spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ตอนที่ 230 รวมตัวที่ศาลเจ้าหลักเมือง
เฟิงเฉ่วหานก็พูดตรงเกิ๊น จะพูดขวานผ่าซากไปไหน
แต่เขาพูดถูกทุกอย่าง เรื่องคำทำนาย มันลึกลับซับซ้อนมาก
จะดีหรือร้าย ถึงร้ายก็แค่หนีจากมันเท่านั้น
คิดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ในเมื่อคำทำนายบอกไว้ว่าชีวิตนี้ผมจะได้เจอผู้หญิงที่พาทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายมาสู่ตัว งั้นก็ปล่อยให้เธอมาซิ ! ไม่ว่าเธอจะเป็นมู่หลงเหยียนหรือเซียนจิ้งจอก เมื่อถึงเวลานั้น เรื่องราวคงออกมาชัดเจนมากกว่านี้
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ หลังจากนั้นก็พูดกับเหล่าเฟิงที่อยู่ข้างๆว่า “ นายพูดถูก ! คิดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ”
เฟิงเฉ่วหานไม่ใช่คนพูดมาก เมื่อเห็นผมพูดแบบนั้น เขาก็ไม่พูดไร้สาระ ยื่นบุหรี่ให้ผมทันที
ในเวลาเดียวกัน ท่านนักพรตตู๋ก็หันมาพูดกับผมว่า “ เสี่ยวฝาน ฝันมีทั้งดีและร้าย แต่ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นเพราะผู้หญิง ถ้าตอนนั้นเธอสัมผัสถึงอะไรบางอย่างได้แล้ว เธอจะต้องระวังตัวให้มากๆ แบบนี้ก็จะสามารถเลี่ยงจากปัญหาที่ไม่จำเป็นได้แล้ว หรือเปลี่ยนร้ายกลายเป็นดี ! ”
เมื่อได้ยินคำพูดของท่านนักพรตตู๋ ผมก็พยักหน้ารัวๆ และพูดขอบคุณท่านนักพรตตู๋
อาจารย์เห็นผมได้คำทำนายแล้ว จึงพูดกับท่านนักพรตตู๋ว่า “ เหล่าตู๋ มาเช้าขนาดนี้ เพื่อคุยเรื่องชูหม่าของเสี่ยวฝานเหรอ ”
เมื่อท่านนักพรตตู๋ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าก็กลับมาปกติอีกครั้ง “ ใช่ เมื่อเช้าได้ยินเสี่ยวเฟิงพูด ว่าเสี่ยวฝานจะไปเป็นชูหม่า ก็เลยมาถามให้ละเอียด ไปเป็นชูหม่าของใคร ทำไมจู่ๆถึงไปเป็นชูหม่าได้ ”
เมื่ออาจารย์ฟังจบ ก็รีบตอบกลับทันที “ ฉันก็คิดอยู่ ทำไมนายถึงมาเช้าขนาดนี้ ที่แท้ก็มาถามเรื่องเสี่ยวฝานจะไปเป็นชูหม่านี่เอง ครั้งนี้ เสี่ยวฝานไปเป็นชูหม่าของสำนักหูแห่งเขาฉิน ! ”
“ สำนักหู เป็นศิษย์ลำดับที่เท่าไหร่ ” ท่านนักพรตตู๋ถามต่อ
แต่อาจารย์กลับยิ้มออกมาเล็กน้อย “ ประมุขของสำนักหู ”
