spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 281 ดอกไม้ป่ากำหนึ่ง
เมื่อได้ยินปู่หูลิ่วพูดถึงขนาดนั้น ผมก็เหมือนได้กินยาเสริมความมั่นใจเข้าไปหนึ่งเม็ด
แต่พูดไปแล้วมันก็ใช่อย่างงั้นจริงๆนั่นแหละ ผมเป็นชูหม่าของสำนักหู เป็นตัวแทนสำนักหูแห่งเขาฉินทั้งหมด
อาจารย์ของผมเป็นใครกันละ เย่เสี่ยวซีนางพญาของเผ่าจิ้งจอก และเป็นเจ้าสำนึกคนปัจจุบันด้วย
ผมก็คือลูกศิษย์สายตรงของนางพญา เป็นตัวแทนสำนักในโลกมนุษย์ หรือก็คือเป็นหน้าเป็นตาของสำนักนั่นเอง
เป็นเหมือนที่ปู่หูลิ่วพูดเอาไว้ อย่าว่าแต่สาวกตัวน้อยๆขององค์กรตาผีอย่างเจ้าจางจึเทาเลย
ถ้าอยากจะแตะต้องผม แม้แต่บอสใหญ่องค์กรตาผีก็ยังต้องคิดแล้วคิดอีกเลย
ด้วยเหตุนี้ แตะผมก็เหมือนแตะเผ่าจิ้งจอก แตะผมก็เหมือนไม่ให้เกียรติเผ่าจิ้งจอก ไม่ให้เกียรตินางพญา
จิ้งจอกและหมาป่าเหมือนกัน มีบุญคุณก็จะต้องทดแทน มีหนี้แค้นต้องชำระ !
ที่จริงผมมีพลังที่แข็งแกร่งมากอยู่ในมือ ไม่ต้องกลัวเจ้าจางจึเทาจะมาล้างแค้นด้วยซ้ำ การที่ฝั่งเราไม่ไปหาเรื่องเขาก็บุญเท่าไหร่แล้ว
และถึงอีกฝ่ายจะบุกมาหาถึงที่ก็ตาม สถานที่แห่งนี้นอกจากอาจารย์และคนอื่นๆแล้ว ยังมีปู่หูลิ่ว
และมู่หลงเหยียนอีก แถมที่นี่ยังอยู่ห่างจากสุสานของโจวหยุนไม่มากนัก
ถ้าลงมือจริงๆ ยึดตามความสามารถกระจอกงอกง่อยนั่นของจางจึเทา สู้กันไม่กี่นาทีมันก็คงตายคาที่แล้ว
ถ้ามันกล้ามา ก็ถือว่ามาหาที่ตายเอง
แน่นอน ว่ายังไม่ได้พูดถึงนักพรตชั่วที่อาจร้ายกาจมากที่อีกฝ่ายหามากำจัดพวกเรา
ถ้าเผ่าจิ้งจอกและมู่หลงเหยียนยังปกป้องผมไม่ได้ งั้นพวกเราก็ได้แต่ยอมรับชะตากรรมแล้วเท่านั้น
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หมอกควันที่มืดมนก็จางหายไป
ผมคำมือคารวะพร้อมพูดกับปู่หูลิ่วว่า “ ขอบคุณปู่หูลิ่วมากที่ให้ที่พึ่งพิง ศิษย์รู้สึกซาบซึ้งใจมากครับ ! ”
ปู่หูลิ่วกลับหัวเราะ “ ฮ่าๆ ” “ ชูหม่าทำแบบนี้ทำไม ท่านเป็นตัวแทนของสำนักหูของเรา ขอแค่ท่านเดินไปในทางที่ถูกต้อง เป็นคนดีมีคุณธรรม ก็เป็นการสร้างคุณความดีให้แก่พวกเราเหมือนกัน เผ่าจิ้งจอกของเราล้วนได้ประโยชน์ทั้งนั้น ! ”
“ ชูหม่า ท่านอยากทำอะไร ท่านก็ทำเลย ! ไม่ต้องกังวลเรื่องนักพรตชั่วอะไรนั่นจะมาล้างแค้น
ถ้ามันมาคนนึงเหล่าหูก็จะฆ่าคนนึง ถ้ามาสองคนเหล่าหูจะฆ่าทั้งคู่เลย ! ”
ปู่หูลิ่วทำท่าทางอยู่เหนือ ราวกับไม่เห็นองค์กรตาผีชั่วอยู่ในสายตา
เมื่อปู่หูลิ่วพูดถึงขนาดนี้ ผมก็มั่นใจยิ่งกว่าเดิม
