หน้าแรก > War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 196 ความเคลื่อนไหวภายในเมือง

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

เพียะ! เพียะ! !เพียะ! เพียะ!

...

เมื่อต้วนหลิงเทียนเดินไปถึงถงลี่เขาก็แสดงท่าทีไม่แยแส ก่อนที่จะเริ่มลงมือด้วยความไร้น้ำใจดั่งเช่น 2 ครั้งที่ผ่านมา ระดมตบใบหน้าของถงลี่ระรัว จนในที่สุดใบหน้าของนางก็บวมปูดราว หัวหมูอีกครั้ง

แววตาของถงลี่ยามนี้ มันเหม่อลอยคว้างไร้ความรู้สึก มีเพียงประกายตาที่วูบวาบอยู่ภายในที่ยังคงฉายชัดถึงความเคียดแค้นเท่านั้น

นางเกลียดต้วนหลิงเทียน เกลียดและเคียดแคนจนฝังลึกลงไปในแก่นกระดูกดำของนางแล้ว!

เดิมที่ถงลี่คิดว่าหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนระดมตบหน้านาง 10 กว่าครั้งจนใบหน้านางบวมปูด เรื่องราวก็คงจบสิ้นแต่เพียงเท่านี้เหมือนดั่ง 2 ครั้งก่อน …ทว่าครั้งนี้นางตระหนักได้ว่ามันยังไม่จบ!

"แม่นางถงบัดซบ ในตอนแรกนั้นข้าก็รู้อยู่แล้วว่าเจ้ามันตัวบัดซบสารเลว แต่ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าจิตใจของเจ้าจะชั่วร้ายอำมหิตถึงเพียงนี้ เจ้ากลับทรมานถังกั่วจนตาย!... ข้าอยากรู้นักว่านางไปทำอันใดให้เจ้าแค้นใจหนักหนา เจ้าถึงสังหารนางลงด้วยใจคอโหดเหี้ยมเช่นนี้?" ต้วนหลิงเทียนจับจ้องถงลี่อย่างไม่วางตา ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ

ถงลี่มองต้วนหลิงเทียนอย่างอาฆาต ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยริมฝีปากบวมเจ่อ ทำให้เสียงของนางอู้อี้เล็กน้อย "ใครใช้อีนังแพศยานั่นสร้างความละอายแก่ข้าในที่สาธารณะกันล่ะ ...อีนังสารเลวนั่นสมควรตกตายแล้ว!" ภายในน้ำเสียงของนางนี้ ไม่มีความสำนึกผิดละอายแม้แต่น้อย

ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะกล่าวถามด้วยน้ำเสียงต่ำ "เจ้าทรมานนางจนตายเพียงเพราะเรื่องเท่านี้?"

ถงลี่ดูเหมือนจะตระหนักได้ถึงโทสะอันเกรี้ยวกราดของต้วนหลิงเทียน นางจึงรีบหุบปากไม่กล่าวคำโดยพลัน นางบังเกิดความหวาดกลัวว่าต้วนหลิงเทียนอาจจะลงมือสังหารนาง โดยไม่คิดกล่าววาจาอะไรอีก

นางได้เห็นวิธีการลงมือของต้วนหลิงเทียนที่ผ่านมาในช่วง 2-3 วันนี่แล้ว และนางรู้ว่ามันเป็นคนบ้าเสียสติที่ลงมือโดยไร้ซึ่งความหวาดกลัวขนาดไหน! และดูเหมือนต้วนหลิงเทียนจะหาได้กลัวพี่ชายที่เป็นถึงองค์ชาย 5 ของนางแม้แต่น้อย!

สายตาของต้วนหลิงเทียนจับจ้องไปยังท้องน้อยบริเวณที่มีจุดตันเถียนอยู่ของถงลี่ ก่อนที่จะกล่าวออกมา ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวบ่นพึมพำ "ข้าคิดว่าถ้าข้ายังปล่อยให้เจ้ามีระดับบ่มเพาะอยู่เช่นนี้ จะอย่างไรเจ้าก็คงต้องใช้ความแข็งแกร่งนี่ในการกระทำเรื่องอุบาทว์ชั่วช้า อย่างการทำร้ายผู้คนอีกเป็นแน่ ...เช่นนั้นทำไมไม่ ... "

"มะ…ไม่นะ….อย่าทำข้านะ" ถงลี่พลันตระหนักได้ถึงบางสิ่งเมื่อได้ยินวาจาที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออก ใบหน้าของนางพลันซีดเผือดไร้สีเลือด ก่อนที่จะพยายามดิ้นรนกระเสือกกระสนคลานถอยหลังหนีไป แต่เป็นไปได้หรือที่นางจะหนีรอดเงื้อมมือต้วนหลิงเทียน?

