spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ในตอนพลบค่ำต้วนหลิงเทียนที่พึ่งเดินผ่านประตูสถาบันบ่มเพาะขุนพลมา พลันจับสัมผัสพลังได้ เขาก็รีบเดินไปยังซอยร้างแห่งหนึ่ง พร้อมรอยยิ้มแสยะที่เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ
วูบ!
ร่างของต้วนหลิงเทียนสั่นไหววูบวาบๆ ก่อนที่จะพุ่งร่างออกไปด้วยความเร็วสูงหายลับเข้าตรอกแห่งหนึ่งที่อยู่ในซอย...
หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนหายตัวไป ร่างที่ติดตามมาราวกับวิญญาณก็ปรากฏขึ้น
ที่แท้ 2 ร่างที่ปรากฏขึ้นนี้กลับเป็นจางเฉวียนและจ้าวกังนั่นเอง และตอนนี้สีหน้าของพวกมันก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยและประหลาดใจถึงขีดสุด
นี่เพราะไม่ว่าพวกมันจะพยายามจับสัมผัสต้วนหลิงเทียนสักเท่าไร ก็ไม่อาจหาพบแม้แต่น้อย ...
“เหตุใดนายน้อยถึงต้อง ปิดบังและซ่อนตัวจากพวกเราด้วย?”จางเฉวียนกังวลขึ้นมาไม่น้อย
"ข้าว่า บางทีนายน้อยคงสังเกตเห็นแล้วว่าคนที่ลอบติดตามมาเมื่อครู่มันร้ายกาจเกินกว่าที่พวกเราจักรับมือไหว จึงกันพวกเราออกจากเรื่องนี้ ...หากดูจากความเร็วของผู้ลอบติดตามเมื่อครู่ที่เผยออกมาแล้ว อย่างน้อยๆมันย่อมเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 8 - 9" จ้าวกังกล่าวออกมาด้วยความเคร่งเครียด
จางเฉวียนเผยสีหน้าเป็นกังวลออกมา "ตอนนี้พวกเราไม่อาจกระทำสิ่งใดได้...มีเพียงกลับไปรอฟังข่าวที่บ้านนายน้อยเท่านั้น"
จ้าวกังเองก็เห็นด้วยกับคำกล่าวของจางเฉวียน ...หากต้วนหลิงเทียนคิดจะซ่อนตัวล่ะก็ อย่างพวกเขาหาจนตายก็ไม่พบ
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง บริเวณพื้นที่บ้านลานที่ว่างเปล่า ที่ดูเหมือนจะยังไม่มีเจ้าของ ก็ปรากฏร่างชายหนุ่มในชุดสีม่วง หยุดยืนอยู่อย่างองอาจ
สภาพแวดล้อมยามนี้นับว่าเงียบสนิทไร้ซึ่งร่องรอยของผู้คนอย่างสิ้นเชิง
ฟุ่บ!
ทันใดนั้นเองด้วยการเคลื่อนไหวว่องไวของร่างหนึ่งที่พุ่งมาหยุดด้านหน้าต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วสูงอย่างกะทันหัน มันก็ก่อให้เกิดกระแสอากาศรุนแรงราวลมพายุพัดกรรโชก กระพือชุดของต้วนหลิงเทียนจนปลิวไสว
ร่างที่พึ่งปรากฏ กลับเป็นร่างชายชราที่มีประกายตาอำมหิต ผู้หนึ่ง มองประกายตาของมันวูบวาบ เห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วยจิตสังหารและความแค้นที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้...ราวกับมันต้องการฉีกทึ้งร่างของต้วนหลิงเทียนออกเป็นชิ้นๆ ...