ถ้าเป็นอย่างงั้นจริงๆ งั้นเรื่องที่พวกเรากังวลก็ลดลงไปเยอะมาก
ขอแค่ตัวเองมีความสามารถพอ ก็สามารถลงมือทำได้อย่างสบายใจ สู้ไม่ได้ก็ “ เรียกคนอื่นมาแทน ”
ต่อจากนั้น ผมอยู่คุยกับปู่หูลิ่วที่ศาลเจ้าหลักเมืองอีกนิดหน่อย
นอกจากปู่หูลิ่วจะพูดให้กำลังใจผมและโชว์ “ กล้ามเนื้อ ” ของเผ่าจิ้งจอกให้ผมดูแล้ว เขายังบอกว่าจะนำเรื่องนี้ไปรายงานให้นางพญารู้ด้วย เพื่อจะได้ใช้กำลังของเผ่าจิ้งจอก ช่วยผมหาตัวเจ้าจางจึเทาก่อน
หลังจากนั้นจะได้จัดการเขา……
หลังจากขอบคุณแบบไม่รู้จะขอบคุณยังไงแล้ว ผมก็ตั้งของบูชา พอปู่หูลิ่วเห็นไก่ตัวใหญ่แล้ว ดวงตาสองข้างก็ตั้งตรงทันที
จากนั้นก็ไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์ คว้าคอไก่เอามากัด เพื่อดึงขนออกทันที
แม้หูเหมยจะมองผมตาขวางตลอด แต่หลังกินไก่ที่ผมเอามาให้แล้ว เธอก็ดูสุภาพขึ้นไม่น้อย……
เมื่อเห็นจิ้งจอกสองตัวกำลังเพลิดเพลินกับการกินไก่ ผมก็ไม่รบกวนพวกเขาอีก บอกลาพวกเขาทันที
พอออกมาจากศาลเจ้าหลักเมืองแล้ว ผมก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้
มีอำนาจของเผ่าจิ้งจอกแล้ว ผมยังต้องกลัวอะไรอีกละ ?
แน่นอน ต่อจากนั้นผมยังต้องไปที่ป่ากุ่ยหม่า
อย่างแรก คือไปเล่าเรื่องที่เจอกับองค์กรตาผี และเรื่องของจางจึเทา เนื่องจากองค์กรตาผีเป็นศัตรูกับ
มู่หลงเหยียน ให้เธอรู้เรื่องมากหน่อย ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร
อย่างที่สองคือ ประเด็นสำคัญเลยละ คือผมอยากเจอมู่หลงเหยียนสักหน่อยน่ะ
ตอนนั้นผมทำให้มู่หลงเหยียนอารมณ์เสีย เธอถึงกับโกรธผมตั้งระยะหนึ่ง
ตอนนี้เธอก็หายโกรธบ้างแล้ว ไปเยี่ยมมู่หลงเหยียนที่บ้านด้วยตัวเองก็คงไม่เลว……
ดังนั้น หลังออกจากศาลเจ้าหลักเมืองแล้ว ผมก็ตรงไปที่ป่ากุ่ยหม่าทันที
เพราะค่อนข้างใจร้อน ดังนั้นความเร็วของผมจึงเร็วกว่าเมื่อก่อนพอสมควร บวกกับเส้นทางนี้ก็ไม่ใช่ทางที่ผมเพิ่งเคยเดินครั้งแรก ผมค่อนข้างคุ้นเคยแล้ว เดิมทีผมต้องใช้เวลาเดินประมาณสองชั่วโมงกว่าๆ แต่ตอนนี้ผมกลับใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงก็มาถึงแล้ว
ป่ากุ่ยหม่ายังคงมีวิญญาณหนาแน่น พลังหยินแรงอย่างเคย
ยิ่งเดินเข้าไปในป่า อุณหภูมิก็ยิ่งต่ำลงเรื่อยๆ
ตอนนี้อยู่ในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง อีกเดี๋ยวก็จะเข้าฤดูหนาวแล้ว แต่เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ผมกลับรู้สึกหนาวขึ้นมาทันที เหมือนโดนลมหนาวในฤดูหนาวเข้ายังไงอย่างงั้น
