spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
หากเป็นก่อนหน้านี้แม้แต่ในความฝันเขาก็คงไม่คิดว่าจะต้องมากล่าววาจากับหลานตนเองอย่างนอบน้อมเช่นนี้ แต่ตอนนี้หลานชายของเขามีคุณสมบัติมากพอที่จะได้รับการปฏิบัติเช่นนี้
เพราะอาณาจักรแห่งนี้ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ได้ด้วยวัย 18 ปี!
แม้กระทั่งเขาเองยังรู้สึกว่า ครั้งนี้ตระกูลต้วนนั้นถึงขั้นคิดใช้ประโยชน์จากเด็กน้อยคนหนึ่งอย่างหน้าไม่อาย แต่พอเขาคิดว่าตระกูลต้วนจะบังเกิดผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติขึ้นมา เขาก็อยากจะเป็นพยานในหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์บทใหม่ในยุครุ่งเรืองตระกูลต้วนเช่นกัน
ในฐานะที่เป็นคนของตระกูลต้วน ต้วนหรูหงเองก็วาดฝันเอาไว้ว่ ตัวเขาได้อยู่ในช่วงเวลาแห่งความสำเร็จนั้นเช่นกัน
"แน่ใจงั้นหรือว่าทางตระกูลต้วนจะเห็นด้วยกับทุกข้อเรียกร้องของข้า?" ต้วนหลิงเทียนหรี่ตามองต้วนหรูหงก่อนที่จะกล่าวถามคาดคั้นออกมาอีกครั้งเพื่อนยืนยัน
"ตราบใดที่มันยังอยู่ในขอบเขตอำนาจที่ตระกูลต้วนสามารถกระทำได้ แน่นอนว่าย่อมได้" ใบหน้าของต้วนหรูหงเต็มไปด้วยความจริงจังในขณะที่กล่าววาจา
มุมปากของต้วนหลิงเทียนแสยะยกขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวถามพร้อมรอยยิ้มบางๆ "ถึงแม้ว่า ข้าต้องการให้ท่านตายเช่นนั้นน่ะหรือ?"
ต้วนหรูหงเบิกตากว้างออกมาอย่างตื่นตะลึง ทว่าเพียงครู่หนึ่งเขาก็กล่าวออกมาพร้อมพยักหน้าอย่างจริงจัง "หากความตายของข้า สามารถแลกกับการที่เจ้าจะกลับไปเคารพบรรพชน และหวนคืนสู่ตระกูลต้วนแล้วล่ะก็ ไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลจัดการเรื่องนี้หรอก ข้าจะปลิดปลงชีวิตตัวเองลงตอนนี้ทันที!"
ต้วนหลิงเทียนจ้องมองตาของต้วนหรูหงอย่างไม่ให้คลาดสายตา คำกล่าวที่ว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของวิญญาณนั้นใช้ได้ดีนัก ผู้คนอาจจะใช้ปากกล่าววาจาโกหกได้ แต่ไม่อาจใช้แววตาโกหกได้
และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่เห็น ความผิดปกติใดในแววตาของต้วนหรูหงแม้แต่เพียงนิด และนี่...หมายความว่าต้วนหรูหงผู้นี้กลับกล่าววาจาออกมาจากใจจริง!
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกช่วยไม่ได้จนต้องถอนหายใจออกมา ผู้คนในโลกนี้ถูกล้างสมองเรื่องเกียรติยศจนเพี้ยนกันไปหมดแล้วหรือไง...
"ข้าล้อเล่น...ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ชอบท่านสักเท่าไร แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่คิดเอาชีวิตท่าน" ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มออกมาบางๆ เขาไม่ได้มีเรื่องมีราวอะไรกับต้วนหรูหงมากนัก
ต้วนหรูหงพลันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เพราะเขาคิดว่าต้วนหลิงเทียนนั้นโกรธแค้นและคิดเอาชีวิตของเขาจริงๆ อย่างไรก็ตามหากต้วนหลิงเทียนต้องการเอาชีวิตของเขาจริงๆ ...เพื่ออนาคตของตระกูลต้วนแล้ว เขาเองก็คงเลือกที่จะจากโลกนี้ไปอย่างยินยอมพร้อมใจ!
