spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 346 เด็กสาว
เพราะรกร้างเกินไป และไม่มีใครดูแล วัดร้างทางตะวันตกแห่นนี้ จึงโดนตัดไฟไปนานแล้ว
ปกติก็แทบไม่มีคนผ่านมาแถวนี้ และกองถ่ายของอู่ฮุ่ยฮุ่ย คิดจะเริ่มถ่ายทำกันคืนนี้ พวกเขาวางแผนจะถ่ายที่นี่ประมาณ 60 วัน
ก่อนพวกเราจะมาถึง ก็มีทีมงานและนักแสดงคนอื่นๆมาถึงที่นี่ก่อนแล้ว
พวกเราเพิ่งมาถึง ผู้กำกับจางก็พาพวกเราเดินเข้าไปข้างในทันที
แต่เพิ่งเดินมาได้ไม่กี่ก้าว ในวัดร้างก็มีเสียงโวยวายดังขึ้น “ เธอฟังภาษาคนรู้เรื่องบ้างไหมฮะ ? เราจะใช้ที่นี่ถ่ายหนัง เธอจะทำแบบนี้ไปทำไมฮะ ? ”
ต่อจากนั้น จู่ๆเสียงใสของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้น “ ฮึ ! ถ่ายถ่ายถ่าย ถ่ายกะผีนะซิ ! ถ้าพวกแกยังไม่ไปอีก
รอฟ้ามืดแล้วพวกแกจะไม่มีโอกาสได้ไปอีกเลย ! ”
เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ พวกทีมงานที่อยู่รอบนอกก็เห็นพวกเรา
ทีมงานสองสามคนรีบวิ่งเข้ามาหาพวกเราทันที “ ผู้กำกับจาง ในที่สุดคุณก็มาซะที ! ”
“ ผู้กำกับจาง ในวัดมีผู้หญิงอยู่ เธอไม่ยอมออกไป แถมยังทำร้ายคนอีกด้วย พวกเราเลยทำงานต่อไม่ได้ ” ทีมงานอีกคนหนึ่งพูดขึ้น
ผู้กำกับจางขมวดคิ้ว “ ยังมีเรื่องพันนี้ด้วย ? ฉันจะไปดูหน่อย ! ”
ขณะพูด ผู้กำกับจางก็เดินไปข้างหน้าอย่างร้อนรน
ผม อู่ฮุ่ยฮุ่ย และคนอื่นที่เดินตามมาข้างหลัง ก็เดินเข้าไปในวัด
แต่ยิ่งเดินเข้ามาแถวตัววัดเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ
เพราะผมรับรู้ได้ลางๆ ว่ารอบๆวัดร้างแห่งนี้มีกลิ่นอายของพลังชั่วร้ายอยู่
มันเบาบางมาก แต่ผมก็มั่นใจ ว่ามันต้องเป็นพลังชั่วร้ายอย่างแน่นอน
ถ้าเป็นพลังหยิน มันก็ไม่แปลกอะไร
วัดร้างขนาดนี้ หากผีเร่ร่อนผ่านมา ก็คงเลือกใช้เป็นที่อยู่อาศัย
ถึงจะมีจำนวนมาก แต่ก็ทำได้แค่ทิ้งพลังหยินเอาไว้เท่านั้น ทำให้ความเข้มข้นของพลังหยินรอบๆสูงมาก
ก็เหมือนกับพวกสุสานไร้ญาติและป่าช้า แต่มันก็ไม่อาจมีพลังชั่วร้ายปรากฎออกมา
และที่มาของพลังชั่วร้าย ก็มีเพียงสิ่งเดียว นั่นก็คือสิ่งชั่วร้าย
พูดอีกอย่างคือ แถวนี้อาจมีของที่กลายเป็นสิ่งชั่วร้ายอยู่
ผมกำลังคิดในใจ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยออกมา ยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ ผมคิดจะเข้าไปดูในตัววัดร้างสักหน่อย
ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงประตูวิหาร
ที่นี่มีคนล้อมอยู่จำนวนมาก พวกเขาต่างมายืนออที่หน้าประตู
ผู้กำกับจางทำหน้าเข้ม “ ยืนบื้ออะไรอยู่ หลบออกไปให้หมด หลีกทางหน่อย ! ”
พอคนพวกนี้เห็นผู้กำกับจาง ก็รีบทักทายกันทันที “ ผู้กำกับจาง ในที่สุดคุณก็มาสักที ! ”
“ ผู้กำกับจาง ผู้หญิงในนี้ทำร้ายผม ! ” ชายหนุ่มวัย 20 พูดด้วยใบหน้าโศกเศร้า
“ โดนผู้หญิงอัดแล้วยังกล้าพูดอีกนะ ” ผู้กำกับจางอารมณ์เสีย จากนั้นก็เดินเข้าไปทันที
