หน้าแรก > ศพ
ตอนที่ 310 เอาโลงไปให้

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

ตอนที่ 310 เอาโลงไปให้

พอเห็นอาจารย์ลูบโลงเหล็กตรงหน้าอย่างรักใคร่ หัวใจของผมกลับเต้นดัง “ ตึกๆๆ ” ใบหน้าเต็มไปความสงสัยและความงงงวย

 

ในความเข้าใจของผม โลงเหล็กโลงนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อล้างแค้นคนตาย

 

ในสมัยโบราณหากกษัตริย์โมโหมากๆขึ้นมา พอฆ่าล้างตระกูลแล้วยังไม่พอใจ เขาก็จะเอาศพไปฉีกเป็นชิ้นๆ

 

แต่ถ้ายังไม่หนำใจอีก เขาก็จะเอาโลงเหล็กไปใส่ศพของผู้ตาย ทำให้เขาไม่มีวันผุดวันเกิดอยู่ในโลง 

จะเห็นได้ว่าต่ำทรามขนาดไหน เป็นเครื่องมือล้างแค้นที่โหดที่สุดหนึ่งชิ้น

 

แต่อาจารย์หมายความว่าอะไร ทำท่าทางหลงใหลโลงเหล็กนั่นมาก แถมยังบอกว่าอยากเก็บเอาไว้ให้ตัวเองใช้อีก

 

“ อาจารย์ ทำไมอาจารย์ยิ่งพูดผมก็ยิ่งไม่เข้าใจละ ? อาจารย์ช่วยพูดให้มันเข้าใจง่ายๆหน่อยไม่ได้เหรอ ? ” 

ผมทำหน้าสงสัย

 

ผลลัพธ์อาจารย์กลับหัวเราะใส่ผม “ โลงนี่ไม่ใช่โลงเหล็กธรรมดา  มันยังมีประโยชน์อีกเยอะ เมียแกไม่อยากบอกแก อาจารย์ก็ไม่พูดจะดีกว่า ”

 

เมื่อได้ยินอาจารย์พูดแบบนี้ ทำก็ทำหน้าลำบากใจทันที

 

แต่อาจารย์กลับหัวเราะ “ ฮ่าๆ ” แล้วฉีกยิ้มให้ผมอีก “ เสี่ยวฝาน แกเอาโลงไปให้ก็พอแล้ว ถ้าแกอยากรู้นัก 

ก็ถามด้วยตัวเองก็จบเรื่อง ”

 

หลังจากพูดจบ อาจารย์ก็ลูบหนวดของตัวเอง จากนั้นก็มองโลงอีกพักหนึ่ง และหยิบไม้บรรทัดขึ้นมาวัดอีกรอบ

 

“ ยี่สิบเก้านิ้วครึ่ง ยี่สิบเอ็ดนิ้วครึ่ง ! เป็นโลงที่ดีจริงๆ มีประโยชน์…… ”

 

ขณะมองท่าทางหลงใหลของอาจารย์ แม้ผมจะไม่เข้าใจว่าโลงเหล็กของมู่หลงเหยียนวิเศษตรงไหน 

แต่ผมก็คิดว่ายังไงมันก็น่าจะเป็นเรื่องดี

 

เมื่อก่อนผมเคยได้ยินอาจารย์พูดว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ยที่มีฝีมือบางคน สามารถทำให้สถานที่อัปมงคลกลายเป็นมงคลได้ ทำให้ร้ายกลายเป็นดีได้

 

มันก็คงจะเป็นแบบนั้นมั้ง มู่หลงเหยียนก็คงใช้วิธีบางอย่าง ทำให้โลงเหล็กที่ใช้เป็นที่กักขังวิญญาณ กลายเป็นโลงที่ดีได้ละมั้ง

 

ส่วนมันจะมีประโยชน์ยังไงผมเองก็ไม่เข้าใจ และมู่หลงเหยียนมีวัตถุประสงค์อะไรผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

 

