หน้าแรก > ศพ
ตอนที่ 358 ออกข่าว

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

ตอนที่ 358 ออกข่าว

ในเตียงอุ่นมาก แต่เมื่อเช้าวันรุ่งขึ้นมาถึง ผมและเหล่าเฟิงก็โดนเสียงเคาะประตูปลุก

ผมตะโกนด้วยเสียงสะลึมสะลือ “ ใคร ! ”

 

“ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว พวกเราควรกลับได้แล้ว ” เสียงของอาจารย์ดังตามมาติดๆ

ผมมองดูนาฬิกาอย่างสะลึมสะลือ พบว่าตอนนี้เก้าโมงแล้ว

 

จึงค่อยๆลุกมาจากเตียง ไปเปิดประตู

เพิ่งเปิดประตู อาจารย์และท่านนักพรตตู๋ก็เดินเข้ามา กระตุ้นให้พวกเราสองคนรีบตื่นได้แล้ว

 

ผมและเหล่าเฟิงไม่อยากตื่นจริงๆ หลังจากหาวสองสามครั้ง ทันใดนั้นเองผมก็นึกถึงอู่ฮุ่ยฮุ่ยขึ้นมาได้

 

เลยหาข้ออ้างพูดออกไปว่า “ อาจารย์ พวกท่านกลับไปก่อนเถอะ ! เพื่อนของผมเมื่อวานให้ผมทำพิธีเปิดกล้อง สุดท้ายเจอกับเจ้าตุ๊กตาผีพวกนั้นเข้า วันนี้ก็เลยต้องไปทำให้ใหม่ ! ”

 

พอเหล่าเฟิงได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็หาว แล้วพูดขึ้นมาว่า “ อาจารย์ เดี๋ยวพวกเรากลับพร้อมกัน ! พวกอาจารย์กลับไปก่อนเถอะ ! ”

 

พออาจารย์กับท่านนักพรตตู๋เห็นท่าทางขี้เกียจของพวกเราสองคน พวกเขาก็จนปัญญา

บอกให้พวกเราสองคนระวังตัวดีๆ หลังจากนั้นก็กลับไปก่อน

 

พอพวกอาจารย์ไปแล้ว ผมและเหล่าเฟิงก็ล้มตัวลงนอนต่อถึงเที่ยงวัน ถึงได้ลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวอีกครั้ง

ในเวลาเดียวกัน ผมก็โทรศัพท์ไปหาอู่ฮุ่ยฮุ่ย

 

เพิ่งรับสาย อีกฝั่งก็พูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน “ ติงฝาน นายเป็นอะไรไหม ทำไมถึงเพิ่งโทรหาฉันเอาป่านนี้ฮะ ? ”

ผมยิ้มอย่างลำบากใจ “ เอ่อคือหลับไปน่ะ เรื่องที่วัดร้างเรียบร้อยแล้วนะ เธอบอกผู้กำกับจางด้วยละ 

ว่าเริ่มถ่ายได้เลยคืนนี้ ! ”

 

“ ได้ เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ! แต่ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน เดี๋ยวฉันจะไปหา ! ” อู่ฮุ่ยฮุ่ยพูดต่อ

 

ผมไม่ได้ใส่ใจ บอกว่าผมอยู่ที่โรงแรมเล็กๆทางฝั่งตะวันตกของเมือง จากนั้นพวกเราก็คุยกันอีกนิดหน่อย แล้วถึงวางสาย

 

ในเวลานี้ เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง “ ก๊อกๆๆ ”

“ ติงฝาน เฟิงเฉ่วหานรีบ รีบเปิดประตูเร็ว ! พวกเราออกข่าวแหละ ! ” จู่ๆเสียงฉู่ยเฉิงจิงก็ดังขึ้นที่หน้าประตู แถมยังเป็นเสียงที่ร้อนรนอีกด้วย

 

พอได้ยินเสียงนี้ ผมและเหล่าเฟิงก็ทำหน้างงทันที

พวกเราออกข่าว เข้าใจผิดหรือเปล่า พวกเราไม่ใช่ดาราอะไร ที่จะต้องตกเป็นข่าวสักหน่อย !