"แล้วเจ้าเห็นด้วยหรือไม่เล่า?" ต้วนหรูหงกล่าวถามออกมาอีกครั้ง เพราะเขาได้รับรู้ถึงความคิดอ่านของต้วนหลิงเทียนเล็กน้อย และรู้สึกว่าอาจมีโอกาส
ม่านตาของต้วนหลิงเทียนหดแคบลง และหลังจากที่เขากล่าวจบคำแล้ว เขาก็บ่นพึมพำกับตัวเอง “ตราบใดที่ตระกูลต้วนรักษาสัญญาได้ แล้วจะมีอันตรายอะไรอีกหากข้าจะกลับไปเคารพบรรพชนอะไรนั่น อีกอย่างข้าเองก็จะได้ทำให้ท่านแม่สบายใจขึ้นมาอีกด้วย”
แน่นอนว่าหากเขามีตระกูลต้วนหนุนหลังอยู่ก็ย่อมมีความสะดวกสบายมากขึ้นไม่น้อย ทั้งเรื่องราวบางอย่างก็สามารถแก้ปัญหาได้โดยง่าย
เมื่อต้วนหลิงเทียนคิดได้เช่นนี้ ทำไมเขาไม่ใช้สถานะคนของตระกูลต้วนให้เกิดประโยชน์
ปัจจุบันไม่ว่าด้านอะไรก็ตาม สำหรับเขายังถือว่าอยู่ในขั้นแรกๆของโลกใบนี้ หากมีตระกูลต้วนให้ใช้สอย เรื่องราวบางอย่างก็อาจจะแก้ไขได้โดยง่าย
นอกจากนี้แล้ว หากทำเช่นนี้เขาก็จะได้ทำให้มารดาเขาดีใจได้อีกด้วย แล้วทำไมเขาจะไม่ทำ?
สำหรับเรื่องโอสถสู่ธรรมชาติที่ตระกูลต้วนต้องการนั้นเป็นเรื่องในอนาคต ... ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องนี้
ต้วนหรูหงแสดงสีหน้าเต็มไปด้วยความสุขออกมา เมื่อได้ยินว่าต้วนหลิงเทียนกล่าวอะไรออกมา "เอาล่ะ หากเจ้าคิดกลับมายังตระกูลจริงๆล่ะก็ข้าจะไปบอกท่านประมุขให้เตรียมบ้านที่มีลานกว้างขนาดใหญ่เอาไว้ให้เจ้า มันน่าจะสะดวกสบายกว่าการที่เจ้าต้องอาศัยอยู่ด้านนอกเช่นนี้"
"ไม่จำเป็น พวกข้าจะอยู่ด้านนอกเขตที่พักตระกูลต้วนต่อไป และถึงแม้ว่าข้าจะกลับไปกราบบรรพชนรวมถึงรับสถานะของตระกูลต้วน แต่ข้าก็ไม่คิดที่จะพักในเขตที่พักของตระกูลต้วน ...ข้าขอกล่าวเรื่องนี้ให้ชัดเจนเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยแล้วกัน" ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ต้วนหรูหงเพียงยิ้มรับคำ “แน่นอนว่าเรื่องเท่านี้ ย่อมมิมีปัญหา”
ลูกหลานของตระกูลต้วนเองก็ใช่ว่าจะพักที่เขตที่พักของตะรกูลต้วนกันทั้งหมด มีหลายคนที่ซื้อบ้านลานแยกออกไปอยู่ด้านนอก และแม้กระทั่งตัวต้วนหรูหงเองก็มีบ้านลานอยู่ด้านนอกเขตที่พักตระกูลเช่นกัน
ต้วนหลิงเทียนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบต้วนหรูหงไป "สำหรับวันที่ข้าและท่านแม่จะเข้าไปยังตระกูลต้วนนั้นคงราวๆมะรืนนี้ ท่านช่วยไปจัดการให้ข้าไม่ต้องเข้าชั้นเรียนทั้งวันพรุ่งนี้และมะรืนนี้ด้วยก็แล้วกัน"
"ย่อมได้ ข้าจะส่งคนมารับเจ้าเองในวันนั้น" ใบหน้าของต้วนหรูหงแย้มยิ้มออกมาอย่างแจ่มใส
"นี่ไม่จำเป็น ข้ากับท่านแม่สามารถไปที่นั่นเองได้ ไม่ต้องให้ใครมารับข้าทั้งนั้น" ต้วนหลิงเทียนกล่าววาจาปฏิเสธน้ำใจของต้วนหรูหงก่อนที่จะลุกขึ้นและเดินออกจากรถม้าไป
"การที่เขาทำอะไรรวดเร็วฉับไวเช่นนี้...ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากบิดาของเขา สักนิด ... เฮ่อดูเหมือนเขายังไม่ลืมเรื่องราวเมื่อ 2 ปีก่อน และยังคงเห็นข้าเป็นศัตรูอยู่จนถึงวันนี้ ช่างเถิด จะอย่างไรก็ตามเขาตบปากรับคำว่าจะกลับไปยังตระกูลแล้ว เช่นนี้ก็หมายความว่าหน้าที่ของข้าได้เสร็จสิ้นลงด้วยดี " ต้วนหรูหงพึมพำเล็กน้อยก่อนที่จะส่ายหน้าไปมาพร้อมรอยยิ้ม
