หน้าแรก > War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 188 ห้วงเวลาเป็นตาย

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

"ต้วนหลิงเทียน…หลานข้าเป็นอย่างไรเล่า ยามนี้เริ่มหวาดกลัวแล้วหรือไม่?" ความเย้ยหยันปรากฏอยู่ในแววตาของต้วนหรูเล่ย ทั้งยังเต็มไปด้วยความคาดหวังที่จะเห็นต้วนหลิงเทียนหวาดผวาด้วยความกลัว

"กลัวรึ?" ทว่าผิดคาด สีหน้าของต้วนหลิงเทียน เมื่อต้องเผชิญกับคำถามนี้ของต้วนหรูเล่ยกับยิ้มแย้มแจ่มใสออกมา "แล้วทำไมข้าต้องกลัวด้วยล่ะ?"

"ฮึ่ม!" ต้วนหรูเล่ยสบถออกมาอย่างเย็นชา "เจ้ากำลังจะตายอยู่รอมร่อยังกล้าทำปากดี! เช่นนั้นข้าจะบอกกล่าวเจ้าที่โง่เขลาให้เจ้ากระจ่าง นี่เป็นบ้านลานส่วนตัวของข้า อีกทั้งผู้อาวุโสกู่กับอีกทั้ง 3 คนที่เจ้าเห็นอยู่นี้หาใช่คนของตระกูลต้วนไม่ ดังนั้นอย่าได้สะเออะคิดว่าพวกเขาจะให้ความสำคัญและสนใจอันใดกับเรื่องสายเลือดหลักอันเป็นทายาทสายตรงของตระกูลต้วนที่อยู่ในตัวเจ้า อย่าได้หวังว่าเจ้าจะได้รับเมตตาอันใด! "

"อ้อ เช่นนั้นหมายความว่าข้าคงต้องตายวันนี้แน่แล้วงั้นสิ?" น้ำเสียงของต้วนหลิงเทียนยังคงสงบราบเรียบ สำหรับตอนนี้ในสายตาของคนอื่น ดูเหมือนเขาจะไม่แยแสหรือคิดว่าตัวต้องตายแม้แต่น้อย

"ยังดีที่เจ้ายังรู้เรื่องราว หาได้โง่เขลา!" ใบหน้าของต้วนหรูเล่นเย็นชาราวมีชั้นน้ำแข็งเคลือบ "ตอนนี้เจ้าเริ่มสำนึกเสียใจแล้วหรือไม่ที่สังหารบุตรชายข้า?"

"อะไร? ถามเช่นนี้หมายความว่า ถ้าข้าตอบว่า โอ้! ตัวข้าเสียใจอย่างยิ่ง แล้วเจ้าจะปล่อยข้าไปหรือ?" ต้วนหลิงเทียนกล่าววาจาออกมาอย่างยียวนกวนประสาท สีหน้าของเขายังคงกระจ่างใสไร้กังวล

“อย่าได้ฝัน จะอย่างไรวันนี้เจ้าก็ต้องตกตายอย่างแน่นอน!” ต้วนหรูเล่นจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยประกายตาดุร้าย เจือไปด้วยจิตสังหารที่ไม่คิดระงับเอาไว้

“ฮ่าๆ หากเป็นเช่นนั้นข้าไถ่ถามเจ้า แล้วข้าจะเสียใจไปใย? ในเมื่อสุดท้ายข้าก็ต้องตาย! ในชีวิตของข้าต้วนหลิงเทียนแน่นอนว่าย่อมมีบางครั้งที่บังเกิดเรื่องราวที่ทำให้ข้านึกเสียใจอยู่บ้าง ... แต่สิ่งหนึ่งที่ข้ามั่นใจอย่างถึงขีดสุด ก็คือ เรื่องที่ข้าสังหารบุตรสวะของเจ้านั้น ข้าต้วนหลิงเทียน ในวันที่ข้าลงมือดับชีวิตบัดซบมันข้าไม่คิดเสียใจ มาวันนี้ข้าก็ยังไร้ซึ่งความเสียใจ และในอนาคตข้ายิ่งไม่มีวันเสียใจ!” สายตาของต้วนหลิงเทียนจับจ้องไปยังต้วนหรูเล่ยด้วยประกายตาคมกล้าราวกับกระบี่แหลมคมเล่มหนึ่งพุ่งทะลวงไปยังต้วนหรูเล่ย เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ไร้ซึ่งความนอบน้อมหรือหยิ่งยโส

"ดี ดีมาก!…." ต้วนหรูเล่ยเริ่มหัวเราะออกมาด้วยโทสะที่พุ่งถึงจุดสูงสุด "อย่างที่คิด เจ้านี่มันช่างเหมือนบิดาอายุสั้นของเจ้าในกาลก่อนไม่มีผิดเพี้ยน!"

