spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ยังเล่นไม่เสร็จ?
ชายหน้าบากหวังต้าหู่ ผู้นำกลุ่ม 5 พยัคฆ์สีชาดแดนเหนือ ถึงกับสะอึกหลังจากได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน และตอนนี้สังหรณ์อัปมงคลพลันบังเกิดขึ้นในใจเขา
และเมื่อพวกเขาหันศีรษะไปมองด้านหลัง ตามแหล่งที่มาของเสียง พวกเขาก็พบเห็นชายวัยกลางคน 2 คนกำลังก้าวเดินมาอย่างช้าๆ
อีกทั้งเหนือศีรษะของชายวัยกลางคนทั้ง 2 แต่ละคนกลับฉายชัดออกมาถึงเงาร่างช้างแมมมอธโบราณคนละ 1,000ตัว ... สรุปแล้วยามนี้ เหนือท้องฟ้าฉายเงาร่างช้างแมมมอธโบราณทั้งสิ้น 2,000 ตัวเหนือศีรษะพวกเขา!
"ผู้ ฝะ...ฝึกยุทธ์ ... วิญญาณแรกก่อตั้ง ขะ...ขั้นที่ 7!" ม่านตาของหวังต้าหู่หดแคบลง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว 2 ขาเริ่มสั่นระริก
พี่น้องอีก 4 คนที่เหลือของเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไร เพราะตอนนี้ทุกคนมีสีหน้าซีดราวกับศพ อีกทั้งความคิดหลบหนียังสลายหายไปสิ้น ...
เรื่องตลกหรือไร!
ต่อหน้าผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 7 ถึง 2 คนมันยังจะเหลือโอกาสอะไรให้พวกเขาหนีรอด? เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะหนีรอดเงื้อมมือผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ไปได้
ตอนนี้ความหวังหนึ่งเดียวของพวกเขาคือความเมตตาของชายหนุ่มชุดสีม่วงตรงหน้า...เพราะมีเพียงชายหนุ่มคนนี้เท่านั้นที่สามารถตัดสินชีวิตของพวกเขาได้
ตุบ!
ตุบ!
...
หวังต้าหู่ไม่รีรออะไร มันรีบคุกเข่าลงทันที และแน่นอนเมื่อมีผู้นำย่อมมีผู้ตาม อีก 4 คนที่เหลือนั้นก็รีบคุกเข่าตามทันที และอันที่จริงเรี่ยวแรงจะยืนพวกมันก็ไม่มีเหลืออยู่อีกแล้ว ทั้งหมดเพียงคุกเข่าและก้มหัวให้ต้วนหลิงเทียน
เพียะๆ!
หวังต้าหู่ยกมือขึ้นและเริ่มทุบตีตัวเอง และเขาก็อ้อนวอนขอความเมตตาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "นายน้อย ... พวกเรามีตาแต่หามีแววไม่ กลับมิเห็นความยิ่งใหญ่ของขุนเขาไท่ซาน กล้าหลงผิดคิดทำร้ายนายน้อยผู้ยิ่งใหญ่ ได้โปรดเถิดนายน้อย… ขอเพียงท่านมอบน้ำใจเล็กๆน้อยๆและ ถือเสียว่าพวกเราเป็นเพียงขยะริมทางอย่าได้นำไปใส่ใจ ได้โปรดละเว้นชีวิตพวกเราด้วย"
และตอนนี้เองพวกเขาทุกคนถึงได้รู้ว่าก่อนหน้านี้ทั้งหมดชายหนุ่มคนนี้เพียงแค่เล่นสนุกกับพวกเขาเท่านั้น
และในขณะเดียวกันกับที่ความหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจก่อเกิดขึ้น ความโกรธแค้นอย่างถึงที่สุดก็ปะทุขึ้นมาในใจของพวกเขาเช่นกัน!
แน่นอนว่าความโกรธแค้นสุดขั้วหัวใจนี้ย่อมมีต่อผู้ที่จ้างวาน และจ่ายเงินให้พวกเขามาสังหารชายหนุ่มตรงหน้า ...
หากพวกเขารู้ว่าเป้าหมายในการสังหารครั้งนี้ จะมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 7 ตามคุ้มครองอยู่ถึง 2 คนล่ะก็ อย่าว่าแต่ 200,000 เหรียญเงิน ต่อให้จ้าง 10,000,000 พวกเขาก็ไม่รับ
แม้ว่าเงินตรามันจะหอมหวานแต่มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าไร้ชีวิตอยู่ใช้!