หลังจากกลับมาถึงบ้าน ต้วนหลิงเทียนก็ไปกล่าวบอกมารดา ถึงเรื่องที่คิดจะหวนกลับไปตระกูลต้วนรวมทั้งกลับไปกราบกรานบรรพชน
"ลูกเทียนเหตุใดอยู่ๆ ถึงเปลี่ยนใจขึ้นมาได้ล่ะลูก?" ถึงแม้ว่าลี่หลัวจะค่อนข้างประหลาดใจไม่ ซ้ำยังเป็นความประหลาดใจที่เต็มไปด้วยความสุข แต่นางเองก็ยังคงมีคำถามอยู่ในใจ ตัวนางย่อมเข้าใจบุตรชายของนางเองดี เมื่อเขาตัดสินใจอะไรไปแล้ว ยากนักที่เขาจะเปลี่ยนใจ
"ข้าพึ่งมีโอกาสได้คิดเรื่องนี้อย่างละเอียดน่ะท่านแม่ ... จะอย่างไรในตัวข้าก็มีเลือดของตระกูลต้วนไหลเวียนอยู่ ข้าก็คงไม่อาจละทิ้งมันไปหรือเลือกที่จะบ่ายเบี่ยงการกลับไปเคารพบรรพบุรุษของตระกูลต้วนไปได้ชั่วชีวิต" ต้วนหลิงเทียนยืนขึ้น และแน่นอนว่าเขาไม่คิดกล่าวเหตุผลที่แท้จริงออกมา ไม่อย่างนั้นมารดาของเขาจะเริ่มคิดมากอีกครั้ง
"แม่รู้ว่าเรื่องคงไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เจ้ากล่าวนักหรอก ...แต่จะอย่างไรแม่ก็ดีใจที่เจ้าเลือกกลับไปเคารพบรรพชนเช่นนี้ ถึงแม้เจ้าจะกระทำมันเพราะความต้องการของแม่ก็เถิด แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หากเจ้าไม่อยากจะกล่าวถึงเรื่องนี้แม่ก็จะไม่คาดคั้นเจ้าแล้ว" ลี่หลัวจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาลึกซึ้ง นางสามารถมองเห็นความตั้งใจของเขาได้
ต้วนหลิงเทียนทำได้เพียงหัวเราะแก้เขินออกมา การจะหลอกมารดาเขาไมใช่เรื่องง่ายจริงๆ
ในวันที่ 2 ต้วนหลิงเทียนที่ไม่ต้องไปสถาบันบ่มเพาะขุนพล ก็พักอยู่ที่บ้านอย่างสงบ และใช้เวลาทั้งวันกับสตรีทั้ง 2 อย่างสนุกสนาน
ส่วนในวันที่ 3 ต้วนหลิงเทียนก็ให้ฉงเฉวียนเตรียมรถม้าตั้งแต่หัวรุ่ง หลังจากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปยังตระกูลต้วนพร้อมกับแม่ของเขา
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้พาสตรีทั้ง 2 ไปด้วย สำหรับเขา การมาเคารพบรรพชนที่ตระกูลต้วนวันนี้ก็ทำให้พอเป็นพิธีเท่านั้น พอเสร็จสิ้นเขาก็จะเดินทางกลับแล้ว
เขตที่พักตระกูลต้วนนั้นกินอาณาบริเวณกว้างขวางมาก ราวกับมีอีกเมืองหนึ่งในเมืองหลวงทีเดียว
"ท่านแม่ดูเหมือนท่านจะกังวลนะ" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังลี่หลัวก่อนจะยิ้มออกมา
"เจ้านี่นะ น่าตีนัก เดี๋ยวนี้กล้าหัวเราะแม่แล้วหรือ... แม่เพียงนึกถึงครั้งก่อนตอนที่อยู่ตระกูลต้วนเท่านั้น อีกทั้งแม่เองก็จากไปหลายปีแล้วด้วย" สายตาของลี่หลัวมองไปเบื้องหน้าอย่างเหม่อลอย ราวกับนางย้อนไปยังคืนวันที่สามียังอยู่กับนางอย่างมีความสุข
ไม่นานหลังจากนั้นด้วยฝีมือบังคับรถม้าของฉงเฉวียน ทั้งหมดก็มาถึงเขตที่พักตระกูลต้วน ฉงเฉวียนหยุดรถม้าตรงหน้าประตูใหญ่ของเขตที่พักตระกูลต้วน
"จัดงานยิ่งใหญ่จริงๆ" ต้วนหลิงเทียนมองลอดหน้าต่างไปเห็นประตูหน้าของตระกูลต้วน เขาก็พบว่ามีพรหมแดงปูออกมาด้านนอกเพื่อรอรับ อีกทั้งยังมีสาวใช้มากมายยืนเรียงรายสองข้างทางอีกด้วย ...