“ ใครทำร้ายคนของฉันฮะ ? ” ผู้กำกับจางทำท่าวางอำนาจ
ผมเองก็เดินตามเข้าไปในวิหาร แต่พอลองมองเข้าไปในวิหาร กลับพบว่าบนแท่นบูชาในนั้น มีเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งยืนอยู่
รูปร่างหน้าตาของเด็กสาวน่าจะมีอายุประมาณ 17-18 ปีได้ เธอหน้าตาใช้ได้เลยทีเดียว ให้ความรู้สึกเหมือนคุณหนูตระกูลเล็กๆ
สีหน้าเรียบนิ่ง ไม่กลัวคำวิพากษ์วิจาร์ของคนอื่น แกะเม็ดแตงโมกินอย่างเยือกเย็น
พอได้ยินผู้กำกับจางพูดแบบนั้น สาวน้อยก็กวาดตามองผู้กำกับจางด้วยสายตาดูถูก “ แกตาบอด หรือเอาตาไปไว้ที่ตูดฮะ ที่นี่นอกจากฉันแล้ว ยังมีคนอื่นอีกหรือไง ปัญญาอ่อน ”
พอผู้กำกับจางได้ยินแบบนั้น ก็โมโหจนแทบกระอักเลือดออกมา “ เธอหมายความว่ายังไงฮะ ? ทำร้ายคนของฉันแล้วยังกล้าปากดีอีก เราจะถ่ายหนังกันที่นี่ เธอเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว มาทำอะไรที่นี่ฮะ ? ถ้าดึกแล้ว เจอคนเลวเห็นเข้าเธอจะทำยังไงฮะ ! รีบออกไปได้แล้ว ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าพวกเราล่วงเกินนะ ! ”
สาวน้อยจ้องผู้กำกับจาง “ ดีซิ ! ฉันก็อยากเห็นเหมือนกันว่าแกจะล่วงเกินฉันยังไง ! ”
“ เฮอะ ! เธอไม่เข้าใจจริงๆซินะ เราจะถ่ายหนังที่นี่ ถ้าเธอยังอยู่ที่นี่ แล้วพวกเราจะถ่ายหนังยังไงฮะ ? ”
ผู้กำกับจางเห็นอีกฝ่ายเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง เลยค่อนข้างจนปัญญา ดูเหมือนกับทำอะไรไม่ได้มากนัก
แต่สาวน้อยคนนั้นกลับกระโดดลงมาจากแท่งบูชา แล้วพูดว่า “ ฮึ ! ยังจะถ่ายหนัง โชคดีที่ฉันมาถึงก่อน ไม่อย่างนั้นคนของพวกแก จะมีชีวิตถึงพรุ่งนี้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ! ”
พอได้ยินคำพูดนี้ ผมก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ คิดถึงพลังชั่วร้ายเมื่อกี้ขึ้นมา
หรือว่าสาวน้อยคนนี้ ก็รับรู้ได้ถึงพลังชั่วร้ายเหมือนกัน เธอเองก็เป็นคนปราบสิ่งชั่วร้ายเหมือนกันเหรอ
ผมคิดในใจ แต่ไม่ได้พูดออกมา ผมยังคงยืนมองอยู่ข้างๆ
“ พูดจาเหลวไหลอะไร หรือมันจะมี…หรือไง เธอจะไปไหนก็ไป ไม่อย่างนั้นฉันจะให้คนมาลากเธอออกไป ! ” ผู้กำกับจางเริ่มคุมอารมณ์ไม่อยู่
สาวน้อยคนนั้นก็อารมณ์ไม่ค่อยดีเหมือนกัน เธอดึงหน้าลง “ เอาซิ ! ฉันจะรอดูว่าพวกแกใครจะลากฉันออกไปได้ ! ”
หลังจากพูดจบ ดวงตาที่ใสดุจน้ำของเธอก็เบิกกว้าง มองหาเรื่องผู้กำกับจาง
ผู้กำกับจางใหญ่ที่สุดในที่นี้ อยู่ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ เขารู้สึกเสียหน้าสุดๆ
จึงเค้นเสียงดัง ฮึ แล้วเรียกให้ทีมงานสองสามคน มาลากสาวน้อยคนนี้ออกไป
กลับกันทางสาวน้อยคนนั้น เธอทำปากมุ่ย ยกมือซ้ายขึ้นมาประสานมือเป็นรูปดาบเงียบๆ
ทุกคนไม่ได้สนใจเรื่องนี้ แต่ผมกลับจ้องตาไม่กระพริบ
ม่านตาของผมขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นสีหน้าตกใจเล็กน้อย นี่มันการประสานมือเสกคาถานิ