ต้วนหลิงเทียนตกใจกับการกระทำของทั้ง 5 คนไม่น้อย เพราะคาดไม่ถึงเลยพวกมันจะตรงไปตรงมาเช่นนี้ ...
“อะไร พวกเจ้าไม่ใช่ 5 พยัคฆ์สีชาดแดนเหนือแล้วหรือไร เหตุใดถึงยินยอมง่ายดายราวกับพวกกระดูกอ่อนแบบนี้เล่า” ต้วนหลิงเทียนมองไปยังหวังต้าหู่ก่อนจะยิ้มบางๆ
"นายน้อย..ต่อหน้าท่านพวกเราสามารถเป็นได้แค่เพียง 5 แมวน้อยสีชาดแดนเหนือเท่านั้นแหล่ะขอรับ" หวังต้าหู่กล่าววาจาถล่มตนออกมาด้วยใบหน้าขื่นขม ตอนนี้ความปรารถนาเดียวของเขาคือ ขอแค่เพียงชายหนุ่มชุดสีม่วงตรงหน้าไว้ชีวิตเขาและพี่น้องของเขาก็พอ
"ฮ่าๆๆ แมวน้อยสีชาดแดนเหนือหรือ? ช่างเหมาะสมกับพวกเจ้านัก " จางเฉวียนที่ยืนอยู่ข้างต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน
“ไหน ข้าขอฟังเสียง 5 แมวน้อยสีชาดแดนเหนือ สักหน่อยซิ” จ้าวกังหัวเราะออกมา ก่อนที่จะมองไปยังกลุ่มหวังต้าหู่ทั้ง 5 ด้วยสายตาบันเทิง
"เมี๊ยวววว!" ใบหน้าของหวังต้าหู่เจื่อนลง ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกอับอายและเสียศักดิ์ศรีอย่างถึงที่สุดแต่เมื่อคิดถึงว่ายามนี้ชีวิตตัวอยู่ในกำมือของคนอื่น เขาก็ยินยอมก้มหัวร้องเสียงแมวเหมียวออกมา
"ม๊าวววว!"
"เมี๊ยววว!"
...
อีกสี่คนเองก็ร่ำร้องเสียงแมวเหมียวออกมาอย่างตลกขบขัน แม้ว่าขาที่คุกเข่าอยู่จะสั่นสะท้านก็ตาม
พวกเขานั้นรู้ดีว่ายามนี้ขอเพียงชายหนุ่มชุดสีม่วงเบื้องหน้าลดมือลงหรือกล่าววาจาแค่เพียง 1 คำ หัวและตัวของพวกมันจำต้องแยกทางจากกัน
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเขาได้เห็นกลุ่มของหวังต้าหู่ทั้ง 5 เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมันนัก เพียงกล่าววาจาถามไถ่ออกไปอย่างไม่แยแส "ข้าสามารถละเว้นชีวิตของพวกเจ้าได้ แต่ข้าเพียงอยากรู้ว่าผู้ใดที่จ้างวานกลุ่ม 5 เหมียวของพวกเจ้ามาฆ่าข้า ... ตอนนี้ข้ายังสงสัยว่าพวกเจ้าจะยึดกฎเกณฑ์หนทางบัดซบลูกผู้ชายกระทำตามสัจจะอันใดนั่นของพวกเจ้า หรือพวกเจ้าเห็นค่าชีวิตของพวกเจ้ามากกว่ากัน? "
"แน่นอนว่าย่อมเป็นชีวิตของพวกเรา!" เมื่อได้ยินว่าพวกเขายังคงมีโอกาสที่จะรักษาชีวิตน้อยๆเอาไว้ได้ประกายตาของทั้ง 5 ก็เรืองวูบขึ้น ถึงแม้มันจะยังดูหม่นแสงอยู่บ้างแต่ก็ยังดีกว่าตาย
"อะไร ตอนนี้พวกเจ้าไม่สนใจกฎอันใดนั่นแล้วรึ?" รอยยิ้มเย็นชาของต้วนหลิงเทียนพลันแสยะขึ้น
กลุ่มของหวังต้าหู่เพียงหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น หากไร้ซึ่งชีวิตแล้วยังจะต้องคำนึงถึงกฎบัดซบอันใด? ลูกผู้ชายยืดได้หดได้กฎทั้งหลายหาได้มีความสำคัญมากไปกว่าชีวิตของพวกมันไม่
"คายออกมา ผู้ใดจ้างวานพวกเจ้ามาเอาชีวิตข้า?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาอย่างไม่แยแส
"มันคือ เจ็ดคอนทลาย" หวังต้าหู่กล่าวออกมา
"ค้อนเจ็ดทลาย แล้วพวกเจ้ารู้หรือไม่ว่ามันอยู่ที่ใด?" ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย
"รู้ขอรับนายน้อย ... มันเป็นนักเลงคนหนึ่งที่คุมพื้นที่บางส่วนของเมืองหลวงชั้นนอกขอรับ"หวังต้าหู่กล่าวออกมาพร้อมพยักหน้า
"เช่นนั้นเจ้าก็นำข้าไปหามัน!" ต้วนหลิงเทียนแหงนมองท้องฟ้าเพื่อดูว่ากี่โมงยามแล้ว ตอนนี้ยังพอมีเวลาเข้าออกจากเมืองหลวงชั้นใน หากเขารุดออกไปตอนนี้ยังคงพอเหลือเวลาให้จัดการธุระปะปัง แล้วกลับเข้าเมืองมาได้ทันก่อนที่ประตูเมืองจะปิดลง
บริเวณเมืองหลวงชั้นนอก
ต้วนหลิงเทียนนั่งพักรอในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งและกำลังจิบชาอย่างสบายใจ
นอกจากจางเฉวียนและจ้าวกังแล้ว ยังมีหวังต้าหู่ที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยท่าทีกระวนกระวายใจ
"หวังต้าหู่ไม่ใช่เจ้าเป็นคนบอกข้าเองหรือว่า คอนเจ็ดทลายอะไรนั่นอยู่ไม่ได้ไกลจากที่นี่? นี่มันเกือบ 1 เค่อเข้าไปแล้วแต่พี่น้องของเจ้ายังไม่กลับมา ไม่ใช่ว่าพวกมันไสหัวหนีไปแล้วหรอกนะ?" ต้วนหลิงเทียนใช้สายตาเย็นชาแฝงความอำมหิตจับจ้องไปยังหวังต้าหู่
"ไม่ต้องห่วงขอรับนายน้อย พวกเรา 5 พยัคฆ์สีชาดแดนเหนือมิ.." หวังต้าหู่พึ่งเริ่มกล่าววาจาแต่เมื่อเห็นหน้าของต้วนหลิงเทียนพลันเย็นชาขึ้น ต้องรีบแก้วาจาตัวเองทันที "ไม่ใช่ๆ กลุ่ม 5 แมวเหมียวสีชาดแดนเหนือของพวกเรานั้น มีชื่อเสียงในการรักษาสัจจะและห่วงใยพวกพ้อง ขอนายน้อยอย่าได้กังวล ต่อให้ตายพวกมันก็ต้องลากตัวค้อนเจ็ดทลายมาพบนายท่านได้แน่นอนขอรับ"
"ข้าก็หวังว่ามันจะเป็นดั่งคำกล่าวของเจ้า" ต้วนหลิงเทียนกวาดสายตาเย็นชาผ่านหวังต้าหู่รอบหนึ่ง ก่อนที่จะหันไปจิบชาอย่างสบายอารมณ์ต่อ
ชาถูกจิบหมดจอกอย่างรวดเร็ว
และตอนนี้เอง
"จางเฉวียนไปเปิดประตู " คิ้วของต้วนหลิงเทียนขมวดขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยวาจาออกมา
แม้ว่าจางเฉวียนจะรู้สึกสงสัยและแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ยังคงเดินไปเปิดประตูตามคำสั่งของต้วนหลิงเทียน
และเมื่อเขาเปิดประตูและมองด้านนอกอย่างสงสัยอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พลันจับสัมผัสได้ว่ามีเสียงกลุ่มคนกำลังเคลื่อนไหวและมุ่งตรงมายังทางนี้ และไม่นานร่างของกลุ่ม 5 แมวเหมียวอีก 4 คนก็นำพากระสอบใบหนึ่งสั่นไหวเข้ามา
เห็นได้ชัดว่ามีผู้คนถูกจับยัดใส่กระสอบและกำลังดิ้นส่งเสียงอู้อี้ออกมา
หลังจากที่รับพวกมันเข้ามาในห้องแล้วจางเฉวียนก็ปิดประตู ก่อนที่จะหันมามองชายหนุ่มชุดสีม่วงด้วยความตกตะลึง และความหวาดหวั่นในใจอย่างถึงที่สุด
การเก็บเสียงของโรงเตี๊ยมนี่ค่อนข้างดีอย่างมากแทบไม่ได้ยินเสียงรบกวนใดๆจากภายนอก แล้วชายหนุ่มชุดสีม่วงคนนี้สามารถล่วงรู้ได้อย่างไร ซ้ำยังล่วงรู้ว่าพวกมันมาตั้งแต่แรก ขนาดเป็นตัวเขาเองเปิดประตูออกไปกว่าจะสัมผัสได้ก็ใช้เวลาสักพัก?