“ อะไรนะ ประมุขของสำนักหู เหล่าติง ไม่ตลกนะอย่ามาล้อเล่นน่า ” เห็นได้ชัดว่าท่านนักพรตตู๋ไม่เชื่อ เขาคิดว่าอาจารย์โม้
แต่อาจารย์กลับหัวเราะ “ ฮ่าๆ ” “ เหล่าตู๋ ฉันเคยโกหกนายเหรอ เป็นประมุขสำนักหูจริงๆ ไม่อย่างนั้นฉันจะยอมให้เสี่ยวฝานไปเป็นชูหม่าได้ยังไง ”
หลังฟังอาจารย์พูดจบ ผมก็พูดออกมาว่า “ ใช่ครับท่านนักพรตตู๋ ครั้งนี้ ผมไปเป็นศิษย์นางพญาจิ้งจอก ! ”
เมื่อท่านนักพรตตู๋และเฟิงเฉ่วหานได้ยิน เขาก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ เผยสีหน้าไม่อยากเชื่อออกมา
ผ่านไปสักพัก ผมถึงได้ยินท่านนักพรตตู๋พูดว่า “ ประมุขสำนักหูถึงกับลงเขามารับศิษย์ด้วยตัวเอง เสี่ยวฝาน เธอโชคดีมากเลย ! แต่ว่า เท่าที่ฉันรู้ การลงเขามารับศิษย์ ปกติจะต้องมีโชคชะตาต่อกัน ไม่รู้ว่าเสี่ยวฝานและประมุขสำนักหูมีวาสนาอะไรต่อกันเหรอ ”
สำหรับเรื่องนี้ เป็นธรรมดาที่ผมจะพูดความจริงไม่ได้ ดังนั้นเมื่อคืนผมจึงเตี๊ยมกับอาจารย์เรียบร้อย
ตอนนี้จึงได้ยินอาจารย์ส่งเสียง “ อะฮึ่ม ” หลังจากนั้นก็พูดว่า “ เป็นแบบนี้ ตอนเป็นวัยรุ่นฉันเคยไปตัดผมให้พระในป่า มีอยู่มาคืนหนึ่งฟ้าร้องดังลั่น จู่ๆจิ้งจอกตัวหนึ่งก็วิ่งเข้ามาในห้องของฉันพร้อมกับบาดแผล ตอนนั้นฉันยังถือศีลอยู่ จึงปล่อยให้จิ้งจอกอยู่ในห้องหนึ่งคืน พอเห็นมันบาดเจ็บ ฉันเลยเอายามาใส่ให้มัน ! มันจึงเห็นเป็นผู้มีพระคุณ จำกล่องครั้งที่แล้วได้ไหม ”
“ จำได้ครับ กล่องไม้สีดำ ! ” เฟิงเฉ่วหานพูด
“ ใช่ กล่องไม้สีดำใบนั้นแหละ ตอนนั้นฉันไม่อยากพูด แต่ตอนนี้ก็บอกพวกนายได้แล้ว นั่นเป็นกล่องที่ฉันได้มาตอนเป็นวัยรุ่น เพราะจิ้งจอกที่ฉันช่วยเอาไว้อยากตอบแทน มันจึงทิ้งเอาไว้ ! วันนั้นที่ใช้กล่อง มันก็ไปกระตุ้นนางพญาจิ้งจอก ”
“ นางพญาจิ้งจอกรู้สึกผิด บวกกับเรื่องลงเขามาตามหาศิษย์ และเรื่องที่ฉันเคยช่วยคนสำนักหูเอาไว้ เธอจึงส่งข้อความมาบอกว่า อยากได้เสี่ยวฝานไปเป็นลูกศิษย์ ดังนั้นพวกเราเลยตอบตกลงเพราะแบบนี้…… ”
นี่เป็นเรื่องที่ผมและอาจารย์สร้างขึ้น ซ่อนมู่หลงเหยียน และความสัมพันธ์ระหว่างนั้นเอาไว้ ทุกอย่างถูกนำวางไว้บนตัวของอาจารย์
เมื่อทำแบบนี้แล้ว พวกเราก็จะสามารถเล่าเรื่องได้อย่างราบรื่น
เมื่อท่านนักพรตตู๋และเหล่าเฟิงได้ยินก็อึ้งกันไปพักหนึ่ง แต่พวกเขาไม่ได้สงสัยอะไร