"หืม?" ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ในตอนแรกเขานึกว่าหากไม่ใช่คนของผู้บัญชากองกำลังทหารองครักษ์ ก็คงต้องเป็นมือสังหารขององค์ชาย 5 ที่ส่งมาฆ่าเขาเสียอีก...แต่กลับไม่ใช่
เพราะว่าถ้าหากเป็นมือสังหารที่ถูกส่งมาเอาชีวิตเขาแล้วล่ะก็ ...มันไม่มีทางมีแววตาที่เต็มไปด้วยความแค้นเช่นนี้ ต้วนหลิงเทียนย่อมสัมผัสได้ถึงความเคียดแค้นชิงชังเขาอย่างถึงขีดสุด ภายในแววตาและท่าทางของชายชราตรงหน้า
"แล้วนี่เจ้าเป็นใครอีกล่ะ?" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังชายชราก่อนที่จะกล่าวถามออกมา
"ข้าเป็นใคร น่ะหรือ?" ชราอดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้เมื่อได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน "ต้วนหลิงเทียน ดูเหมือนเด็กบัดซบเช่นเจ้าจะระรานหาเรื่องกับผู้คนเขาไปทั่ว กระทั่งศัตรูของเจ้าเองแท้ๆมาลงมือแก้แค้นเจ้ายังไม่รู้ว่าเป็นฝีมือผู้ใด ...แต่เจ้าก็ทำให้ข้าแปลกใจไม่น้อย กระทั่งข้าเองยังคิดไม่ถึงว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับครึ่งก้าวธรรมชาติของตระกูลต้วน จะถึงขั้นออกหน้ามาระงับทัพของผู้บัญชาการกองกำลังอย่างชวีลู่เช่นนี้ "
"แต่จะอย่างไรวันนี้เจ้าก็ต้องตาย!" เมื่อเมื่อชายชรากล่าวจบ แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยจิตสังหารที่ทะลักล้นออกมา
ตอนนี้ชายชราก็ไม่คิดงำประกายอันใด มันเร่งเร้าพลังงานต้นกำเนิดออกมาเตรียมพร้อมลงมืออย่างจริงจังทันที เหนือศีรษะมันปรากฏเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 1,200 ตัว!! ...
ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 9!
ใจของต้วนหลิงเทียนสั่นไหวเล็กน้อย ถึงแม้ว่าชายชราผู้นี้จะไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ครึ่งก้าวธรรมชาติ แต่มันก็เป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 9 นี่ก็เพียงพอให้เขาแปลกใจแล้ว
ชายชราคนนี้กล่าวได้ว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดภายใต้ระดับครึ่งก้าวธรรมชาติ!
"หืม? เจ้า ...ใช่ผู้อาวุโสหลักของตระกูลซู ,ซูหนันหรือไม่?" ตัวตนที่มีระดับบ่มเพาะสูงถึงระดับผู้ฝึกยุทธ์วิญญาณแรกก่อตั้งขั้น 9 ที่โกรธเกลียดเขาเข้ากระดูกดำเช่นนี้ ต้วนหลิงเทียนสามารถคาดเดาได้ทันที เพราะมันมีไม่กี่คน ...แต่ไม่ใช่ว่าทางตระกูลต้วนได้ไปดำเนินการแก้ไขปัญหาระหว่างเขากับตระกูลซูแล้วหรอกหรือ?
เขามั่นใจว่าต้วนหรูหั่วย่อมไม่กล้าหลอกเขา
ดูเหมือนว่าการกระทำของซูหนันครั้งนี้จะเป็นการตัดสินใจกระทำโดยพลการของมัน หาใช่เป็นความเห็นของตระกูลแต่อย่างใด
"นับว่าเจ้ายังฉลาดไม่เบา ที่สามารถคาดเดาตัวตนข้าได้" ดวงตาของซูหนันทอประกายเรืองวูบ จับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนเขม็ง ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ต้วนหลิงเทียน หลานถงเป็นความหวังเดียวของสายเลือดตระกูลข้า...แต่เจ้าได้ทำลายอนาคตชั่วชีวิตของเขา! เจ้าทำลายความหวังทั้งหมดของเขา! และนั่นย่อมทำลายความคาดหวังของข้าที่มีต่อเขา!!" เมื่อกล่าวจบซูหนันมีทีท่าหัวเสียไม่น้อย
"เหอะ!" แววตาของต้วนหลิงเทียนเย็นชาลง "ตาแก่ เจ้าเองก็อยู่มาจนปูนนี้ ไม่มีหัวคิดบ้างหรือไง หากมันไม่สมองกลับคิดทำร้ายและทำลายระดับบ่มเพาะของข้า มันจะโดนกรรมตามสนองเช่นนี้หรือไม่? สำหรับเรื่องนี้หากจะหาคนผิด ย่อมไม่พ้นผิดที่มันรนหาที่เอง... อ่อ หรือไม่ก็เป็นเจ้าเองนั่นล่ะที่ไร้สามารถในการอบรมสั่งสอนมัน!