และไม่เพียงจางเฉวียนเท่านั้น จ้าวกังเองก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงออกมา
พวกมันทั้งสองคนตระหนักได้ว่า ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่พวกมันต้องเรียนรู้และให้นายน้อยผู้นี้สอนสั่ง ...
“นายน้อยขอรับพวกเราพาตัวมันมาแล้วขอรับ” ชายหนุ่ม 4 คนของกลุ่มแมวเหมียวแดนเหนือกล่าวออกมา ก่อนที่จะโยนกระสอบลงพื้นและเทคนออกมา เสียงร้องอู้อี้พลันดังขึ้น
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกมัดมือมัดเท้า อีกทั้งมีผ้าจุกปาก พลันปรากฏตัวต่อหน้าต้วนหลิงเทียน ชายหนุ่มที่ถูกผ้าอุดปากเอาไว้พยายามส่งเสียงอู้อี้ด่าทอออกมา และจับจ้องไปยังกลุ่ม 5 แมวเหมียวของหวังต้าหู่ ...
"ถ้าเจ้ายังกล้าส่งเสียงดังรำคาญหูข้าอีก ข้าจะเจาะรูที่คอให้เจ้าสัก 2 รู" ต้วนหลิงเทียนตวัดมือขึ้นมาพร้อมกับชักกระบี่อ่อนดาราม่วงไปจี้ไว้ที่คอหอยของชายที่ถูกผ้าอุดปาก เมื่อกระบี่บาดลำคอของมันจนหลั่งโลหิต ชายหนุ่มที่ถูกอุดปากพลันสงบเงียบและเต็มไปด้วยความหวาดกลัวจนร่างทั้งร่างสั่นเทิ้ม
ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนหันไปจ้องมันด้วยแววตาเย็นชา
ฟั่บ!
กระบี่อ่อนดาราม่วงในมือต้วนหลิงเทียนตวัดด้วยความเร็วปานสายฟ้าสะบั้นผ้าที่มัดอุดปากเอาไว้จนหลุด
แต่แม้ว่าผ้าที่มัดอุดปากของชายหนุ่มจะร่วงหล่นลงพื้นไปแล้ว มันยังคงปิดปากเงียบไม่กล้าส่งเสียงอะไรออกมาแม้แต่ครึ่งคำ เพราะตอนนี้กระบี่อ่อนดาราม่วงได้พาดทับลำคอของมันเอาไว้ดังเดิม
ต้วนหลิงเทียนจับจ้องไปยังชายหนุ่มด้วยแววตาไม่แยแส "เจ้าใช่หรือไม่ค้อนเจ็ดทลายบัดซบ ... เอ่ยออกมาว่าผู้ใดจ้างวานเจ้ามาให้ฆ่าข้า?"
หน้าของค้อนเจ็ดทลายกลับกลายเป็นซีดเผือด "ทะ ... ท่านคือต้วนหลิงเทียน?"
เพียะ!
ร่างกายของจางเฉวียนขยับวูบไป เขายกมือขึ้นก่อนที่จะฟาดตบไปยังปากของค้อนเจ็ดทลายจนเลือดกบปากก่อนที่เขาจะเอ่ยวาจาออกมาอย่างไม่แยแส "นายหนุ่มถามว่าอันใด แล้วเจ้ายังกล้าเอ่ยเรื่องไร้สาระอยู่อีก?"
