spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 245 ยกโลง
ผมและเฟิงเฉ่วหานเดาว่าเรื่องจะออกมาเป็นแบบนี้ ในเวลานี้เมื่อท่านนักพรตตู๋พูดออกมาจากปากตัวเองว่าโลงมีปัญหา และยังทำท่าทางลึกลับขนาดนี้ ผมสองคนจึงสงสัยหนักกว่าเดิม
เหล่าเฟิงพูดออกมาตรงๆ “ อาจารย์ พูดให้ชัดกว่านี้ได้ไหม ? มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ”
เมื่อท่านนักพรตตู๋ได้ยิน เขาก็กวาดสายตามองรอบๆหนึ่งครั้ง เมื่อเห็นคุณฉีและคนอื่นๆไม่ได้อยู่ใกล้ๆ
เขาก็พูดกับผมสองคนว่า “ ในโลงนี้ น่าจะมีผีดิบอยู่ ! ”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ผมและเฟิงเฉ่วหานก็ทำหน้าตื่นกลัว ไม่กล้าเชื่อคำพูดของเขาเลยสักนิด
ผีดิบ นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะ ?
ครั้งก่อนตอนศพของคุณหนูเหวินกลายเป็นผีดิบ ผมและเหล่าเฟิงก็เกือบตาย
ตอนนี้ ตอนนี้ทั้งสองโลงยังมีปัญหา ถ้ามันเป็นผีดิบหมดละก็ แล้วผมสองคนจะรับมือได้ยังไงละ ?
“ ผี ผีดิบ อาจารย์ ท่านลุงตู๋ ทั้ง ทั้งสองคนนี้ตายมา 10ปี แล้วนะ ศพคงเหลือแต่กระดูกแล้ว แล้วเมื่อวานพวกเรายังได้เจอผู้อาวุโสฉีอยู่เลย เขาก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ แล้วเขาจะกลายเป็น จะกลายเป็นผีดิบได้ยังไง ? ” ผมไม่ค่อยอยากเชื่อ
เพราะการกลายเป็นผีดิบเป็นสิ่งที่ยากมาก พวกเขาไม่ใช่ศพตายโหงอะไรด้วย และยังต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลายอย่าง ถึงจะทำให้ศพกลายสภาพได้
ไม่อย่างนั้นคนตายโหงจำนวนมหาศาลบนโลก คงได้ลุกออกมาเป็นผีดิบกันหมดแล้ว
เสียงของผมเพิงเงียบ ทันใดนั้นเหล่าเฟิงก็พูดด้วยความสงสัย “ ใช่อาจารย์ ฮวงจุ้ยของที่นี่ดีขนาดนี้ ไม่ได้เป็นสถานที่ชั่วร้าย ไม่น่าจะกลายเป็นผีดิบได้นะครับ ”
ท่านนักพรตตู๋และอาจารย์ได้ยินผมสองคนถามถึงขนาดนั้น พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มที่ขมขื่น
อาจารย์อธิบาย “ อย่าว่าแต่พวกแกไม่เชื่อเลย แม้แต่ฉัน ก็ยังไม่อยากเชื่อเหมือนกัน ถึงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เมื่อกี่ฉันกับเหล่าตู๋ลองคิดดูแล้ว มันมีสัญญาณว่าศพในโลงมีการเปลี่ยนแปลง ถ้าไม่เชื่อพวกแกดูนี่ซิ ! ”
หลังจากพูดจบ อาจารย์ก็ชี้ไปที่โลงที่ยังไม่ได้ถูกยก
ผมและเฟิงเฉ่วหานมองตาม ในเวลาเดียวกันก็เปิดไฟฉายส่อง
เมื่อส่องเข้าไป พวกเราก็เห็นโลงโลงนั้น มีเม็ดสีดำๆติดอยู่
เมื่อผมและเหล่าเฟิงเห็นสิ่งนี้ ก็คิดออกทันทีว่ามันคืออะไร
พวกมันคือข้าวเหนียว เมื่อเจ้าสิ่งนี้สัมผัสกับพลังชั่วร้ายของศพ มันถึงจะเปลี่ยนเป็นสีดำ
หรือพูดได้ว่า ในโลงนี้มีพลังศพที่ชั่วร้ายไหลเวียนอยู่ เพียงแค่ไม่ได้มีเยอะจนล้นออกมา ตามระดับพลังของพวกเราในตอนนี้ พวกเรายังไม่สามารถพูดออกมาได้อย่างชัดเจน
ดวงตาของผมและเหล่าเฟิงเบิกกว้าง หัวใจเต้นเร็วกว่าเดิม
พระเจ้า ศพในหลุมก็เปลี่ยนเป็นผีดิบได้เหรอ ? ทำไมพวกเราถึงโชคดีขนาดนี้
ขณะที่ผมและเหล่าเฟิงกำลังตกตะลึง ท่านนักพรตตู๋ก็พูดว่า “ พวกเธอสองคนไม่ต้องกังวลเกินไป ถึงศพในโลงอาจมีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็ไม่ได้แปลว่ามันจะเปลี่ยนไปแล้ว ขอแค่คืนนี้เขายังไม่ลืมตา หลังย้ายหลุมศพแล้ว เปลี่ยนฮวงจุ้ยของที่นี่ อีกเดี๋ยวก็ใช้ด้ายดำพันอีกสองสามชั้น ย้ายลงไปไว้ในหลุมใหม่ ผ่านไปไม่กี่เดือนเขาก็จะเปลี่ยนกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว ”
เมื่อได้ยินท่านนักพรตตู๋พูดแบบนั้น ผมและเฟิงเฉ่วหานก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
หลังจากนั้น ผมก็พูดออกมาแบบไม่คิด “ อาจารย์ ท่านนักพรตตู๋ ฮวงจุ้ยของที่นี่ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ?
แล้วทำไมยังต้องเปลี่ยนด้วยละ ”
อาจารย์ส่ายหัว “ เรื่องนี้พวกเราเองก็ยังไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้ดึกมากแล้ว พวกเรารีบย้ายหลุมศพก่อนเถอะ ”
แม้จะยังรู้สึกสงสัย แต่เมื่อได้ยินอาจารย์พูดถึงขนาดนั้น ผมก็ตอบตกลงทันที
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาหาสาเหตุ แต่ควรคิดหาวิธีแก้ปัญหามากกว่า
หลังจากพูดกันมาสักพักพวกเราก็ได้ข้อสรุป มีเพียงการย้ายหลุมศพเท่านั้น เมื่อเปลี่ยนตำแหน่งฮวงจุ้ยใหม่แล้ว ปัญหาทั้งหมดก็จะถูกแก้ไข
หลังจากย้ายโลงเสร็จ มันก็ไม่สายเกินไปที่พวกเราจะสาเหตุกันอีกรอบ
เมื่อคิดได้แบบนี้ อาจารย์ก็ส่งสัญญาณให้ผมเรียกคุณฉีและคนอื่นๆเข้ามา ยกโลง
เพราะการยกโลงและฝังโลงมีกฎเป็นของตัวเอง ดังนั้นหลังจากคุณฉีและคนอื่นมาถึง อาจารย์ก็อธิบายให้ฟังว่าอีกเดี๋ยวพวกเขาต้องใส่ใจตรงจุดไหนบ้าง และเรื่องข้อห้ามต่างๆ
เช่นตอนยกโลง จะเดินถอยหลังไม่ได้ ถึงแม้จะเจอโค้ง ก็ห้ามถอยหลังเด็ดขาด
แล้วก็ คนที่ยกหัวโลง จะต้องเป็นคนที่แต่งงานแล้ว เรียกว่าหัวมังกร
เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องทำ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดกลับมีแค่เรื่องเดียว นั่นก็คือตอนยกโลง ห้ามทำโลงหล่นลงพื้นเด็ดขาด มีเพียงตอนที่วางโลงลงหลุมเท่านั้น ถึงจะให้โลงสัมผัสพื้นได้
ถ้าโลงเกิดล่วงลงไป ศพที่อยู่ข้างในก็จะสัมผัสกับพลังบนพื้นโลก อาจทำให้คนตายหนาว และอาจเกิดปัญหาไม่จำเป็นตามมา
และศพในโลงนี้ก็ผิดปกติอยู่แล้ว ถ้ามันตกลงพื้นจริงๆ ก็อาจทำให้ศพเปลี่ยนแปลงได้
