spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 278 วิชามาร
เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องพูดดีๆกันแล้ว
เมื่อเห็นผีชุดขาวตนนึงพุ่งเข้ามา ผมก็แทงออกไปทันที
ผีชุดขาวตนนั้นหลบไม่ทัน ได้ยินเพียงเสียง “ อ้า ” เขาโดนแทงเข้าไปตรงๆ วิญญาณเกือบแตกสลาย
แต่ผีตนนี้เพิ่งล้มลง ก็มีผีชุดขาวอีกตัวพุ่งเข้ามาอย่างไม่คิดชีวิต
พวกเขาเบียดกันเข้ามาเรื่อยๆ ไม่มีท่าทีกลัวตายเลยสักนิด
เป็นตายอยู่ตรงหน้า พวกเราเองก็ต้องพยายามต้านสุดความสามารถ
จัดการไปได้ตัวหนึ่งก็มาอีกตัวหนึ่ง แต่ผีที่อยู่วงนอกไม่ได้มีทีท่าว่าจะถอยเลยสักนิด สร้างแรงกดดันให้พวกเราอย่างมหาศาล
แถมผีที่อยู่รอบๆก็เริ่มเข้ามารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ จำนวนมากกว่าสิบห้าตัวแล้ว และยังมีผีบางตัวที่ลอยเข้ามาที่นี่ เพื่อเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้
ผีสิบห้าตัว นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ
พวกเรามีกันอยู่แค่ห้าคน ถ้าเฉลี่ยแล้วคนหนึ่งก็ต้องรับมือกับผีสามตัว
แถมตอนนี้ยังมีเจ้านักพรตชั่วจางจึเทาที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดอีกตัว สำหรับพวกเราทุกคน เรื่องนี้สร้างแรงกดดันอย่างมหาศาล
โชคดีที่ผีพวกนี้เป็นแค่ผีเร่ร่อนธรรมดา ไม่ใช่วิญญาณร้ายอะไร
ไม่อย่างงั้นอย่าว่าแต่ให้สู้เลย แม้แต่โอกาสหนีพวกเราก็อาจจะไม่มีด้วยซ้ำ
ถ้าไม่เชิญเซียนมาสถิตร่าง ก็ต้องขอให้น้องศพมาช่วยแน่ๆ
พวกเราสามคนอยู่ฝ่ายตั้งรับ แม้ผีพวกนี้จะได้เปรียบเรื่องจำนวน
แต่ฝีมือไม่ได้เก่งกล้ามากนัก รู้แค่ตัวเองต้องพุ่งไปข้างหน้าเท่านั้น
ดุร้ายก็ถือว่าดุร้ายอยู่ แต่ขอแค่ป้องกันให้ดี จะจัดการช้าหน่อยก็ไม่ใช่ปัญหา
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป เราต่อสู้กันนอกวงอย่างหนัก
อาจารย์และท่านนักพรตตู๋ ก็ไม่หยุดเข้าไปปะทะกับจางจึเทา
ตอนนี้จางจึเทา ไม่ต่างอะไรจากสัตว์ตัวหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ภายนอกหรือการกระทำ ก็เหมือนสัตว์ร้ายกระหายเลือดตัวหนึ่ง
ท่านนักพรตตู๋และอาจารย์หนึ่งซ้ายหนึ่งขวา โจมตีจางจึเทาอย่างต่อเนื่อง