แล้วครู่ต่อมาต้วนหรูเล่ยก็หรี่ตามองต้วนหลิงเทียน พร้อมเอ่ยออกมาอีกว่า "ข้าได้ยินจากปากของหลานชายมาว่า ระดับบ่มเพาะของเจ้าตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้เรียบร้อยแล้ว และหากข้าจำไม่ผิดเจ้าสมควรมีอายุเพียง 18 ปีในปีนี้ ... สามารถกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ด้วยวัยเพียง 18 ปี พรสวรรค์ตามธรรมชาติของเจ้านั้นเหนือล้ำและต่อต้านสวรรค์ยิ่งกว่าบิดาอายุสั้นของเจ้าเสียอีก แต่น่าเสียดายที่จะอย่างไรวันนี้ปีหน้าต้องเป็นวันครบรอบวันตายเจ้า! "

นี่เห็นได้ชัดว่าต้วนหรูเล่ย ได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าในสถาบันบ่มเพาะขุนพลจากปากของต้วนหรงเรียบร้อยแล้ว

ต้วนหลิงเทียนเผยระดับบ่มเพาะระดับกำเนิดแก่นแท้ ก่อนที่จะเอาชนะฉวีชิง อดีตอัจฉริยะอันดับ 1 ของสถาบันบ่มเพาะขุนพล

"อะไรนะ อายุเพียง 18 ปีตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้?" ชายชราชุดเขียวที่ยืนอยู่ข้างต้วนหรูเลยถึงกับหรี่ตามองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้งพร้อมแววตาเป็นประกายระยิบระยับ "ไม่ต้องกล่าวถึงในอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้ แม้แต่เป็นที่อาณาจักรพนาครามเอง ข้าก็เกรงว่าพรสวรรค์ระดับนี้ จะอยู่ในระดับแนวหน้าของอาณาจักร...ช่างโชคร้ายกระไรเช่นนี้"

"อย่างไรก็ตาม หากข้าได้มีโอกาสสังหารอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์เลิศล้ำขนาดนี้ ก็ต้องเรียกได้ว่าเป็นโชคดีครั้งใหญ่ในชีวิตของข้า" ท่าทางเย็นชาบนใบหน้า รวมถึงรอยยิ้มแสยะเย็นเยือกเริ่มบังเกิดที่มุมปากของชายชราชุดเขียว

กลิ่นอายพลังงานต้นกำเนิดของมันเริ่มแผ่ซ่านออกมาทั่วร่างกายด้วยความยินดี ...

แน่นอนว่าพลังวิญญาณของต้วนหลิงเทียนที่จับสัมผัสได้อย่างแม่นยำย่อมสามารถรับรู้ความสามารถของมันได้ในพริบตา ม่านตาของเขาหดแคบลงเล็กน้อย "ครึ่งก้าวธรรมชาติ!"

ตอนนี้เขาสามารถมั่นใจได้แน่นอนแล้วว่า ชายชราตรงหน้าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้ง ครึ่งก้าวสู่ระดับธรรมชาติ!

"หืม เจ้ากลับรู้เรื่องครึ่งก้าวธรรมชาติ?" ชายชราชุดสีเขียวอดไม่ได้ที่จะประทับใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน ประกายตาของเขาเรืองวูบขึ้นมาราวกับจะหยั่งลึกต้วนหลิงเทียน "เจ้าหนูดูเหมือนว่าเจ้าเองก็หาได้ธรรมดาไม่ ...จริงสิ สำหรับคนที่มีผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 7 อยู่ข้างกายถึง 2 คนย่อมหาได้ธรรมดาไร้เรื่องราวอยู่แล้ว"

"แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่กันรึ ที่ชายแก่ฝึกฝนมาชั่วชีวิตจนถึงระดับครึ่งก้าวธรรมชาติ กลับลดตัวลงมาเป็นขี้ค่าให้กับ ตัวบัดซบพิกลพิการตัวหนึ่งเช่นนี้? นอกจากนั้นยังเป็นเพียงตัวบดซบพิการมีระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 เช่นนี้" รอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้นบริเวณมุมปากของต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะหัวเราะออกมา

ชายชราชุดเขียวหาได้มีปฏิกิริยากับวาจาของต้วนหลิงเทียนแต่อย่างไร กลับกันทางด้านต้วนหรูเล่ยกลับมีใบหน้าหมองคล้ำด้วยโทสะ "ต้วนหลิงเทียน อย่าได้กล่าววาจาไร้สาระหมายสร้างความร้าวฉานระหว่างผู้อาวุโสกู่กับข้า ... ผู้อาวุโสกู่เป็นแขกอันทรงเกียรติของข้า และข้าก็ปฏิบัติต่อท่านเสมือนผู้อาวุโสควรค่าแก่การเคารพ!"

"เด็กน้อย เจ้าอย่าได้กล่าววาจาเหลวไหลให้สิ้นเปลืองลมหายใจเสียจะดีกว่า...หากข้าเป็นเจ้า ข้าจะคุกเข่าอ้อนวอนร้องขอความเมตตาต่อตัวข้าและอาวุโสรองเสียจะดีกว่า นั่นอาจจะทำให้อารมณ์ของอาวุโสรองดีขึ้นมาบ้าง เผื่ออย่างน้อยยามเจ้าตกตายจะได้เหลือศพเจ้าเอาไว้ได้ครบถ้วน" ชายชราสวมชุดเขียวหาได้มีอารมณ์อันใดไปกับวาจายั่วยุของต้วนหลิงเทียน น้ำเสียงของเขายังคงสงบราบเรียบไม่แยแสเหมือนเดิม

เพราะตอนนี้สำหรับเขานั้นไม่ต่างอะไรไปกับ ยมบาลที่สามารถตัดสินความเป็นตายได้ และต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ต่างอันใดไปจากคนธรรมดาที่ทำได้เพียงรอรับคำตัดสินอย่างไร้หนทางตอบโต้

"ฮ่าๆ คุกเข่าวิงวอนร้องขอเมตตาเพื่อให้สภาพศพครบถ้วนสมบูรณ์?" รอยยิ้มเย็นชาของต้วนหลิงเทียนค่อยๆฉีกกว้างขึ้น ก่อนที่จะจับจ้องไปยังต้วนหรูเล่ยด้วยแววตาแข็งกร้าว "จะให้ข้าคุกเข่าอ้อนวอนร้องขอเมตตาจากเจ้าน่ะหรือ? หึไอแก่สมองกลับ นี่เจ้าแก่แต่เพียงตัวหรือไร สมองเจ้าไม่ได้รับการพัฒนาเลยหรือ ? ตาเฒ่าไร้ค่าพิกลพิการเช่นเจ้ายังกล้าหวังเรื่องนี้? ผู้ใดจะไปคุกเข่าให้คนพิกลพิการเช่นเจ้ากัน" ต้วนหลิงเทียนหันไปจ้องหน้าต้วนหรูเล่ยอย่างดูแคลนพร้อมกล่าวหยามหยันออกมา

"ต้วนหลิงเทียน!" ใบหน้าของต้วนหรูเล่ยเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มด้วยโทสะ

ในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมานั้นถึงแม้ว่าตัวเขาจะกลายเป็นคนพิการ แต่สถานะของเขาในตระกูลต้วนนั้นสูงส่งอย่างยิ่ง ยังจะมีผู้ใดกล้าเรียกเขาว่าคนพิการต่อหน้าเช่นนี้?

แต่มายามนี้วาจาที่เอ่ยออกจากปากต้วนหลิงเทียนคำก็พิการสองคำก็พิการ นั่นทำให้เขาบังเกิดโทสะยากระงับ!

"ผู้อาวุโสกู่ ข้าต้องขอรบกวนท่านแล้ว" ต้วนหรูเล่ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ประกายตาชั่วร้ายกระพริบวูบวาบอยู่ในดวงตาของเขา เขาหันไปมองชายชราชุดเขียวด้านข้างเพราะตอนนี้เขาไม่คิดที่จะให้ต้วนหลิงเทียนมีลมหายใจสืบไป

"ลูกซิ่งบิดาจะล้างแค้นให้เจ้าแล้ว" ประกายตาเย็นชาของต้วนหรูเล่ยจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนก่อนจะแย้มยิ้มออกมา ราวกับว่ามันเห็นภาพต้วนหลิงเทียนตกตายลงแล้ว

