spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 273 หน้าที่
สุดท้ายผีผู้ชายที่แสนดุร้ายก็ระเบิดตัวเองต่อหน้าพวกเรา
แต่ไม่รอให้เราได้พักหายใจ ทันใดนั้นเองผมก็พบว่า ตรงที่ผีผู้ชายระเบิดฆ่าตัวตาย ก็มีกระดาษรูปคนสีหมึกตกอยู่เช่นกัน
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมก็เดินไปข้างหน้าด้วยความสงสัย หลังจากนั้นก็หยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดู
หยางเฉ่วและเหล่าเฟิงก็เห็นกระดาษแผ่นนั้น พวกเขาเองก็เผยท่าทางสงสัยออกมาเช่นกัน
“ ทำไมถึงมีกระดาษรูปคนอีกแล้วละ ! ” หยางเฉ่วบ่นพึมพำ
เหล่าเฟิงไม่ได้พูดอะไร ส่วนผมหยิบคนกระดาษขึ้นมาดูสองสามรอบ
จากพื้นผิวของคนในกระดาษ มองไม่เห็นร่องรอยใดๆ และไม่มีอะไรพิเศษ
เป็นเพียงแค่คนกระดาษขนาดเท่าฝ่ามือ นอกจากพวกนี้แล้ว ด้านบนไม่มีร่องรอยอะไรอีก
หลังวิญญาณของผีตนนี้แตกสลายแล้ว ไม่ควรหลงเหลือสิ่งใดเอาไว้ซิถึงจะถูก
แต่เจ้าเจิงต้าจือกับเจ้าผีที่ถูกเรียกว่าพี่เก้า กลับทิ้งกระดาษสีหมึกเอาไว้หลังตายสองครั้งติด
นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน จะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับผีสองตนนี้มาก่อนแน่ๆ กระดาษแผ่นนี้จะต้องไม่ใช่ของธรรมดาอย่างแน่นอน
และที่แน่ใจได้ในตอนนี้คือ พวกเขากับองค์กรตาผีต้องเกี่ยวข้องกันไม่มากก็น้อยแน่ๆ
หรือจะพูดว่า กระดาษแผ่นนี้น่าจะเป็นวิชาลับบางอย่างที่องค์กรตาผีใช้ควบคุมพวกเขา หรืออาจเป็นอย่างอื่น
พวกเราสามคนไม่เข้าใจ แต่ก็เก็บกระดาษสีหมึกเอาไว้อย่างดี คิดว่ารอให้กลับไปแล้ว ค่อยเอาของสิ่งนี้ให้อาจารย์และท่านนักพรตตู๋ดู
ทั้งสองคนมีประสบการณ์มากมาย บางทีพวกเขาอาจจะมองเห็นอะไรบางอย่าง
หลังจากนั้น พวกเราก็อยู่ที่นี่อีกพักหนึ่ง มองดูรอบๆ
แต่นอกจากผีสองตัวนี้แล้ว รอบๆก็ไม่มีอะไรผิดปกติอีก และไม่มีกลิ่นอายพลังชั่วร้ายอย่างอื่นอีก
ดังนั้น เราสามคนจึงคิดจะรีบเดินทางกลับ
เมื่อพวกเรามาถึงเมืองภาพยนตร์อีกครั้ง ก็เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว
ตอนนี้ยังมีผู้คนเดินเข้าออกเมืองภาพยนต์กันอย่างว่าเล่น กองถ่ายรอบดึก นักท่องเที่ยว กลุ่มนักแสดง
ให้บรรยากาศที่ครึกครืนกันเลยทีเดียว
ณ ที่แห่งนี้ แม้หลังของพวกเราจะมีดาบไม้ติดอยู่ ในมือถือเข็มทิศฮวงจุ้ย ก็ไม่มีใครสนใจเราหรอก
หรือจะเรียกได้ว่าพวกเขาเห็นพวกเราเป็นกลุ่มนักแสดงของหนังบางเรื่อง พวกเราหาอะไรกินระหว่างทาง และดูมือถือกันอีกนิดหน่อย
น่าเสียดายมาก นักพรตจางคนนั้น ตอนนี้พวกเรายังไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มจากเพื่อนสนิทของผมเลย
เมื่อเติมท้องเต็มแล้ว เราก็กลับไปที่ห้องเช่าของฉิงหมิงเฉ่ว
ในเวลานี้แม้จะดึกมากแล้ว แต่เมื่อมาถึงหน้าประตู พวกเราก็พบว่าในห้องยังมีแสงไฟอยู่ และยังมีเสียงคุยกันดังออกมาเบาๆ
เห็นได้ชัดว่าพวกเธอกลัวจนนอนไม่ลง หลังจากเสียงเคาะประตูดังขึ้น เสียงที่เคร่งเครียดก็ดังออกมาจากด้านใน “ นั่นใคร ? ”
“ พวกเราเอง ! ” ผมตอบกลับเบาๆ
เสียงเพิ่งเงียบลง เราก็ได้ยินฉิงหมิงเฉ่วตะโกนด้วยความดีใจ “ นักพรตติง ! ”
หลังจากพูดจบ เสียงฝีเท้าก็ตามมาติดๆ พร้อมกับประตูที่เปิดออก
ตอนฉิงหมิงเฉ่วและอู่ฮุ่ยฮุ่ยเห็นพวกเราอีกครั้ง ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเธอดีใจมาก
ผู้หญิงทั้งสองคนรีบพูดเป็นเสียงเดียวกัน ถามว่าเป็นยังไงบ้าง
พวกเราสามคนเข้าไปในห้องอีกครั้ง กวาดสายตามองโต๊ะบูชาที่แตกเป็นเสี่ยงๆในห้องแวบหนึ่ง
จากนั้นก็พูดเบาๆว่า “ สบายใจได้แล้ว ! เรื่องมันจบแล้ว ต่อไปพวกเธอก็อยู่กันอย่างสบายใจได้แล้วละ ! ”
ฉิงหมิงเฉ่วถูกผีลามกนั่นตามรังควานมาสามเดือน เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เธอก็ดีใจจนทำอะไรไม่ถูก
“ ขอบคุณมาก ขอบคุณพวกคุณมากจริงๆ ! ใช่ ใช่แล้วท่านนักพรตทั้งสาม พวกคุณรอฉันแป๊บนึงนะคะ…… ” หลังจากพูดจบ ฉิงหมิงเฉ่วก็วิ่งไปที่ห้องนอน หลังจากนั้นก็คุ้ยกระเป๋าสองสามครั้ง หยิบเงินขึ้นมาก้อนหนึ่งแล้วก็เดินออกมา
เงินมีจำนวนไม่มากนัก ด้านในแม้แต่แบงค์ห้าสิบหรือแบงค์ยี่สิบก็ยังมี โดยรวมแล้วก็น่าจะมีประมาณพันกว่าหยวน
ฉิงหมิงเฉ่วถือเงินพันกว่าหยวนนี้เข้ามา เธอยื่นมันให้ผมอย่างเคารพ “ ท่านนักพรตติง ขอบ ขอบคุณพวกคุณจริงๆ ตอน ตอนนี้ฉันมีแค่นี้แหละค่ะ ไม่รู้ว่าพอไหม พวก พวกคุณได้โปรดรับเอาไว้ด้วยค่ะ ถ้ายังไม่พอ
ฉันจะให้พวกคุณเพิ่มวันหลัง…… ”
หลังจากพูดจบ ฉิงหมิงเฉ่วคนนี้ยังโค้งคำนับพวกเราอย่างประหม่า
มุมปากของผมยกยิ้มเล็กน้อย พวกเราไม่ใช่พวกต้มตุ๋น นี่ก็เป็นภาระหน้าที่และความรับผิดชอบที่พวกเราควรทำอยู่แล้ว
และฉิงหมิงเฉ่วก็เป็นแค่นักแสดงตัวเล็กๆ นอกจากค่าน้ำค่าไฟแล้ว แม้แต่ซื้ออาหารดีๆกินเธอก็ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วพวกเราจะกล้ารับเงินของเธอมาได้ยังไง
แต่ไม่รอให้ผมได้พูดออกมา หยางเฉ่วที่อยู่ข้างๆกลับผลักมือของฉิงหมิงเฉ่วออก “ เสี่ยวเฉ่ว พวกเราไม่ต้องการเงิน เธอเก็บเอาไว้เถอะ ! ”
ฉิงหมิงเฉ่วอึ้ง “ ไม่ ไม่ต้องการเงิน ? ”
หยางเฉ่วกลับฉีกยิ้มอย่างสดใส “ เราไม่ได้เป็นเพื่อนกันเหรอ ? เงินพวกนี้เธอเก็บเอาไว้ใช้เองเถอะ วันไหนที่เธอมีชื่อเสียงเหมือนฮุ่ยเอ๋อร์แล้ว ค่อยเชิญพวกเราไปกินข้าวสักมื้อก็ได้แล้ว ! ”
หยางเฉ่วก็พูดตรงเกินไป เมื่อฉิงหมิงเฉ่วได้ยินคำพูดนี้ ก็ซาบซึ้งใจอย่างอธิบายไม่ถูก
วุ่นวายอยู่ที่นี่สองสามปี เรื่องมิตรภาพระหว่างคนเรา ตัวเธอเองรู้ดีเลยละ
แต่ละคนล้วนมีเป้าหมายเป็นของตัวเอง หรือจะพูดว่าหากไม่ได้ประโยชน์ใครจะยอมทำ
หยางเฉ่วพูดเหมือนเห็นเธอเป็นเพื่อน ช่วยเธอขนาดนี้แล้ว ยังไม่ต้องการเงินของเธออีก แล้วแบบนี้จะไม่ให้เธอซาบซึ้งใจได้ยังไง
ฉิงหมิงเฉ่วตาแดง “ อือ ” ตอบรับเพียงสั้นๆ แล้วก็บอกว่าเธอจะพยายามต่อไป
หลังจากนั้น พวกเราก็คุยต่อในห้องฉิงหมิงเฉ่วอีกพักหนึ่ง
คนในเมืองจะค่อนข้างระวังและหลีกเลี่ยงจากสิ่งชั่วร้าย ผมจึงเสนอ ให้ฉิงหมิงเฉ่วย้ายออกไปในช่วงสองสามวันนี้
แม้ผีลามกเจิงต้าจือจะตายไปแล้ว แต่พวกเราพบว่าพวกเขาไม่ได้อยู่โดดๆ แต่เป็นสาวกในองค์กรหนึ่ง
เพื่อความปลอดภัยของเธอ ผมเลยให้ฉิงหมิงเฉ่วย้ายออกไปจากที่นี่
และยังต้องลบวีแชทของนักพรตจางทิ้งซะ ตัดช่องทางการติดต่อทุกอย่างกับองค์กรชั่วนั่น
เหตุผลในการย้ายบ้านคือ หนึ่งเคยเป็นสถานที่ที่อยู่ร่วมกับผีลามกเจิงต้าจือ สองก็คือในห้องมีพลังหยินแรงเกินไป ไม่เหมาะให้คนที่มีพลังหยางอ่อนแออย่างฉิงหมิงเฉ่วอยู่
เพราะพลังหยางอ่อน จะถูกสิ่งชั่วร้ายครอบงำได้ง่าย
ตอนนี้เธอจะต้องพักในที่ที่มีพลังหยางแรง แบบนี้ถึงจะทำให้พลังหยางในตัวเธอค่อยๆฟื้นกลับมา
ไม่อย่างนั้นร่างกายของเธอจะป่วยง่าย หรือแม้แต่โดนสิ่งชั่วร้ายจ้องเล่นงานอีกครั้ง ต้องพบเจอกับเรื่องที่ไม่จำเป็น
ฉิงหมิงเฉ่วก็รับปากทุกข้อ ในเวลาเดียวกันอู่ฮุ่ยฮุ่ยก็ให้ฉิงหมิงเฉ่วไปพักกับเธอก่อน แบบนี้ทั้งสองคนจะได้ดูแลซึ่งกันและกัน
หลังจากคุยกันเรียบร้อยแล้ว เราสามคนก็ไม่อยู่ต่อ บอกให้พวกเธอรักษาตัวดีๆ จากนั้นก็บอกลาพวกเธอ
ตอนนี้เป็นเวลาดึกมากแล้ว หอพักมหาลัยของหยางเฉ่วก็ปิดแล้ว ดังนั้นพวกเราเลยหาพักโรงแรมแถวนี้ชั่วคราว
เดิมทีคิดจะพักผ่อนดีสักหน่อย นอนหลับสักตื่นก็ยังดี
แต่แผ่นฉนวนกันเสียงของที่นี่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คู่รักหนุ่มสาวที่อยู่ห้องข้างๆมีพลังอย่างน่าประหลาด
พวกเขาร้องอืออ่ากันทั้งคืน ทำให้ผมไม่ได้นอนดีๆเลยตลอดทั้งคืน
เมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น ผมยังรีบเปิดดูโทรศัพท์ก่อนอย่างแรก ดูว่านักพรตจางตอบรับเป็นเพื่อนกับผมหรือยัง แต่สุดท้ายมันก็ไม่มีการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด
ผมทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ก้มหน้าก้มตากลับตำบลชิงฉือก่อน
เที่ยงวันนี้หยางเฉ่วต้องไปรวมตัวกับเพื่อนร่วมชั้น ดังนั้นเธอเลยกลับไปตั้งแต่เช้าแล้ว บอกให้ผมติดต่อเธออีกที หลังจากได้ข่าวจากนักพรตจางนั่นแล้ว
ต่อจากนั้น ผมและเหล่าเฟิงก็ยืนรอรถกลับตำบลชิงฉือ
เมื่อมาถึงตำบล ก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว
หลังจากลงรถ ผมและเหล่าเฟิงก็ต่างคนต่างนำคนกระดาษสีหมึกของตัวเอง แล้วตรงไปหาอาจารย์ตัวเองทันที
พอผมกลับมาถึงบ้าน ก็พบว่าอาจารย์กำลังกินข้าวอยู่
เมื่ออาจารย์เห็นผมกลับมาแล้ว ก็ส่งเสียงทักทายผมทันที “ กลับมาพอดี มากินข้าวด้วยกันซิ ! ”
แต่ผมกลับไม่มีอารมณ์ ผมรีบหยิบคนกระดาษสีหมึกออกมาจากแขนเสื้อ แล้วพูดกับอาจารย์ว่า
“ อาจารย์ผมมีของอย่างนึง อาจารย์เคยเห็นไหม…… ”
ตอนแรกอาจารย์ยังไม่ได้สนใจเท่าไหร่ แต่วินาทีที่เห็นคนกระดาษสีหมึกในมือผม
อาจารย์ก็ตกใจอย่างแรง สีหน้าเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวขึ้นมาทันที……