spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ณ โรงอาหารของสถาบันบ่มเพาะขุนพล
"เทียนหู..." ต้วนหลิงเทียนกล่าวเรียกเทียนหู ก่อนที่จะมองมันครู่หนึ่ง และส่ายศีรษะพร้อมเบนสายตาไปหาเซี่ยวหยูและเซี่ยวฉวิน "พวกเจ้า 2 คนบอกมันเองเถอะ"
"เฮ่ๆ อะไรกัน ใยพวกเจ้าลับๆล่อนักเล่า?" เทียนหูรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย มันขมวดคิ้วก่อนที่จะมองหน้าทุกคนสลับกันไปมา
"เอาล่ะ ข้าเองแล้วกัน" เซี่ยวฉวินกันไปมองเทียนหูพร้อมยิ้มแหยๆ ก่อนที่จะกล่าวออกมา "เทียนหูเอ้ย...ตั้งแต่พรุ่งนี้เจ้าอาจจะต้องมานั่งกินข้าวคนเดียวในโรงอาหาร... "
"ว่าอะไร นี่เจ้าหมายถึงอะไรกันแน่ เหตุใดข้าต้องมากินคนเดียว?" เทียนหูเริ่มหงุดหงิดขึ้นมา "ใยพวกเจ้าทั้ง 3 คนทำตัวมีลับลมคมในนักเล่าวันนี้ ...หรือนี่พุ่งนี้ พวกเจ้าคิดจะวางแผนลาออกจากสถาบันบ่มเพาะขุนพล แล้วไปที่อื่นกัน?"
เซี่ยวฉวินส่ายหัว "พวกเราได้รับเลือกให้เป็นกองกำลังสำรอง ที่จะไปทำการรบที่ชายแดน ...พรุ่งนี้พวกเราก็ต้องไปรายงานตัวกันที่ลานฝึกซ้อมหลัก ก่อนที่จะทำการเคลื่อนพลไปพร้อมๆกับกองกำลังสำรองทั้งหมด มุ่งหน้าสู่ชายแดนทางตะวันตกเฉียงเหนือ"
เทียนหูแสดงสีหน้าโง่งมออกมา ก่อนที่จะยกมือไปสัมผัสหน้าผากของเซี่ยวฉวิน "เซี่ยวฉวิน เจ้าก็ไม่ได้มีไข้อันใดนี่ ใยเพ้อเจ้อถึงเพียงนี้เล่า?"
แน่นอนว่าเทียนหูย่อมไม่เชื่อในคำกล่าวนี้ของเซี่ยวฉวิน เพราะจะอย่างไรนักศึกษาของสถาบันบ่มเพาะขุนพลเอง ก็ต้องร่ำเรียนเรื่องราวไม่น้อย และแม้กระทั่งฝ่ายดาวขุนพลเองขั้นต่ำที่จะไปสนามรบได้ก็ต้องอยู่ชั้นปีที่ 2 สำหรับฝ่ายดาวกุนซือที่เน้นเรื่องแผนการและความคิดนั้นย่อมซับซ้อนกว่า นั่นทำให้กว่าพวกมันจะมีความสามารถพอที่จะเป็นกำลังเสริมได้ก็ต้องรอจนกระทั่ง ปีการศึกษาที่ 5 หรือ 6
เมื่อเห็นเทียนหูยังแสดงท่าทางไม่เชื่อคำกล่าว ที่เซี่ยวฉวินบอก เซี่ยวหยูช่วยไม่ได้แต่ต้องกล่าวออกมาเช่นกัน "เทียนหู เซี่ยวฉวินมันไม่ได้ล้อเจ้าเล่น พรุ่งนี้พวกเราต้องไปแล้วจริงๆ"
เทียนหูเองแม้จะได้ฟังวาจานี้ของเซี่ยวหยูเองมันก็ยังไม่เชื่อ สุดท้ายมันต้องหันไปมองต้วนหลิงเทียน เพื่อเป็นการยืนยันครั้งสุดท้าย
ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้าออกมาพร้อมยิ้มแหยๆ
"บัดซบ!" เทียนหูลุกขึ้นยืนชี้หน้าและถลึงมองตาทุกคน “ พวกเจ้ามันพี่น้องบัดซบ! สหายบัดซบ! ทอดทิ้งข้าไปสนุกกันหมด ใยพวกเจ้าทำเช่นนี้ พวกเจ้ารวมหัวกันหลอกข้า ซ้ำยังทิ้งข้าลงได้อย่างไร”