ปึกกกกก!

ต้วนหลิงเทียนไม่รอช้า เขาใช้มือซ้ายบีบคอถงลี่และยกมันขึ้นมาก่อนที่จะซัดฝ่ามือขวาอัดเข้าท้องน้อยของถงลี่ พร้อมปะทุพลังงานต้นกำเนิด ทะลวงจุดตันเถียนของถงลี่จนแหลกสลาย สุดท้ายก็เหวี่ยงนางทิ้งราวเศษขยะ

"กรี๊ดดดดดดดด!" เสียงกรีดร้องด้วยความขมขื่นเล็กแหลมดังหวีดขึ้นมา ใบหน้าที่บวมตุ่ยของนางสั่นสะท้านดุจเดียวกับร่างกายของนาง นางไม่ลืมที่จะหันไปถลึงตามองต้วนหลิงเทียนอย่างโกรธแค้นจับขั้วหัวใจ

ตุบ

สุดท้ายภายใต้โทสะและความเจ็บปวดถงลี่ก็ไม่อาจฝืนรั้งร่างกายที่ประคองไว้ ล้มลงไปนอนแผ่หลาบนพื้นอย่างหมดสภาพ

ดวงตาของนางยามนี้แดงฉานเพราะความเคียดแค้นและจงเกลียดจงชังอย่างถึงที่สุด ในหัวของนางหวังให้ต้วนหลิงเทียนตกตายอย่างทรมาน ท่าทางของนางยามนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับผู้คนทั่วไปบนโลกนี้ …ความเคียดแค้นและสิ้นหวังเพราะถูกทำลายจุดตันเถียนจนพิกลพิการ ในโลกที่ถือความแข็งแกร่งเป็นหลักนับว่ามันเลวร้ายยิ่งกว่าความตายเสียอีก!

"เหอะ!" ต้วนหลิงเทียนใช้สายตาเย็นชาเหลือบมองถงลี่ราวเศษขยะก่อนที่จะหันหลังเดินเข้ามาทางโรงอาหารอย่างไม่แยแสอะไร

ทุกๆก้าวที่ต้วนหลิงเทียนเดินมา นักศึกษาทั้งหมดที่มุงดูเรื่องราวอยู่ ล้วนเร่งรีบเปิดทางให้ พร้อมทั้งมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาหวาดกลัวผสมกับความนับถือ และตอนนี้แม้กระทั่งนักศึกษารุ่นพี่ชั้นปีสูงๆเองก็อดไม่ได้ที่จะจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยความหวาดกลัว ...

กระทั่งชวีลั่งที่อยู่ในระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 2 ยังถูกต้วนหลิงเทียนจัดการจนจบสิ้นไปเช่นนั้น!

ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ น่าสะพรึงกลัวเกินไป!

มื้ออาหารมื้อนี้กลับไร้เสียงหัวเราะ มันมีเพียงความเงียบสงบ

เซี่ยวหยู,เซี่ยวฉวินรวมทั้งเทียนหูเอง ย่อมเข้าใจความในใจและอารมณ์ที่หดหู่ของต้วนหลิงเทียนดี พวกมันจึงไม่คิดกล่าววาจาอะไรให้มากความจนทำให้หลิงเทียนคิดมากขึ้นมาอีก

มีเพียงยามที่กินอาหารเสร็จแล้วเท่านั้น เซี่ยวหยูที่เห็นใจต้วนหลิงเทียน พลันถอนหายใจออกมาอย่างสะท้อนในอารมณ์และกล่าวปลอบออกมา "ต้วนหลิงเทียนเจ้าอย่าได้โทษตัวเองและรู้สึกผิดมากนักเลย ... เจ้าลงมือช่วยถังกั่วด้วยความปรารถนาดี แม้ว่าเจ้าจะไม่เข้าไปช่วยเหลือนาง แต่ด้วยสันดารชั่วช้าของถงลี่เจ้าก็รู้ ว่าจะอย่างไรถังกั่วก็คงไม่มีจุดจบที่ดี"