เรื่องช่วยจิ้งจอกบนภูเขา มีมาตั้งแต่โบราณ และพวกเรายังเป็นคนปราบสิ่งชั่วร้าย เรื่องแบบนี้จึงเป็นเรื่องปกติในสายตาพวกเรา
ด้วยความสัมพันธ์แบบนี้ จึงทำให้เรื่องนางพญาจิ้งจอกลงมารับศิษย์ อยากให้คนกราบไหว้บูชาถูกอธิบายได้อย่างง่ายด้าย
ดังนั้น ท่านนักพรตตู๋จึงไม่ถามอะไรมาก เพียงพูดกับผมว่าโชคดีสุดๆ บอกให้ผมคว้ามันเอาไว้ ในอนาคตเมื่อเป็นศิษย์แล้ว จะได้รับการดูแลจากสำนักหู ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปราบสิ่งชั่วร้าย หรือทำดีสะสมบุญ ก็จะสะดวกขึ้นเยอะ ในเวลาเดียวกันก็จะมีวิธีอีกมากมาย ที่ใช้ในการจัดการเรื่องยุ่งยากได้
ท่านนักพรตตู๋และเฟิงเฉ่วหานคุยกันในร้านต่ออีกพักหนึ่ง หลังจากรู้เรื่องราวที่ชัดเจนแล้ว พวกเขาก็ออกไป
บอกว่าพอถึงวันที่ผมจะไปเป็นศิษย์ พวกเขาจะมาหาใหม่
หลังจากท่านนักพรตตู๋และเหล่าเฟิงออกไป ในบ้านก็เหลือเพียงผมกับอาจารย์สองคน
เมื่ออาจารย์เห็นพวกท่านนักพรตตู๋ไปแล้ว เขาก็พูดปลอบใจผมสองสามประโยค
บอกว่าในสองวันนี้ผมไม่ต้องคิดมาก บอกว่าชูหม่าก็คือการกราบอาจารย์ มีเรื่องให้หนักใจเล็กน้อยเท่านั้น
มันเหมือนกับผมฝันเห็นเรื่องแปลกๆ เขาบอกว่าให้ผมไม่ต้องเก็บไปใส่ใจ และยังบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องน่ากลัว บอกให้ผมสบายใจได้
ในอดีตที่ผ่านมาจะเป็นยังไงก็ตาม แต่ตอนนี้เราต้องผ่านมันไปให้ได้ ไม่ต้องกังวลมากเกินไป
ส่วนตัวผม แม้ในใจจะค่อนข้างเครียดและรู้สึกสงสัย
แต่มันเหมือนกับที่อาจารย์และเหล่าเฟิงพูดไว้ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย พวกเราพูดไปก็ไม่ได้อะไร คิดมากไปก็เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นยังไงพวกเราก็ต้องผ่านมันไปให้ได้
ดังนั้น สองวันหลังจากนั้น เวลาว่างผมจึงอยู่เฝ้าร้าน เล่นเกมกับเหล่าเฟิงและหยางเฉ่วบ้างบางครั้ง ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากนัก
จนกระทั่งถึงวันชูหม่า ผมและอาจารย์เริ่มกระวนกระวาย
เพราะตอนไปชูหม่าเป็นเวลากลางคืน ดังนั้นตอนเช้าผมและอาจารย์จึงเดินไปที่ศาลเจ้าหลักเมือง จัดการให้ที่นั้นดูสะอาดเรียบร้อย หลังจากนั้นพวกเราก็กลับบ้านจุดธูปและทำเรื่องอื่นๆ