"ใช่ขอรับนายน้อย ข้าเองขอรับค้อนเจ็ดทลาย" คอนเจ็ดทลายเมื่อถูกฟาดปากจนหน้าสั่นก็ไม่กล้าชักช้าอีกรีบพยักหน้าออกมาทันที
นาม "ต้วนหลิงเทียน" ตอนนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว และเป็นนามที่ปรากฏขึ้นมาในวงสนทนาอย่างหนาหูมากที่สุดตราบใดที่ตอนนี้ยังเป็นคนของเมืองหลวงและยังสนทนากับผู้คนอยู่บ้าง หามีแม้แต่ผู้เดียวไม่ ที่ไม่รู้จักนามต้วนหลิงเทียนนี้ และด้วยเหตุนี้ตัวมันเองย่อมรู้ดีเช่นกัน
เพราะเหตุนี้ตอนที่มีผู้คนจ้างวานมันมาให้ฆ่าต้วนหลิงเทียน มันจึงไม่กล้าลงมือด้วยตัวเอง มันจึงหัวใสคิดไปค้นหาตัวผู้คนหรือนักเลงที่ยังไม่ค่อยล่วงรู้นามของต้วนหลิงเทียนที่อยู่ในเมืองหลวงชั้นนอกมาเป็นตัวตายตัวแทนลงมือ ... ตอนแรกมันก็คิดว่าเรื่องราวคงจะราบรื่นดี แต่ทว่าเมื่อเจอเช่นนี้ดูเหมือนเรื่องราวจะหาได้ง่ายดายอย่างที่มันคาดหวังซะแล้ว ซ้ำยังย่ำแย่อย่างถึงขีดสุด
มายามนี้เขาเริ่มบังเกิดความเสียใจขึ้นมาอย่างสุดซึ้ง หากรู้ว่าเรื่องราวมันจะเป็นเช่นนี้ ต่อให้เขามีความกล้ามากกว่านี้เขาก็ไม่คิดที่จะกระทำ จนต้องล่วงเกินคนตรงหน้าเช่นนี้!
5 พยัคฆ์สีชาดแดนเหนือแห่งเมืองหลวงบัดซบอะไร สุดท้ายพวกมันก็ถูกจับราวสุนัข!
ชื่อพวกมันฟังดูยิ่งใหญ่ แล้วตอนนี้เล่า? แต่ละคนหงอยั้งลูกแมว
"ข้ากล่าวถามเจ้าว่า ผู้ใดที่จ้างวานเจ้าให้มาสังหารข้า?" แววตาของต้วนหลิงเทียนจับจ้องไปยังค้อนเจ็ดทลายด้วยความเย็นชา น้ำเสียงของเขาเยือกเย็นสั่นสะท้านราวกับอยู่ขั้วโลก ...
"นายน้อย ข้าไม่อาจกล่าวได้ขอรับ... หากข้ากล่าวออกไปข้าน้อยคงต้องตกตายเป็นแน่" สีหน้าของค้อนเจ็ดทลายกลับกลายเป็นซีดเผือดก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างขื่นขม
"อ่องั้นรึ แล้วเจ้าเชื่อหรือไม่เล่า ว่าข้าสามารถปลิดศีรษะบัดซบของเจ้าและเตะเล่นราวลูกหนัง มันเสียตอนนี้ล่ะ!" ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำพลันตวัดกระบี่อ่อนดาราม่วงด้วยความเร็วสูงตัดเส้นผมที่ปรกหน้าผากของมันหลุดออกมาโดยที่ไม่สัมผัสถูกผิวหนังของมันแม้แต่นิด ฝีมือกระบี่อันสูงส่งโดยแท้ ...
สีหน้าของค้อนเจ็ดทลายกลับกลายเป็นซีดเผือดยิ่งกว่าศพมันรีบกล่าววาจาออกมาอย่างร้อนรน "นายน้อยข้าบอกท่านแล้ว! บอกท่านแล้วขอรับ!"
"คายออกมา เป็นผู้ใด?" น้ำเสียงของต้วนหลิงเทียนเอ่ยออกมาอย่างราบรื่น แต่ลึกๆแล้วมันเต็มไปด้วยโทสะยากระงับ เขาอยากรู้ว่าไอบัดซบตัวใดที่อยากได้ชีวิตของเขา!
แต่ไม่ว่ามันเป็นใครเขาไม่คิดปล่อยมันให้มีลมหายใจได้นาน ...
