หน้าแรก > War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 194 ผู้สนับสนุนถงลี่!

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

เช้าวันรุ่งขึ้น ต้วนหลิงเทียนก็เดินทางไปยังสถาบันบ่มเพาะขุนพลตามปกติ

"อ่า วันหยุด 2 วันช่างผ่านไปรวดเร็วนัก ... " ต้วนหลิงเทียนเผยแววตาเสียดาย เล็กน้อยก่อนที่จะเดินเข้าสถาบันบ่มเพาะขุนพลไปอย่างช้าๆ

และตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนก็ต้องพบกับสายตาของผู้คนที่จ้องมองเขามาอย่างล้นหลาม แต่จะอย่างไรต้วนหลิงเทียนก็คุ้นชินกับสายตาเช่นนี้ดีอยู่แล้วเขาจึงเดินไปชั้นเรียนอย่างไม่สะทกสะท้าน

และเมื่อต้วนหลิงเทียนเข้าห้องเรียนมาสิ่งแรกที่ได้รับก็คือ สายตาของคนทั้งห้องที่มองเขามาด้วยความชื่นชมยินดี ...

"ต้วนหลิงเทียน พวกเราขอแสดงความยินดีด้วย!" เซี่ยวฉวินมองไปยังต้วนหลิงเทียนก่อนที่จะแสดงความยินดีออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างจริงใจ

"อะไร นี่เจ้าเองก็มาแสดงยินดีกับข้าด้วย?" ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทึ่งเล็กน้อย

"อะไร นี่นับว่าเป็นเรื่องธรรมดาอย่างยิ่งที่ข้าจะแสดงความยินดี ก็ในเมื่อเจ้ากลับไปรับฐานะที่ตระกูลต้วนเช่นนี้ เจ้าก็กล่าวได้ว่าเป็นสมาชิกหลักของตระกูลต้วนคนหนึ่งแล้ว…เรื่องราวพวกนั้น" เซี่ยวหยูกล่าวเสริมออกมา

เขาเองก็รู้สึกยินดีกับต้วนหลิงเทียนเช่นกัน หลังจากที่เกิดเรื่องราวมากมายก่อนหน้านี้ เขาก็อดหวาดหวั่นในใจแทนต้วนหลิงเทียนไม่ได้อยู่ทุกวี่วัน

เพราะองค์ชาย 5 กับตระกูลซูนั้นไม่ใช่อะไรที่จะตอแยได้โดยง่าย!

แต่ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนได้หวนกลับไปสู่ตระกูลต้วนแล้ว และด้วยพรสวรรค์ในเชิงยุทธ์ตามธรรมชาติของต้วนหลิงเทียนด้วยแล้ว แน่นอนว่าเขาย่อมได้รับความคุ้มครองจากตระกูลต้วนมากกว่าผู้อื่นไม่ต่ำกว่า 2 เท่า ... สำหรับเรื่องนี้เซี่ยวหยูเองก็หมดห่วงได้เสียทีเพราะยามนี้แม้จะเป็นองค์ชาย 5 กับตระกูลซูเอง ก็ใช่ว่าจะทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้ง่ายๆ

"อ่า เรื่องนี้นี่เองข้าเข้าใจแล้ว" ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมาด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้ว่าตัวเขาจะไม่ได้รู้สึกว่าเรื่องนี้มันจะมีความสำคัญสักเท่าไรก็เถอะ

อย่างไรก็ตามตัวเขาย่อมรับรู้ความรู้สึกเจตนาและความเป็นห่วงของเซี่ยวหยูและเซี่ยวฉวินดี และเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในหัวใจ ...พวกนี้นับว่าเป็นสหายที่แท้จริงของข้า ต้วนหลิงเทียน!