แต่ตอนที่ผมกำลังจะมาถึงจวนมู่หลง ผมก็นิ่งไปพักหนึ่ง หยุดอยู่กับที่
ผมมองมือของตัวเอง มันว่างเปล่ายิ่งกว่าอะไรดี
ไม่ว่าจะพูดยังไง วันนี้ก็ถือเป็นวันมาขอโทษต่อหน้า หรือผมจะเดินเข้าไปทั้งๆที่มือเปล่าแบบนี้เหรอ ?
ผมรู้สึกไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ เมื่อคิดถึงตอนเข้ามา ผมเห็นมีพวกดอกไม้ป่าอยู่ข้างนอก แถมสีก็ยังสวยดีอีกด้วย
ไม่ได้บอกว่าผู้หญิงชอบดอกไม้กันเหรอ ? ดังนั้นผมเลยเดินกลับไปเก็บดอกเบญจมาศป่ากำหนึ่ง
ถือเป็นของขวัญ ไว้ให้มู่หลงเหยียน
หลังเก็บดอกไม้เสร็จแล้ว ผมก็เดินเร็วยิ่งกว่าเดิม
ผ่านไปไม่นาน ผมก็เห็นจวนมู่หลงแล้ว
จวนมู่หลงยังคงตั้งตระหง่านน่าเกรงขาม ประตูใหญ่จวนกว้างเช่นเคย
สิงโตหินสองตัวหน้าประตู พร้อมสองฝั่งถนน ยังคงเต็มไปด้วยดอกไม้สีม่วง แดง ขาว
ดูเหมือนที่นี่ไม่เปลี่ยนไปเลย ราวกับไม่ได้รับอิทธิผลจากฤดูกาลเลยสักนิด
แน่นอนว่าผมรู้ดี ของพวกนี้ล้วนเป็นแค่ภาพมายาเท่านั้น
เมื่อถึงเช้าวันรุ่งขึ้นแล้ว ที่นี่ก็จะรกร้างแบบเดิม เหลือเพียงต้นหญ้าและคนกระดาษกองหนึ่งเท่านั้น
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เคาะประตูสองสามครั้ง
“ ก๊อกก๊อกก๊อก ”
เสียงเพิ่งดัง ด้านในก็มีเสียงยายคนนึงตะโกนออกมาว่า “ นั่นใคร ! ”
“ ยายโม่ ผมเอง ติงฝาน ! ”
“ ฮ่าๆๆ ที่แท้ก็คุณผู้ชายนี่เอง ! รีบเข้ามาเจ้าค่ะ…… ”
ขณะพูด ประตูใหญ่ก็เปิดออก
ร่างของยายแก่ ถือไม้เท้าหัวมังกรคนหนึ่งก็ยืนอยู่ตรงหน้าผม
ผมทำมือคารวะยายโม่ เมื่อยายโม่เห็นผมถือดอกไม้ เธอก็หัวเราะ “ ฮ่าๆๆ ” สองสามครั้ง จากนั้นก็พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ คุณผู้ชาย คุณหนูกำลังฝึกกระบี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน ข้าจะพาท่านไปหาคุณหนูเจ้าค่ะ ! ”
สุดยอด ฝึกกระบี่ ผู้หญิงเขาไม่ได้หัดร่ายรำกันเหรอ ? ยัยมู่หลงเหยียนนี่สมกับเป็นผู้หญิงเจ้าอารมณ์จริงๆ
ถึงว่าทำไมถึงได้ดุร้ายขนาดนั้น
ผมอึ้งไปแป๊บหนึ่ง แต่หลังจากนั้นก็ตอบรับ “ อืมอืม ” จากนั้นก็เดินตามยายโม่ไปที่สวนหลังบ้านทันที
แต่ระหว่างทาง ผมก็พบว่าสาวใช้ของที่นี่มีเยอะกว่าเดิม
คนรับใช้พวกนี้หน้าขาวไร้ชีวิตชีวา ใช้ชุดสีสะดุดตา ต้องเป็นคนกระดาษแน่ๆ
แต่ว่าคนกระดาษเยอะขนาดนี้ มู่หลงเหยียนกับยายโม่ไปหามาจากไหนนะ
ถ้าพวกเขาต้องการของสิ่งนี้ ก็หาจากพวกเราได้นิ !