แต่ท่าทีและคำพูดของอาจารย์ พิสูจน์ได้แค่นิดเดียวเท่านั้น

 

พอคิดถึงตรงนี้ ความรู้สึกสงสัยในใจของผมก็ลดลงไปไม่น้อย

 

ในเวลาเดียวกัน ผมก็คิดว่าจะเอาของทุกอย่าง ไปส่งที่ป่ากุ่ยหม่าในคืนนี้

 

แต่โลงเหล็กนี่ค่อนข้างหนัก บวกกับยังมีเสื้อผ้าอีกจำนวนมาก  ผมขนคนเดียวไม่ไหว เลยให้อาจารย์ไปกับผมด้วยในคืนนี้

 

อาจารย์ลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่สุดท้ายเขาก็พยักหน้าตกลง

 

หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จ ฟ้าก็เพิ่งมืดพอดี ผมและอาจารย์ต่างช่วยกันแบกโลงออกจากบ้าน

 

ปกติใช้เวลาเดินทางแค่หนึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว แต่วันนี้เราแบกโลงหนักหลายสิบโล ความเร็วจึงต้องลดลงเป็นธรรมดา

 

หลังจากผมและอาจารย์ไปถึงชายป่ากุ่ยหม่าด้วยอาการหอบเหนื่อย มันก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

 

วันนี้พระจันทร์ใหญ่มาก ส่องแสงสว่างไปทั่วป่ากุ่ยหม่า

 

แต่มันก็ทำให้เห็นธงไว้อาลัยและป้ายหลุมศพที่อยู่ทุกหนทุกแห่ง ทำให้คนที่เห็นภาพนี้ยังหวาดผวาอยู่บ้าง

 

โชคดีที่ผมไม่ได้มาที่นี่เป็นครั้งแรก และอาจารย์ก็เป็นคนเก่าคนแก่ จึงเห็นจนชินตาแล้ว

 

หลังจากพักหายใจครู่หนึ่ง ผมก็ได้ยินอาจารย์พูดว่า “ เสี่ยวฝาน เมียแกพักอยู่ตรงไหน ? ”

 

“ อยู่ในป่านี่แหละอาจารย์ ไม่ไกลมาก อาจารย์ส่งผมตรงนี้ก็พอแล้ว ! เดี๋ยวทางที่เหลือ ผมแบกไปคนเดียวก็ได้แล้ว ”

 

เพราะก่อนหน้านี้มู่หลงเหยียนเคยเตือนแล้ว ว่านอกจากผมและคนอื่นก็ห้ามมาที่จวนมู่หลงเด็ดขาด 

ดังนั้นผมเลยให้อาจารย์กลับไปเองก่อน

 

พออาจารย์ได้ยินผมพูดถึงขนาดนี้ ก็ไม่ถามอะไรอีก เพียงพยักหน้ารับ และบอกให้ผมระวังตัวดีๆ

 

หลังจากนั้นอาจารย์ก็หยิบกระบอกสูบยาคู่ใจออกมา แล้วค่อยเดินกลับไปที่บ้าน

 

ผมเห็นอาจารย์เดินออกไปไกลแล้ว  ผมจึงเกร็งหน้าท้องและแบกโลงเหล็กนี่เข้าไปในป่าคนเดียว

 

เดิมทีสถานที่แห่งนี้ก็ไม่มีทางเดินอยู่แล้ว ผมเลยเดินชนไปมา หรือแม้แต่ล้มเลยก็มี

 

โชคดีที่เจ้าโลงเหล็กนี่ไม่หล่นมาทับตัวผม ไม่อย่างนั้นผมต้องแบนเป็นกล้วยปิ้งแน่ๆ

 

พอผมแบกโลงเหล็กมาถึงประตูจวนมู่หลง ตัวผมก็แทบจะทรุดลงกับพื้นทันที

 

เหงื่อไหลไม่หยุด ตอนนี้ใกล้จะถึงช่วงที่หิมะตกแล้ว แต่ผมกลับร้อนจนแทบอยากจะถอดเสื้อผ้า

 