"นี่…." ลี่หลัวรู้สึกทึ่งเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ตอนนี้นางตระหนักได้แล้วว่าการหวนกลับตระกูลของบุตรนางครานี้หาใช่เรื่องราวเล็กน้อยไม่
"นายน้อย นายหญิงพวกเรามาถึงแล้ว" น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความนอบน้อมของฉงเฉวียนดังขึ้น
ต้วนหลิงเทียนลงจากรถก่อนที่จะช่วยประคองมารดาของเขา แล้วก็จับแขนมารดาของเขาเดินไปตามพรหมแดงมุ่งหน้าไปยังประตู่ใหญ่ของเขตที่พักตระกูลต้วน
"คารวะนายน้อย นายหญิง" สาวใช้และคนรับใช้ต่างๆของตระกูลล้วนก้มหัวทำความเคารพยามที่แม่ลูกเดินผ่าน
"หืม?" ต้วนหลิงเทียน เงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อยเขาสังเกตเห็นว่าหลังจากหมดแถวคนรับใช้ไปแล้วก็มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งยืนรอรับพวกเขาอยู่ที่ประตูหลัก
ในหมู่กลุ่มคนเหล่านี้ มีชายวัยกลางคนที่สง่างามคนหนึ่ง และก็ชายชราที่ท่าทางดูน่าเกรงขามอีกคนหนึ่งที่ยืนนำหน้า สุดท้ายก็เป็นลุง 4 ของเขาที่อยู่ด้านหลังสุด
ต้วนหลิงเทียน เดินพามารดาตรงเข้าไปหาพวกเขา
"ท่านประมุข พี่ใหญ่" ลี่หลัวมองไปยังชายชราที่ยืนอยู่ตรงกลางด้วยความเคารพและคำนับอย่างสุภาพ ก่อนที่จะมองไปยังชายวัยกลางคนที่สง่างามด้านข้างและยิ้มทักทายอย่างนุ่มนวล
"ภรรยาหรูเฟิง ข้าหาใช่ประมุขของตระกูลต้วนอีกต่อไป ยามนี้เป็นหรูหั่วที่นั่งตำแหน่งประมุข ... ส่วนข้าตอนนี้เป็นผู้อาวุโสหลักของตระกูลต้วนแล้ว" ชายชราที่แลดูน่าเกรงขามยิ้มแย้มออกมาอย่างอ่อนโยนและกล่าวกับลี่หลัวอย่างสุภาพ
"เช่นนั้นเขาคือประมุขของตระกูลต้วนคนที่แล้ว ต้วนเฉิน?" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังชายชราที่ท่าทางน่าเกรงขาม ก่อนที่จะคาดเดาตัวตนของเขาเอาไว้ในใจ
ลี่หลัวส่ายหัวและยิ้ม "ข้าเองก็จากไปได้เกือบ 20 ปีแล้วสิ... ตอนนี้ข้าไม่คิดเลยว่าท่านประมุขจะออกจากตำแหน่ง ส่วนพี่ใหญ่จะขึ้นเป็นประมุขเช่นนี้"
"ลูกเทียน เหตุใดไม่ทักทายประมุขล่ะลูก?" ลี่หลัวกล่าวกับต้วนหลิงเทียนพร้อมขมวดคิ้ว
"ทักทาย ประมุข ผู้อาวุโสหลัก" ต้วนหลิงเทียนเพียงส่งยิ้มให้ต้วนหรูหั่วและต้วนเฉินเท่านั้น
"อย่างที่คิดไว้ไม่ผิด บุตรชายของหรูเฟิงนั้น ลักษณะคล้ายกันกับหรูเฟิงอย่างยิ่ง ดี ดี" ต้วนเฉินมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาเป็นประกายราวกับจับจ้องสมบัติล้ำค่า
"ใช่แล้ว เพียงพริบตาเดียวเด็กทารกน้อยในวันนั้นกลับเติบโตขึ้นถึงเพียงนี้แล้ว" ต้วนหรูหั่วพยักหน้าและยิ้มบางๆให้กับต้วนหลิงเทียน
ต่อมาก็ถึงคราวที่เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายจะทักทายต้วนหลิงเทียนกับลี่หลัว บรรดาผู้อาวุโสในตระกูลยามนี้ล้วนทยอยกันมาทักทายสองแม่ลูกอย่างไม่ขาดสาย ทั้งหมดล้วนเข้ามาหาพวกเขาแม่ลูกด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ราวกับไม่อยากจะพลาดเสนอหน้าต่อพวกเขาแม่ลูกอย่างไรอย่างนั้น
ต้วนหลิงเทียนเพียงหัวเราเย้ยหยันในใจ เพราะทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นตัวบัดซบ!