"หงจี้ขอรับ นายน้อย มันชื่อหงจี้ มันให้เงินข้ามา 3,000,000 เหรียญเงินเพื่อไปสังหารท่านหรือจ้างวานผู้อื่นไปสังหารท่าน" ค้อนเจ็ดทลายรีบกล่าวออกมาอย่างร้อนรน
"อะไร 3,000,000 เหรียญเงิน?" หวังต้าหู่ และอีก 4 คนของกลุ่ม 5พยัคฆ์สีชาดแดนเหนือกล่าวทวนวาจาออกมาด้วยโทสะ พวกมันหันไปจ้องค้อนเจ็ดทลายด้วยสายตาดุร้าย
หากไม่ใช่เพราตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกำลังนั่งอยู่ตรงนี้และสอบปากคำค้อนเจ็ดทลายอยู่ พวกเขาอาจบันดาลโทสะพุ่งไปฟาดค้อนเจ็ดอุบาทว์นี่ให้ตกตาย ... ค้อนเจ็ดอุบาทว์นี่มันรับเหรียญเงินผู้อื่นมาถึง 3,000,000 เหรียญ แต่มันกลับจ้างวานพวกเขาเพียง 200,000 เหรียญเงินเท่านั้น และนั่นเกือบให้พวกเขาเอาชีวิตไปทิ้ง!
"หงจี้?" ต้วนหลิงเทียนพลันรู้สึกรำคาญและเบื่อหน่ายออกมา ดูเหมือนเรื่องราวนี้มันจะซับซ้อนขึ้นอีกแล้ว
"นายน้อยข้าเคยได้ยินนามหงจี้นี้มาอยู่บ้าง มันเป็นเจ้าถิ่นครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองหลวงชั้นนอกแห่งนี้…และดูเหมือนมันจะถูกร่ำลือว่ามีความสัมพันธ์กับประมุขของตระกูลเซี่ยว … " จางเฉวียนกล่าวออกมาหลังจากที่นึกเรื่องราวบางอย่างออก
ต้วนหลิงเทียนเพียงพยักหน้ารับคำจางเฉวียนก่อนที่จะจับจ้องไปยังค้อนเจ็ดทลายด้วยสายตาเย็นชา พร้อมกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส "เอาเงิน 3,000,000 เหรียญเงินมาให้ข้า"
"ได้..ได้ขอรับนายน้อย ...แต่นายน้อยยามนี้ข้ามีเพียง 2,800,000 เหรียญเงินเท่านั้น อีก 200,000 เหรียญเงินนั้นอยู่กับพวกเขา" ค้อนเจ็ดทลายกล่าวฟ้องต้วนหลิงเทียนก่อนที่จะรีบนำเงินที่มันมีออกมา
หวังต้าหู่จ้องมองค้อนเจ็ดทลายด้วยแววตาอำมหิตก่อนที่จะหยิบเงิน 200,000 เหรียญเงินออกมา
"หวังต้าหู่" ต้วนหลิงเทียนเอ่ยปาก
"นายน้อย ข้าอยู่ขอรับ" หวังต้าหู่ก้าวไปข้างหน้า ด้วยความเคารพนอบน้อมอย่างที่ไม่เคยทำกับผู้ใดมาก่อน
"ฆ่ามันแล้วเก็บกวาดให้เรียบร้อย!" น้ำเสียงของต้วนหลิงเทียนเรียบเฉยจนน่าหวาดหวั่น และนั่นทำให้สีหน้าของค้อนเจ็ดทลายบิดเบี้ยวอย่างถึงขีดสุด
แต่น่าเสียดายที่มันไม่มีโอกาสแม้แต่จะเอ่ยวาจาอ้อนวอน เพราะศีรษะของมันถูกหวังต้าหู่ฟาดตบจนระเบิดมันสมองสาดกระจายออกมา ...
เหนือศีรษะหวังต้าหู่ฉายเงาร่างช้างแมมมอธโบราณออกมา 100 ตัววูบหนึ่งก่อนที่จะจางหายไป
ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7!
ร่องรอยความพึงพอใจฉายชัดอยู่บนใบหน้าของหวังต้าหู่ ก่อนที่เขาจะหันกลับไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาสำนึกบุญคุณ "ขอบพระคุณนายน้อยที่ให้โอกาส พวกเรา 5 แมวเหมียว ระบายความคับแค้นใจครานี้"