"อือ ข้าเข้าใจ ขอบคุณพวกเจ้ามาก แต่อย่าได้กังวลข้าไม่เป็นอะไร" ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวออกมา

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะกล่าววาจาบอกสหายไปเช่นนั้น ทว่ายามบ่ายวันนี้เขาหาได้บ่มเพาะพลังอย่างที่เคยไม่ เขาเพียงนอนทอดตัวยาวไปบนกิ่งไม้ใหญ่ด้านข้างลานฝึกซ้อม ก่อนที่จะจ้องมองท้องฟ้าอย่างเลื่อนลอย

และในเวลาเดียวกันนี้เอง เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนสยบชวีลั่งและทำลายตันเถียนของชวีลั่งและถงลี่ก็ กระหึ่มกวาดผ่านทั่วทั้งสถาบันบ่มเพาะขุนพลราวพายุใต้ฝุ่น ... ทว่าหลังจากที่ทุกคนได้รับรู้ความเป็นมาของเรื่องราว ก็หามีแม้แต่คนเดียวที่สงสารชวีลั่งและถงลี่ พวกมันสมควรได้รับผลกรรมครั้งนี้!

ณ เมืองหลวงชั้นใน ค่ายศูนย์บัญชาการกองกำลังองค์รักษ์แห่งเมืองหลวง

ปึงงงงง! กึก แกรกก

เสียงฟาดตบโต๊ะดังขึ้นจากอาคารใหญ่ที่สุดภายในค่ายกองกำลังนี้ ปรากฏร่างชายวัยกลางคนสวมชุดเกราะอ่อนที่ระบายโทสะ ตบฟาดลงบนโต๊ะจนมันแหลกเป็นเสี่ยงๆ

ฟึ่บ!

เสี้ยวพริบตาต่อมาภายใต้สายตาของผู้ที่นำส่งรายงานเร่งด่วน ร่างของชายวัยกลางคนก็เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงทิ้งไว้เพียงภาพติดตาพุ่งตัวออกจากห้อง และกระโดดขึ้นควบขี่อาชาเหงื่อโลหิตพุ่งออกจากค่ายไปด้วยความเร็วสูง

ไม่นานนักเขาก็มาถึงบ้านลานแห่งหนึ่ง ร่างของเขาพุ่งเลือนราง ราวกับสายลมเข้าไปในลานบ้าน

"ลั่งงงง" ร่างของเขายังไม่ทันได้ปรากฏตัวเข้ามาในบ้าน เสียงดังกึกก้องของชายวัยกลางคนราวกับจะสะท้านไปถึงชั้นฟ้าพลันดังขึ้นจากลานบ้าน

"ท่านพี่ ท่านต้องคืนความเป็นธรรมให้ลูกลั่งนะท่านพี่ ... ทั้งชีวิตของลูกเรากลับถูกสารเลวต้วนหลิงเทียนทำลายจนย่อยยับ!" ทันทีที่ชายวัยกลางคนท่าทางแข็งแกร่งเข้ามาถึงภายในบ้าน เสียงสตรีวัยกลางคนก็ดั้งขึ้นออกมาด้วยความโศกเศร้าและเคียดแค้น

"ท่านพ่อ" ชวีลั่งที่นอนอยู่บนเตียงแสดงใบหน้าดุร้ายและโหดเหี้ยมออกมาเมื่อได้เห็นชายวัยกลางคน "ข้าต้องการให้ต้วนหลิงเทียนตาย ข้าต้องการให้มันตายยยย!"

"ลั่ง เจ้าอย่าได้กังวล หากบิดาผู้นี้ยังมีลมหายใจเหลืออยู่ ต้วนหลิงเทียนจะไม่มีวันได้เห็นตะวันของวันพรุ่ง!" ชายวัยกลางคน หรือกล่าวให้ชัดมันคือ ชวีลู่ ผู้บัญชาการกองกำลังทหารองค์รักษ์ประจำเมืองหลวงกล่าวออกมาพร้อมความเศร้า

"ลั่งเจ้าพักผ่อนเถอะ บิดาจะไปทวงความยุติธรรมและล้างแค้นให้เจ้าเดี๋ยวนี้!" ชวีลู่ที่พึ่งมาถึงก็ไม่รอช้าพุ่งตัวจากไป ราวกับมันเป็นดั่งสายลมแผ่วพลิ้วพัดผ่านเข้ามาแล้วก็จากไป