เวลาเรียนยามเช้าผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว

ยามเที่ยง เมื่อสิ้นสุดชั้นเรียนแล้วกลุ่มของต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 ก็เดินทางไปโรงอาหารตามปกติ

ทว่ากลุ่มของต้วนหลิงเทียนเองก็ต้องหยุดเดินเมื่อพวกเขามาถึงโรงอาหาร และมันก็หาได้มีเหตุผลอื่นใดนอกจาก ยามนี้มีคนผู้หนึ่งยืนหยุดขวางเส้นทางของพวกเขาเอาไว้

นี่เป็นนักศึกษาหน้าตาธรรมดา และมีรูปร่างอ้วนกลม

แต่เรื่องที่ทำให้ทั้งกลุ่มของต้วนหลิงเทียนตกตะลึงก็คือ ยามนี้ใบหน้าของสตรีผู้นี้ ราวกับว่าไปกินรังแตนที่ใดมา เพราะใบหน้าของนางนั้นเต็มไปด้วยความเคียดแค้นอย่างถึงขีดสุด ... ราวกับว่านางถูกผู้คนทำร้ายน้ำใจมา

"เอ่อ นึกศึกษาสตรีผู้นี้?" เซี่ยวฉวินอดไม่ได้ที่จะงุนงงเล็กน้อย เขามองไปยังเซี่ยวหยูและต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาแปลกประหลาด ก่อนที่เขาจะคิดเรื่องราวสัปดนขึ้นมา ‘อีหร็อบนี้ ดูท่าแล้วคงไม่พ้นความแค้นเรื่องรักๆใคร่ๆ ท่าทางพวกมันคนใดคนหนึ่งคงมีเรื่องราว ร้าวฉานบาดหมางน้ำใจของนางแล้ว แต่พวกมันก็ควรมีรสนิยมในการเลือกหาสตรีเสียบ้าง จะอย่างไรก็สมควรมีขอบเขต… แต่รูปร่างเช่นนี้...’

แน่นอนว่ายามนี้สีหน้าและท่าทางของต้วนหลิงเทียนและเซี่ยวหยูเองก็ย่อมเหมือนกันกับเซี่ยวฉวิน และแม้กระทั่งความคิดในหัวพวกมันล้วนเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน…

"ต้วนหลิงเทียน!" ทันใดนั้นเองนึกศึกษาสตรีผู้นี้พลันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าโศกที่เจือความแค้นใจเอาไว้อย่างถึงขีดสุด

ต้วนหลิงเทียนพลันสะดุ้งเผยแววตาตกตะลึงขึ้นมาเมื่อหวยออกที่ตน

เซี่ยวฉวินและเซี่ยวหยูอดไม่ได้ที่จะหันมามองต้วนหลิงเทียนด้วยสองตาเบิกกว้าง และท่าทางประหลาดใจราวกับพวกมันจะกล่าวว่า "แท้จริงแล้วเจ้าชอบเช่นนี้หรอกหรือ"

"เฮ่ๆๆ ข้าไม่รู้จักนางนะ ไม่ต้องมองข้าแบบนั้นเลย" ต้วนหลิงเทียนเห็นแววตาทั้งสองที่จับจ้องมา มีหรือว่ามันจะไม่รู้ว่าพวกมันคิดบัดซบอะไรอยู่

"แน่นอนว่าเจ้าย่อมไม่รู้จักข้า" สตรีคนนั้นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสะทกสะท้อนใจ และสะเทือนใจอย่างถึงขีดสุด "แต่เจ้าสมควรรู้จักถังกั่วใช่หรือไม่?"

ถังกั่ว?

ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย นามนี้ดูเหมือนว่าเขาจะคุ้นหูเล็กน้อย แต่ยามเร่งรัดเช่นนี้กลับไม่สามารถนึกออกว่าเคยได้ยินที่ไหน

"เฮอะ ... " นึกศึกษาสตรีผู้นั้นมองต้วนหลิงเทียนอย่างเหยียดหยามเล็กน้อย “เสียแรงที่นางยืนหยัด และยึดมั่นในเรื่องราวที่เจ้าฝากฝังให้นางกระทำเอาไว้อย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่เจ้าไม่คู่ควรเลยสักเพียงนิด ยามนี้ถั่งกั่วเพื่อเจ้าแล้วนางกลับต้องตายอย่างอนาถ แต่เจ้ากลับจำนางไม่ได้ด้วยซ้ำ!”