กรงเล็บอันแหลมคมของจางจึเทากวัดแกว่งไปมา ใช้พลังประหลาดของตัวเอง ทำให้พวกอาจารย์รับมือได้ลำบากเช่นกัน
สถานการณ์การแบบนี้ดำเนินไปได้ประมาณ 10 นาที สนามรบก็พัฒนาไปสู่ขั้นเลือดเดือด
พวกเราสามคนที่ยืนคุ้มกันอยู่นอกวง ก็เริ่มเลือดตกยางออก ถูกกรงเล็บของผีพวกนี้ข่วนเป็นแผล แต่ก็ไม่ได้อาการหนักอะไร
เพราะอีกฝ่ายมีจำนวนเยอะเกินไป สองมือยากจะเอาชนะสี่มือของอีกฝ่ายได้ นี่ก็เป็นเรื่องที่ใครๆก็ทำอะไรไม่ได้
ส่วนอาจารย์และท่านนักพรตตู๋ ก็พยายามปราบจางจึเทา
ในเวลานี้จางจึเทาถูกบังคับให้เข้าสู่ทางตัน ทั้งสามด้านเป็นกำแพงโรงงานสูงหลายสิบเมตร ไม่มีทางให้ถอยหนีอีกต่อไป
อาจารย์และท่านนักพรตตู๋ยังโจมตีอย่างต่อเนื่อง อยากจัดการอีกฝ่ายให้ได้
จางจึเทาก็ไม่อยากโดนจับ ทันใดนั้นเองมันก็คำราม “ โฮก ” ออกมาหนึ่งครั้ง เสียงดังกึกก้อง กรงเล็บกวาดแกว่งอย่างดุร้าย
ใช้ความดุร้าย และออร่าสีเหลือจางนั้น ทำให้อาจารย์และท่านนักพรตตู๋ต้องถอยร่นออกมาอีกครั้ง
ตอนนี้สีหน้าของจางจึเทาน่าเกลียดมาก มุมปากยังมีคราบเลือด แต่เขากลับจ้องพวกเราอย่างดุร้าย
“ อย่าคิดว่าเป็นแบบนี้แล้วก็จะฆ่าฉันได้ ที่ฉันสามารถอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ ล้วนเป็นสิ่งที่ฉันใช้เท้าตัวเองเดินทีละก้าวๆ…… ”
เมื่อพูดถึงประโยคสุดท้าย จางจึเทาก็แทบจะตะคอกออกมา
และเสียงเมื่อกี้เพิ่งเงียบลง จางจึเทาก็ประสานมือเสกคาถาท่าทางแปลกๆ
วินาทีที่เสกคาถาเสร็จแล้ว จางจึเทาก็ตะโกนออกมาว่า “ ขอเชิญเทพลุ่ยลิ้ง เพี้ยง ! ”
พวกเราไม่รู้ว่าเจ้าจางจึเทาเสกคาถาอะไร แต่เมื่อคำพูดพวกนี้เงียบลง จางจึเทาก็ตัวสั่นอย่างแรง
ในปากกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
แต่เขากลับไม่สนใจเลยสักนิด ยังไม่เอามือลง ท่องอะไรสักอย่าง แถมยังตัวสั่นไม่หยุด
ในเวลาเดียวกัน บนหัวของเขา ก็มีควันสีดำพวยพุ่งออกมา สภาพดูผิดปกติสุดๆ
หลังจากจางจึเทาทำแบบนี้แล้ว ผีชุดขาวที่พุ่งเข้ามาโจมตีพวกเรา ก็เหมือนโดนกระตุ้น กรีดร้องลากยาว ท่าทางทรมานผิดปกติ สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ทันที
“ อ้า ! อร๊าย…… ”
เสียงดังก้องไปทั่วโรงงานปุ๋ย
ต่อจากนั้น ฉากแปลกประหลาดยิ่งกว่าเดิมก็เกิดขึ้น
เริ่มจากการเปลี่ยนแปลงอันน่าขนลุกขึ้นกับผีชุดขาวพวกนี้
ลวดลายลูกตาบนหน้าผากของพวกเขา เริ่ม “ เต็มไปด้วยเลือด ”
ดูเหมือนเส้นเลือดฝอยทั้งหมดไปกระจุกตัวอยู่ตรงนั้น ลวดลายที่เคยเป็นสีดำ ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นสีแดงแล้ว และค่อยๆนูนขึ้นเล็กน้อย ดูแปลกตาสุดๆเลยละ
เห็นได้ชัดว่าผีพวกนั้นกำลังทรมานมาก แต่ละตัวใช้มือจับหัวตัวเอง ร้อง “ อร๊าย/อ้า ” ออกมาไม่หยุด บางตัวถึงกับลงไปนอนกลิ้งกับพื้นก็มี
แม้ผมจะไม่รู้ว่าจางจึเทาใช้วิชาอะไร แต่มองจากพลังของผีพวกนั้นผมก็ตัดสินได้ว่า จางจึเทาทำให้ผีพวกนี้แข็งแกร่งอย่างไม่คิดถึงชีวิตตัวเอง
ถ้าให้เขาทำสำเร็จละก็ พลังในการต่อสู้ของผีพวกนี้ต้องเพิ่มเป็นเท่าตัวแน่ๆ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ผมก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว
เห็นทุกคนยังตกตะลึงกับฉากตรงหน้าอยู่ ผมก็รีบหมุนตัวตะโกนบอกอาจารย์และท่านนักพรตตู๋ว่า
“ อาจารย์ ท่านลุงตู๋ รีบจัดการเขาเร็ว ! ”
หลังจาดพูดจบ ผมก็ยกดาบไม้ขึ้น เข้าไปแทงผีที่กำลังมีอาการผิดปกติ เตรียมจัดการพวกเขา
ก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงโดยสมบูรณ์ ลบปัญหาที่จะตามมาในอนาคต
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ผ่านไปเพียงแค่แป๊บเดียวเท่านั้น
จู่ๆอาจารย์และท่านนักพรตตู๋ก็ได้ยินผมพูดแบบนั้น จึงตอบสนองอย่างรวดเร็ว
เหล่าเฟิงและหยางเฉ่ว ก็ได้สติกลับคืนมา ในเวลาเดียวกับผม แต่ละคนต่างแยกย้ายลงมือกับผีวงนอก
อาจารย์และท่านนักพรตตู๋เห็นจางจึเทาที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลกำลังประสานมืออยู่ จึงอดสูดหายใจเข้าไม่ได้ ถึงกับสามารถควบคุมผีได้ พวกเขาจึงอดใจสั่นกับวิชานี้ไม่ได้
วิชามารนี้แปลกประหลาดมาก แม้ไม่รู้ว่าทำสำเร็จแล้วจะเป็นยังไง แต่ยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
พวกเขาต้องกำจัดเจ้าจางจึเทาก่อน
ดังนั้นอาจารย์และท่านนักพรตตู๋จึงหันมาสบตากัน เมื่อเห็นหมอกสีเหลืองลดลงแล้ว พวกเขาก็ไม่ลังเล
จับดาบไม้ พุ่งเข้าไปหาจางจึเทาอีกรอบ
จางจึเทาเห็นอาจารย์และท่านนักพรตตู๋พุ่งเข้ามาอีกครั้ง มุมปากยกยิ้มอย่างเย็นชา “ ยังอยากจะฆ่าฉัน ?
สายไปแล้ว ! ”
หลังจากพูดจบ จางจึเทาก็เปลี่ยนท่าประสานมือ แล้วตะโกนออกมาอีกครั้ง “ เปิด ! ”
เมื่อคำว่า “ เปิด ” ดังขึ้น หน้าผากของพวกผีตรงหน้า ก็มีดวงตาเปิดขึ้น
ดวงตาดวงที่สามปรากฎขึ้นแล้ว แต่ดวงตานี้จริงครึ่งไม่จริงครึ่ง มองดูแล้วค่อนข้างแปลกประหลาดและพิสดาร
แต่ดวงตาสีแดงดวงนั้น ให้ความรู้สึกกดดันและน่าหวั่นเกรงกับผู้คน
ก่อนที่ผีพวกนี้จะลืมตา พวกเราสามคนได้ฆ่าผีติดกันไปสี่ตนแล้ว
ในขณะที่กำลังจะลงมือต่อ กลับพบว่าผีที่เหลือลืมตาหมดแล้ว
และพวกผีที่ลืมตาแล้ว ล้วนคำราม “ โฮก ” ออกมาทุกตัว หลังจากนั้นก็พุ่งใส่พวกเราทันที
ครั้งนี้ พวกมันเคลื่อนไหวเร็วมาก และยังว่องไวยิ่งกว่าเดิม
พลังหยินที่ปล่อยออกมา ก็มีเยอะกว่าเดิม พละกำลังก็เพิ่มเป็นเท่าตัว
ผมใจสั่น รีบหลบทันที
แต่สิ่งที่แปลกก็คือ ครั้งนี้ผีพวกนี้ ไม่ได้คิดจะสู้กับพวกเรา
เมื่อเห็นพวกเราหลบแล้ว พวกมันก็พุ่งเข้าไปหาอาจารย์และท่านนักพรตตู๋ที่กำลังต่อสู้อยู่ข้างหลังพวกเราทันที
ผมร้อนรนขึ้นมาทันที รีบพลิกดาบเข้าไปขวางเอาไว้
แต่มันสายไปแล้ว ครั้งนี้ ความเร็วของพวกมันเร็วเกินไป
พวกเราขวางเอาไว้ได้หนึ่งตัว สองตัว แต่ผีหลังจากนั้นยังพุ่งเข้าไปอย่างไม่คิดชีวิต แม้ตัวเองจะบาดเจ็บแล้ว ก็ยังทำลายการป้องกันของพวกเราให้ได้ เพื่อเข้าไปโจมตีพวกอาจารย์
แต่แล้วในชั่วพริบตา ผีห้าตัวก็ทำลายวงล้อมจากสามทิศของพวกเรา แล้วแยกย้ายกันไปโจมตีใส่อาจารย์และท่านนักพรตตู๋ทันที
อาจารย์ ท่านนักพรตตู๋ก็สัมผัสได้ถึงบางอย่าง เห็นผีพวกนั้นปรากฎตัวในวงต่อสู้
พวกเขาจึงต้องปล่อยมือจากจางจึเทาก่อน หมุนตัวกลับไปต่อสู้กับผีสามตาพวกนี้
แต่มันก็เพราะแบบนี้ จางจึเทาถึงได้ใช้ช่องโหว่นี้ ใช้กรงเล็บที่แหลมคมของตัวเอง ปีนกำแพงที่อยู่ข้างหลัง
กรงเล็บของเขาคมมาก บวกกับผีสามตาพวกนี้ช่วยถ่วงเวลาให้เขา
ภายใต้ทางเส้นทางที่ปลอดโปร่ง หลังจากนั้นไม่นานนัก จางจึเทาก็ขึ้นไปอยู่บนกำแพงสูงกว่าสิบเมตรได้แล้ว
ในเวลานี้เขากำลังยืนอยู่บนกำแพง จ้องพวกเราที่กำลังสู้อยู่ข้างล่างอย่างเย็นชา
แม้ผีสามตาจะร้ายกาจ แต่ก็ค่อยๆถูกพวกเรากำจัดลงในที่สุด
จางจึเทาใช้มือกำหน้าอกตัวเอง ในเวลาเดียวกันก็พูดกับพวกเราที่อยู่ข้างล่างว่า “ ติงฝาน บัญชีนี้ฉันจางจึเทาจะจำมันเอาไว้ อีกไม่ช้าฉันจะกลับไปทวงมันที่บ้านแก ! ”
หลังจากพูดจบ จางจึเทาก็หมุนตัวโดยไม่ลังเลเลยสักนิด เขาวิ่งไปตามหลังคาโรงงาน แล้วค่อยๆจางหายไปจากสายตาพวกเรา……