spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 302 รุมโจมตีผีตานี
ผมไม่เคยรับมือกับปีศาจมาก่อน อย่างมากก็เคยเจอกับปู่หูลิ่วเมื่อครั้งที่แล้ว
แต่เราก็แค่เจอหน้ากัน หลังจากนั้นผมก็ใช้กล่องที่มู่หลงเหยียนให้มา เรียกนางพญาจิ้งจอกออกมา ทำให้เรื่องจบลงอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ต้องมาต่อสู้กับผีตานี และอีกฝ่ายยังมีพลังที่ไม่ธรรมดาด้วย
เหมือนกับการต่อสู้ของมนุษย์กับสัตว์ร้าย ทำให้ผมรู้สึกใจสั่นไม่น้อย
แต่เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว ไม่มีทางเลือกอื่น จึงได้แต่กัดฟันเข้าไปต่อสู้เท่านั้น
แม้จะรับรู้ถึงแรงกดดันจากพลังปีศาจที่มหาศาล แต่เราก็ไม่คิดจะถอยเลยสักก้าว
หลังจากนั้นก็ได้ยินแค่เสียงผมพูดกับเหล่าเฟิงและหยางเฉ่วว่า “ ลุย ! ”
พอพูดจบ ผมก็กำดาบไม้เข้าไปปะทะคนแรก
เหล่าเฟิงและหยางเฉ่วก็ไม่รอช้า ตามขึ้นมาติดๆ
ผีตานีตรงหน้า มีพลังปีศาจมหาศาล ดุร้ายจนหน้าตกใจ
เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งกว่าผีตัวเมื่อกี้มาก ตอนเข้าใกล้อีกฝ่าย จู่ๆผีตานีตนนั้นก็คำรามออกมา
พร้อมง้างกรงเล็บมาทางผมอย่างรวดเร็ว
กรงเล็บพวกนั้นคมมาก เหมือนดาบดีๆเล่มหนึ่ง ถ้าโดนเข้าไป เบาหน่อยก็อาจเป็นแผลนิดหน่อย
แต่ถ้าหนักหน่อยก็อาจแทงไส้ทะลัก
ผมไม่กล้าประมาท เคลื่อนพลังไปทั่วร่างทันที
ดาบไม้ในมือ เข้าไปต้านอย่างรวดเร็ว
“ ปัง ” ทันใดนั้นเองพละกำลังมหาศาลก็ซัดเข้ามา หง่ามมือผมชา และเจ็บแขนทันที
โชคดีที่เหล่าเฟิงและหยางเฉ่วเข้ามารับมือได้ทันเวลา พวกเขาต่างออกมาปรากฎตัวขนาบข้างผม
และช่วยคลายความกดดันให้ผม
ดาบจักพรรดิในมือเหล่าเฟิง พอฟาดฟันลงไป ก็เปล่งแสงเยือกเย็นออกมาทันที ตอนนี้มันกำลังชี้ไปที่แขนของผีตานี
ส่วนอีกทางด้านหนึ่ง หยางเฉ่วก็เข้ามาอย่างรวดเร็ว เธอแทงไปที่หน้าอกของผีตานี
ผีตานีตนนี้ก็รับมือไม่ไหว เมื่อเห็นเหล่าเฟิงและหยางเฉ่วลงมือพร้อมกัน เธอก็เขย่งเท้า ถอยไปด้านหลัง
เพื่อสร้างระยะห่างทันที
แต่มันยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ มันเป็นเหมือนสัตว์สี่เท้าตัวหนึ่ง หลังจากนั้นก็พุ่งเข้ามาเราอีกรอบ
การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายเร็วมาก ให้เวลาตอบสนองกับพวกเราน้อยมาก
ม่านตาผมหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว ผมไม่สนแขนที่กำลังเจ็บอยู่ กำดาบไม้แน่น แล้วเข้าไปสู้กับผีตานีตนนี้ทันที
เหล่าเฟิงและหยางเฉ่วก็ไม่กล้าชักช้าและประมาท พวกเราเองก็ยกอาวุธในมือขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผีตานี้ตนนี้เหมือนคนบ้าไม่มีผิด คำราม “ โฮกโฮกโฮก ” ออกมาไม่หยุด กรงเล็บกวัดแกว่งอย่างต่อเนื่อง พละกำลังมหาศาล และยังยื่นปากเข้ามากัดพวกเราเป็นครั้งคราว
ถ้าพวกเราแข่งพลังกับอีกฝ่าย เราไม่มีทางชนะอย่างแน่นอน