แต่ผมก็ไม่ได้ลังเล เปิดประตูในทันที

 

เห็นเพียงฉู่ยเฉิงจิงเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน ในมือถือโทรศัพท์แล้วพูดกับพวกเราว่า “ พวกนายดูซิ เมื่อวานเราโดนถ่าย ! แถมยังโดนสงสัยว่าเป็นพวกค้ามนุษย์อีกด้วย ”

“ หา ? ” ผมและเหล่าเฟิงตกใจเล็กน้อย

 

สุดยอด ! ไม่ซวยขนาดนั้นมั้ง ถ้าโดนเข้าใจผิดว่าเป็นพวกค้ามนุษย์จริงๆ ถึงพวกเราสามคนจะกระโดดลงแม่น้ำหวงเหอก็ยังคืนความบริสุทธิ์ไม่ได้เลยละ

 

ผมไม่คิดอะไรมาก รีบหยิบโทรศัพท์มาดูทันที

ผมพบว่าเราตกเป็นข่าวในท้องถิ่น มีเนื้อหาข่าวสองสามบรรทัด บวกกับวิดิโอสั้นๆและภาพถ่ายอีกสองภาพ

 

หัวข้อข่าวที่สะดุดตาคือ “ พวกค้ามนุษย์ ” กลับใจ เอาเด็กที่ลักพาตัวไปมาส่งที่สถานีตำรวจอย่างเงียบๆ……

 

ใจความหลักๆมีอยู่ว่า ช่วงเช้ามืดวันนี้ ที่สถานีตำรวจทางชานเมือตะวันตกพบเด็กสองคน

จากการค้นหา พบว่าเป็นที่หายไปเมื่อเร็วนี้ๆ

 

และเด็กสองคนนี้ ก็ถูกคนสามคนส่งตัวกลับไป

จากการยืนยันเบื้องต้นของตำรวจ พวกเขาบอกว่าทั้งสามคนนี้อาจเป็นผู้ต้องสงสัย หรือก็คือพวกค้ามนุษย์

 

เพราะกลัวการลงโทษทางกฎหมาย จึงใช้ช่วงเวลายามวิกาลอุ้มเด็กสองคนนี้มาไว้ที่หน้าสถานีตำรวจ

สำหรับภาพในวิดิโอ เป็นถนนที่มืดๆ จู่ๆก็มีคนสามคนออกมาจากทางเล็กๆ จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าโดยหันหลังให้กล้อง

 

ภาพไม่กี่ภาพนี้ก็เป็นด้านหลังของพวกเรา แต่ผมก็มองแล้วมองอีก มันเป็นภาพที่มืดมาก แยกแยะชายหญิงไม่ออก จึงไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะถ่ายติดลักษณะที่ชัดเจนของพวกเรา

 

ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอกในใจ “ ไม่เป็นไร ไม่ถ่ายติดหน้าของพวกเรา เป็นชายหรือหญิงยังแยกไม่ออกเลย รออีกสองวันรอให้ฉันทำให้เจ้าหนี้หน้าเลือดนั้นไปสารภาพ พวกเราก็จะไม่เป็นไรแล้ว ! ”

 

ผมพูดอย่างไม่ใยดี แต่ฉู่ยเฉิงจิงกลับอารมณ์เสียขึ้นมา เธอพูดด้วยความโมโห “ พวกนายดูที่เขาคอมเมนต์กันซิ เห็นอยู่ชัดๆว่าพวกเราทำเรื่องดี แต่ตอนนี้กลับโดนด่าจนฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว ”

หลังจากพูดจบ ฉู่ยเฉิงจิงก็เปิดคอมเมนต์ขึ้นมา

 

ข่าวนี้เพิ่งโพสได้ไม่ถึงสองชั่วโมง แต่กลับมีคอมเมนต์มากกว่าสามพันข้อความแล้ว

พอกวาดตามองต่อไปเรื่อยๆ มีแต่คนด่า ด้วยคำพูดต่างๆนานา ทุกคนเอาแต่กล่าวหาเราฝ่ายเดียว

แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้นิ ทุกคนไม่รู้ความจริง แต่พวกเรารู้ดีแก่ใจ ว่าตัวเองทำเรื่องที่ดีลงไป