แม้คุณฉีและคนขับรถทั้งสามคนจะทำเรื่องนี้เป็นครั้งแรก แต่พวกเราก็ตั้งใจฟัง เพราะทุกคนอยากให้ทุกอย่างออกมาราบรื่น ไม่อยากมีเรื่องอัปมงคลติดตัว
เมื่อมองดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มครึ่งแล้ว ทุกคนจึงหาเชือก มาผูกกับโลงศพทั้งสองให้เรียบร้อย
ในเวลาเดียวกัน เมื่อพวกเราทุกคนพร้อมแล้ว และเตรียมตัวยกโลงขึ้น
เพราะคนไม่พอ ดังนั้นโลงหนึ่งโลงจึงทำ “ ที่แบกโลง 3 อัน ” หรือก็คือหัวมังกรสองคน และหางมังกรหนึ่ง
ใช้ท่อนไม้ที่ค่อนข้างยาวหนึ่งท่อน กดท่อนไม้ของหัวมังกรเอาไว้เรียกว่าสันมังกร แบบนี้ทั้งสามคนก็สามารถยกโลงขึ้นได้แล้ว แต่ว่าหางมังกรจะค่อนข้างลำบาก
และหน้าที่เป็นหางมังกรนี้ อาจารย์ก็มอบให้ผม เป็นคนยกโลงของฉีโย่วฉาย ส่วนหัวมังกรคือคุณฉีและคนขับรถของเขาแซ่ซู
ส่วนอีกทางด้านหนึ่ง หัวมังกรคือคนขับรถสองคน หางมังกรคือท่านนักพรตตู๋และเหล่าเฟิง
อาจารย์ของผม เป็นคนถือกระดิ่ง เดินนำขบวน
ตอนนี้ทุกคนประจำที่ของตัวเองแล้ว และพร้อมทำหน้าที่ของตัวเอง
ทันใดนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงอาจารย์สั่นกระดิ่ง “ กริ๊งกริ๊งกริ๊ง ” และพูดเสียงดัง “ ฤกษ์ดีมาถึงแล้ว
คุณฉีโย่วฉาย คุณฉีเต๋อหวาง จะย้ายบ้านใหม่…… ”
เสียงของอาจารย์ลากยาวมาก หลังจากพูดจบ เขาก็สั่นกระดิ่งอีกครั้ง “ กริ๊งกริ๊งกริ๊ง ”
ขณะเดียวกันยังโยนเงินกระดาษหนึ่งกำมือ และตะโกนว่า “ ยกโลง…… ”
เสียงเพิ่งเงียบลง อาจารย์ก็หยิบเงินกระดาษออกมาอีกหนึ่งกำมือ แล้วโยนออกไปอีกครั้ง
พวกเราเองก็พร้อมแล้ว เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนที่ยืนอยู่ขนาบข้าง ก็ออกแรกทันที “ ฮึบ ! ”
โลงศพหนักมาก ถึงทุกคนจะร่วมมือกัน แต่มันก็ยังหนักจนแทบยกไม่ขึ้น
ผมลำบากมากที่สุด ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนเอวของตัวเองกำลังจะหัก
ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่ผมก็กัดฟัน ออกแรงยกสุดฤทธิ์
“ อาจารย์ โลงนี่ หนักสุดๆไปเลย ! ” ผมพยายามพูด พร้อมกับใบหน้าสีแดงก่ำ
อาจารย์แสดงสีหน้าเคร่งขรึม “ หนักก็ต้องยก ห้ามปล่อยมือเด็ดขาด ”
หลังจากพูดจบ อาจารย์ก็หันไปสั่นกระดิ่งต่อ “ กริ๊งกริ๊งกริ๊ง ”
เท้าสองข้างของผมสั่นไปหมด แต่ผมก็ยังกัดฟัน ฝืนยกโลงต่อไป
แต่ตอนยกโลงขึ้น ช่องว่างระหว่างฝาโลง ทำให้น้ำไหลลงมาไม่หยุด ติ๋งติ๋งติ๋งติ๋ง หยดลงมาอย่างกับสายฝน
ผมแอบพูดในใจ ในโลงนี่มีน้ำอยู่เท่าไหร่กันแน่ ถึงว่ามันถึงได้หนักขนาดนี้
ด้านของเหล่าเฟิง กลับดูเบากว่าของผมมาก
เมื่อฝั่งนั้นเห็นผมยกโลงขึ้น พวกเขาก็ยกตาม
เมื่อโลงถูกยกขึ้นแล้ว อาจารย์ก็สั่นกระดิ่งในมือ เริ่มเดินไปข้างหน้า พาพวกเราลงเขาไปยังหลุมศพใหม่……