"เหอะ หยิ่งยโสโอหังและทำราวกับตัวสูงส่ง คอยกดหัวผู้อื่นเช่นนั้น ...ถึงมันจะไม่พิการในวันนี้ แต่วันที่มันจะต้องตกตายเพราะล่วงเกินผู้คนก็ย่อมมาถึงอยู่ดี!" วาจาที่กล่าวออกมาของต้วนหลิงเทียนนี้ ล้วนเป็นความจริงยากปฏิเสธทุกคำ
สีหน้าของซูหนันหมองคล้ำลงอย่างมาก ทั้งจิตสังหารที่แผ่ซ่านออกมาพร้อมความอำมหิตเองก็ยากที่จะระงับไว้ได้แล้ว "มันหาได้มีอันใดต่างกันไม่ ไม่ว่าเจ้าจะกล่าววาจาสักเพียงไหน อย่างไรวันนี้เจ้าก็ไม่อาจไม่ตาย!"
"ฮ่าๆ บัดซบทั้งปู่ทั้งหลาน จะฆ่าข้างั้นหรือ ก็ต้องดูว่าเจ้ามีปัญญาไหม ไอแก่" ต้วนหลิงเทียนหัวเราะเย้ยหยันออกมาก่อนที่จะยิ้มเย็นชา มือเอื้อมแตะไปยังแหวนมิติเตรียมพร้อมเปิดการใช้งานอาคมจารึกทุกเวลา
ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ครึ่งก้าวธรรมชาติ เขาย่อมไม่เกรงกลัว!
"เจ้ากำลังจักตกตายเช่นนี้ ...มิคิดว่ายังสามารถหัวร่อออกได้... หลังจากที่ข้าดับลมหายใจแล้ว ข้าจะบั่นหัวเจ้า หิ้วมันกลับไปให้หลานข้าดูที่ตระกูล" สิ้นคำกล่าว ซูหนันพลันถีบพื้นสงร่างพุ่งมาราวดาวตก
เหนือศีรษะของมัน เงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 1,200 ตัวก็ทะยานข้ามแผนฟ้ามาอย่างน่าหวาดหวั่น!
ฝุ่นหินดินทรายปลิวฟุ้งกระจายขึ้นมาทุกครั้งที่มีการก้าวเท้าของซูหนัน ร่างของมันพุ่งมาด้วยความเร็วอันน่าตื่นตระหนก เพียงเสี้ยวพริบตาระยะทางระหว่างมันกับต้วนหลิงเทียนก็หดสั้นลง
"เร็วอะไรเช่นนี้!" ในขณะที่ซูหนันลงมือเคลื่อนไหว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดประมาท สองขาของเขาอัดแน่นไปด้วยพลังงานต้นกำเนิด ใช้ออกด้วยวิชาท่าร่างวิญญาณอสรพิษเต็มกำลังพุ่งฉากออกด้านข้างทันที
และในขณะที่ซูหนันกระทืบเท้าเปลี่ยนทิศทางติดตามมานั้นต้วนหลิงเทียนพลันอาศัยจังหวะนี้เปิดใช้งานอาคมจารึกบนแหวนมิติ! ...
อาคมกร่อนกระดูก!
ไอหมอกสีเทาน่าพรั่นพรึงพวยพุ่งออกมาจากแหวนมิติพุ่งไปยังร่างของซูหนัน!
ความเร็วของมันนั้นนับว่าเหนือล้ำกว่าความเร็วซูหนันไปไกลโข!