 

ผมบอกให้ฉู่ยเฉิงจิงไม่ต้องไปดูมันแล้ว ไม่อย่างนั้นจะยิ่งดูยิ่งโมโหเปล่าๆ และบอกตอนนี้เที่ยงแล้ว 

เราลงไปกินข้าวกันเถอะ

 

ฉู่ยเฉิงจิงถึงได้เก็บโทรศัพท์ แล้วตามพวกเราออกไปกินข้าวนอกโรงแรม

 

เราสั่งอาหารสองสามอย่างกินด้วยกันแถวนี้

ฉู่ยเฉิงจิงถามผมว่าตอนบ่ายพวกเราจะไปทำอะไร อยากไปเดินช้อปปิ้งกับเธอไหม และยังบอกว่าจะเลี้ยงข้าวเย็นผมกับเหล่าเฟิง

 

ผมบอกว่าตอนบ่ายยังต้องกลับไปที่วัดร้าง ช่วยทำพิธีเปิดกล้องให้กองถ่าย

“ อ่อ ” ฉู่ยเฉิงจิงทำเสียงผิดหวัง บอกว่าคนในกองถ่ายไม่ชอบขี้หน้าเธอแล้ว เธอคงไม่ตามไปด้วย 

บอกว่าแล้วจะนัดพวกเราใหม่อีกที

 

หลังกินข้าวเสร็จ ผมและเหล่าเฟิงก็ไปส่งฉู่ยเฉิงจิงออกไปจากที่นี่

ฉู่ยเฉิงจิงเพิ่งออกไปไม่นาน อู่ฮุ่ยฮุ่ย ฉิงหมิงเฉ่ว และผู้กำกับจางก็มาถึงที่นี่ พวกเขาขับรถมารับผมโดยเฉพาะ

 

หลังจากผู้กำกับจางรู้จากปากผมว่าวัดร้างสงบเรียบร้อยแล้ว เขาก็ขอบคุณผมสุดๆ

ในเวลาเดียวกันยังถามผมว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ผมเองก็ไม่รอช้า เล่าให้พวกเขาฟังด้วยน้ำเสียงสบายๆ แน่นอนว่ามันต้องมีใส่ไข่เข้าไปบ้าง

 

สำหรับเรื่องนักพรตกุ่ย เป็นธรรมดาที่ผมจะไม่พูดออกมา

ส่วนผู้กำกับจาง อู่ฮุ่ยฮุ่ยและคนอื่นๆ กลับฟังแล้วก็ตกใจ หัวใจเต้นรัวทันที

 

สำหรับเจ้าตุ๊กตาผีพวกนั้น พวกเขาคิดว่ามันน่าเหลือเชื่อสุดๆ ในเวลาเดียวกันก็ชมความสามารถของพวกเราไม่หยุด

 

และยังพูดว่า คำพูดของผมให้แรงบรรดาลใจกับเขา ตอนนี้หนังเรื่องใหม่ของเขา มีองค์ประกอบใหม่เข้ามาอีกแล้ว

 

ก่อนมาถึงวัดร้าง ผู้กำกับจางยังตั้งคำถามให้ผมกับเหล่าเฟิงตอบไม่น้อย

 

อู่ฮุ่ยฮุ่ยและฉิงหมิงเฉ่ว ก็ขอคำแนะนำจากพวกเรา เกี่ยวกับท่าทางที่แท้จริงของผีผู้หญิงและท่าทางที่ดูน่าสยองขวัญต่างๆ

 

เนื่องจากเรื่องพวกนี้ เป็นที่พวกเขาไม่ได้สัมผัสเยอะเหมือนพวกเรา และไม่ได้สัมผัสโดยตรง

ในฐานะนักแสดง หากคิดจะสวมบทบาทให้สมจริง มันก็ต้องเข้าใจตัวละครนั้นก่อน

 

พวกเธอต่างไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าผีผู้หญิงหน้าตาเป็นยังไง แล้วแบบนี้เธอจะแสดงเป็นผีผู้หญิงได้ยังไง

ผมและเหล่าเฟิงก็ว่างไม่มีอะไรทำ เลยเล่าให้ฟังนิดหน่อย แต่ก็ทำให้ทั้งสามคนตกใจไม่น้อย