เซี่ยวฉวินเพียงลุกขึ้นตบบ่าของเทียนหูก่อนที่จะส่ายหน้าออกมาอย่างช่วยไม่ได้ "เทียนหู ไม่ใช่ว่าเจ้าเองก็กล่าวบอกพวกเราเองไม่ใช่หรือ? ในฐานะฝ่ายดาวขุนพล จะอย่างไรไม่ช้าก็เร็วเจ้าย่อมได้เข้าสนามรบเป็นแน่แท้ ...แต่ฝ่ายดาวกุนซือของเราอาจจะมีโอกาสเพียงครั้งเดียว... "
สีหน้าของเทียนหูหมองลงทันทีเมื่อได้ฟังคำกล่าวของเซี่ยวฉวิน ...สีหน้าของเขาเจื่อนลงอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น
ในช่วงบ่าย ต้วนหลิงเทียนก็ยังขึ้นไปนั่งบนกิ่งไม้ด้านข้างลานฝึกซ้อมและบ่มเพาะพลังไปตามประสา
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แต่เสียงใสอ่อนหวานเสียงหนึ่งพลันดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน
"ต้วนหลิงเทียน!" น้ำเสียงอ่อนหวานนี้ ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความรู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อยราวกับเคยได้ยินมาก่อน
ต้วนหลิงเทียนเปิดตาออกมาก่อนที่จะมองไปยังต้นเสียงที่อยู่ไม่ไกลสักเท่าไร และเขาก็เห็นร่างบอบบางที่แสนงดงามร่างหนึ่งยืนอยู่อย่างสง่างามราวกับนางฟ้านางสวรรค์ลงมาเดินดิน .. งดงามกระทั่งจันทร์ยังต้องหลบโฉมสุดา...
"องค์หญิงปี้เหยา?" ต้วนหลิงเทียน อดไม่ได้ที่จะตะลึงเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าองค์หญิงปี้เหยาจะมาปรากฏตัวที่นี่ได้
ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนก็เห็นกลุ่มนักศึกษาชายที่กำลังเดินมามุงและเฝ้ามององค์หญิงปี้เหยาอยู่ห่างๆ...กล่าวได้ว่ายามนี้นักศึกษาฝ่ายดาวกุนซือทั้งหมดที่อยู่ใกล้ๆ ไม่เว้นแม้แต่เซี่ยวหยูและเซี่ยวฉวิน ต่างใช้สายตาอิจฉาริษยามองมาที่ต้วนหลิงเทียนทั้งสิ้น!
นอกจากนี้เซี่ยวหยูและเวี่ยวฉวินยังแสดงท่าทียียวนใส่เขาอีก
ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มออกมาอย่างเจื่อนๆ ก่อนที่จะกระโดดลงมาจากต้นไม้ใหญ่ ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็เห็นว่าองค์หญิงปี้เหยาหันไปกล่าววาจากับสตรีชราคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังของนาง ก่อนที่สตรีชราผู้นั้นจะพยักหน้าแล้วเดินกลับไป องค์หญิงปี้เหยาเองก็เริ่มเดินมาหาเขา
"องค์หญิง" ต้วนหลิงเทียนยิ้มและพยักหน้าเล็กน้อย แทนคำทักทายที่เขามีต่อนาง
ใบหน้าสวยงามขององค์หญิงปี้เหยาแดงระเรื่อเล็กน้อย น่าทะนุถนอม "ต้วนหลิงเทียน ข้าได้ยินมาว่าท่านกำลังจะเดินทางออกจากเมืองหลวง พร้อมกับกองกำลังสนับสนุนในวันพรุ่งนี้ เพื่อมุ่งไปยังแนวรบที่ชายแดนตะวันตกเฉียงเหนืองั้นหรือ ... "
"ใช่แล้ว" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำ "องค์หญิงแล้วท่านเล่า ทำไมถึงมาที่สถาบันบ่มเพาะขุนพลได้?"