เมื่อสตรีผู้นี้เอ่ยเรื่องราวออกมา แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนย่อมจดจำเรื่องราวบางประการได้

เขาจดจำได้แล้วอย่างแม่นยำว่านามถังกั่วนี้เป็นสตรีใบหน้าสะอาดสะอ้านหมดจดผู้หนึ่ง ตอนนั้นถังกั่วถูกถงลี่และสตรีผู้ติดตามกลุ้มรุมทำร้าย ต้วนหลิงเทียนจึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือนาง หลังจากนั้นเขาก็สะกดถงลี่รวมถึงบังคับให้สตรีผู้ติดตามของถงลี่คุกเข่าลงบนพื้นและกล่าวตะโกนออกมาว่า 'ถงลี่เป็นอีนังแพศยาสารเลวบัดซบ' ...

หลังจากนั้นเขารู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อยจึงคิดจากมา โดยทิ้งให้ถังกั่ว เฝ้าสตรีผู้นั้นเอาไว้จนกว่านางจะเอ่ยวาจาครบ 100 ครั้ง

ทว่าหลังจากที่ได้ฟังวาจาจากสตรีอ้วนตรงหน้าที่เต็มไปด้วยความแค้นและเศร้าโศกแล้ว สีหน้าของต้วนหลิงเทียนพลันเปลี่ยนเป็นหมองคล้ำทันที "เจ้ากล่าวว่าอะไร ถังกั่วกลับตายแล้ว?" ประกายตาของต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นน่าสะพรึงกลัว จิตสังหารที่น่าพรั่นพรึงเริ่มเล็ดรอดแผ่ซ่านออกมาทั่วร่างกายของเขา

สตรีตรงหน้าพลันหวาดกลัวจนมีใบหน้าซีดลงโดยพลัน "เป็นเช่นนั้น"

"เกิดเรื่องอะไรขึ้น?" ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ เขาพยายามระงับอารมณ์และโทสะภายในใจ

“เมื่อวานนี้เป็นวันหยุด เช่นนั้นข้ากับถังกั่วจึงคิดไปเดินซื้อของเที่ยวเล่นรอบเมืองตามประสา แต่ระหว่างทางคนของถงลี่ได้จับตัวพวกเราไป และพาเข้าไปในซอยเปลี่ยวร้างห่างไกลผู้คน… เรื่องแรกที่มันกระทำคือตัดแขนของถังกั่วอย่างช้าๆ…ต่อมามันก็ตัดขาของนาง…จนนางสลบไปเพราะความเจ็บปวด แต่มันก็ใช้น้ำเย็นราดจนถั่งกั่วได้สติ …มันทรมานนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า และทุกคราที่นางสิ้นสติไป มันก็จะสาดน้ำปลุกนางขึ้นมา …นางถูกทรมานกว่าชั่วยาม จนในที่สุดมันก็ฆ่านางให้ตกตายลงอย่างอนาถ!” สีหน้าสตรียามกล่าวออกมาฉายชัดถึงความหวาดกลัวและหวาดหวั่น หยาดน้ำตาเริ่มหลั่งริน

เมื่อวานนี้นางหวาดกลัวจนตัวสั่นไม่อาจหลับลงได้ตลอดทั้งคืน แม้กระทั่งหลังจากกลับมายังสถานบันบ่มเพาะขุนพลแล้วนางก็ไม่อาจลบความหวาดกลัวและภาพสหายถูกทรมานได้ง่ายๆ นางยังคงหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา...

สีหน้าของต้วนหลิงเทียนมืดลง เขาไม่คิดเลยว่าการตัดสินใจชั่ววูบของเขา กลับทำลายชีวิตของถังกั่วเช่นนี้

ยามนี้ในใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจ เขาไม่ควรให้ถังกั่วทำหน้าที่นับคำกล่าวแทนเขา หาไม่แล้วถงลี่คงไม่สาดเทโทสะไปลงที่นาง จนไประบายโทสะกับนางจนถึงขั้นตายอย่างทรมานเช่นนี้

"ถงลี่! ... " ดวงตาของต้วนหลิงเทียนแดงก่ำ จิตสังหารอำมหิตและกระหายเลือดแผ่ซ่านออกมาอย่างมหาศาลราวกับไร้ขอบเขต

และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเองก็ยืนอยู่ตรงกลาง เซี่ยวหยู,เซี่ยวฉวิน พลันหายใจติดขัด สองขาสั่นสะท้านประคองร่างแทบไม่ไหว พวกมันล้วนหันมามองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาหวาดกลัว ก่อนที่จะพยายามโคจรพลังงานต้นกำเนิดฝืนร่างเอาไว้อย่างสุดกำลัง แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรสักนิด

ส่วนสตรีผู้นั้นนางรู้สึกหวาดกลัวต้วนหลิงเทียนอย่างมาก ตั้งแต่เขาเริ่มแผ่จิตสังหารออกมาคราแรก เมื่อนางกล่าวจบนางก็รีบจากไปนานแล้ว

"ตะ..ต้วนหลิงเทียน!" เซี่ยวหยูและเซี่ยวฉวินยามนี้เผยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลออกมา

แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าถังกั่วผู้นี้เป็นใคร แต่พวกเขาย่อมเดาได้ว่านางต้องมีความสำคัญกับต้วนหลิงเทียนอยู่บ้าง และยามนี้ถังกั่วผู้นี้กลับต้องตกตายอย่างอนาถเพราะน้ำมือถงลี่

ดวงตาของต้วนหลิงเทียนแดงฉานดั่งโลหิต ยามนี้เขาราวกับเทพอสูรกระหายโลหิต!

ตอนนี้เหล่านักศึกษาที่อยู่รอบๆเองก็อดไม่ได้ที่จะมองมายังต้วนหลิงเทียน

"นั่นไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนหรอกหรือ?"

"ดูเหมือนยามนี้เขาจะมีโทสะอย่างยิ่ง"

"เมื่อครู่ไม่ใช่นักศึกษาสตรีที่เป็นสหายกับถังกั่วหรอกหรือ ดูเหมือนว่าต้วนหลิงเทียนจะบันดาลโทสะเพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับถังกั่ว"

"แล้วผู้ใดคือถังกั่ว?"

...

เหล่านักศึกษาอดไม่ได้ที่จะหันมาจับกลุ่มสนทนากัน ทว่าในหมู่พวกเขาหามีใครรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ ได้แต่คาดเดากันไปต่างๆนาๆ

"จะว่าไป ถังกั่วเองก็ไม่ได้กลับมาสถาบันบ่มเพาะขุนพลตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่ใช่หรือ?"

"มีโอกาสมากกว่า 9 ส่วนที่ยามนี้นางน่าจะถูกถงลี่สังหาร เพราะความแค้นไปแล้ว!"

นักศึกษาบางคนเริ่มคาดเดาเรื่องราวได้ และยามนี้หัวใจของพวกมันเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บ

มาบัดนี้เซี่ยวหยูและเซี่ยวฉวินพลันเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด หลังจากรับฟังบทสนทนาโดยรอบ ... ที่แท้เรื่องราวเป็นเช่นนี้

ในที่สุดพวกเขาก็รู้เสียทีว่าเพราะอะไร ต้วนหลิงเทียนถึงมีโทสะเช่นนี้

"ผู้ใดรู้บ้างว่ายามนี้ถงลี่อยู่ที่ใด?" ดวงตาแดงฉานดั่งโลหิตของต้วนหลิงเทียนกวาดไปรอบๆ นักศึกษา น้ำเสียงของเขากล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงไม่แยแส ทว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยความเย็นชาราวกับจะแช่แข็งได้ถึงวิญญาณ

ตอนนี้เองเหล่านักศึกษารอบๆ พลันเหน็บหนาวจับขั้วหัวใจ และเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

"ตะ..ต้วนหลิงเทียน เกิดอันใดขึ้น?" ตอนนี้เองเทียนหูก็เดินทางมาถึงโรงอาหารและก็อดไม่ได้ที่จะต้องตกตะลึงเมื่อเห็นท่าทางเต็มไปด้วยโทสะราวเทพอสูรของต้วนหลิงเทียน

ต่อมาเทียนหูก็ได้รับฟังเรื่องราวจากปากของเซี่ยวฉวิน และเขาเองก็มีโทสะขึ้นมา "ถงลี่นี่มันนังแพศยาบัดซบนัก....มันเลวยิ่งกว่าสัตว์เดียรัจฉานเสียอีก! ทรมานถังกั่วเพียงนั้นจนนางตกตาย!"

