spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 349 ข่าวที่ไม่คาดคิด
ฉู่ยเฉิงจิงวางแผนเอาไว้เรียบร้อยหมดแล้ว ดูเหมือนผมจะคิดมากไปเอง
และฉู่ยเฉิงจิงกลับพูดกับผมขึ้นมาว่า “ อือใช่ ปกตินายทำงานอะไรเหรอ ? ทำไมถึงมากับกองถ่ายละ ?
หรือนายทำงานทั่วไปในกองถ่ายเหรอ ? ”
ผมคลี่ยิ้มอย่างขมขื่น ตัวผมไม่สนใจทำงานยกของแบกของพวกนั้นเลยสักนิด
“ ไม่ใช่ ฉันมีเพื่อนอยู่ในกองถ่ายน่ะ วันนี้พวกเขาจะเริ่มเปิดกล้อง ฉันก็เลยตามมาด้วย ปกติฉันเปิดร้านขายของเกี่ยวกับงานศพ พวกขายธูป เทียน กระดาษเงินกระดาษทองอะไรพวกนั้น ! ” ผมพูดพร้อมรอยยิ้ม
ฉู่ยเฉิงจิงทำปากมุ่ย “ อือก็ดีนิ ถือเป็นงานที่เข้ากับสายงานอยู่ แต่อาจารย์ของฉันกลับไม่ชอบให้ฉันทำงานนี้ ฉันอยากจะออกไปล่าผีอย่างเดียว สุดท้ายท่านกลับให้ฉันไปเรียนมหาลัย แถมยังบอกให้เรียนด้านการเงินอีกด้วย ไม่อย่างงั้นจะไม่สอนวิชาให้ฉัน ! ”
ฉู่ยเฉิงจิงทำหน้าเศร้า และยังดูค่อนข้างโมโหด้วย แต่เธอก็ดูน่ารักอยู่พอสมควร
ในเวลาเดียวกัน ผมเกิดสงสัยในตัวฉู่ยเฉิงจิงขึ้นมา
ผมพูดต่อ “ อือใช่แล้ว สำนักเหมาชานของพวกเธอเป็นยังไงเหรอ ? เป็นเหมือนที่เขาว่ากันไหม จะต้องฝึกวิชาอย่างยากลำบากอยู่บนเขาทุกวัน ”
พอฉู่ยเฉิงจิงได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็กลอกตาให้ผมทันที “ เฮ้อ ! ฝึกโหดที่ไหนละ พวกอาจารย์ของฉัน อยากจะไปออกทริปทุกวัน รับสมัครนักท่องเที่ยวกันว่าเล่น ”
“ ออกทริป รับนักท่องเที่ยว ” ผมงงในทันที
ฉู่ยเฉิงจิงเห็นผมไม่เข้าใจ เลยกลอกตาให้ผมอีกรอบ “ นายคงดูทีวีเยอะไปละซิ พวกอาจารย์และศิษย์พี่ศิษย์น้องของฉัน อยู่บนเขาน้อยมาก พวกเขาส่วนใหญ่จะมีงานของตัวเอง แค่กลับขึ้นไปบนเขาตามเวลาที่นัดหมายเอาไว้เท่านั้น ”
“ นอกจากผู้อาวุโสแล้ว ปกติพวกอาจารย์หรือพวกลุงพวกนั้น ก็รับผิดชอบดูแลตามจุดชมวิว พัฒนาและใช้ประโยชน์จากพวกมัน…… ”
ฉู่ยเฉิงจิงยังพูดต่อ ผลลัพธ์คำพูดของเธอ กลับทำให้ความประทับใจที่ผมมีต่อสำนักเหมาชานหายไปทันที
ก็ผมคิดแบบนั้นนิ ! พวกนี้เป็นสำนักเต๋า และยังเป็นสำนักที่ก่อตั้งมาหลายร้อยปี
นักพรตที่อยู่ในนั้นก็น่าจะฝึกหนักทุกวัน หรือไม่ก็ลงเขามาหาประสบการณ์ ล่าปีศาจกำจัดสิ่งชั่วร้ายซิ