 

พวกเขาคิดว่าเบื้องหลังของโลกนี้ เป็นที่ที่แปลกประหลาด น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าอะไรดี

หลังจากมาถึงวัดร้าง พวกเราก็พบว่าทีมงานที่เหลือมารออยู่นานแล้ว และมาครบหมดแล้วด้วย

 

ตอนนี้กำลังทำความสะอาดสถานที่ และต่อโครงของอะไรบางอย่าง

ตอนพวกเรามาถึง เราไม่ได้รับการต้อนรับจากทุกคน

 

แต่นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะหลังจากทำพิธีเปิดกล้อง พิธีอวยพร และได้รับอั่งเปาแล้วเราก็จะออกไปจากที่นี่ทันที

 

หลังจากนั้นประมาณสี่โมงเย็น พวกเราก็ทำโต๊ะบูชาเสร็จ

หลังจากนั้นเราก็เริ้มจุดธูป เผากระดาษ ขอให้ปลอดภัยทำงานรอบรื่น และขอให้เริ่มถ่ายด้วยดี

 

ในฐานะที่ผมเป็นนักพรตที่กองถ่ายเชิญมา จึงเป็นธรรมดาที่จะตกเป็นเป้าสายตาของทุกคน ในการทำพิธี “ เปิดกล้อง ”

 

นี่เป็นคำขอของผู้กำกับจาง ที่จริงผมก็แค่ให้ศีลให้พร

และยังมีพวกอุปกรณ์ถ่ายภาพ อุปกรณ์ประกอบฉาก เครื่องสำอาง ทุกอย่างเป็นแค่เรื่องไร้สาระทั้งนั้น

 

แต่เพื่ออั่งเปา และปลอบใจคนพวกนี้ ผมก็เลยต้องทนทำต่อไป

 

แน่นอน เพราะพลังหยินที่วัดร้างแรงมาก เมื่อคืนยังเพิ่งมีตุ๊กตาผีสามตัวตายที่นี่ นอกจากทำพิธีที่ไร้สาระนี่แล้ว

 

พวกเรายังแปะยันต์เอาไว้รอบๆแถวนี้ ในเวลาเดียวกันยังทำพิธีอวยพรให้สงบสุขอย่างแท้จริง เพื่อรับประกันว่าที่นี่จะปลอดภัยจริงๆ

 

และรวมกับคำเตือน ที่บอกให้พวกผู้กำกับจางระวังตัว หากมีอะไรผิดปกติ ก็ให้พวกเขาติดต่อพวกเราทันที

ผู้กำกับจางรู้สึกขอบคุณกับทุกอย่างที่พวกเราทำมาก เขาไม่ลังเลมอบอั่งเปาก้อนโตจำนวน 2,680 หยวนให้ผมทันที

 

ผมเองก็ไม่ได้เกรงใจ เพราะครั้งที่แล้วได้เงินมาจากพวกเขาไม่เท่าไหร่

ครั้งนี้ยังเกือบเอาชีวิตไม่รอด เงิน 2,680 หยวนนี้ผมเก็บเอาไว้เป็นเงินปลอบใจตัวเอง

 

หลังจากรับเงินมาแล้ว ทางกองถ่ายก็เริ่มทำงานกันทันที

ส่วนผมและเหล่าเฟิงไม่ค่อยสนใจด้านนี้เท่าไหร่ เลยบอกลาแล้วออกมาทันที

 

ตอนนี้สิ่งที่ผมต้องทำคือ กลับบ้านไปกระตุ้นยันต์ ทำให้พี่หูเจ้าหนี้หน้าเลือดนั้น ได้รับกรรมที่ก่อเอาไว้……

 

ในเวลาเดียวกันผมก็ต้องคิดวิธีทำให้พลังและความสามารถของตัวเองสูงขึ้น เพราะไม่ช้าก็เร็วเดี๋ยวเราก็ต้องหาเจ้านักพรตกุ่ยหรือกุ่ยซานหยวนเจอ ถึงตอนนั้นผมจะกำจัดมันให้สิ้นซาก ทำให้หายนะในอนาคตหายไปทั้งหมด

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.