และแทบจะเป็นช่วงเวลาเดียวกัน

ทางตระกูลต้วนเองก็ได้รับแจ้งข่าวคราวนี้จากสถาบันบ่มเพาะขุนพล

ต้วนหลิงเทียน ผู้ที่พึ่งกลับเข้าตระกูลและไปกราบกรานบรรพชน หวนคืนสู่สถานะสายเลือดหลักของตระกูล ลงมือทำลายจุดตันเถียนบุตรชายเพียงคนเดียวของชวีลั่งผู้บัญชาการสูงสุดของกองกำลังทหารองครักษ์ประจำเมืองหลวง ? และยังลงมือตบตีใบหน้าถงลี่ลูกพี่ลูกน้องขององค์ชาย 5 จนบวมปูดราวหัวหมู ซ้ำยังทำลายจุดตันเถียนของนางจนพิการไปอีกคน?

ตระกูลใหญ่อย่างตระกูลต้วนยังรู้สึกวิงเวียนศีรษะไม่น้อยเมื่อได้รับข่าวน่าตื่นตะลึงนี้

ห้องโถงหลักกลับกลายเป็นเงียบสนิท

"ผู้อาวุโสหลัก เรื่องนี้... "สีหน้าของประมุขตระกูลอย่างต้วนหรูหั่วไม่ค่อยสู้ดีนักเขาทำได้เพียงเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา หลายชายของเขากลับสร้างปัญหาใหญ่โตถึงเพียงนี้ หากเทียบกับบิดาของเขาเมื่อกาลก่อนนับว่าทั้ง 2 นั้นมีความแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว!

แม้ว่าต้วนหรูเฟิงจะกระทำตามใจและไม่ไว้หน้าผู้ใด แต่เขาก็หาได้ดื้อรั้นและสร้างปัญหาใหญ่โตอะไร ทว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้กลับไม่แยแสไว้หน้าผู้ใดทั้งสิ้นอย่างแท้จริง…

"เพื่อผลประโยชน์ในอนาคตของตระกูลต้วน พวกเราต้องทำทุกวิถีทางทางเพื่อปกป้องเขา" ประกายตาของผู้อาวุโสหลักต้วนเฉินเรืองวูบแทรกผ่านม่านตาดำสนิทออกมา พร้อมกล่าวปนิธานอันแน่วแน่ไม่หวาดหวั่น

"จะอย่างไรชวีลู่ที่เป็นผู้บัญชาการกองกำลังทหารองครักษ์นั่น ก็ยังเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 9 เท่านั้น ...ตระกูลต้วนของพวกเรายังต้องเกรงกลัวมันด้วยหรือไร!" ผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลต้วนกล่าวออกมา

"ต้วนหลิงเทียนมีความสำคัญและมีค่ากับตระกูลต้วนเราสูงล้ำนัก ต่อให้ตายข้าก็จะปกป้องเขา!" ผู้อาวุโสคนอื่น กล่าวรับคำออกมาอย่างเห็นด้วย

"เด็กชวีลั่งกับชวีลู่นั่นหาใช่เรื่องราวที่พวกเราต้องใส่ใจ แต่ที่ข้ากังวลคือเบื้องหลังของพวกมัน... " ต้วนหรูหั่วขมวดคิ้วก่อนที่จะถอนหายใจออกมา

"แล้วมันจะอย่างไร? ไม่ว่าพวกมันคิดทำอันใดสุดท้าย มันผู้นั้น ก็ยังเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ครึ่งก้าวธรรมชาติเท่านั้น ตระกูลต้วนเรายังต้องหวาดกลัวมันด้วยหรือ?" ประกายตาของต้วนเฉินพลันเรืองวูบออกมาด้วยความแน่วแน่ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา

เขตวัง ขององค์ชาย 5

ในห้องที่กว้างขวาง องค์ชาย 5 ที่มีใบหน้าหมองหม่นกำลังนั่งกุมมือพร้อมมองสตรีคนหนึ่งที่นอนหลับใหลไปบนเตียงอย่างน่าเวทนา คราบน้ำตายังคงทิ้งรอยเป็นทางไว้บนใบหน้าที่แดงก่ำ

หลังจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นก่อนที่จะหันหลังเดินออกจากห้องไป