สุดท้ายละ ฉู่ยเฉิงจิงกลับบอกผมว่า มันไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด
ปกติชีวิตของพวกเขาไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดา ต้องเรียนหนังสือ และทำงานกันทั้งนั้น
และอาจารย์ของฉู่ยเฉิงจิงก็บังคับให้ฉู่ยเฉิงจิงเรียนหนังสือ แถมยังสร้างเป้าหมายบางอย่างให้เธอ
เมื่อเธอไต่มาถึงระดับไหนแล้ว เขาก็จะสอนวิชาในระดับนั้นให้
เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ ผมก็เหมือนโดนทำลายความทรงจำทันที
ให้ตายเถอะ ตอนนี้จะเป็นนักพรตมันต้องการอะไรสูงขนาดนี้เลยเหรอ
ฉู่ยเฉิงจิงเห็นผมทำหน้าตกใจอย่างแรง จึงพูดกับผมด้วยเสียงดูถูก “ เลิกอึ้งได้แล้ว ตอนนี้สำนักต่างๆก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้นแหละ บางสำนัก ยังทำธุรกิจในอินเตอร์เน็ตด้วยนะ เช่นดูดวงในอินเตอร์เน็ต หรือแม้แต่ทำช่องในยูทูปก็มี ! บางคนถึงกับไปเป็นนายทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ จนสามารถจดทะเบียนบริษัทได้เลย ”
“ พระเจ้า ! มันมาไกลถึงขนาดนี้เลยเหรอ ? ” ผมทำหน้าตกใจ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่านักพรตที่คอยปราบสิ่งชั่วร้าย ตอนนี้จะเริ่มหารายได้จากอินเตอร์เน็ต
ฉู่ยเฉิงจิงแกะเม็ดแตงโมต่อ “ อือ ! ไกลมาก แต่ความจริงเป็นแบบนี้ เราจะทำอะไรได้ ”
ฉู่ยเฉิงจิงทำหน้าไม่ใส่ใจ แต่ผมกลับกำลังย่อยข้อมูลพวกนี้อย่างช้าๆ
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอกับศิษย์สำหนักใหญ่ๆ และเป็นครั้งแรกที่ได้รู้ว่าตอนนี้สำนักต่างๆเปลี่ยนไปยังไงบ้าง
แต่พอลองมาคิดให้ดี ผมก็พบว่าที่ฉู่ยเฉิงจิงพูดมาก็ฟังดูมีเหตุผลอยู่เหมือนกัน
ตอนนี้สังคมกำลังขับเคลื่อนไปข้างหน้า ยุคสมัยนี้ เป็นยุคของโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ มีไม่กี่คนเท่านั้นที่เชื่อเรื่องภูติผี
และสังคมก็ยิ่งมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ ภูติผีปีศาจที่ชั่วร้ายก็มีเหลือไม่มากแล้ว
และงานที่ตกยุคอย่างพวกเรา หากไม่เปลี่ยนแปลง หรือทำงานอื่นเพิ่ม เพื่อหารายได้เข้ากระเป๋า
ก็อย่าว่าแต่จะสืบทอดวิชาให้ใครเลย แม้แต่อยากจะกินให้อิ่มท้อง ก็อาจเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ
พอคิดถึงตรงนี้ ผมก็หันไปมองฉู่ยเฉิงจิงอีกครั้ง พอคิดได้ว่าเธอกำลังเรียนหนังสืออยู่ ผมก็ถามเธอว่า
“ ใช่แล้วฉู่ยเฉิงจิง เธอเรียนอยู่ที่ไหนเหรอ ? ฉันมีเพื่อนคนนึงกำลังเรียนอยู่ปีหนึ่ง เขาก็เป็นคนปราบสิ่งชั่วร้ายเหมือนกัน ! ”
“ โห ! จริงเหรอ ? ฉันเรียนอยู่ที่มหาลัยชิงฉือ เพื่อนนายเรียนที่ไหนเหรอ ? ” ฉู่ยเฉิงจิงดูอยากรู้อยากเห็นมาก
พอผมได้ยินว่าเป็นมหาลัยชิงฉือ ก็ใจสั่นทันที
ดีจริงๆ มหาลัยชิงฉือก็อยู่ข้างๆมหาลัยชิงชาน หรือจะพูดอีกอย่างคือฉู่ยเฉิงจิงกับหยางเฉ่วอยู่ใกล้กันสุดๆ
“ ฮ่าๆๆ เพื่อนของฉันคนนั้นอยู่มหาลัยข้างเธอ มหาลับชิงชาน ! ” ผมหัวเราะลั่น
“ โอ้ มหาลัยชิงชาน มหาลัยศิลปะอะนะ ! เพื่อนนายชื่ออะไร ผู้ชายหรือผู้หญิง น่าจะผู้ชายซินะ
หล่อไหม หล่อกว่านายหรือเปล่า ? ” ฉู่ยเฉิงจิงพูดอย่างตื่นเต้น ดวงตาเบิกกว้างยิงคำถามใส่ผมเป็นชุด
ผมหัวเราะ “ ฮ่าๆๆ ” แล้วย่นหน้า “ ผู้หญิงน่ะ อยู่ปีหนึ่ง รอให้เปิดเทอมแล้ว ฉันจะแนะนำให้เธอรู้จัก !
ชื่อว่าหยางเฉ่ว ”
ผมพูดด้วยรอยยิ้ม แต่ผมเพิ่งพูดจบ ท่าทีของฉู่ยเฉิงจิงก็แข็งทื่อไปในทันที เธอพูดด้วยความตกใจ
“ นายพูดว่าใครนะ ? ”
“ หยางเฉ่วไง ทำไมมีอะไรเหรอ ? ” ผมเริ่มสงสัย เห็นท่าทีของฉู่ยเฉิงจิงแปลกไป
หรือว่าพวกเธอรู้จักกัน ผมเดาในใจ !
“ หยางเฉ่วศิษย์น้องเก้าสำนักหวู่ตังคนนั้นนะเหรอ ” ฉู่ยเฉิงจิง
แต่พอผมได้ยินคำพูดนี้ กลับทำหน้านิ่งในทันที
ศิษย์น้องเก้าสำนักหวู่ตังงั้นเหรอ หยางเฉ่วบอกว่าบ้านตัวเองอยู่ที่ฉือเยี่ยนจริงๆนั่นแหละ มันอยู่ห่างจากสำนักหวู่ตังไม่มากนัก แต่ศิษย์น้องเก้าคืออะไร
ฉู่ยเฉิงจิงเห็นผมเงียบ เธอเลยถามต่อทันที “ คนที่ผิวขาวเว่อร์ หุ่นดีๆ หน้าอกใหญ่กว่าฉัน ! และยังสูงกว่าฉันอีกนิดหน่อย นายรอเดี๋ยวนะ ! ”
หลังจากพูดจบ ฉู่ยเฉิงจิงก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา หลังจากนั้นก็ค้นโทรศัพท์อยู่นานสองนาน สุดท้ายก็กดรูปหนึ่งขึ้นมา “ ใช่เธอไหม ? ”
ผมทำหน้าตกใจ จากนั้นก็รีบมองเข้าไปทันที
ผมเห็นเพียงในรูปนั้นมีผู้หญิงใส่ชุดเขียว มวยผมขึ้น ในมือถือแส้ฝูเฉิน มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