องค์หญิงปี้เหยาแย้มยิ้มออกมาบางๆ"ข้ามาหาพี่ชาย 7 น่ะ แล้วพอดีระหว่างจะกลับข้าก็เห็นท่านระหว่างทางพอดี...ก็เลย" เมื่อกล่าวจบพวงแก้มขององค์หญิงปี้เหยาก็แดงระเรื่อขึ้น
พี่ชาย 7? ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจเล็กน้อย
องค์ชาย 7 อยู่สถาบันบ่มเพาะขุนพลด้วยหรือ?
"หาได้ยากนักที่คนอย่างองค์หญิงจะจดจำบุคคลธรรมดาเช่นข้าได้ นับว่าเป็นเกียรติของข้าต้วนหลิงเทียนแล้ว" คิ้วของต้วนหลิงเทียนโค้งขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ
องค์หญิงปี้เหยาเพียงส่ายหัวออกมาพร้อมกล่าวว่า "ต้วนหลิงเทียน ยามนี้มีเพียงข้ากับท่าน ท่านก็อย่าได้กล่าวเกรงใจแล้ว"
"ก็ได้" แม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะกล่าวตอบรับนาง แต่เขาก็ยังไม่เปลี่ยนทีท่าอะไร ทำให้องค์หญิงปี้เหยาต้องแสดงสีหน้าจนปัญญาออกมาอย่างช่วยไม่ได้ นางได้แต่มองต้วนหลิงเทียนแล้วยิ้มอย่างขมขื่น
หลังจากคุยกันอยู่ครู่หนึ่งองค์หญิงก็จากไป
"เฮ่ๆๆ ต้วนหลิงเทียน เจ้านี่มันน่านัก กระทั่งองค์หญิงยังมาหาเจ้าเช่นนี้" เซี่ยวฉวินที่เดินมา เบ้ปากกล่าววาจาด้วยความอิจฉา
"นับว่าโฉมงามอันดับ 1 แห่งเมืองหลวงนี้มิใช่วาจาเกินเลยแต่อย่างไร นางคู่ควรกับคำกล่าวนี้นัก" เซี่ยวหยูเองทำได้เพียงถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่จะมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกซึ้ง ...
เหตุใดสหายผู้นี้ จึงมีแต่อิสตรีงดงามมาชมชอบ
ตอนแรกก็ลี่เฟย ต่อมาก็เป็นน้องสาวเขา กระทั่งองค์หญิงปี้เหยายังไม่วาย
สตรีทั้ง 3 นั้นงามล้ำปานล่มเมือง ทว่าพวกนางล้วนชมชอบแต่เพียงต้วนหลิงเทียน
"ข้าหวังเพียง เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก หลันจะลืมเขาได้" เซี่ยวหยูถอนหายใจออกมา มันไม่คิดให้ต้วนหลิงเทียนมาเป็นน้องเขยของตัวเอง เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่มันคิดว่าข้างกายต้วนหลิงเทียนมีสตรีอยู่ก่อน...ถึง 2 คนแล้ว มันก็ไม่อยากให้น้องสาวตัวเองต้องกระโดดเข้าเปลวเพลิงกองนี้... เข้าไปแย่งชิงสามีกับผู้อื่น
ตอนนั้นเองฝูงชนราวกับพึ่งเรียกสติกลับคืนมาได้
"พวกเจ้าเห็นหรือไม่ กระทั่งองค์หญิงปี้เหยายังมาหาต้วนหลิงเทียน!"
"เห็นเต็มสองตาเลยสหาย ข้าไม่คิดเลยว่าเสน่ห์ของต้วนหลินเทียงจักรุนแรงถึงเพียงนี้... จะว่าไปในแง่อายุแล้ว ต้วนหลิงเทียนกับองค์หญิงปี้เหยาก็กล่าวได้ว่ารุ่นราวคราวเดียวกัน และดูเหมือนทั้งคู่จะเหมาะสมกันยิ่งนัก"
"พวกเขามิใช่แค่เหมาะสมกันธรรมดา นี่มันคู่ที่สวรรค์ลิขิต ชัดๆ!"