ตอนนี้เองสีหน้าของนักศึกษาที่อยู่รอบๆเองก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดโทสะขึ้นมาเพราะยามที่เทียนหูกล่าวถามนั้น เซี่ยวฉวินเองก็ไม่คิดเบาเสียงของเขา กลายเป็นว่ายามนี้ทั้งหมดล้วนเข้าใจเรื่องราวกันดี

ถังกั่วที่มีชีวิตชีวากลับต้องมาถูกพรากลมหายไปอย่างอนาถด้วยน้ำมือถงลี่?

นึกศึกษาสตรีที่อยู่รอบๆมีสีหน้าหวาดกลัวแสดงออกมา และมีบ้างที่พึ่งเดินออกจากโรงอาหารถึงขั้นอาเจียนคายสิ่งที่พึ่งกินเข้าไปออกมาเมื่อได้รับฟังเรื่องราว...

"ถ้าข้าเจออีบัดซบถงลี่นั่นล่ะก็ ข้าไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นลูกพี่ลูกน้องขององค์ชาย 5 บัดซบอันใด ข้าจะตบมันให้เลือดกบปากก่อนที่จะพูดคุย!" ท่าทางของเทียนหูนั้นแลดูดุร้ายอย่างมาก และเต็มไปด้วยความตรงไปตรงมา หมายคืนความยุติธรรมให้แก่ถังกั่ว

ถึงแม้เซี่ยวหยูและเซี่ยวฉวินจะไม่ได้กล่าววาจาอะไรออกมา ทว่าสายตาของพวกมันยามนี้ก็เย็นเยือกไม่แพ้ผู้ใด ... ถงลี่มันเป็นตัวบัดซบสารเลวอย่างแท้จริง!

"เมื่อกี้ผู้ใดกล่าววาจา ว่าจะตบข้า?" ตอนนี้เองมีน้ำเสียงดุร้ายไม่แยแสของสตรีผู้หนึ่งดังขึ้น ออกมาจากเบื้องหลังกลุ่มคน

กลุ่มคนล้วนเปิดทางให้เจ้าของเสียงได้เดินมา ก็พบว่าเป็นสตรีสวมชุดแดงกำลังเดินเคียงไหล่มาพร้อมกับชายหนุ่มอายุราว 25 ปี

ชายหนุ่มผู้นั้นสวมชุดสีเขียวรูปร่างหน้าตาธรรมดา มีมีดดาบสั้นปลายทู่สะพายไว้ที่เอว กลิ่นอายจิตสังหารแผ่ซ่านออกมาจากทั่วร่างของมัน เห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี สภาวะข่มขวัญสะกดผู้คนไม่น้อย

"นั่นไม่ใช่ชวีลั่งหรอกรึ?" นักศึกษาหลายคนอดไม่ได้ที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเบาๆราวกับหวาดกลัว

“ชวีลั่งงั้นรึ?” สีหน้าของเทียนหูกลับกลายเป็นน่าเกลียด เขาไม่คิดว่าถงลี่จะอยู่กับชวีลั่ง

ชวีลั่งเป็นนักศึกษาของสถาบันบ่มเพาะขุนพล ชั้นปีที่ 6 มันมีระดับบ่มเพาะอยู่ที่ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 2

ในแง่ของพรสวรรค์ตามธรรมชาติแล้ว ชวีลั่ง นั้นต่ำกว่าซูถงเล็กที่ต้วนหลิงเทียนทำลายตันเถียนไปน้อย

และเมื่อในขณะที่เทียนหูคิดถึงซูถงขึ้นมา เขาก็พลันสงบใจลงได้ ซูถงแข็งแกร่งกว่ามันแต่ต้วนหลิงเทียนหวาดกลัวหรือไม่ แล้วไม่ใช่สุดท้ายซูถงเองก็ถูกต้วนหลิงเทียนทำลายตันเถียนหรอกหรือ?