แต่โชคดีที่ก่อนหน้านี้ มู่หลงเหยียนได้สอนเพลงดาบให้ผม ผมเลยมีวิธีโจมตีมากกว่าเดิม
ไม่อย่างนั้นด้วยวิธีต่อสู้แบบข้างถนนจะไปสู้กับผีตานีตนนี้ได้ยังไง คงไม่ถึงสามกระบวนท่า ผมก็คงโดนกรงเล็บของอีกฝ่ายเข้าแล้ว
ห่างออกไป ตอนแรกพวกอาจารย์และท่านนักพรตตู๋ ยังคิดว่าเราสามคนสู้กับผีตานีตนนี้ไม่ไหว
จึงพยายามวิ่งมาทางพวกเรา คิดจะมารวมตัวกับพวกเรา เพื่อช่วยลงแรงกดดันให้เรา
แต่ตอนนี้ดูเหมือน การรวมพลังของเราทั้งสามคน จะไม่เพียงเข้ากันได้ดี แต่ยังป้องกันตัวจากอีกฝ่ายได้อีกด้วย
ถึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ท่าทางของพวกเรา ก็น่าจะรับมือกับอีกฝ่ายได้สักสิบยี่สิบนาที
พออาจารย์และท่านนักพรตตู๋เห็นว่าพวกเรารับมือได้ ก็ถอนหายใจออกมาทันที
ในเวลาเดียวกันเราก็ได้ยินอาจารย์ตะโกนมาทางพวกเรา “ พวกแกต้านเอาไว้ก่อนนะ อย่าทำให้ตัวเองบาดเจ็บละ เราจัดการเดรัจฉานตัวนี้เสร็จแล้ว จะรีบไปช่วยทันที ! ”
เมื่อได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้น ผมก็ตวัดดาบ และขานกลับเสียงดัง “ วางใจได้อาจารย์ พวกเราไม่เป็นอะไร ! ”
หลังจากพูดจบ ผมก็สู้กับผีตานีตรงหน้าต่อ พวกอาจารย์ก็สู้กับผีตานีที่แข็งแกร่งที่สุดตนนั้นอย่างสุดกำลัง
แม้ผีตานีตรงหน้าจะดุร้ายมาก และยังได้เปรียบพวกเรา แต่คิดจะจัดการพวกเราในเวลาสั้นๆ หรือฆ่าพวกเราทิ้งซะ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายขนาดนั้น
การร่วมมือของเราสามคนยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ นอกจากจะเกิดเรื่องร้ายแรงถึงชีวิตแล้ว ผีตานีตนนี้ก็ไม่มีทางเอาชนะพวกเราได้ในเวลาอันสั้นอย่างแน่นอน
หรือแม้แต่เราอาจเป็นฝ่ายกลับมาได้เปรียบก็ได้ เนื่องจากสิ่งที่พวกร้ายกาจที่สุด ยังเป็นการใช้ยันต์โจมตีอยู่
หากปล่อยให้พวกเราเข้าไปใกล้ เราก็สามารถใช้ยันต์ ทำให้ผีตานีเห็นฤทธิ์ของพวกเราได้
แน่นอน ว่าเทียบผีตานีตรงหน้ากับผีตนก่อนไม่ได้ การที่พวกเราคิดจะใช้ “ ยันต์สามประสาน ” โจมตีอีกฝ่ายเป็นเรื่องยากมาก
ทำได้เพียงแค่รอดูโอกาส ว่าจะสามารถเข้าใกล้อีกฝ่ายได้ไหม……
เรื่องก็เป็นแบบนี้ พวกเราสู้กับอีกฝ่ายมาเรื่อยๆ
ยิ่งนานขึ้นเท่าไหร่ เราก็พบว่า ยิ่งสู้ได้ลำบากมากขึ้นเท่านั้น
เหมือนผีตานีตนนี้มีพลังที่ใช้ไม่หมด ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้กำลังรบของเธอไม่ได้ลดลงเลยสักนิด
แต่พวกเรากลับเริ่มหอบหายใจแล้ว
ถ้ายึดตามสถานการณ์ในตอนนี้ ต่อไปพวกเราจะไม่เพียงต้านไม่อยู่ แต่อาจถึงขั้นตายคามือยัยนี่อีกด้วย
ส่วนฝั่งของพวกอาจารย์ ก็สู้กันอย่างดุเดือด รุกรับกันไปมา ใครจะแพ้ใครจะชนะ ยังไม่อาจบอกได้จริงๆ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ท่าทีของผมก็อดเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมไม่ได้
