสวาเกนคันละแสนกว่าหยวนนั่นไม่เลวเลยนะ ”
อาจารย์กลอกตาให้ผม จากนั้นก็หยิบบัตรธนาคารออกมาจากกระเป๋า “ โฟล์คกะผีนะซิ บัตรนี่มีเงินอยู่สองหมื่นกว่า บวกกับของแกแล้ว ก็เอาไปซื้อเถอะ ! ”
พอได้ยินว่าสองหมื่นกว่า ผมก็เลิ่กลั่กในทันที
ในมือผมมีอยู่สี่หมื่น รวมกันแล้วก็ได้แค่หกหมื่นกว่า แล้วแบบนี้จะไปซื้อรถอะไรได้
“ อาจารย์ สองหมื่นมันน้อยไปหรือเปล่า อาจารย์เพิ่มอีกหน่อยดีไหม ? ” ผมลองถามหยั่งเชิง
แต่อาจารย์กลับขี้งก เขากลอกตาให้ผมทันที “ สองหมื่นยังน้อย ? ฉันไปถามป้าหลิวที่ส่งอาหารมาแล้ว
รถตู้ของเธอแค่สี่หมื่นเอง ! ถ้าแกบอกว่าน้อย งั้นก็ไม่ต้องซื้อ ! ”
พอพูดจบ อาจารย์ก็ทำท่าจะคว้าบัตร
ผมตาลีตาเหลือกเลยทีนี้ อาจารย์ไม่เอาเงินจากผมก็ดีเท่าไหร่แล้ว ตอนนี้ยังเอาเงินสองหมื่นออกมาอีก
แล้วคนโง่ที่ไหนมันจะไม่เอาละ
ผมรีบหยิบบัตร แล้วหัวเราะฮ่าๆให้อาจารย์ “ ไม่น้อย ไม่น้อย พรุ่งนี้เช้าผมจะไปดูรถในเมือง ”
ขณะพูด ผมก็เก็บบัตรเรียบร้อยแล้ว……
หลังกินข้าวเสร็จ ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดเว็บดูรถ ตอนนี้ผมมีเงินอยู่สี่หมื่นหก อาจารย์ให้มาสองหมื่น รวมกันเป็นหกหมื่นหก
แต่หกหมื่นหกจะซื้อรถอะไรได้ หลังจากดูรถยนต์ในเน็ตประมาณชั่วโมงกว่าๆ ผมก็พบว่านอกจากรถตู้แล้ว ผมก็ซื้อรถอื่นไม่ได้อีก
แต่รถตู้ก็รถตู้เถอะ ! เราก็เป็นคนมีกำลังทรัพย์ และรถตู้ก็จุคนได้หลายคน แถมยังใช้ขนของได้อีกด้วย
หลังจากตัดสินใจได้แล้ว ผมก็โทรศัพท์ไปหาเหล่าเฟิง บอกเขาว่าผมจะไปซื้อรถ ให้เขาไปเป็นเพื่อนผมหน่อย
ช่วงสองสามวันนี้เหล่าเฟิงเองก็ไม่มีอะไรทำ หลังฟังผมพูดจบ เขาก็ไม่พูดไร้สาระ บอกว่า “ โอเค ” เพียงคำเดียว
ผมยังไม่ทันพูดประโยคต่อไป เจ้าหมอนี่ก็วางสายแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากบอกอาจารย์เรียบร้อย ผมก็ออกจากบ้านทันที
วันนี้ผมอารมณ์ดีสุดๆ อากาศก็ดี ฟ้าโปร่งแดดจ้าเลยทีเดียว
เมื่อมาถึงสถานีขนส่ง ผมก็พบว่าเหล่าเฟิงรออยู่ที่นี่สักพักแล้ว
ผมสองคนคุยกันแป๊บหนึ่ง หลังสูบบุหรี่เสร็จหนึ่งมวน เราก็นั่งรถตรงไปที่ย่านขายรถในเมือง……