เวลาประมาณสี่โมงเย็น เหล่าฉิน ท่านนักพรตตู๋ และเหล่าเฟิงมาที่ร้านของพวกเรา พวกเขาวางแผนว่าจะไปชูหม่ากับผมคืนนี้ ในเวลาเดียวกันก็อยากเปิดหูเปิดตา เจอประมุขของสำนักหูสักครั้ง
แต่พวกเขาเพิ่งมาถึงไม่นาน หยางเฉ่วที่รีบเดินทางมาจากในเมืองก็มาถึง
แม้หยางเฉ่วและพวกอาจารย์จะไม่ค่อยคุ้นเคยกันมากนัก แต่ในฐานะที่เป็นเพื่อนรักของผมและเฟิงเฉ่วหาน พวกอาจารย์จึงไม่ได้ถามอะไรมาก
ทุกคนนั่งกินอาหารเย็นแบบง่ายๆ หลังจากนั้นก็แบกสัมภาระตรงไปที่ศาลเจ้าหลักเมืองก่อน
ทุกคนล้วนเป็นคนใน พวกเราเพิ่งมาถึงที่นี่ ก็เริ่มทำงานทันที นำของเซ่นไหว้ น้ำ เหล้าและของอื่นๆ ออกมาวางให้เรียบร้อย
ในเวลาเดียวกันก็จุดธูป เผาเงินกระดาษ และแขวนผ้าแดงไว้ที่ประตู
หลังจากทำเรื่องพวกนี้เสร็จ ฟ้าก็มืดแล้ว
ส่วนเรื่องนางพญาจิ้งจอกจะมากี่โมงนั้น พวกเราไม่รู้จริงๆ ดังนั้นพวกเราจึงได้แต่นั่งรอ
ทุกคนไม่มีอะไรทำ จึงเริ่มหาเรื่องคุยกัน
เวลาประมาณสามทุ่มครั้ง นางพญาจิ้งจอกยังไม่มา จนทำให้ยายโม่มาถึงแล้ว
พวกเรารู้สึกถึงสายลมที่ค่อยๆพัดเข้ามา สายลมอันเยือกเย็น ปรากฎขึ้นที่นอกตัววัดอย่างกระทันหัน
ทุกคนที่อยู่ในศาลเจ้าหลักเมือง ต่างตกใจ มองไปที่ประตูทันที
เมื่อมองไป ก็เห็นร่างของหญิงแก่คนหนึ่งกำลังถือไม้เท้าเดินเข้ามา
ท่านนักพรตตู๋ เฟิงเฉ่วหานและหยางเฉ่วไม่รู้จักยายโม่ ตอนนี้เมื่อเห็นผีแก่ตนหนึ่ง พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหวาดระแวง
แต่อาจารย์และเหล่าฉิน ตอนนั้นพวกเขาได้เจอยายโม่ ที่ศาลเจ้าหลักเมืองแห่งนี้ พวกเขารู้ฐานะของยายโม่ดี และยายโม่ยังเคยช่วยชีวิตพวกเราไว้
ตอนนี้เมื่อเห็นยายโม่เดินเข้ามา ทั้งหมดคนก็ลุกขึ้นโดยอัตโนมัติ
ในเวลาเดียวกันทุกคนก็ได้ยินเหล่าฉินพูดว่า “ นี่ นี่ไม่ใช่ยายโม่ที่ช่วยพวกเราไว้คืนนั้นเหรอ ”
ยายโม่หัวเราะ “ ฮึฮึฮึ ” “ วันนี้มีงานมงคล ข้าน้อยเองก็มาร่วมสนุก ไม่ทราบว่าทุกท่านจะรังเกียจไหม ! ”
เสียงเพิ่งเงียบลง อาจารย์ก็เดินเข้ามาต้อนรับแล้ว ในเวลาเดียวกันเขาก็ทำมือคารวะ “ ท่านยายโม่ ไม่ได้พบกันนานนะครับ ลูกศิษย์ของผมชูหม่ามียายมาเป็นสักขีพยาน ถือเป็นเกียรติกับลูกศิษย์ของผมมากครับ เชิญครับเชิญทางนี้…… ”