"โฉมงามอันดับ 1 แห่งเมืองหลวง และอัจฉริยะรุ่นเยาว์อันดับ 1 แห่งอาณาจักรนภาล่อง ...จุ๊ๆ หรือว่าสวรรค์ได้กำหนดให้ทั้งสองเกิดมาครองคู่กัน?"
...
บทสนทนาคล้ายคลึงกันนี้แพร่กระจายไปทั่วลานฝึกซ้อม และไม่นานคนที่มาใช้ลานฝึกซ้อมก็รับรู้ข่าวนี้กันหมด
นอกจากนั้นข่าวยิ่งกล่าววาจาบอกกันปากต่อปาก ยิ่งหลายปากเรื่องราวยิ่งผิดเพี้ยน ยามนี้มีแม้กระทั่งร่ำลือว่าองค์ราชาได้ประทานสมรสพระราชทานระหว่างองค์หญิงปี้เหยากับต้วนหลิงเทียนแล้วด้วยซ้ำ!
อีกด้านหนึ่งของลานฝึกซ้อม... มีนักศึกษาชายอายุราวๆ 25 ปี จากชุดที่สวมแล้วดูเหมือนมันจะเป็นนักศึกษาชั้นปีสูงกำลังถูกห้อมล้อมไปด้วยกลุ่มชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมสีฟ้ามีรูปร่างสง่างาม พวกมันเองก็นั่งลงสนทนากันตามประสา
ชายตรงกลางที่สวมชุดคลุมสีฟ้าผู้นี้ มีรูปร่างหน้าตาองอาจ ความมั่นใจในตัวเองฉายชัดออกมาตรงหว่างคิ้ว แลดูมีสง่าราศีเหนือกว่าสหายที่นั่งล้อมวงไม่น้อย
และหากสังเกตให้ดีนักศึกษาทั้งหมดที่พบเห็นมัน ล้วนมองมันด้วยความเคารพ
"ท่านพี่ กู้เชวียน!" ทันใดนั้นเองเสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังชายหนุ่มสวมชุดสีฟ้า
"เจ้าแตกตื่นอะไรมา?" ชายหนุ่มในชุดสีฟ้าขมวดคิ้ว พร้อมมองชายหนุ่มที่พึ่งวิ่งมาถึงด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
"ท่านพี่กู้เชวียน ข้าขออภัย ข้าเองก็ไม่อยากมารบกวนเวลาท่าน แต่เรื่องนี้เกี่ยวพันธ์กับองค์หญิงปี้เหยาที่มาสถาบัน... "
ชายหนุ่มที่รีบวิ่งมากำลังกล่าววาจาอธิบายเรื่องราว ทว่าเพียงเขากล่าวมาเท่านี้ ชายหนุ่มชุดสีฟ้ากลับโพล่งขัดขึ้นมาเสียก่อน "เจ้าว่าอะไรนะ องค์หญิงปี้เหยามางั้นรึ?" ดวงตาสีน้ำทะเลของชายหนุ่มชุดสีฟ้าทอประกายเผยให้เห็นถึงความหลงใหล น้ำเสียงแฝงความเร่งร้อนไม่น้อย
ท่วงท่าสง่างามเมื่อครู่ตอนนี้ดูเหมือนจะหายไปสิ้น...
"ใช่ขอรับท่านพี่ ดูเหมือนนางจะมาหาองค์ชาย 7" ชายหนุ่มรีบพยักหน้ากล่าวออกมา
"ตอนนี้นางยังอยู่กับองค์ชาย 7 หรือไม่?" ชายหนุ่มชุดสีฟ้ารีบกล่าวถามออกมาอย่างร้อนรน ราวกับมันจะรีบไปหาองค์หญิงปี้เหยาอย่างไรอย่างนั้น
"ไม่แล้วขอรับ องค์หญิงนางกลับไปแล้ว" ชายหนุ่มส่ายหัวออกมา
"แล้วเจ้าจะตื่นเต้นทำอะไร?" ชายหนุ่มสวมชุดฟ้าขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตาฉายความผิดหวังออกมา
"พี่กู้เชวียน นอกจากไปหาองค์ชาย 7 แล้ว...องค์หญิงปี้เหยายังไปหาผู้อื่นเป็นการส่วนตัวด้วยขอรับ " ชายหนุ่ม มองสีหน้าชายชุดสีฟ้าก่อนที่จะค่อยๆกล่าวออกมาอย่างระมัดระวัง
และอย่างที่คาดไว้ไม่ผิด สีหน้าของชายชุดสีฟ้าแปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นดุร้าย และเผยทีท่าราวกับสามารถระเบิดโทสะออกมาได้ทุกเมื่อ "ปี้เหยาไปหาใคร?"
"ต้วนหลิงเทียน" ชายหนุ่มกล่าวออกมา
"ต้วนหลิงเทียน?" ชายหนุ่มสวมชุดสีฟ้าขมวดคิ้วก่อนที่จะรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย ปี้เหยาไปรู้จักกับไอเด็ก ปี 1 นั่นได้อย่างไร... .
ซ้ำตัวเด็กนั่นเองก็ไม่ใช่คนที่พึ่งมาเมืองหลวงได้เพียงไม่กี่เดือนหรอกหรือ?
ทว่าตอนนี้เอง... มีชายหนุ่มนักศึกษาเดินสนทนากันมา 2 คน...
"เสียดายที่ท่านพี่ไม่ได้เห็นด้วยตาก่อนหน้านี้ องค์หญิงปี้เหยานั้นนางคิดไปหาต้วนหลิงเทียนด้วยตัวเอง ซ้ำยามที่เจอเขานางยังกล่าววาจาให้สตรีรับใช้หลบออกไปก่อน เพื่อที่นางจะได้กล่าววาจาสนทนากับต้วนหลิงเทียนเพียงลำพัง"
"เป็นไปไม่ได้! หรือทั้งคู่จะรู้จักกัน?"
"ข้าเองก็ไม่รู้หรอก แต่ว่ายามที่นางกล่าวสนทนากับต้วนหลิงเทียนนั้น ท่าทางของนางดูมีความสุขยิ่งนัก ยิ่งไปกว่านั้นยามที่องค์หญิงจากไป นางยังหน้าแดงอย่างมากราวกับสตรีเคอะเขิน"
"ดูเหมือนว่าองค์หญิงจะบังเกิดความรู้สึกชมชอบต้วนหลิงเทียนเข้าแล้ว!"
...
ทันใดนั้นเอง...ชายหนุ่มชุดสีฟ้าที่กำลังหัวเสีย เมื่อได้ยินบทสนทนาของนักศึกษาชาย 2 คน สีหน้าของมันยิ่งหมองคล้ำลงอย่างมาก
ชายหนุ่มชุดสีฟ้าพลันเดินมาดักหน้าพวกมัน พร้อมกับจ้องจ้องไปยังพวกมันด้วยสายตาดุร้าย ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาอย่างเย็นชา “หากพวกเจ้ายังกล้ากล่าววาจาเหลวไหลบัดซบนั่นอีก! ข้าจัดตัดลิ้นพวกเจ้าเสีย!” ...
"พี่ชายกู้เชวียน นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่ ท่านไม่ได้กล่าวเองหรือว่าองค์ราชาจะประทานสมรสพระราชทานให้ท่านกับองค์หญิงปี้เหยา?" ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในกลุ่มแต่แรกกล่าวถามด้วยความสงสัย
"ฮึ่ม!" สีหน้าของกู้เชวียนหมองคล้ำลง ตาของมันวาวโรจน์ขึ้นมาอย่างดุร้าย
ต้วนหลิงเทียน!