ผมคิดว่าจะเชิญปู่หูลิ่วมาสถิตร่าง หรือจะเรียกมู่หลงเหยียนให้มาช่วยดี
ขอแค่หนึ่งในสองตนนี้ปรากฎตัว ก็ต้องผลิกสถานการณ์ได้อย่างแน่นอน จากนั้นก็ต้องจัดการปีศาจสองตนนี้ได้ชัวร์
หลังความคิดนี้ผุดขึ้นมา เสี้ยววินาทีต่อมามันก็โดนผมปฏิเสธอีกครั้ง
เพราะผมอยากจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม อยากทำให้พลังของตัวเองพัฒนาเร็วขึ้นกว่าเดิม จะได้ช่วย
มู่หลงเหยียนกวาดล้างองค์กรตาผีได้เร็วๆ
ถ้าอยากทำเรื่องพวกนี้ให้ได้ ผมก็ต้องฝึกฝนตัวเองอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตัวเองได้สัมผัสกับอันตราย
ต้องให้ตัวเองเผชิญหน้ากับอันตราย ให้ตัวเองได้เติบโตขึ้นจากอันตรายเหล่านั้น
มีเพียงทางนี้เท่านั้น ผมถึงจะเติบโตได้อย่างแท้จริง และแข็งแกร่งขึ้นมาจริงๆ
ตอนนี้เรากำลังสู้ได้ลำบากก็จริง แต่ก็ไม่ได้ยืนอยู่ในจุดที่สู้ไม่ไหว
ถ้ายอมแพ้ตั้งแต่เนิ่นๆ เรียกให้คนอื่นมาช่วย งั้นความตั้งใจของตัวเองก็คงต้องสั่นไหวแล้ว
ยังจะพูดถึงการฝึกอะไร ? จะพูดถึงพลังอะไรได้อีก
เมื่อคิดได้แบบนี้ ผมก็บ่นพึมพำออกมาว่า ไม่ได้ ยังไม่ถึงเวลานั้น เรายังมีโอกาสอยู่
เสียงเพิ่งเงียบลง ผมก็กัดฟันอย่างแรง กระแสความร้อนไหลมากระทบกันที่หน้าผาก
เหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคน ผมกลับมามีแรงอีกครั้ง
กำดาบไม้แน่น แล้วพุ่งเข้าไปหาศัตรูทันที “ ไปตายซะ ! ”
ผีตานีตนนั้นสังหารพวกเราไม่ได้ซะที เธอก็เลยรู้สึกหงุดหงิดมาก
เมื่อเห็นผมพุ่งเข้ามาพร้อมดาบ เธอก็ลงมือใส่ผมรัวๆ
ผมใช้เพลงดาบที่มู่หลงเหยียนสอน ต้านอีกฝ่ายเจ็ดแปดกระบวนท่า
แต่พละกำลังของผีตานีตนนี้อยู่เหนือเราจริงๆ พอเห็นผมคนเดียวรับมือเธอได้หลายครั้งแบบนั้น
เธอก็โมโหมาก คำราม “ โฮก ” ขึ้นมาอย่างกระทันหัน
วินาทีนั้น พลังปีศาจที่ทรงพลังจนน่าตกใจ ก็กลายเป็นลมกระโชกแรง และมีกำลังที่มหาศาล
มันซัดผมปลิวออกไปทันที
“ ปัง ” ตัวผมโดนคลื่นพลังปีศาจนั้นซัดไปไกลกว่าสามเมตร
ผมรู้สึกได้เพียงเหมือนตัวกำลังจะแตก ร้อนวูบที่หน้าอก
ขณะกำลังจะลุกขึ้น “ อัก ” ผมก็จะกระอักเลือดออกมาทันที
“ ติงฝาน ! ” หยางเฉ่วตกใจ
หลังจากเช็ดปากแล้ว ผมก็ค่อยๆลุกขึ้น “ ฉัน ฉันไม่เป็นอะไร ! ”
เหล่าเฟิงเห็นผมลุกขึ้น เลยมองผมแวบหนึ่ง
เมื่อเห็นผมเอามือกุมหน้าอก มุมปากมีคราบเลือด เขาก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ จากนั้นก็ตะคอกออกมาทันที “ ปีศาจชั่วสมควรตาย ! ”
พอพูดจบ เหล่าเฟิงก็หมุนตัว เขาเหี้ยมกว่าเดิม เค้นเสียงดัง ฮึ ใส่ผีตานี “ เดรัจฉาน ! ”
ขณะพูด เขาก็กำดาบเข้าไปโจมตี สู้กับผีตานีอย่างสุดชีวิต
ผีตานีตนนั้นสู้กับพวกเรามานาน เธอก็ตาแดงทั้งสองข้าง และโหดเหี้ยมขึ้นเช่นกัน
ระเบิดพลังปีศาจทั่วร่าง ยกกรงเล็บขึ้น ทันใดนั้นใบมีดที่คมกริบดุจสายฟ้าก็ฟาดลงมาบดขยี้เหล่าเฟิง……