ในพริบตาที่ซูหนันถีบเท้าเปลี่ยนทิศทางนั้น ระหว่างที่ตัวลอยเล็กน้อยกลางอากาศมันก็พลันพบกลุ่มหมอกสีเทาแปลกประหลาดพุ่งมาด้วยความเร็วสูง สังหรณ์อัปมงคลสะท้านอยู่ในใจของมันโดยพลัน ... มันย่อมเข้าใจเรื่องราวตรงหน้าดี เห็นได้ชัดว่านี่มันอาคมจารึกสายจู่โจมชนิดหนึ่ง! และมันยังมีสภาวะกดดันมันไม่น้อย!
เพียงแค่ในใจเริ่มบังเกิดความรู้สึกไม่ดีและตื่นตระหนก หมอกสีเทาก็บรรลุถึงร่างกายของมัน แทรกซึมเข้าไปทั่วร่างกาย!
ทันใดนั้นเอง ระลอกคลื่นแห่งความเจ็บปวดถึงขีดสุดปานกระดูกทั่วร่างถูกบดขยี้พลันแล่นวูบขึ้นมายากต้านทานอดไม่ได้ที่จะต้องส่งเสียงร้องครวญครางออกมาอย่างน่าสังเวช
เพียงไม่นานเท่านั้น...สติสำนึกทั้งหมดก็ล้วนดับวูบไป สิ่งสุดท้ายที่มันรับรู้คือความเจ็บปวดของกระดูกทั่วร่างกายที่ถูกบดขยี้จนแหลกสลายไปทุกอณู ...
ต้วนหลิงเทียนที่มองไปยังสภาพศพอดไม่ได้ที่จะแสดงแววตาขยะแขยงออกมา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เห็นซากศพเลอะเลือนเช่นนี้ครั้งแรก ...แต่สภาพมันก็ยากรับไหวจริงๆ
ฟู่วววว
ต้วนหลิงเทียนหยิบแหวนมิติของซูหนันขึ้นมาก่อนที่จะจุดเปลวเพลิงหลอมโอสถ เผาทำลายซากร่างของซูหนัน
"ตั้งแต่วันนี้ผู้อาวุโสหลักตระกูลซู...คงต้องหาคนใหม่แล้วล่ะนะ"ต้ วนหลิงเทียนเหม่อมองขี้เถ้าและตอตะโกบนพื้นดินด้วยแววตาไม่แยแสอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหันหลังกลับและจากไป
ในระหว่างทางต้วนหลิงเทียนก็เริ่มสร้างพันธะถือครองแหวนมิติของซูหนัน
"ไม่เลวๆ ....ถึงว่ามันจะยังห่างไกลจากความร่ำรวยของต้วนหรูเล่ย แต่ก็นับว่าออกมาฆ่าคนครั้งนี้ ข้าได้กำไรกลับไปมหาศาลแล้ว" ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองแหวนมิติก่อนที่จะแย้มยิ้มออกมาอย่างสบายอารมณ์
ในนั้นมีเงินอยู่ประมาณ 30,000,000 เหรียญเงิน
เมื่อนับรวมกับรายได้ก่อนหน้าและทรัพย์สมบัติของต้วนหรูเล่ย ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนมีเหรียญเงินไว้ในครอบครองเกือบๆ 300,000,000 เหรียญเงินแล้ว...!
สกุลเงินที่หมุนเวียนอยู่ในอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้ล้วนเป็นสกุลเงินที่ตราขึ้นมาโดยราชวงศ์ฮั่นยิ่งใหญ่! ตราบใดที่ราชวงศ์ฮั่นยิ่งใหญ่ ยังคงเรืองอำนาจและเป็นผู้ปกครองเช่นนี้ สกุลเงินนี้ก็ยังไม่เสื่อมมูลค่า และสามารถใช้มันแลกเปลี่ยนเป็นทองหรือสิ่งอื่นๆได้
อาณาจักรนภาล่องนั้น นับว่าเป็น อาณาจักรเล็กๆ ไม่ต่างจากรัฐเล็กๆรัฐหนึ่งของราชอาณาจักรพนาคราม และราชอาณาจักรพนาครามนี้ก็นับเป็น 1 ใน 100 ราชอาณาจักรที่อยู่ภายใต้การปกครองของ ราชวงศ์ฮั่นยิ่งใหญ่ อีกที!