"ฝ่าบาท เด็กต้วนหลิงเทียนนั่นมันเหิมเกริมเกินไปแล้ว มันกล้าทำลายตันเถียนของแม่นางลี่ ทำลายทั้งชีวิตของแม่นางลี่!" ชายชราคิ้วขาวเผยประกายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารออกมา

“ดูเหมือนต้วนหลิงเทียนนั่นหาได้เห็นหัวข้าไม่” ความเย็นชาหนาวยะเยือกเริ่มฉายออกมาจากประกายตาขององค์ชาย 5

ในฐานะบุตรคนหนึ่งขององค์ราชาแห่งอาณาจักรนภาล่อง แน่นอนว่าองค์ชาย 5 ย่อมมีความถือดีอันเป็นที่สุด โดยปกติแล้วต่อให้เป็นประมุขของทั้ง 3 ตระกูลใหญ่ยามที่พบเจอเขา พวกมันยังต้องแสดงความเคารพ ! แต่ตอนนี้การกระทำของเด็กน้อยผู้หนึ่งกลับหยามหยัน ข้ามหัวเขาจนความอดทนของเขามันถึงขีดจำกัดแล้ว!

"ฝ่าบาท ท่านต้องการให้ข้าไปจัดการไอเด็กนั่นเลยหรือไม่?" ชายชราคิ้วขาวกราบทูลออกมาอย่างสุภาพ

"ตอนนี้ถึงผู้เฒ่าไปก็ไร้ประโยชน์...หากข้าคาดการณ์ไม่ผิดยามนี้ชวีลู่คงลงมือแล้ว แน่นอนว่าตระกูลต้วนก็คงไม่นิ่งเฉย... จากพรสวรรค์ตามธรรมชาติของต้วนหลิงเทียนที่ต่อต้านสวรรค์เช่นนั้น ทางตระกูลต้วนคงไม่คิดปล่อยให้มีอันตรายใดๆเกิดขึ้นกับมันอย่างแน่นอน" ประกายวาวโรจน์เรืองวูบออกมาจากแววตาขององค์ชาย 5

ชายชราคิ้วขาวย่อมเข้าใจได้โดยพลันหลังจากได้ยินคำกล่าวขององค์ชาย 5 หากตระกูลต้วนลงมือ ถึงแม้เขาจะไปด้วยตัวเองก็ไร้ประโยชน์

"พวกเราเฝ้ารอดูก่อนแล้วกัน ว่าวันนี้ต้วนหลิงเทียนมันจักหนีหายนะพ้นหรือไม่ หากมันรอดครั้งนี้ไปได้ ผู้เฒ่าไป๋คงมีโอกาสได้ลงมือหลังจากนี้ ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะฆ่ามันไม่ได้" มุมปากขององค์ชาย 5 ยกขึ้นมาอย่างเย้ยหยัน

ครู่ต่อมาเขาก็ถอนหายใจ "แล้วก็…ส่งคนไปที่เมืองตะวันฉาย เพื่อรายงานเรื่องนี้แก่ลุงของข้าด้วย ... "

"ขอรับ" ชายชราคิ้วขาวกล่าวตอบรับคำ ก่อนที่จะออกเดินทาง

เมืองหลวงที่เงียบสงบพลันถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงย่ำเท้าของกองกำลังทหารองครักษ์ที่ยาตราทัพออกมาอย่างยิ่งใหญ่ พวกมันเรียงแถวเดินไปอย่างเข้มแข็ง

ทหารองครักษ์ที่เต็มไปด้วยระเบียบวินัยและความห้าวหาญแข็งแกร่งนับพัน ก่อเกิดเป็นสภาวะข่มขวัญประการหนึ่ง

ยิ่งไปกว่านั้นด้านหน้าสุดยังถูกนำมาด้วยผู้บัญชาการกองกำลังทหารองครักษ์วัยกลางคน ที่มีท่วงท่าองอาจเข้มแข็ง สีหน้าของเขายามนี้เต็มไปด้วยความกระหายและจิตสังหาร ดุร้ายนัก

"นี่มัน ทัพของกองกำลังทหารองค์รักษ์!"

"เกิดอันใดขึ้นกันแน่ เหตุใดชวีลู่ผู้บัญชาการจึงนำกองทัพออกมาพร้อมพรั่งเช่นนี้!"

"ข้าเองก็ไม่รู้ พวกเราลองติดตามไปชมดูเรื่องราวกันเถิด"

...