คนรอบๆ ย่อมตระหนักดีว่ายามนี้กู้เชวียนใกล้จะระเบิดโทสะแล้ว พวกมันล้วนรีบปิดปากไม่กล่าววาจาใดกันออกมาอีก แต่ทว่ายามนี้พวกมันล้วนได้ยินบทสนทนาที่แพร่กระจายไปทั่วลานฝึกซ้อม เป็นเรื่องนี้แทบทั้งสิ้น ...ทั้งหมดล้วนกำลังกล่าวถึงเรื่องราวสัมพันธ์ลึกลับของต้วนหลิงเทียนและองค์หญิงปี้เหยากันอย่างสนุกปาก...
บนต้นไม้ใหญ่ด้านข้างลานฝึกซ้อม ต้วนหลิงเทียนที่นอนมองดูท้องฟ้าก็พลันลุกขึ้นมา เพราะจากสีของท้องฟ้าบ่งบอกว่าได้เวลาเลิกเรียนแล้ว
"เซี่ยวหยู เซี่ยวฉวิน กลับกัน!" ต้วนหลิงเทียนเดินไปเรียกเซี่ยวหยูกับเซี่ยวฉวิน ก่อนีท่ทั้ง 3 คนจะเดินออกไปยังหน้าประตูสถาบันบ่มเพาะขุนพล
"พรุ่งนี้ก็ออกเดินทางแล้ว พวกเจ้าเตรียมข้าวของพร้อมกันรึยังล่ะ?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออมกาพร้อมรอยยิ้ม
"จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรให้ตระเตรียมนักหรอก มีแค่เพียงเสื้อผ้าเล็กน้อยเท่านั้น"เซี่ยวฉวินส่ายหัวออกมาพร้อมรอยยิ้ม เมื่อเขาคิดว่าพรุ่งนี้จะได้เดินทางไปพร้อมๆกับกองกำลังสำรองที่จะเดินทางไปเป็นกำลังเสริมบริเวณแนวรบที่ชายแดนด้านตะวันตกเฉียงเหนือ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
เซี่ยวหยูเองดูเหมือนก็จะมีอาการไม่ต่างกัน
เมื่อมาถึงประตูหน้า
"ต้วนหลิงเทียน!" ตอนนี้มีเสียงไม่แยแสเสียงหนึ่งดังขึ้น เรียกร้องความสนใจจากกลุ่มของต้วนหลิงเทียน
กลุ่มต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 คนหยุดเดินและหันไปมองตามทิศทางที่เสียงดังขึ้น ก่อนจะพบว่า ห่างออกไปไม่ไกลมีชายหนุ่มในชุดสีฟ้า รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาท่วงท่าสง่างามกำลังเดินเข้ามาหากลุ่มพวกเขา พร้อมชายหนุ่มอีก 2 คน
"กู้เชวียน!" เซี่ยวฉวินขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเห็นร่างของชายหนุ่มสวมชุดสีฟ้า
"เซี่ยวฉวินเจ้ารู้จักเข้างั้นหรือ?" เซี่ยวหยูสังเกตถึงความเป็นปฏิปักษ์และเคียดแค้นที่ชายหนุ่มสวมชุดสีฟ้ามองมาทางต้วนหลิงเทียนได้อย่างชัดเจน
"กู้เชวียนผู้นี้เป็นบุตรชายพียงคนเดียวของอัครมหาเสนาบดี กู้ ทั้งเขายังเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 6 ฝ่ายดาวกุนซือของสถาบันบ่มเพาะขุนพล ....ระดับบ่มเพาะของเขาอยู่ที่ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 3 สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้และการสอนสั่งจากอัครมหาเสนาบดีกู้โดยตรง ทำให้เขามีความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์วางแผน อันเป็นจุดเด่นของฝ่ายดาวกุนซือเราอย่างดี ...อีกทั้งดูเหมือนเขาเองก็เป็นอัจฉริยะในด้านการวางแผนการรบคนหนึ่งเช่นกัน! " เซี่ยวฉวินกล่าวออกมาช้าๆ
"อัครมหาเสนาบดีกู้?" เซี่ยวหยูประหลาดใจเล็กน้อย "ตัวตนที่มีอำนาจระดับเดียวกัน กับคนของจวนเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์ อย่างพระยานี่เหวี่ยน่ะหรือ?"