มีเพียงแค่คนปราบสิ่งชั่วร้ายที่รู้วิชาเท่านั้น ถึงจะประสานมือแบบนี้
ผมมั่นใจทันที ว่าสาวน้อยคนนี้จะต้องไม่ใช่เด็กสาวธรรมดาๆแน่ๆ
เธอเป็นเหมือนกับผม เป็นคนปราบสิ่งชั่วร้าย
ผมเห็นสถานการณ์ค่อนข้างตึงเครียด สามารถมีเรื่องกันได้ทุกเมื่อ
ผมก็ไม่สนอย่างอื่นอีกต่อไป เข้าไปขวางหน้าผู้กำกับจางทันที “ ผู้กำกับจางพูดกันดีๆ อย่าวู่วาม ! ”
“ ท่านนักพรตติง คุณดูยัยเด็กนี่ซิ คุณอย่าเข้ามายุ่งเรื่องนี้เลย รอผมลากยัยเด็กนี่ออกไปแล้ว เราค่อยมาเริ่มเตรียมพิธีกันนะครับ ! ” ผู้กำกับจางพูด
แต่ผมกลับห้ามเขา “ ผู้กำกับจางช่วยรอก่อน ที่วัดร้างแห่งนี้อาจมี…… ”
พอผมพูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงของผมก็ลดลงต่ำ กวาดสายตามองรอบๆรอบหนึ่ง
ผู้กำกับจางเห็นน้ำเสียงของผมเปลี่ยนไป และยังมองรอบๆอีก ในเวลาเดียวกันเขาก็คิดว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ ทันใดนั้นเองเขาก็เผยสีหน้าหวาดกลัวออกมา
“ ท่าน ท่านนักพรตติง คุณ คุณจะบอกว่า ที่ ที่วัดร้างนี่ มีสิ่งนั้นอยู่ ? ” ตอนพูดถึงสี่คำสุดท้ายผู้กำกับจางลดเสียงลงต่ำ เขาพูดเบามาก
ผมเห็นผู้กำกับจางทำหน้าหวาดกลัว เลยตอบกลับเบาๆว่า “ ยังไม่แน่ใจ คุณช่วยรอก่อนนะ ! ”
หลังจากพูดจบ ผมก็หมุนไปทางเด็กสาวคนนั้น
ตอนนี้ผมพบว่าเด็กสาวคนนั้นกำลังสำรวจผมอยู่ เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่คลายมือออก
ผมคลี่ยิ้มให้เธอ หลังจากนั้นก็พูดว่า “ สามเคารพห้าเสาหลักหลินเป่า ซ้ายเสมือนขวาจริงนั่งตรงกลาง ”
จู่ๆผมก็พ่นคำพวกนี้ออกมา คนที่ยืนอยู่รอบข้างจึงตีหน้ามึนทันที พวกเขาไม่เข้าใจว่าผมกำลังพูดอะไรอยู่
แต่สาวน้อยที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม กลับทำหน้าตกใจ เผยท่าทางประหลาดใจออกมาเล็กน้อย
แต่เธอยังตอบกลับมา “ คนเขาเดินผ่านไม่มีเจตนารบกวน เทียนจุนขึ้นเขาย่อมกลับเองได้ ”
ผมตกใจในใจ ตอนนี้ผมมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์
สาวน้อยตรงหน้า เป็นเหมือนผมอย่างแน่นอน เธอเป็นคนในสายงาน ตอนนี้เป็นคนปราบสิ่งชั่วร้ายอยู่ในเมือง
เมื่อกี้สิ่งที่ผมพูดกับเด็กสาวคนนี้ คือภาษาในสายงาน
มันก็เป็นสิ่งที่ผมเรียนหลังเข้ามาในสายงานนี้ อาจารย์สอนภาษาขั้นพื้นฐานให้ผม
ตอนนั้นผมคิดว่ามันไร้ประโยชน์ ยุคสมัยอะไรแล้ว ใครเขาจะพูดภาษาพวกนี้อีก
แต่คิดไม่ถึงว่าวันนี้ผมจะได้ใช้มันจริงๆ และอีกฝ่ายยังตอบกลับได้จริงๆอีกด้วย
คำพูดของผมหมายถึง การเปิดเผยว่าตัวเองเป็นผู้เคารพพระพุทธองค์ทั้งสาม เคารพเทพชิงทั้งสาม
และอีกฝ่ายก็ตอบกลับประมาณว่า เธอก็เป็นคนในสายงาน ผ่านทางมา ได้ขออนุญาตจากเทียนจุนแล้ว
ตอนผมกำลังตกใจและสงสัย สาวน้อยคนนั้นก็มีปฏิกิริยาตอบกลับ
ใบหน้าที่เคยเคร่งขรึมของเธอเผยให้เห็นความดีใจเล็กน้อย เธอทำมือโค้งคำนับผม แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ สหาย ! ”