เธอยืนอยู่บนยอดเขาที่ทะเลหมอก มองไปแล้วดูสง่างามมาก
แต่ ตอนที่ผมเห็นหน้าของผู้หญิงคนนี้ชัดๆ ผมกลับอดสูดหายใจเข้าลึกๆไม่ได้
ไม่ว่าชุดนี้จะแตกต่างออกไปยังไง แต่ใบหน้านั้นกลับเป็นหยางเฉ่วชัดๆ
“ ใช่เธอหรือเปล่า ? ” ฉู่ยเฉิงจิงถามต่อ
“ อือ ! ใช่ เธอไปเอารูปนี้มาจากไหน ? ” ผมถามด้วยความสงสัย ในเวลาเดียวกันก็กำลังตกใจกับสถานะฐานะอีกอย่างของหยางเฉ่ว
เธอเป็นศิษย์ของสำนักหวู่ตัง สำนักหวู่ตังก็คือสำนักที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งบนโลกนี้
ถึงว่าทำไมหยางเฉ่วถึงได้มีวิชาร้ายกาจแบบนั้น ถ้าเธอเป็นศิษย์ของสำนักหวู่ตังจริงๆ งั้นมันก็สมเหตุสมผลแล้วละ
ในฐานะสำนักใหญ่ที่มีการสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน วิชาที่ส่งต่อๆกันมา ก็ต้องทรงพลังเป็นธรรมดา
พอฉู่ยเฉิงจิงได้ยินผมตอบกลับแบบนั้น ก็อดตกใจไม่ได้ เธอบ่นพึมพำขึ้นมาทันที ที่แท้พี่เฉ่วก็เรียนอยู่มหาวิทยาลัยศิลปะชิงชานนี่เอง
“ พวกเธอรู้จักกันเหรอ ? ” ผมถามด้วยความสงสัย
ฉู่ยเฉิงจิงกลับหัวเราะ ฮ่าๆ และพยักหน้า “ อือ รู้จัก สำนักเหมาชานของพวกเรากับสำนักหวู่ตัง ติดต่อกันมายาวนาน ในแต่ละปีจะมีการประชุมแลกเปลี่ยน ศิษย์รุ่นสามขึ้นไปต้องไปร่วมงานกันหมดทุกคน
และอาจารย์สามของฉันก็ชอบเธอมาก มาก มากเลยละ ! รูปนี้ ก็เป็นรูปโปรไฟล์ของอาจารย์สามของฉันเอง ”
หลังจากพูดจบ ฉู่ยเฉิงจิงก็ให้ผมดูแชทของเธอ
ทันใดนั้นผมก็พบว่ามีคนใช้รูปของหยางเฉ่วตั้งโปรไฟล์จริงๆ แถมชื่อยังงี่เง่าสุดๆ “ ฝังรักที่เสี่ยวเฉ๋วเฉ่ว ”
พอเห็นสิ่งนี้ ผมก็รู้สึกอึดอัดสุดๆ ขนลุกแล้วลุกอีก
ชื่อนี้มันน่าขยะแขยงเกินไป แถมยังฮาดคอสุดๆ ไม่รู้ว่าอาจารย์สามที่ฉู่ยเฉิงจิงพูดถึง เป็นพวกอินดี้หรือเปล่า
ฉู่ยเฉิงจิงกลับหัวเราะคิคิคิ เธอส่งข้อความเสียงให้ “ ฝังรักที่เสี่ยวเฉ๋วเฉ่ว ” “ อาจารย์สาม ตอนนี้ฉันรู้แล้วนะว่าพี่เฉ่วเรียนอยู่ที่ไหน อยากรู้ไหมฮึ ? ”
น้ำเสียงของฉู่ยเฉิงจิงฟังดูหวานมาก และขี้เล่นมาก
แต่ผมกลับคิดไม่ถึงเลย ว่าจู่ๆฉู่ยเฉิงจิงศิษย์สำนักเหมาชานคนนี้ จะมีความเกี่ยวข้องกับหยางเฉ่วด้วย
สิ่งที่คิดไม่ถึงยิ่งกว่านั้นคือ หยางเฉ่วเป็นคนในสำนักใหญ่ ศิษย์สำนักหวู่ตัง……