spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
"ขอรับนายน้อย" จางเฉวียนและจ้าวกัง รีบเก็บเงินแล้วก้าวตามต้วนหลิงเทียนไปทันที
ล้อกันเล่นหรือไร!
หากเรื่องในค่ำคืนนี้ถูกผู้อื่นล่วงรู้แล้วล่ะก็ พวกเขาคงไม่อาจหลีกหนีหายนะได้เป็นแน่ พวกเขาย่อมไม่มีวันคิดแพร่งพราย
เพราะถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นแม่ทัพที่มีผลงานมากมายในสนามรบ และถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นแม่ทัพคนสนิทของพระยา ... แต่ตระกูลซูคงไม่สนเรื่องราวอะไรเช่นนั้น
เมื่อเวลานั้นมาถึงแม้แต่พระยาเองก็ไม่อาจช่วยเหลืออะไรพวกเขาได้
เมื่อต้วนหลิงเทียนกลับมาถึงบ้านพร้อมจางเฉวียนและจ้าวกัง ทั้งหมดก็แยกย้ายกลับไปนอนห้องใครห้องมันทันที ...
ส่วนทางด้านตระกูลซูเองกำลังเต็มไปด้วยคำสนทนาคร่ำเคร่ง!
ตระกูลซูนั้นมีธุรกิจมากมายหลายอย่าง และแน่นอนว่าธุรกิจเกี่ยวกับโรงเตี๊ยมเองพวกเขาก็มีไม่น้อย ...ทว่าวันนี้ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมเกษมสำราญของตระกูลซู กลับพบเจอกับภัยพิบัติ...
ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมเกษมสำราญคนดังกล่าวนั้น แน่นอนวาย่อมเป็นซูเลี่ยหลานชายคนหนึ่งของผู้อาวุโสหลักซูหนัน ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่หลานรักอย่างซูถงก็ตาม แต่มันก็โมโหไม่น้อยที่รับรู้ว่าหลานตนตกตายในห้องของตัวเอง ทั้งสภาพเปลือยเปล่า...
ปัง!!
ในห้องโถงของตระกูลซู ซูผอหยาประมุขของตระกูลซูระเบิดอารมณ์โดยการตบที่วางแขนของเก้าอี้ประมุขจนพังทลาย...อีกครั้ง อนิจจา...เก้าอี้มันพึ่งถูกเปลี่ยนเมื่อไม่นานนี้เอง ชะตาของมันช่างอาภัพนัก ไม่ทันไรก็พังทลายลงอีกแล้ว ...การกระทำครั้งนี้ทำให้เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลซูเริ่มเบ้ปากพร้อมก่นด่าออกมาในใจ
ดูเหมือนว่าหลังจากจบประชุมวันนี้พวกมันต้องไปหาซื้อเก้าอี้ประมุขตัวใหม่อีกแล้ว...
"ผู้ใดสามารถบอกกข้าได้บ้างว่ามันเกิดเรื่องบัดซบอันใดขึ้น?" สีหน้าของซูผอหยาเคร่งขรึมขึ้น ก่อนจะกล่าวคำออกมาด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง สีหน้าท่าทางสง่างามของประมุขตระกูลซู มลายหายไปเหลือเพียงแต่ชายที่กำลังเต็มไปด้วยโทสะคนหนึ่ง
ตระกูลซูในช่วงนี้นั้นพบเจอแต่เรื่องราวบัดซบ และเต็มไปด้วยความสูญเสีย ราวกับผจญคลื่นมรสุม! ประการแรกสาวกอัจฉริยะมากพรสวรรค์ที่สุดในบรรดาสาวกหลักอย่างซูถงก็ต้องมาถูกทำลายตันเถียนกลับกลายเป็นคนพิการไร้สามารถ ประการที่สองก็เป็นเรื่องการถูกลดสิทธิ์เข้าศึกษาในสถาบันบ่มเพาะขุนพลลง และมายามนี้สาวกหลัก ที่เป็นผู้ดูแลกิจการโรงเตี๊ยม ดันถูกผู้คนสังหารอย่างลึกลับ!
"ประมุข หลานชายข้าตกตายอนาถนัก พวกเราต้องหาตัวคนร้ายและให้มันชดใช้ด้วยชีวิต!"อาวุโสหลักซูหนันที่นั่งเก้าอี้ต่ำกว่าประมุขตระกูลอย่างซูผอหยาหนึ่งขั้น กล่าวออกมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยโทสะเจือความเศร้าโศก
ปัญหาแรกยังไม่ทันได้ถูกแก้ไข มายามนี้กลับเกิดปัญหาใหม่ขึ้นมาอีกแล้ว!
แต่หากเป็นก่อนหน้านี้คำกล่าวนี้ของซูหนันคงมีผู้คนเห็นด้วยและสนับสนุนมันไม่น้อย
แต่ตอนนี้...
"ผู้อาวุโสหลัก จากที่ข้ารู้มา ซูเลี่ยหลานท่านคนนี้ มีพฤติกรรมที่ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไรนัก ได้ข่าวว่ามันนิยมข่มขืนกระทำชำเราอิสตรีสามัญ ซ้ำในห้องที่พบศพมันยังมีศพสตรีตกตายอยู่ด้วยคนหนึ่ง...ดูเหมือนว่านางจะตกตายเพราะขัดขืน ... เป็นไปได้หรือไม่ ว่ามันได้กระทำการล่วงเกินสตรีของตัวตนที่กล้าแกร่งคนหนึ่งจนพบเจอวิบากกรรมนี้?" ชายชราที่นั่งฝั่งตรงข้ามของซูหนันกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส น้ำเสียงของเขาฟังดูเงียบสงบไร้เรื่องราว แต่ภายในใจนั้นกลับเต็มไปด้วยความสุข เมื่อซูหนันประสบเรื่องร้าย
"ข้าคิดว่าที่ท่านผู้อาวุโสรองกล่าวก็มีเหตุผลไม่น้อย ท่านผู้อาวุโสหลัก ตัวท่านเองก็น่าจะรู้ซึ้งถึงการกระทำน่ารังเกียจนี้ของหลานชายท่านมานานแล้ว เหตุใดท่านจึงไม่คิดอบรมสั่งสอนมันเสียบ้างเล่า ก่อนที่จะเกิดเรื่องราวเช่นนี้?"
"มิผิด หากท่านผู้อาวุโสหลักอบรมสั่งสอนซูเลี่ยเสียบ้าง ว่าสิ่งใดควรทำและสิ่งใดไม่ควรทำ แน่นอนว่ามันคงไม่ต้องตกตายอนาถเช่นนี้"
...
หลังจากนั้นผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็กล่าวในทำนองเห็นด้วยกับคำกล่าวของผู้อาวุโสรอง
ทั้งมีผู้อาวุโสบางคนที่กล่าววาจาด้วยน้ำเสียงแฝงความเย้ยหยันเอาไว้
นี่เพราะตั้งแต่พวกมันรับรู้ผลลัพธ์ของการกระทำวู่วามอย่างบัดซบของผู้อาวุโสหลัก จนเป็นเหตุทำให้ตระกูลซูสูญเสียสิทธิ์ในการส่งสาวกและคนของพวกมันเข้าสถาบันบ่มเพาะขุนพลถึง 2 คน! พวกมันจึงบังเกิดความไม่พอใจอย่างรุนแรงขึ้นมาในหัวใจ
สิทธิ์ที่เหล่าผู้อาวุโสต่างช่วงชิงกันมาด้วยความยากลำบาก ...มาบัดนี้มันกลับถูกทำให้ยากมาขึ้นเป็นเท่าตัว! และทั้งหมดนี้เป็นเพราะการกระทำสิ้นคิดของซูหนันทั้งสิ้น!
“พวกเจ้า….” ใบหน้าของซูหนันบิดเบี้ยวอย่างหนัก แต่ตัวมันเองย่อมรู้ดีว่าเป็นเพราะอะไรตัวมันจึงถูกผู้คนรุมประณามเช่นนี้ และคำกล่าวของผู้อาวุโสเหล่านี้นั้น ล้วนมีเหตุผลจนมันไม่อาจโต้แย้งใดๆได้ทั้งสิ้น ทำให้มันรู้สึกอับจนหนทางนัก
"ประมุข แม้หลานชายข้าจะกระทำผิดจนต้องมีอันเป็นไป แต่จะอย่างไรมันก็เป็นถึงสาวกหลักของตระกูลซู เป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะปล่อยให้มันตกตายไป...โดยไม่ต้องสนใจว่าผู้ใดเป็นคนร้าย?" ซูหนันมองไปยังซูผอหยาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด
"ฮึ่ม!" ซูผอหยาสบถออกมาอย่างเย็นชา “สังหารสาวกหลักของตระกูลซูคาที่พักเช่นนี้ หาได้แตกต่างอันใดกับการตบหน้าตระกูลซูของข้า...ถ่ายทอดคำสั่งของข้าออกไป ควาญหาตัวตนมือสังหารให้พบ หากแม้นมีผู้ใดให้เบาะแสะมือสังหารได้ ตบรางวัล 1,000,000 เหรียญเงิน!”
เช้าตรู่ของอีกวัน ต้วนหลิงเทียนตื่นขึ้นมาอย่างสดใส หลังจากที่เข้ามานั่งในชั้นเรียนของสถาบันบ่มเพาะขุนพลแล้ว เขาก็ได้ยินถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตระกูลซูเมื่อคืนทันที
"ตระกูลซูนี่นับว่าตระหนี่ไม่เบา ชีวิตของบุตรหลานสายหลักในสายตาของพวกมัน กลับมีราคาเพียงแค่ 1,000,000 เหรียญเงินเท่านั้น...น่าสงสารเจ้านักไออ้วนสารเลว" ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อย แต่ในใจเขาก็รู้สึกมีความสุขไม่น้อย
และพริบตาต่อมาประกายตาของต้วนหลิงเทียนพลันเต็มไปด้วยความเย็นชาแฝงอำมหิต "ซูหนันเหตุการณ์เมื่อคืนเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น... เมื่อเจ้ากล้าคิดตอแยและรังควาญจนสหายข้าเดือดร้อน ข้าจะเล่นงานเจ้าและตระกูลซูให้ย่อยยับ!"
ซูหนันอาวุโศหลักของตระกูลซู...มันคือตัวบัดซบที่ทำให้ซูหลี่ไร้ซึ่งหนทางจนต้องหลบหนีจากไป
ในช่วงบ่ายวันนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ยังคงนั่งบ่มเพาะพลังงานบนกิ่งไม้ที่เดิมตามปกติ
ซู่มมม! วู้มมมมม!
คอขวดที่เขาคิดไว้ในตอนแรกว่าคงใช้เวลาอีกสักพักในการสั่งสมพลังงานต้นกำเนิดเพื่อทะลวงผ่าน อยู่ดีๆพลันทะลวงผ่านได้อย่างราบรื่น และตอนนี้ผลของการทะลวงผ่านก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 6
"เอ๋ อะไรกัน? ข้าตัดผ่านแล้ว?" ต้วนหลิงเทียนพลันลืมตาขึ้นมาและอดประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้ "ทำไมมันรวดเร็วแบบนี้ล่ะ?"
ต้วนหลิงเทียนนั้นไม่รู้เลยว่า วิชาบ่มเพาะ 9 มังกรจักรพรรดิสงครามนั้น เป็นวิชาบ่มเพาะที่ขึ้นอยู่กับระดับจิตใจเป็นสำคัญ และอิทธิพลของความคิดนี้ก็นับว่ามีไม่น้อยเลยทีเดียว
เพราะเรื่องราวครั้งนี้ถึงขั้นทำให้ซูหลี่ต้องหลบหนีจากไป ทำให้ภายในใจของต้วนหลิงเทียนเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้ง ความอำมหิตและเด็ดเดี่ยว รวมทั้งความกระหายในพลังของทหารรับจ้างและหน่วยรบพิเศษที่ถูกความสงบสุขและครอบครัวสะกดเอาไว้ได้หวนคืนกลับมา...และตัวเขานั้นหากมีใครก็ตามที่มาคุกคามญาติพี่น้องแม้กระทั่งสหายของเขา เขาจะให้พวกมันได้ชดใช้กลับเป็นร้อยเท่าพันทวี!
และด้วยที่มีความคิดเช่นนี้ในใจ ทำให้เขาขวนขวายหนทางแห่งความแข็งแกร่ง และคิดล้างผลาญศัตรูให้ย่อยยับ ซึ่งบรรจงสอดคล้องกับแนวเส้นทางแห่งจักรพรรดิที่ต้องถากถางเส้นทางเลือดมุ่งสู่จุดสูงสุด เรียกได้ว่าจิตใจเขาเต็มไปด้วยรูปแบบที่เหมาะสมที่สุดในการบ่มเพาะด้วยวิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงครามอย่างแท้จริง ทำให้ระดับบ่มเพาะของต้วนหลิงเทียนพุ่งทะยานด้วยความรวดเร็วที่เหนือกว่าเดิม สามารถทะลวงผ่านคอขวดระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 5 และก้าวเข้าสู่ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 6 ด้วยความพยายามเพียงนิดเดียวเท่านั้น!
และตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนยังคงรักษาสภาวะจิตใจที่เต็มไปด้วยความกระหายที่จะล้างผลาญอริราชศัตรูและแสวงหาความแข็งแกร่งเช่นนี้แล้วล่ะก็ ...ในอนาคตวิชาบ่มเพาะ 9 มังกรจักรพรรดิสงครามจะรักษาระดับความรวดเร็วเช่นนี้เอาไว้และส่งผลอย่างมหาศาล
วิชาบ่มเพาะ 9 มังกรจักรพรรดิสงครามนี้เป็นวิชาที่จักรพรรดิกลับชาติมาเกิดได้ใช้เวลาทั้ง 2 ชีวิตคิดค้นขึ้น และมันห่างไกลกับคำว่าสุดยอดวิชาบ่มเพาะไร้เทียมทานอยู่ไม่ไกลแล้ว มันเป็นวิชาบ่มเพาะที่ตัวจักรพรรดิสงครามคิดที่จะฝึกฝนในชีวิตที่ 3... กล่าวได้ว่ามันเป็นวิชาบ่มเพาะที่มีระดับสูงส่งกว่าสุดยอดวิชาบ่มเพาะในระดับสูงล้ำอย่าง กระบี่เทพเจ้าเหมันต์,เซียนอสูรสะคราญ และ เอกะดาราสะท้าน เสียอีก!
หลังจากที่ตัดผ่านมาถึงระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 6 ได้ต้วนหลิงเทียนก็บังเกิดความยินดีอย่างยิ่ง
"ฮ่าๆ หลังจากที่ข้ากลับบ้านไปคืนนี้ ข้าจะหลอมโอสถโลหิตมังกร และหลอมกลั่นร่างกายด้วยพลังงานก่อกำเนิดขั้นที่ 6 และเมื่อข้าเสร็จสิ้นการหลอมกลั่นบ่มเพาะร่างกาย... ข้าก็จะได้สั่งสมพลังงานก่อกำเนิดเพื่อทะลวงผ่านระดับ 7!" ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความตื่นเต้นขึ้นมาภายในใจไม่น้อย
นี่เพราะเมื่อเขาสามารถผ่านกระบวนการหลอมกลั่นบ่มเพาะร่างกายด้วยพลังงานต้นกำเนิดระดับ 6 แล้วล่ะก็...ตัวเขาจะสามารถใช้ความแข็งแกร่งออกมาได้ถึง 16 ช้างแมมมอธโบราณโดยไม่ต้องพึ่งพากระบี่อ่อนดาราม่วงที่เป็นอาวุธวิญญาณของเขาแม้แต่น้อย!
และในฐานะที่กระบี่อ่อนดาราม่วงของเขาเป็นอาวุธวิญญาณระดับ 8 นั่นหมายความว่ามันมีความสามารถในการเพิ่มพลังให้แก่ผู้ถือครองถึง 20% ...เมื่อเป็นเช่นนั้น ในยามที่เขาถือกระบี่อ่อนดาราม่วงและลงมือเต็มกำลัง เขาสามารถใช้ออกด้วยความแข็งแกร่งสูงถึง 19 ช้างแมมมอธโบราณ!
ผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 โดยทั่วