หน้าแรก > ศพ
ตอนที่ 331 ช็อก

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

ตอนที่ 331 ช็อก

พวกอาจารย์ทั้งสามคน ทำท่าทางตกใจและตึงเครียดมาก

 

ตอนเหล่าฉินถามเสร็จ ดวงตาก็เบิกกว้างเข้าไปใหญ่ พวกเขาคงอยากฟังจากพวกเราน่าดู

 

เนื่องจากเป็นผีชุดแดง มันเลยไม่ใช่เรื่องตลกที่เอามาพูดเล่นๆได้ ผีประเภทนี้ร้อยปีจะมีครั้งพบเจอได้ยากสุดๆ

หากเจอเข้ากับตัวแล้ว ไม่มีทางได้เป็นสุขง่ายๆแน่

 

และพลังขั้นต่ำของผีประเภทนี้ ก็อยู่ขั้นเต้าจวิ้นขึ้นไปทั้งนั้น พลังแบบนี้สูงกว่าคนส่วนใหญ่ที่อยู่ในสายงานไปแล้ว

 

แม้แต่พวกอาจารย์เอง ก็ไม่มีใครเลื่อนไปถึงขั้นเต้าจวิ้นสักคน

แต่พวกเราสามคน กลับเป็นหนุ่มสาวรุ่นหลัง

 

และยังใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งคืน ก็สามารถจัดการผีชุดแดงได้แล้ว แถมยังได้แก่นพลังหยินมาอีกด้วย

จึงเป็นธรรมดาที่พวกอาจารย์จะไม่เชื่อ หรือคิดว่ามันน่าเหลือเชื่อมาก

 

เมื่อเห็นพวกเหล่าฉินทำท่าทางแบบนั้น ผมก็พยักหน้า แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ จริงๆครับเหล่าฉิน เมื่อคืนพวกเราจัดการผีชุดแดงตัวนึงได้จริงๆ ! แถมยังได้แก่นพลังหยินมาอีกด้วย ! ”

 

แม้ทั้งสามคนจะเตรียมใจมาแล้ว แต่พอเสียงผมดังขึ้น ตาเฒ่าสามคนก็อดสูดหายใจเข้าลึกๆไม่ได้

“ จริง จริงเหรอ ? ” เหล่าฉินพูดเสียงสั่น

 

“ เอ่อเสี่ยวฝาน แล้วตอนนี้เสี่ยวเฟิงเป็นยังไงบ้าง ? ” ท่านนักพรตตู๋ถาม

 

“ เฟิงเฉ่วหานบาดเจ็บหนักครับ เมื่อคืนเพิ่งล้างปอดไปครับ ตอนนี้อาการคงที่แล้ว กำลังพักผ่อนอยู่ข้างในครับ ! ” ผมชี้ไปที่ห้องผู้ป่วย

 

ท่านนักพรตตู๋เปิดประตู แล้วชะโงกหน้าเข้าไปครึ่งหนึ่ง

 

เมื่อเห็นเหล่าเฟิงกำลังหลับอยู่ เขาก็ไม่ได้คิดจะเข้าไปกวน เพียงพยักหน้าเล็กน้อย แล้วทำท่าทางว่าสบายใจขึ้นเยอะเท่านั้น

 

“ เสี่ยวฝาน งั้นแกรีบบอกพวกเรามาเร็ว ว่าพวกแกใช้วิธีอะไรกำจัดผีตัวนั้น อย่างน้อยที่สุดผีชุดแดงก็มีพลังอยู่ในขั้นเต้าจวิ้น พลังของพวกแกสามคน สู้กับผีตัวนั้นไม่ไหว…… ” อาจารย์อยากรู้สุดๆ

 

ในเวลาเดียวกัน เหล่าฉินและท่านนักพรตตู๋ก็มองมาทางพวกเรา ทำท่าอยากฟังมากว่าพวกเราใช้วิธีอะไร

 

พวกเราก็ไม่ได้ปิดบัง ผมเล่าตั้งแต่ตอนที่รู้เรื่องจากเสี่ยวม่าน มารวมตัวกันที่หน้าไซต์งานก่อสร้าง 

ได้ยินเรื่องโลงเหล็กกักวิญญาณ ไปจนถึงตอนเรียกวิญญาณและตอนที่ผู้นำสุสานจินชานหวางเป่าเฉิงและ

ผู้เฒ่าเขาผีเทิ๋งหนิวมาถึงให้ทุกคนฟัง

 

แต่พอพูดถึงหวางเป่าเฉิงและเทิ๋งหนิว ผมก็ส่งสายตาให้อาจารย์

พออาจารย์ฟังถึงตรงนี้ และเห็นสายตาของผม เขาก็เข้าใจว่าผมจะสื่ออะไรในทันที ระหว่างนั้นจะต้องเกี่ยวอะไรกับผีเมียของผมแน่ๆ

 

ดังนั้น อาจารย์เลยแกล้งทำเสียง “ อือ ” ให้ความร่วมมือกับการโกหกของผม

ท่านนักพรตตู๋เชื่อผมสุดๆ เขาเองก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

 

บวกกับเหล่าเฟิงและหยางเฉ่วก็เป็นพยานด้วย สรุปคือเรื่องนี้ผู้เฒ่าเขาผีเทิ๋งหนิวและผู้นำสุสานจินชานหวางเป่าเฉิงเป็นคนลงมือ เราถึงได้จัดการผีชุดแดงได้

 

หลังจากพูดเรื่องพวกนี้จบ พวกเรายังเล่าเรื่องในอดีตของผีผู้หญิงให้พวกเขาฟังด้วย

พวกอาจารย์เองก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ แต่พวกเขาทำงานในสายงานนี้มานานแล้ว จึงคุ้นชินกับเรื่องความแค้นพวกนี้นานแล้ว

 

และส่วนใหญ่ผีร้ายในนั้น ก็เกิดจากรักเป็นเหตุ ทำให้ความเกลียดชังกลายเป็นความแค้นขึ้นมา

 

ดังนั้นจากผีร้ายสิบตน จะมีประมาณเก้าตนที่มีชีวิตน่าเศร้าจนคนที่ได้ยินต้องรู้สึกสงสาร

 

หลังพวกอาจารย์รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว พวกเขาก็รู้สึกตกใจ กับทุกสิ่งที่พวกเราเผชิญมาในคืนนี้มาก

 

แต่โชคดีที่มันผ่านไปได้อย่างราบรื่น แต่ละคนต่างกลับมาอย่างปลอดภัย

ในเวลาเดียวกัน จู่ๆเหล่าเฟิงก็ตื่นขึ้นมา

 

อาจารย์และคนอื่นๆเห็นเหล่าเฟิงตื่นแล้ว จึงไม่มัวพูดไร้สาระกับเราอีก รีบตรงเข้าไปข้างเตียงทันที 

หลังจากนั้นก็ให้ผมไปตามหมอมา

 

ในฐานะที่ท่านนักพรตตู๋เป็นแพทย์แผนจีน จึงจับชีพจรให้เหล่าเฟิงเองครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถามว่ารู้สึกยังไงบ้าง

 

แต่อาการของเหล่าเฟิงค่อนข้างคงที่แล้ว จึงไม่มีปัญหาอะไรมากนัก

พอทุกคนเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว และได้เห็นแก่นพลังหยินเรียบร้อย และฟังคำแนะนำของหมอเสร็จแล้ว ก็ใจเย็นขึ้นมาทันที

 

ผมและหยางเฉ่วไม่ได้เป็นอะไรมาก สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ทุกเมื่อ

อย่างมากที่สุดเหล่าเฟิงก็ต้องนอนโรงพยาบาลอีกสองวัน เพื่อทำการรักษาอีกสองสามครั้ง แล้วหลังจากนั้นก็จะสามารถกลับบ้านได้แล้ว

 

ช่วงเวลาพอเหมาะพอเจาะกับที่ท่านนักพรตตู๋และพี่เฟิงนัดกันเอาไว้พอดี ถึงตอนนั้นทุกคนก็จะได้อยู่พร้อมหน้า เพื่อมอบแก่นพลังหยินให้พี่เฟิง

 

แบบนี้ เราก็จะสามารถทำตามข้อตกลงที่ท่านนักพรตตู๋ทำไว้เมื่อตอนนั้นได้ทุกอย่าง ต่อไปพี่เฟิงก็จะไม่ออกมาแย่งร่างกับเหล่าเฟิงแล้ว

 

พอถึงตอนเที่ยง พวกเราก็กินข้าวด้วยกัน หลังจากนั้นก็เดินทางออกจากโรงพยาบาล ทิ้งเอาไว้เพียงท่านนักพรตตู๋ที่อยู่เฝ้าเหล่าเฟิงเท่านั้น

 

ตอนออกมา หยางเฉ่วบอกลาพวกเราเพื่อกลับไปที่มหาลัยของเธอ

 

แต่ก่อนที่หยางเฉ่วจะจากไป เธอได้บอกกับผมว่า อาทิตย์หน้าจะเป็นช่วงปิดภาคเรียนของเธอแล้ว 

ให้ผมไปช่วยเธอขนของจากมหาลัย ไปที่ขนส่ง เพราะเธอขนคนเดียวไม่ไหว

 

แม้จะรู้จักกับหยางเฉ่วไม่นานนัก แต่เราก็มีความรู้สึกดีๆต่อกันไม่น้อย

 

ช่วยเธอขนของ เรื่องเล็กแค่นี้ไม่ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่อะไร

ผมตอบตกลง โดยไม่คิดอะไรสักนิด

 

พอหยางเฉ่วเห็นผมตกลงเธอก็ดูดีใจมาก และอารมณ์ดีสุดๆ บอกว่าพอถึงเวลาแล้วเธอจะโทรมาหา

หลังจากนั้น หยางเฉ่วก็เรียกรถแท็กซี่คันหนึ่งตรงกลับมหาลัยทันที

 

พอหยางเฉ่วจากไปแล้ว พวกเราสามคนก็ตรงกลับตำบลชิงฉือทันที

ระหว่างทาง ผมเล่าเรื่องที่แท้จริงให้อาจารย์และเหล่าฉินฟัง

 

ตอนนี้ มีเพียงอาจารย์และเหล่าฉินเท่านั้นที่รู้ว่าผมแต่งงานกับผี มีเมียเป็นผี

เมื่อกี้มีท่านนักพรตตู๋และหยางเฉ่วอยู่ด้วย ผมก็เลยไม่กล้าพูดเรื่องจริงออกมาทั้งหมด

 

ตอนนี้พอได้ยินว่าผู้เฒ่าเขาผีและมังกรเหล็ก ออกมาเพราะหลังจากที่ผมขอความช่วยเหลือไปแล้ว ผีเมียของผมเป็นคนเรียกมา พวกเขาก็อดตกใจไม่ได้

 

เหล่าฉินตกใจกว่าใครเพื่อน บอกว่าคิดไม่ถึงว่าผีเมียของผมยังมีลูกเล่นแบบนี้ซ่อนอยู่ ถึงกับเรียกผู้นำผีให้มาช่วยได้

 

แต่เราก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้อย่างละเอียด ตาเฒ่าทั้งสองคนบอกว่าผีเมียของผมมีฝีมือสูงส่ง ต่อไปให้ผมอย่าไปขัดใจเธอให้มากนัก

 

ขอแค่มันไม่ล้ำเส้น อย่างน้อยที่สุดก็ตามใจเธอไป ไม่อย่างนั้นคนที่ต้องทรมานก็จะมีแค่ผมคนเดียว

ผมทำหน้าไร้เดียงสา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

 

เนื่องจากการที่ผมยังมีชีวิตอยู่จนมาถึงทุกวันนี้ได้ ก็เพราะการแต่งงานกับผี ได้รู้จักกับมู่หลงเหยียน

 

แต่ผมก็โดนผีเมียทรมานมาไม่น้อย เวลาอยู่ต่อหน้าเธอผมแทบไม่มีอำนาจใดๆด้วยซ้ำ

เมื่อกลับไปถึงบ้าน ก็เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว

 

ผมยังทำอย่างที่เคย เดินไปจุดธูปที่ป้ายวิญญาณน้องศพและเผ่าจิ้งจอก หลังจากนั้นถึงไปนั่งพักที่โซฟา

 

สองวันนี้ก็ทำให้ร่างของผมทรมานพอสมควร พอนั่งพิงโซฟาได้ไม่นาน ผมก็นอนกลับไปอย่างไม่รู้ตัว

 

แต่สิ่งที่ทำให้ผมคิดไม่ถึงคือ ความฝันที่ผมไม่ได้ฝันถึงมานานแสนนานนั้น ได้กลับมาอีกครั้ง

 

ยังเป็นสะพานอันเก่า และร่างของผู้หญิงที่คุ้นตา ใต้สะพานยังคงมีผีร้ายอยู่นับพันนับหมื่น พวกมันยังเอื้อมมือไปหาเธอไม่หยุด

 

ผู้หญิงคนนั้นไม่สะทกสะท้านใดๆ หลังจากเงียบมาสักพัก เธอก็พูดขึ้นมาว่า “ รอฉันด้วย ” หลังจากนั้นก็กระโดดลงไป ในหมู่วิญญาณร้ายนับหมื่นนั้น

ฝันเรื่องนี้อีกแล้ว และเหตุการณ์แบบนี้อีกแล้ว

 

ผมเป็นฝ่ายดูทุกครั้ง แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่ผมจะไม่ตกใจจนตื่น

 

ครั้งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งครั้ง ตอนตื่นขึ้นมา หน้าผากของผมเปียกชุ่มไปหมด

แม้จะเป็นความฝันเดียวกัน และเคยฝันเห็นมาหลายครั้งแล้ว

 

แต่ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมา ผมก็ยังรู้สึกใจสั่น และกลัวอยู่เสมอ

ท่านนักพรตตู๋เองก็ทำนายฝันให้ผมแล้ว บอกว่าผมเกี่ยวพันกับผู้หญิงคนหนึ่ง

 

แต่ไม่ว่ายังไงเรื่องนี้ก็แปลกมาก แม้แต่ตัวผมเองก็สับสนมาก จึงไม่ต้องพูดถึงเลยว่าผมจะเข้าใจคำทำนายอะไรนั่นไหม ผู้หญิงที่ท่านนักพรตตู๋ทำนายออกมา จะเป็นใครก็ไม่รู้

 

แต่จิตใต้สำนึกของผม กลับอยากให้มันชัดเจนมาก และทำไมผมจะต้องฝันเห็นมันซ้ำๆแบบนี้

 

ผู้หญิงบนสะพานเกี่ยวข้องอะไรกับผม ผีร้ายหมื่นกว่าตนนั้นคืออะไร ทำไมตั้งแต่ต้นจนจบ ถึงได้ยินเพียงแค่สองคำ “ รอฉันด้วย ”

 

สิ่งนี้เข้าใจยากมาก แต่ผมก็พบว่าตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว และบนตัวของผมยังมีผ้าห่มคลุมเอาไว้หนึ่งผืน

 

ส่วนอาจารย์ กำลังเก็บของอยู่หน้าร้าน ท่าทางกำลังจะปิดร้านแล้ว

 

ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่สนใจความฝันนั่นอีก เดินเข้าไปช่วยอาจารย์เก็บร้านแทน

 

สองวันต่อจากนั้น เราใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

 

ความฝันแปลกๆนั้นก็ไม่ได้ปรากฎขึ้นมาอีก เหล่าเฟิงเองก็ออกจากโรงพยาบาลกลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว

 

และคืนนี้ ท่านนักพรตตู๋ก็นัดพวกเราให้ไปเป็นพยาน ในการทำตามคำสัญญาสุดท้ายที่ให้ไว้กับพี่เฟิง

 

เขาจะนำแก่นหยินแดง ให้พี่เฟิง และบอกให้เขาไม่ต้องก่อเรื่องอีกตั้งแต่นี้เป็นต้นไป

 

เพราะร่างกายเฉพาะของเหล่าเฟิง ทุกคนเลยหวังว่าพี่เฟิงจะอยู่เฉยๆได้สักที

 

สถานที่คือสุสานที่เหล่าฉินทำงานและอาศัยอยู่ ที่นั้นคนน้อยเงียบสงบ ทำงานที่นั้นในตอนกลางคืน 

เราก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมาคนนอกเข้ามายุ่งย่าม

 

ด้วยเหตุนี้ หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ พวกเราก็ยังดูทีวีอยู่ในบ้านอีกพักหนึ่ง

 

หลังจากนั้นประมาณสี่ทุ่ม ช่วงเวลานี้บนถนนค่อนข้างเงียบสงบ ไม่มีคนเดินพลุกพล่าน

พอมาถึงตอนนี้ ผมและอาจารย์ก็ออกจากบ้าน แล้วเริ่มเดินไปที่สุสานทันที……

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.