spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 269 ทรมานให้สารภาพ
เมื่อเห็นท่าทางคุกเข่าร้องขอความเมตตาของเจิงต้าจือ เราก็ไม่ได้ทำสีหน้าดีขึ้นแต่อย่างใด
ไล่ตามเจ้าหมอนี่ ทำให้เราเสียพลังไปไม่น้อย ในที่สุดตอนนี้ก็จับเขาได้แล้ว จึงเป็นธรรมดาที่จะไม่อ่อนให้เขาง่ายๆ
แต่ก่อนหน้านั้น ยังมีสิ่งสำคัญที่ต้องจัดการก่อน
ผมจ้องเจิงต้าจือที่คุกเข่าอยู่บนพื้น หลังจากนั้นก็พูดออกมาอย่างเย็นชา “ เอาร่างตุ๊กตาสีทองออกมา ! ”
เจิงต้าจือเองก็รู้ดี หากไม่ทำตามที่ผมพูดในเวลานี้ เสี้ยววินาทีต่อไปตัวเองอาจจะไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้ว
เขาจึงไม่กล้าชักช้า รีบเอาหุ่นตุ๊กตาสีทองออกมาจากแขนเสื้อทันที
“ ท่าน ท่านนักพรตทั้งสามท่าน นี่ นี่คือร่างทองของผม พวกท่าน พวกท่านยกโทษให้ผมเถอะ ! ผม ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเลว…… ” เจิงต้าจือพยายามอ้อนวอน เพราะกลัวว่าดาบของเราจะเป็นจุดจบของเขา
“ ฮึ ! ยกโทษให้แกงั้นเหรอ ? งั้นก็ต้องดูว่าแกให้ความร่วมมือไหม ! ” หยางเฉ่วพูดอย่างเย็นชา
เจิงต้าจือรีบพยักหน้ารับทันที “ ร่วมมือ ร่วมมือ ไม่ว่าอะไรผมก็ร่วมมือทั้งนั้น ! ”
“ ในเมื่อบอกว่าจะร่วมมือ งั้นแกก็ทำลายร่างทองตัวเองซะ ไม่อย่างงั้นเราจะลงมือลงไม้อีกรอบ ! ”
หยางเฉ่วพูดอย่างเย็นชาเหมือนเดิม
เจิงต้าจือเผยสีหน้าขมขื่น และลังเลหน่อยๆ
เนื่องจากการมีอยู่ของร่างทอง เขาถึงดมธูปได้ และยังใช้ร่างทองบำเพ็ญสั่งสมพลังได้ สิ่งนี้มีประโยชน์ต่อผีเร่ร่อนตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
ดังนั้น เจิงต้าจือจึงอดไม่ได้ที่จะทำลายร่างทองของตัวเอง
แต่เมื่อเห็นใบหน้าอันโหดเหี้ยมของพวกเรา เขาก็เข้าใจทันที ถ้าตัวเองไม่ลงมือ พวกเราก็มียังวิธีทรมานเขา หรือแม้แต่ฆ่าเขา แล้วทำให้วิญญาณของเขาแตกสลาย
หลังจากลังเลอยู่สองสามวินาที เจิงต้าจือก็กัดฟัน ใช้มือบีบ
ตุ๊กตาสีทองที่เคยแข็งเหมือนเหล็ก ไม่ว่าตอนกลางวันพวกเราจะทุบมันขนาดไหนก็ไม่บุบสลายตัวนั้น ในตอนนี้กลับโดนเจิงต้าจือบีบจนแตกอย่างง่ายดาย
ในวินาทีที่ร่างตุ๊กตาสีทองถูกทำลาย ห้องเช่าฉิงหมิงเฉ่วที่อยู่ไกลออกไป โต๊ะบูชาก็ส่งเสียงดัง “ ปัง ”
มันแตกเป็นเสี่ยงๆ
ด้วยเหตุนี้ เรื่องส่งส่วยให้ผีของฉิงหมิงเฉ่ว ก็จบลงในวินาทีที่ร่างกุมารทองแตก
วันข้างหน้าฉิงหมิงเฉ่วและเจ้าเจิงต้าจือนี่ ก็จะไม่เกี่ยวข้องกันอีก
ขอแค่ฉิงหมิงเฉ่วมีพลังหยางมากพอ เจิงต้าจือก็อย่าคิดว่าจะเข้าใกล้ฉิงหมิงเฉ่วได้อีก
เพียงแค่เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน จึงทำให้อู่ฮุ่ยฮุ่ยและฉิงหมิงเฉ่วตกใจจนเกือบเสียสติ พวกเธอกรี๊ดลั่นห้อง……
กลับมาพูดถึงพวกเราที่อยู่ที่นี่บ้าง หลังจากเห็นร่างตุ๊กตาสีทองแตกเป็นเสี่ยงๆ พวกเราก็อดถอนหายใจด้วยความโล่งอกไม่ได้
เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เรื่องที่อู่ฮุ่ยฮุ่ยไหว้วานเรา ก็จบลงซะที
ต่อจากนี้ ก็จะเป็นเรื่องของพวกเราแล้ว
ดังนั้นผมเลยพูดกับเจิงต้าจืออีกครั้ง “ โอเค ต่อไปฉันจะถามแก ! นักพรตจางคนนี้มีที่มายังไง ? งานที่แกพูดถึงคืออะไร ? ”
หน้าเจิงต้าจือกระตุกสองครั้ง หลังจากนั้นก็พูดเสียงติดอ่างหน่อยๆ “ เรื่อง เรื่องนี้ผมไม่ได้พูดไปแล้วเหรอ ? ว่าผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน รู้แค่เขาถูกเรียกว่านักพรตจางเท่านั้น ส่วนเรื่องงาน ก็คือ ก็คือ ก็คือให้พวกเราช่วยคนเยอะๆ ใช่ๆก็คือช่วยคนให้เยอะๆ แต่ละเดือนจะต้องช่วยให้ได้อย่างน้อยห้าคน หรือไม่ก็สิบคน
ใช่ ช่วยสิบคน แต่ละเดือนจะต้องช่วยคนสิบคน เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละ…… ”
หลังจากฟังคำพูดพวกนี้จบ เราสามคนก็อดกลอกตาไม่ได้
มองสีหน้า ท่าทาง และยังมีน้ำเสียงติดอ่างนั่นอีก
เห็นชัดๆว่ากำลังพูดโกหก นี่มันเห็นเราเป็นคนโง่หรือยังไง ?
“ แม่เจ้า นี่แกยังกล้าโกหกอีกเหรอฮะ ! ” หลังจากพูดจบ ผมก็เข้าไปถีบทันที
เหล่าเฟิงเองก็ไม่เกรงใจ ยื่นเท้าตามมาสมทบเช่นกัน
แม้แต่หยางเฉ่ว ก็ตามเราสองคนเข้ามารุมกระทืบเจิงต้าจือเช่นกัน
เจ้าหมอนี่ เป็นพวกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา มาถึงขั้นนี้แล้ว มันยังไม่ยอมพูดความจริงออกมาอีก
“ สภาพแบบนี้ยังช่วยคนได้ แถมยังช่วยตั้งสิบคน พระเจ้าช่วย แม้แต่พูดโกหกยังไงยังพูดไม่เป็น กระทืบมันให้ตายไปเลยดีกว่า ! ” ผมทั้งด่าและกระทืบเจ้าหมอนี่ไปพร้อมๆกัน
เจิงต้าจือถูกกระทืบจนร้อง “ โอ๊ยโอ๊ย ” อย่างอนาถ ตอนแรกเขายังปากแข็งอยู่บ้าง
แต่ต่อมา ก็ถูกพวกเรากระทืบจนทนไม่ไหว และยังโดนขู่จนหมดหนทาง
เจิงต้าจือจึงเริ่มพูดความจริง “ หยุด หยุดกระทืบได้แล้ว ฉัน ฉันพูด ฉันพูดแล้ว ไม่ ไม่ใช่ช่วยคน แต่เป็น
เป็นเก็บ… แต่ละเดือนจะต้องเก็บให้ได้สิบคน หลังจากนั้น หลังจากนั้นก็เอาไปให้นักพรตจาง
ไม่อย่างงั้น ไม่อย่างงั้นเราจะต้องตาย…… ”
เมื่อคำพูดพวกนี้ออกมา สีหน้าของพวกเราสามคนก็เปลี่ยนไปทันที ในใจมีเสียงดัง “ กึก ”
ดีจริงๆ เป็นผีเลวอย่างที่คิดจริงๆ
…คืออะไร ในลัทธิเต๋า มันถูกเรียกว่าแก่นพลังหยิน
ถ้าเปลี่ยนคำพูด มันก็คือแก่นพลังของผู้หญิง และยังเรียกอีกอย่างว่า “ สะสมหยิน ” ก็คือการสะสมหยินเสริมหยาง ( การรวมร่างของชายหญิง )
ในใจแอบคิดว่า เจ้าชาติหมานี่หน้าไม่อาย เจ้าหมอนี่น่าจะถูกเชิญออกมาสามเดือนแล้ว
ถ้าเปลี่ยนมาพูดอีกแบบ ก็คืออย่างน้อยต้องมีผู้หญิงยี่สิบกว่าคน ที่โดนเจ้าผีลามกนี่ทำลาย
แต่ผมกลับสงสัยในใจ เจ้าการ “ เก็บพลังหยิน ” นี่ก็สามารถให้คนอื่นเก็บไปได้ด้วยเหรอ ?
ไม่ได้บอกว่า เรื่องแบบนี้ต้องทำด้วยตัวเองหรอกเหรอ ?
แม้จะคิดแบบนี้ แต่ผมก็ไม่ได้ถามออกมา
เพราะไม่ว่ายังไงเจ้าหมอนี่ก็ทำลายผู้หญิงไปจำนวนมาก เก็บรวบรวมพลังของผู้คน
เจิงต้าจือเห็นหน้าพวกเราในเวลานี้เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงยิ่งกว่าเดิม จึงมองออกทันทีว่าพวกเราต้องโมโหแล้วแน่ๆ
เจิงต้าจือกลัวเจ็บ แถมยังกลัวตาย จึงรีบอธิบายว่า “ นัก นักพรตทั้งสามท่านอย่าเพิ่งโมโห ผม ผมโดนบังคังทั้งนั้น ! อีกอย่าง อีกอย่างผม เสี่ยวเฉ่วเชิญผมมาเอง ผมไม่มีทางแตะต้องเสี่ยวเฉ่วอย่างแน่นอน พวกผู้หญิงที่เคยโดนเก็บ…ไป ผมก็ไม่ได้เอาชีวิตพวกเธอ ”
“ เพียงแค่ดูดพลังหยินของพวกเธอมาเท่านั้น พอตื่นมาอีกครั้ง พวกเธอจะไม่เจ็บปวดเลย อย่างมาก อย่างมากก็ฝันเห็นว่ากำลังมีอะไรกับคนอื่นก็แค่นั้น ! ”
หยางเฉ่วเป็นผู้หญิง เมื่อได้ยินคำพูดนี้เธอก็โมโหในทันที “ ฝันเห็นว่ามีอะไรกับแม่แก่ซิ ! ตอนนี้ฉันจะทำให้แกฝันเห็นว่ามีอะไรกับคนอื่นบ้าง ! ”
หลังพูดจบ ดาบในมือของหยางเฉ่ว พุ่งเข้าไปหาเจิงต้าจืออย่างแรง
เมื่อเจิงต้าจือเห็นภาพนี้ หน้าก็เปลี่ยนสี เขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง เขาหลบโดยสัญชาตญาณทันที
ผลลัพธ์พอเขาเบี่ยงตัวหลบ ดาบไม้ก็พุ่งเขาไปที่ขาอ่อนของเจิงต้าจือ
“ อ้า ” เจิงต้าจือร้องเหมือนหมูโดนเชือด ฟังดูทรมานผิดปกติ
“ อย่า อย่าฆ่าฉัน ฉัน ฉันก็โดนบังคับเหมือนกัน ไม่อย่างงั้น ไม่อย่างงั้นฉันก็ต้องตาย ! ” เจิงต้าจือพูดด้วยความทรมาน
แต่หยางเฉ่วยังคงไม่ปล่อยไปง่ายๆ “ แกตายก็ดีกว่าไปทำลายผู้หญิงหลายคนขนาดนี้ ! ”
หลังจากพูดจบดาบไม้ก็ถูกดึงออกมาและคิดที่จะเข้าไปแทงอีกครั้ง เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมก็เข้าไปห้ามหยางเฉ่วทันที
หยางเฉ่วเห็นผมห้ามเธอ จึงพูดด้วยความไม่พอใจ “ ติงฝาน ให้ฉันฆ่ามัน ! ”
ผมแสดงสีหน้าเคร่งขรึม “ บัญชีเดี๋ยวค่อยคิดไปทีละเรื่องๆ รออีกหน่อยนะ…… ”
หลังฟังผมพูดจบ หยางเฉ่วก็สบัดมืออย่างแรง เค้นเสียงดัง ฮึ แล้วถอยไปอยู่ข้างๆดังเดิม
เจิงต้าจือเห็นหยางเฉ่วออกห่างแล้ว จึงเอามือกดขาแล้วพูดกับผมว่า “ ท่านนักพรต ! ที่ผมพูดเป็นความจริงทั้งหมด พวกท่านช่วยผมด้วยเถอะ ! ให้ผมหลุดพ้นจากการควบคุมของพวกเขา ผมไม่อยากเป็นทาสให้พวกเขาอีกต่อไปแล้ว ! ”
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ผมก็อ่านเจ้าเจิงต้าจือคนนี้จนทะลุปรุโปร่งแล้ว เขาเป็นแค่คนปากอย่างใจอย่าง
ปากพูดแบบนี้ แต่กลับทำอีกอย่าง
ตั้งแต่เริ่มคุยกับผีพี่เก้าตนนั้น เขาก็เอาแต่พูดถึงเรื่องลามก จะเห็นได้ว่าเจ้าหมอนี้มันมีแต่ตัญหาขนาดไหน
แต่ตอนนี้ผมก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย เพียงถามอย่างเย็นชาอีกครั้ง “ เขาเป็นใคร ? ”
หลังจากพูดจบ ผมก็ชี้ไปที่ผีที่ถูกผนึกเอาไว้บนพื้น
“ เขา เขาก็เป็นเหมือนผม ล้วนถูกนักพรตจางควบคุม ทุกคนเรียกเขาว่าพี่เก้า ! ”
ผมพยักหน้าเล็กน้อย หลังจากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ งั้นอาจารย์ของพวกแกละ ? เป็นใคร ? ”
แต่ในขณะที่ผมพูดถึงคำว่า “ อาจารย์ ” สองคำนี้ ตัวของเจิงต้าจือก็สั่นอย่างเห็นได้ชัด บ่งบอกในทันทีว่าเขากลัวมาก ดวงตาทั้งสองอย่างเขียนเอาไว้ว่ากลัวอย่างไม่ต้องคิดเลย
เขาปากสั่นเทา ไม่กล้าพูดออกมาแม้แต่คำเดียว……