"ถงลี่!" ดวงตาสีแดงฉานดั่งโลหิตของต้วนหลิงเทียน กวาดไปที่ร่างของถงลี่ ทั้งจิตสังหารอันน่าหวาดหวั่นของเขาก็แผ่ซ่านออกมากดทับถงลี่เอาไว้

ถงลี่ที่ยังเดินเชิดศีรษะทำตัวหยิ่งยโสอยู่เมื่อครู่ สีหน้ากลับกลายเป็นซีดเผือดราวกับไร้โลหิตหล่อเลี้ยง ซ้ำทั่วทั้งร่างของนางยั่งสั่นระริกไม่ต่างอะไรกับลูกนกตกน้ำ

"ฮึ่ม!" ชวีลั่งที่ยืนอยู่ข้างๆถงลี่ได้เดินมาบังจิตสังหารของต้วนหลิงเทียนเอาไว้ ก่อนที่จะแค่นเสียงสบถเย็นชาออกมา

ทว่าม่านตาของชวีลั่งเองก็อดไม่ได้ที่จะต้องหดแคบลงโดยพลัน เมื่อเขาเดินมาบังจิตสังหารให้แก่ถงลี่ มันเป็นจิตสังหารที่น่าหวาดหวั่นอะไรเช่นนี้ เขาต้องลอบโคจรพลังงานต้นกำเนิดเพื่อต้านทานจิตสังหารนี้

"เจ้าน่ะหรือต้วนหลิงเทียน?" สายตาของชวีลั่งจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียน มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย

"ไส หัว ไป!" ดวงตาของต้วนหลิงเทียนกระพริบเรืองวูบปลดปล่อยความเย็นชาออกมาใส่ชวีลั่งที่ขวางทาง

"เจ้ากล้ากล่าวให้ข้าไสหัวไปงั้นรึ?" ท่าทางชวีลั่งราวกับได้ยินเรื่องราวที่ตลกขบขันที่สุดในชีวิตเมื่อได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน "ต้วนหลิงเทียน ข้าเองก็พอรู้มาอยู่บ้างว่าพรสวรรค์ตามธรรมชาติในเชิงยุทธ์ของเจ้าสูงล้ำขนาดไหน ซ้ำเจ้ายังกลับไปเข้าร่วมกับตระกูลต้วนแล้วอีกด้วย ... แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น ก็ยังมีผู้คนในเมืองหลวงแห่งนี้ที่เจ้าไม่อาจตอแยด้วยได้" เมื่อกล่าววาจาจบใบหน้าของชวีลั่งก็เต็มไปด้วยความยโสโอหัง และภาคภูมิใจอย่างมาก

"หืม เป็นงั้นจริงหรือ?" ดวงตาของต้วนหลิงเทียนกลอกไปมองชวีลั่งอย่างไม่แยแสราวกับเหลือบแลหนอแมลง "คนอื่นข้าก็ไม่รู้หรอกนะ ... แต่เจ้าไม่อยู่ในสายตาของข้า ต้วนหลิงเทียน!"

เมื่อโดนต้วนหลิงเทียนหยามหยันต่อหน้าผู้คน สีหน้าชวีลั่งกลับกลายเป็นอำมหิตขึ้นมา

"ต้วนหลิงเทียน!" ตอนนี้เองถงลี่พลันเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา "พี่ใหญ่ชวีลั่งเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของท่านเสนาบดีชวีลู่ผู้บัญชาการสูงสุดของกองกำลังทหารองครักษ์ประจำเมืองหลวง อย่าว่าแต่เจ้า แม้จะเป็นประมุขตระกูลต้วนเอง เมื่อเจอยังต้องก้มหัวให้บิดาของพี่ใหญ่ชวีลั่ง!"

"อ่อ งั้นหรือ?" ต้วนหลิงเทียนพลันระเบิดเสียงหัวเราะออกมา "ไม่แปลกใจสักนิด ที่เจ้ากล้าวางก้ามเขื่องโขเช่นนี้เพราะเจ้ามีผู้หนุนหลังเช่นนี้สินะถงลี่ ... "

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.