‘เอาล่ะเร็วๆนี้ข้าคงไม่ขาดแคลนเงินทอง ... แต่จะอย่างไรในอนาคตจำนวนเม็ดเงินที่ข้าต้องใช้คงมากมายมหาศาลแน่ๆ เพื่อเสริมสร้างความเร็วในการบ่มเพาะ ข้าก็คงต้องหาวัตถุดิบมาหลอมสร้างโอสถ แล้วไหนยังจะต้องยกระดับอาวุธวิญญาณอีก ทั้งวัตถุดิบที่ต้องใช้ทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่จารึกคาอม ล้วนมีมูลค่าสูงขึ้นเท่านั้น เฮ่อ...มีเท่าไหร่ก็คงไม่พอ’ต้วนหลิงเทียนคิดอยู่ในใจ
เมื่อใกล้ถึงบ้านตัวเองต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้แต่ไกลว่าจางเฉวียนและจ้าวกังนั้นยืนเฝ้าอยู่ตรงประตูทางเข้าบ้าน และกำลังทำสีหน้าร้อนรน เห็นได้ชัดว่าพวกมันกำลังรอเขาอยู่
"นายน้อย!" จางเฉวียนและจ้าวกังรีบรุดมาทำความเคารพทันทีเมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนกลับมา
"นี่พวกเจ้าจะไม่ชักช้าไปหน่อยหรือ ? พวกเจ้าทิ้งข้าเอาไว้ลำพังอีกแล้ว" แววตาต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นจริงจัง ก่อนที่จะแกล้งกล่าวออกมาอย่างดุร้าย
"นายน้อย โถ่...พวกเราจะไปกล้าทิ้งท่านได้อย่างไร ...แต่ทักษะในการปกปิดตัวตนของท่านนั้นยอดเยี่ยมเกินไป อาศัยความสามารถต้อยต่ำของพวกเราจะไปติดตามตัวท่านทันได้อย่างไรเล่าขอรับ" จางเฉวียนทำได้เพียงยิ้มออกมาอย่าหดหู่
แม้กระทั่งจ้าวกังก็ทำจนปัญญาจะกล่าว ทำได้เพียงพยักหน้ารับอย่างหงอยๆ
"เอาล่ะๆ ไม่ต้องยกย่องอะไรข้าแล้ว เข้าบ้านเถอะ" แล้วต้วนหลิงเทียนก็เดินนำทั้งหมดกลับเข้าบ้าน
"นายน้อย...แล้ว เกิดอันใดขึ้นกับผู้ที่ติดตามท่านไปหรือขอรับ?" จางเฉวียนกล่าวถามออกมาด้วยความอยากรู้
"แม้กระทั่งเจ้าทั้ง 2 ยังติดตามข้าไม่ทันโดนข้าสลัดหลุดไปได้ แล้วคิดว่ามันจะมีปัญญาติดตามข้ามาได้อยู่อีกหรือ?" ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองจางเฉวียนกับจ้าวกังด้วยสายตาถือดี แต่แน่นอนเขาไม่คิดอธิบายเรื่องราวที่แท้จริงออกมา เนื่องจากครานี้ผู้ที่เขาสังหารเป็นถึงผู้อาวุโสหลักอย่างซูหนัน เขาก็ไม่คิดแพร่งพรายเรื่องราวโดยไม่จำเป็น
จางเฉวียนและจ้าวกังที่ได้ฟังก็เข้าใจได้โดยพลัน
...
เหลือเวลาอีกเพียงครึ่งเดือนเท่านั้นที่จะถึงวันเดินทางของต้วนหลิงเทียน ตอนนี้นอกเหนือจากใช้เวลาในการบ่มเพาะพลังแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ได้ใช้เวลาในการจารึกอาคมกร่อนกระดูกเพิ่มเติม ส่วนเวลาที่เหลือเขาก็ใช้มันไปกับสาวน้อยทั้ง 2 ...
เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เพียงเสี้ยวพริบตาวันเรียกระดมพลกองกำลังสำรองก็ใกล้มาถึงเสียแล้ว
ภายในช่วงเวลาครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ นับว่าต้วนหลิงเทียนได้จารึกอาคมกร่อนกระดูกเพิ่มเติมไว้อีกหลายชิ้น และเก็บมันไว้ในแหวนมิติของเขา
อีกทั้งเขายังใช้ให้ฉงเฉวียนไปเตรียมวัตถุดิบสำหรับจารึกอาคมกร่อนกระดูกเอาไว้ให้พร้อมอีกด้วย เพื่อเกิดมียามที่เขาจำเป็นต้องใช้จริงๆ จะได้ไม่ขาดเหลืออะไร
และเมื่อ 10 วันก่อน ระดับบ่มเพาะของเขาก็ตัดผ่านระดับก่อกำเนิดไปได้อย่างราบรื่น และเมื่อตัดผ่านระดับแล้วแน่นอนเขายอมใช้โอสถโลหิตมังกรในการเพิ่มพูนพลังงานเพื่อใช้มันในการหลอมกลั่นบ่มเพาะร่างกายด้วยพลังงานต้นกำเนิดตามเคล็ดวิชางูเหลือมคลั่งทันที ...ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มพูนถึง 3 ช้างแมมมอธโบราณ
ตอนนี้ต่อให้ต้วนหลิงเทียนไม่ใช้อาวุธวิญญาณ เพียงใช้ความแข็งแกร่งของเขาทั้งหมดอย่างเต็มกำลัง พลังงานฟ้าดินก็ตอบรับขับขานฉายเงาร่างช้างแมมมอธโบราณตอบรับความแข็งแกร่งออกมา 19 ตัวแล้ว! นับว่าเขาขาดความแข็งแกร่งเกียงแค่ 1 ช้างแมมมอธโบราณก็จะมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 1!
"วันพรุ่งนี้ก็เป็นวันนัดรวมพลกองกำลังสำรอง ที่จะไปเสริมทัพที่สนามรบแล้วสินะ" ยามดึกต้วนหลิงเทียนนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง เพื่อบ่มเพาะพลังอีกสักครู่ ก่อนที่จะเข้านอน
ทวาตอนนี้ประตูห้องของเขาพลันถูกเคาะขึ้นส่งเสียงดัง
"หืม เค่อเอ๋อ?" ด้วยสัมผัสของพลังวิญญาณ ต้วนหลิงเทียนสามารถรับรู้ได้ทันทีว่าผู้ใดมาเคาะประตูห้องเขา
เมื่อเขาเดินไปเปิดประตู เขาก็พบร่างบางของเค่อเอ๋อที่สวมเพียงชุดนอนเรียบง่าย กำลังยืนคอยอยู่ด้านนอก
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย พร้อมยิ้มบางๆ"เค่อเอ๋อ นี่ก็ดึกแล้วทำไมเจ้ายังไม่นอนละหืม?"
"นายน้อยพรุ่งนี้ท่านก็จะไปสนามรบแล้ว ... ขะ ... ข้าอยากอยู่กับท่าน ... " เค่อเอ๋อกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ร่างกายบอบบางบริสุทธ์ของนางสั่นไหวเล็กน้อย พวงแก้มเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ
ต้วนหลิงเทียนพลันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ตอนนี้เค่อเอ๋อที่อยู่ตรงหน้าช่างงดงามมีเสน่ห์ราวนางฟ้าบริสุทธิ์ ที่กำลังร่วงหล่นจากสวรรค์รอคอยการรองรับโอบกอดจากตัวเขา...
สุดท้ายแล้วต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจทานทนได้ มังกรหลับเบื้องล่างของเขาพลันร้อนรุ่มผงาดขึ้นมายากทานทนได้อีกต่อไป เขาปราดไปอุ้มเค่อเอ๋อด้วยท่าอุ้มเจ้าหญิงก่อนที่จะรีบปิดประตูแล้วพุ่งมาวางร่างนางบนเตียง
เมื่อวางนางลงบนเตียงแล้วต้วนหลิงเทียนก็ราวกับหมาป่าหิวกระหายดุร้ายขย้ำเค่อเอ๋ออย่างร้อนแรง
...
กุหลาบโลหิตค่อยๆเบ่งบานออกมาสวยงามบนผ้าปูเตียง ราวกับจะเป็นพยานรักอันสวยงาม