ภายใต้วัสดุที่ครบถ้วน ผมกับอาจารย์มีพลังเต็มเปี่ยม สามารถทำได้สามสิบสี่สิบตัวต่อวัน แถมยังไม่รู้สึกเมื่อยมือด้วยซ้ำ
แต่ท้ายที่สุดแล้วผมก็ไม่ได้ถามออกไป เมื่อถือดอกเบญจมาศมาจนถึงสวนหลังบ้าน ผมก็ได้ยินเสียงกระบี่ดัง “ เก๊งๆๆ ”
หลังเดินผ่านภูเขาปลอมแล้ว ผมก็เห็นหญิงสาวในร่างเซียนกำลังรำกระบี่ยาวอยู่ เธอหุ่นดีไร้ที่ติ งดงามราวกับผู้หญิงล่มเมืองในตำนาน
ในสายตาผม ทุกท่วงท่าของเธอล้วนดูเหมือนไม่มีช่องว่างให้โจมตีได้ แถมยังงดงามไร้ที่ติ
นี่ไม่ใช่ใครอื่น เธอก็คือเจ้าของจวนมู่หลง มู่หลงเหยียนเมียของผมนั่นเอง
นอกจากนิสัยที่ไม่น่าชื่นชมของเธอแล้ว หากพูดถึงเพลงกระบี่ของเธอ นั่นมันไม่เรียกว่าการฝึกกระบี่ แต่เป็นการรำกระบี่ต่างหาก เป็นการรำกระบี่ในการฉลองครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้
ผมตาโต รู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรง ผมมองจนลืมตัวเลยทีเดียว
ยายโม่ยืนอยู่ข้างๆด้วยความเคารพ เธอพูดกับมู่หลงเหยียนที่กำลังฝึกกระบี่ว่า “ คุณหนู คุณผู้ชายมาหาเจ้าค่ะ ! ”
มู่หลงเหยียนไม่ได้หยุดฝึก เธอเค้นเสียงดัง ฮึ “ ตูม ” แล้วตัดหินก้อนใหญ่เป็นสองท่อน ทำให้ผมที่มองดูอยู่เส้นเลือดขด และใจสั่นทันที
แต่มันยังไม่จบเท่านี้ หลังจากดาบนี้แล้ว มู่หลงเหยียนยังหยิบดาบขึ้นมาอีกเล่ม แล้วโยนมาทางผมทันที
ในเวลาเดียวกัน ผมก็ได้ยินมู่หลงเหยียนพูดว่า “ รับไว้ ! ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผมก็ตอบสนองทันที เห็นดาบลอยเข้ามา ก็ไม่คิดอะไรมาก คว้าดาบไม้ทันที
แต่ยังไม่รอให้ผมได้ยืนดีๆ มู่หลงเหยียนก็เข้ามาโจมตีทันที “ ดูดาบ…… ”