ผมยืนอยู่หน้าประตู หอบหายใจสองสามครั้ง จากนั้นก็พูดออกมาว่า “ น้องศพ ยายโม่ผมมาถึงแล้ว 

รีบเปิดประตูเร็ว ! ”

 

ผมตะโกนใส่ประตูสั้นๆ และก็ไม่ได้เดินไปเคาะประตูแต่อย่างใด

 

แต่เสียงของผมเพิ่งเงียบลง ประตูที่ปิดสนิทก็มีเสียงดัง “ แอ๊ด ” ของการเปิดประตูขึ้นมาทันที

 

ขณะเดียวกันผมก็เห็นยายโม่เดินออกมาพร้อมไม้เท้ามังกร ยายโม่ยังคงอ่อนโยนเหมือนเดิม 

“ คุณผู้ชาย มาแล้วเหรอเจ้าคะ ! ”

 

“ อือ ยายโม่ ! ”

 

ยายโม่พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “ ยังยืนเซ่ออยู่ทำไม รีบไปช่วยคุณผู้ชายขนของเข้ามาซิ ! ”

 

“ ขอรับ ! ”

 

ขณะเสียงนี้ดังขึ้น ผมก็เห็นผู้ชายใส่ชุดหลากสี พร้อมหมวกทรงกลมออกมาจากจวน

 

ผู้ชายพวกนี้ หน้าขาวปากแดง เท้าไม่ติดพื้น ลูกตาไม่เคยขยับ

 

เห็นได้ชัดว่า คนพวกนี้ต้องเป็นคนกระดาษแน่ๆ

 

พอถึงตอนกลางคืน พวกมันก็จะกลายเป็นคนรับใช้ของมู่หลงเหยียน พอฟ้าสางอีกครั้ง ก็จะกลับมาเป็นคนกระดาษดังเดิม

 

หลังจากคนกระดาษวิ่งมาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว ทุกตัวก็ทำท่าคารวะผม แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา

 

หลังจากนั้นก็ทำตัวเนี้ยบมาก เข้ามาช่วยกันยกโลงเหล็กที่อยู่ข้างๆผมเข้าไปในจวนมู่หลง

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นคนกระดาษ ดังนั้นพอเห็นพวกเขา ผมก็ไม่รู้สึกตกใจมากแล้ว

 

ต่อจากนั้นผมก็ตามพวกเขาเข้ามาในจวนมู่หลง เพิ่งก้าวเข้าประตูบ้าน ยายโม่ก็พูดกับผมว่า “ คุณผู้ชาย 

เพื่อโลงนี้ คุณหนูลงทุนลงแรงไปไม่ไม่น้อยเลยนะเจ้าคะ ตอนนี้คุณผู้ชายแบกกลับมาแล้ว บ่าวรู้สึกขอบคุณคุณผู้ชายจริงๆเจ้าค่ะ ! ”

 

เมื่อได้ยินยายโม่พูดแบบนั้น ผมก็ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่

 

ลงทุนลงแรงไปไม่น้อย ? เธอก็ไม่ได้แค่เลือนดูในโทรศัพท์ผมเหรอ ? แค่นี้ก็เสียแรงแล้วเหรอ ? ผมรู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที

 

แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงหัวเราะครู่เดียวเท่านั้น “ ผมควรทำ ผมควรทำ ! ”

 

ขณะคุยกัน ภายใต้การนำของยายโม่ พวกเราก็เดินเข้ามาในเรือนชั้นในแล้ว

 

เพิ่งเข้ามาในเรือนชั้นใน ผมก็เห็นรอบตัวมู่หลงเหยียนมีคนกระดาษหญิงกลุ่มหนึ่งคอยปรนนิบัติอยู่ 

ตอนนี้เธอกำลังวาดภาพ ทิวเขาสีหมึก แถมท่าทางยังดูไม่เลวเลยทีเดียว

 