ด้านหลังแถวของกองกำลังทหารองครักษ์ได้มีชาวเมืองจำนวนมากเดินตามมาด้วยเช่นกัน

สุดท้ายพวกเขาก็เห็นว่าที่แท้กองกำลังทหารองครักษ์เดินทางมาที่ใด มันเป็นสถาบันบ่มเพาะขุนพลนั่นเอง และตอนนี้ชวีลู่ก็สั่งการกองกำลังให้กระจายตัวไปปิดล้อมทางเข้าออกทุกทางของสถาบันบ่มเพาะขุนพลอย่างแน่นหนา

"ข้าเคยได้ยินมาว่า บุตรชายคนเดียวของผู้บัญชาการกองกำลังทหารองครักษ์ร่ำเรียนอยู่ที่สถาบันบ่มเพาะขุนพล เรื่องราวครั้งนี้ใช่เกี่ยวของอันใดกับเขาหรือไม่?

"ข้าว่าถึงขั้นที่ทำให้ผู้บัญชาการนำทัพนับพันเคลื่อนพลมาเช่นนี้ เรื่องราวคงหาได้ธรรมดาเป็นแน่ ดูท่าว่าคงเกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้นที่สถาบันบ่มเพาะขุนพลแล้ว!"

...

ฝูงชนจำนวนมากอดไม่ได้ที่จะคาดเดาเรื่องราวกันไปต่างๆนาๆ

บนต้นไม้ใหญ่ข้างลานฝึกซ้อม ในสถาบันบ่มเพาะขุนพล

"หืม?"ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะมองไปยังทิศทางอันเป็นที่ตั้งของประตูทางออกของสถาบันบ่มเพาะขุนพล เขาสัมผัสได้ว่ามีเสียงดังและแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยเกิดขึ้น แต่ต้วนหลิงเทียนก็หาได้สนใจ เขาเพียงเอนตัวลงไปและหลับตานอนพักผ่อน

หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก

"ต้วนหลิงเทียน!" เสียงดังเสียงหนึ่งปลุกต้วนหลิงเทียนให้ตื่นจากนิทรา ตอนนี้เขาพลันสังเกตเห็นว่าด้านล่างต้นไม้ มีเซี่ยวหยูและเซี่ยวฉวินที่กำลังยืนเรียกเขาอยู่ด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก

"หือ พวกเจ้ามีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?"ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย

"ต้วนหลิงเทียน ตอนนี้ผู้บัญชาการกองกำลังทหารองครักษ์ ชวีลู่ ได้เคลื่อนกองทัพมาปิดล้อมสถาบันบ่มเพาะขุนพลเอาไว้ ดูเหมือนว่ามันจะเฝ้ารอให้เจ้าออกไป...วันนี้เจ้าไม่กลับบ้านดีหรือไม่?" เซี่ยวฉวินกล่าวออกมาพร้อมสีหน้าทีเคร่งเครียดและกังวลอย่างมาก

"ชวีลู่?" ดวงตาของต้วนหลิงเทียนกลอกขึ้นเล็กน้อย ตอนเที่ยงระหว่างมื้ออาหาร เขาได้ยินเรื่องราวมาจากเทียนหู เกี่ยวกับเบื้องหลังของชวีลั่ง ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าชวีลั่งเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของผู้บัญชาการกองกำลังทหารองครักษ์ประจำเมืองหลวง ชวีลู่

นอกจากนั้นชวีลู่ผู้นี้ยังเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 9 อีกด้วย

อย่างไรก็ตามเขาหาได้แยแสชวีลู่ผู้นี้นัก หากมันกวนใจและคิดสร้างปัญหาให้เขาแล้วล่ะก็ เขาจะส่งอาคมกร่อนกระดูกให้มันได้ลิ้มรสสักครา แล้วทีนี้เกรงว่ากองกำลังทหารองค์รักษ์คงต้องเดือดร้อนหาผู้บัญชาการคนใหม่แทนที่มัน!

"ดูท่าแล้ว มันจะให้ความสำคัญข้าไม่น้อยเลยทีเดียว ถึงกับยกทัพมาเอิกเกริกเช่นนี้" มุมปากของต้วนหลิงเทียนยกขึ้นเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน มีเรื่องราวสนุกสนานให้เขาละเล่นอีกแล้ว…

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.