ในปีนั้นมารดาเขาต้องหอบหิ้วเขาที่ยังเป็นทารกแบเบาะ ออกจากตระกูลต้วนไปเพียงลำพัง แต่หามีผู้ใดคิดที่จะช่วยเหลือหรือรั้งตัวพวกเขาเอาไว้ไม่
ตอนนี้เมื่อรู้ว่าเขาต้วนหลิงเทียน มีโอกาสที่จะนำโอสถสู่ธรรมชาติมามอบให้ตระกูลได้ พวกมันล้วนกระทำตัวไม่ต่างอะไรกับแมลงวัน
ภายในใจของต้วนหลิงเทียนรับรู้ได้แต่เพียงคลื่นแห่งความรังเกียจที่ถาโถมเข้ามาเท่านั้น
ไม่นานหลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็ไปกราบกรานบรรพชนและยอมรับสถานะ ว่าเป็นสายเลือดหลักของตระกูลต้วน ในศาลาบรรพชน เมื่อเสร็จสิ้นพิธี ต้วนหรูหั่วก็พาเขากลับมายังห้องโถงหลักของตระกูลต้วน
หลังจากที่ทำเรื่องราวทุกอย่างจบสิ้น ต้วนหรูหั่วก็กล่าวกับต้วนหลิงเทียนว่า "เทียนน้อยหากต่อไปเจ้ามีปัญหาอันใด เจ้าสามารถบอกกล่าวแก่ลุงคนนี้ของเจ้าได้"
"ขอบคุณประมุข" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
"นอกจากนั้นหลังจากนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลกับพวกตระกูลซูอีกต่อไป ทางตระกูลต้วนจะสะสางเรื่องราวนี้ให้เจ้า" ต้วนหรูหั่วกล่าวกับต้วนหลิงเทียนอย่างมั่นใจ
ต้วนหลิงเทียนหันไปหรี่ตาจ้องมองเขาเล็กน้อย ต้วนหรูหั่วผู้นี้นับว่าเป็นคนฉลาดไม่เบา มันรู้ว่าตอนนี้มารดาของเขาอยู่ที่นี่ด้วย เช่นนั้นมันจึงไม่ได้กล่าวถึงเรื่องราวและข้อขัดแย้งอะไรระหว่างเขากับตระกูลซู ทว่าอย่างไรก็ตาม ในหัวใจของลี่หลัวก็บังเกิดคลื่นแห่งความสงสัยก่อเกิดขึ้นมาอยู่ดี
....
"ลูกเทียน เจ้ามีเรื่องราวอันใดกับตระกูลซูหรือ?"ลี่หลัวกล่าวถามออกมาหลังจากกลับมาถึงรถม้า
"ท่านแม่ เรื่องนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอก พอดีพวกตระกูลซูมาหาเรื่องข้าที่สถาบันบ่มเพาะขุนพลน่ะ ข้าก็จัดการสั่งสอนพวกมันจนได้รับบาดเจ็บกลับไปเล็กๆน้อยๆเทานั้นเองท่านแม่" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างสบายๆ ราวกับมันเป็นเรื่องเล็กน้อย
ลี่หลัวเองเห็นท่าทีสบายๆของบุตรชาย ก็คิดว่าเรื่องราวมันคงไม่ได้ร้ายแรงอะไรมากนัก แต่หากนางรู้ว่าบุตรชายของนางได้ทำลายจุดตันเถียนของว่าที่ประมุขคนต่อไปของตระกูลซู จนทำให้อนาคตมันสลายหายไปดั่งมายา กลับกลายเป็นคนพิการชั่วชีวิต ก็ไม่รู้นางจะว่าอย่างไรบ้าง ...