สีหน้าท่าทางของชายชุดเขียวเปลี่ยนเป็นจริงจังเคร่งขรึม เขาออกคำสั่งแก่ชายชราทั้ง 3 ที่กำลังล้อมรอบต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะเบนสายตากลับมาจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยความเย้ยหยัน "เจ้าทั้ง 3 จัดการผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 7 ทั้ง 2 คนที่อยู่ข้างกายเจ้าหนูนี่ ส่วนข้าจะเป็นผู้ลงมือกับมันด้วยตัวเอง... หึหึหึ ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ ด้วยวัยเพียง 18 ปีเช่นนั้นหรือ เจ้าหนูข้าจะจดจำเจ้าไปตลอดชีวิต ในฐานะที่เจ้าจะเป็นอัจฉริยะไร้ผู้ต้านที่ตกตายด้วยน้ำมือของข้าเป็นคนแรก! "

"ขอรับ" ชายชราทั้ง 3 คนที่ล้อมรอบกลุ่มของต้วนหลิงเทียนกล่าววาจารับคำสั้นๆ ก่อนที่จะเริ่มลงมือเคลื่อนไหว เหนือศีรษะของพวกมันนับรวมเงาร่างช้างแมมมอธโบราณได้ถึง 3,000 ตัว

ม่านตาของจางเฉวียนและจ้าวกังหดแคบลง แน่นอนว่าพวกเขา 2 คนสามารถต้านทานผู้ฝึกยุทธ์ระดับเดียวกันถึง 3 คนได้อย่างไม่เสียเปรียบ แม้พวกมันจะมีจำนวนมากกว่าแต่ก็หาได้เหลือบ่ากว่าแรงผู้ที่ตะลุยศึกในสนามรบมาอย่างโชกโชน ปัญหาเดียวคือพวกมันต้องเสียเวลาในการจัดการเท่านั้น

"เจ้าหนู เจ้ากำลังจะตกตายอยู่แล้ว แต่เจ้ายังไม่รู้สึกหวาดกลัวอีกหรือ?" ตอนนี้เองชายชราชุดเขียวพลันก้าวเดินไปทางต้วนหลิงเทียนอย่างช้าๆ ด้วยแววตาและรอยยิ้มเย้ยหยัน

"อ่า แล้วนี่ถ้าเกิดข้าแกล้งหวาดกลัวสักนิด เจ้าจะปล่อยข้าหรือไม่เล่า?" ต้วนหลิงเทียนหัวเราะเยาะออกมา ก่อนที่จะมองไปยังชายชราชุดเขียวด้วยสีตาราวกับมองตัวโง่งมเสียสติ ...

"เจ้ารนหาที่ตาย!" สี่หน้าของชายชราชุดเขียวเริ่มบิดเบี้ยวเพราะความหงุดหงิด เมื่อเขาเห็นแววตาราวกับดูแคลนตัวเขาจากต้วนหลิงเทียน เขารู้สึกราวกับถูกเด็กรุ่นหลานหยามหยันทำให้จิตสังหารของเขาแผ่ซ่านทะลักออกมาปกคลุมแผ่นฟ้า

"ไอเด็กบัดซบต้วนหลิงเทียนนั่น มันกินดีหมีดีเสือมาจากที่ใด ถึงกล้ายั่วโทสะผู้อาวุโสกู่" มุมปากของต้วนหรูเล่ยแสยะยิ้มเย็นชาออกมาเมื่อเห็นภาพนี้

"นี่ไอแก่หงำเหงือกอย่างเจ้าคิดจริงๆหรือว่าจะฆ่าข้าได้?" ต้วนหลิงเทียนยังคงจ้องมองชายชราชุดเขียวที่เต็มไปด้วยโทสะด้วยแววตาเรียบสงบ แม้ประกายตาอีกฝ่ายจะเต็มไปด้วยจิตสังหารก็ตาม

"เลิกเสแสร้งได้แล้ว!" ใบหน้าชายชราเต็มไปด้วยความเหยียดหยามก่อนที่จะก้าวเดินเร็วขึ้น

และในห้วงแห่งความเป็นตายนี้เองต้วนหลิงเทียนพลันระเบิดพลังงานต้นกำเนิดออกมาทั้งหมดเท่าที่มี ใช้ออกด้วยวิชาท่าร่างวิญญาณอสรพิษเคลื่อนกายเต็มกำลัง พุ่งตัวถอยออกไปทางด้านหลังด้วยความเร็วสูงสุด ก่อนที่เขาจะตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงดังลั่น "ลุงนี่ ท่านยังคิดชมดูเรื่องราวอย่างสนุกสนานอยู่อีกหรือ คนร้ายคิดรังแกผู้หลานแล้ว"

ชายชราสวมชุดเขียวพลันชะงักเท้าลงทันที และแม้กระทั่งต้วนหรูเล่นยังขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม ...

"เฮ่อ…เจ้าหลานตัวแสบเดิมทีข้าต้องการให้เจ้ารู้สึกอับจนหนทางและทุกข์ระทมอีกสักเล็กน้อย เพื่อหวังว่าวันหน้าเจ้าจะได้ไม่มุทะลุบุ่มบ่ามกระทำการวู่วามเช่นนี้อีก... แต่ไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะกระทั่งจับสัมผัสถึงตัวตนข้าได้"ทันใดนั้นเองมีร่างสง่างามค่อยก้าวเดินออกมาจากด้านนอกลานบ้านด้านหลังต้วนหลิงเทียน ก่อนที่ร่างนั้นจะเดินมาหยุดข้าง ราวกับเทพอารักษ์ข้างกายต้วนหลิงเทียน

นี่กลับเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่มีกลิ่นอายสูงส่งและท่วงท่าสง่างาม แผ่กลิ่นอายสะกดทุกคนในลานบ้าน

ร่างนี้ไม่ใช่ใคร ที่แท้คือ พระยาเรืองฤทธิ์นี่เหวี่ย!

มุมปากของต้วนหลิงเทียนยกขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะเผยรอยยิ้มกว้างออกมา ไม่นานหลังจากที่ต้วนหรูเล่ยและชายชราสวมชุดเขียวปรากฏกาย เขาก็จับสัมผัสได้ว่านี่เหวี่ยได้มาถึงและซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง นี่เป็นเหตุผลที่เขาสามารถรักษาความสงบและไม่ใส่ใจเรื่องราวอะไรตั้งแต่เริ่มจนถึงจบเช่นนี้

เพราะเขามั่นใจได้ทันทีว่าหากนี่เหวียอยู่ที่นี่ เขาไม่ตกตายอย่างแน่นอน!

"ท่านแม่ทัพใหญ่!" จางเฉวียนและจ้าวกังพลันผละออกจากคู่ต่อสู้ทั้ง 3 ทันที ก่อนที่จะมาก้มหัวทำความเคารพระยาเรืองฤทธิ์นี่เหวี่ย หรือแม่ทัพใหญ่ของพวกมัน

"พระยาเรืองฤทธิ์!" ใบหน้าของต้วนหรูเล่ยพลันหมองคล้ำลงทันที นี่เพราะตัวมันย่อมรู้ถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างบิดาของต้วนหลิงเทียนและพระยาเรืองฤทธิ์นี่เหวี่ยคนนี้เป็นอย่างดี ต้วนหรูเล่ยหวาดหวั่นอยู่ในใจเพียงชั่วครู่ก่อนจะกลับมาครองสติได้อีกครั้ง

พระยาเรืองฤทธิ์นี่เหวี่ยเองก็มีระดับบ่มเพาะครึ่งก้าวธรรมชาติเช่นเดียวกันกับผู้อาวุโสกู่ ทั้งคู่ย่อมหามีใครได้เปรียบ ... กองกำลังฝั่งเขายังคงมีจำนวนเหนือกว่า

"เจ้าน่ะหรือพระยาเรืองฤทธิ์?"แววตาของชายชราชุดเขียวหันไปจับจ้องยังร่างของนี่เหวี่ยพร้อมทั้งแสดงความชั่วร้ายและหมายเปรียบเทียบ "ข้าได้ยินคำร่ำลือเกี่ยวกับพระยาเรืองฤทธิ์มานาน และเป็นที่กล่าวขานว่าแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้ฝึกยุทธ์ครึ่งก้าวธรรมชาติ ... วันนี้ชายชราผู้นี้อยากขอคำชี้แนะจากพระยาเรืองฤทธิ์ผู้เก่งกล้าสามารถสัก 2-3 กระบวนท่า!"

นี่เหวี่ยเหลือบมองชายชราอย่างไม่แยแส "ข้าเองก็อยากจะประลองชี้แนะกับเจ้าอยู่เช่นกัน ...แต่น่าเสียดายที่วันนี้คู่มือของเจ้าหาใช่ข้าไม่"

และเมื่อสิ้นคำนี่เหวี่ยพลันลงมือเคลื่อนไหวทันที

ฟึ่บ!

ต้วนหลิงเทียนเพียงแค่กระพริบตาเท่านั้นนี่เหวี่ยที่ยืนอยู่ข้างกายของเขาก็หายตัวไปแล้ว

พริบตาต่อมา

ผัวะ ตูม ปังงง!

สามผู้อาวุโสที่มีระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 7 ล้วนถูกระเบิดร่างตกตายอย่างอนาถ

ม่านตาของต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหดแคบลง หัวใจของเขาเต้นถี่ขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่มองไปยังนี่เหวี่ยที่กลับมายืนอยู่ที่เดิมก่อนที่จะหายไป

จากความสามารถที่นี่เหวี่ยแสดงออกมาให้เห็นนั้น บ่งบอกว่ายามนี้เขาอยู่ห่างจากระดับธรรมชาติอีกไม่ไกลแล้ว ...

ดูเหมือนพรสวรรค์ตามธรรมชาติในเชิงยุทธ์ของลุงนี่เหวี่ยก็หาได้เล็กน้อยไม่

"เจ้า ... เจ้ามาถึงช่วงสุดท้ายแล้วเช่นนั้นหรือ?" ชายชราสวมชุดสีเขียวเองแม้จะยังสงสัยในคำกล่าวน่าฉงนของนี่เหวี่ยเมื่อครู่ แต่เมื่อเขาเห็นความสามารถของนี่เหวี่ยสีหน้าของเขาพลันหมองลงทันที

แม้จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ครึ่งก้าวสู่ธรรมชาติดุจเดียวกัน แต่ทว่าความสามารถและระดับฝีมือของผู้คนก็ยังคงมีความแตกต่างกันอยู่

เมื่อเทียบตัวเขากับนี่เหวี่ยนั้น เห็นได้ชัดว่านี่เหวี่ยนั้นอยู่ห่างไกลจากตัวเขาไปไม่น้อย และเหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่นี่เหวี่ยจะบรรลุถึงระดับผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติที่แท้จริง หรือกล่าวให้ชัดก็คือระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ!

วู้มมม!

ทว่าทันใดนั้นเองในขณะที่ชายชราชุดสีเขียวกำลังตกตะลึงกับความสามารถของนี่เหวี่ยอยู่นั้น พลันมีร่างหนึ่งค่อยๆโรยตัวลงมาจากอากาศ ไปหยุดยืนข้างๆนี่เหวี่ย

ชายผู้มาใหม่มีรูปร่างสูงโปร่งแลดูองอาจและสง่างาม ทั่วทั้งร่างของเขาสวมใส่ด้วยชุดสีดำกลมกลืนไปกับรัตติกาลที่แสนมืดมิด บริเวณใบหน้าสวมใส่หน้ากากที่มีรูปลักษณ์ดั่งอสูร

สีหน้าของต้วนหลิงเทียนพลัดซีดลงเล็กน้อย นี่เพราะเขาไม่อาจจับสัมผัสหรือรับรู้การคงอยู่ของชายผู้มาใหม่ได้เลยก่อนหน้านี้ จนกระทั่งเขาปรากฏตัวออกมา

และนั่นมันมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

คนผู้นี้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับ แรกสัมผัสธรรมชาติ!

ผู้เชี่ยวชาญระดับธรรมชาติในอาณาจักรนี้อย่างแท้จริง!

และพริบตาต่อมาภาพตรงหน้าก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจมากยิ่งขึ้น

ชายชราชุดเขียวที่ยังมีท่าทางอาจหาญดุร้ายอยู่จนถึงเมื่อครู่ แต่เมื่อคนสวมหน้ากากอสูรคนนี้โผล่ออกมา ใบหน้าของมันพลันซีดเผือดไร้สีเลือดอีกทั้งสองขายังสั่นสะท้านไม่อาจทรงตัวยืนอยู่ได้ไหว คุกเข่าลงเสียงดังตึงบนพื้นทันที

"หะ ... หัวหน้า" น้ำเสียงของชายชราชุดเขียวสั่นสะท้านเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และมันเป็นความหวาดกลัวที่ออกมาจากส่วนลึกของจิตใจ ความหวาดกลัวที่ก่อเกิดจากก้นบึ้งของวิญญาณ

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.