มู่หลงเหยียนวาดด้วยความตั้งใจสุดๆ ลายเส้นงดงามแบบสมัยโบราณ มองไปแล้วดูอ่อนโยนและสงบเยือกเย็น ท่าทางเหมือนคุณหนูตระกูลใหญ่ไม่มีผิด

 

แต่ภายในรูปลักษณ์ที่สง่างามของเธอ กลับซ่อนระเบิดลูกหนึ่งเอาไว้

 

“ คุณหนู คุณผู้ชายเอาของมาแล้วเจ้าค่ะ ! ” ยายโม่พูดด้วยความเคารพ

 

แต่มู่หลงเหยียนไม่เงยหน้ามามองด้วยซ้ำ เธอวาดไปพูดไป “ วางเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน ! ”

 

ขณะที่เสียงนี้ดังขึ้น ยายโม่ก็ชี้ให้คนรับใช้ยกโลงเหล็กไปวางเอาไว้ก่อน

 

ต่อจากนั้น ผมก็ได้มู่หลงเหยียนพูดออกมาอีกครั้ง “ เจ้ากาก เอาเสื้อผ้าฉันมาหรือยัง ? ”

 

ผมกลอกตา พูดไม่ออกไปพักหนึ่ง

 

แต่สุดท้ายผมก็พูดว่า “ เอามาแล้ว ของอยู่นี่หมดแล้ว ! ”

 

“ นายก็รู้เหรอว่าต้องเอามาให้ฉัน นายดูนี่มันวันที่เท่าไหร่แล้ว เทศกาลกวงกุ้นมันวันที่ 11 วันนี้มันวันที่ 18 แล้วนะ ! ”

 

โอ้โห เรื่องนี้ก็โทษผมได้เหรอ ? พนักงานไม่มาส่งของ แล้วผมจะทำอะไรได้ละ ?

 

ไม่รอให้ผมได้พูดออกมา มู่หลงเหยียนก็พูดต่อทันที “ ช่างเถอะ เห็นแก่ที่นายแบกโลงเหล็กมาให้ฉัน 

ฉันจะไม่โทษนาย ไปซิ ! ถอดเสื้อผ้าออก วันนี้ฉันจะวาดภาพร่างกายคนแบบร่างให้นายฟรีๆ…… ”

 

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผมก็อึ้งในทันที คิดว่าตัวเองได้ยินผิดไป

 

จึงถามเธอว่า “ อะไรนะ ? เธอให้ฉันทำอะไรนะ ? ”

 

มู่หลงเหยียนค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา พร้อมกับทำสีหน้าจริงจัง “ วาดภาพร่างกายคนแบบร่าง ? 

เลิกยืนบื้อได้แล้ว รีบถอดซิ ! แบบไม่ใช่เสื้อผ้านะ ”

 

เมื่อคำพูดนี้ออกมา “ เวิง ” เสียงช็อกก็ดังขึ้นในหัวผม ผมแทบกระอักเลือดออกมาทันที

 

ยัยมู่หลงเหยียน เดี๋ยวนี้ยิ่งกล้าเล่นหนักขึ้นเรื่อยๆซินะ

 

ครั้งก่อนซ้อมผมในบ้าน ครั้งที่สองก็ยังใช้ข้ออ้างฝึกดาบ เอาไม้มาทุบผมทั้งคืน

 

ตอนนี้ยิ่งแล้วใหญ่ คิดจะวาดภาพขึ้นมาอีกแล้ว

 

ผมเป็นคนในสมัยราชวงศ์ชิงคนหนึ่ง วาดภาพทิวเขาทั้งหลาย ก็ว่าไปอย่าง

 

แต่ยัยตัวแสบ กลับอยากจะเรียนการวาดแบบตะวันตก

 

จะเรียนการวาดภาพสมัยใหม่ก็ว่าไปอย่าง แต่ในวันที่อากาศหนาวขนาดนี้ ยัยนี่กลับบอกให้ผมถอดเสื้อผ้า เพื่อมาเป็นแบบร่างมนุษย์ให้เธอ นี่เธอคิดจะทำให้ผมแข็งตายหรือยังไง ?

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.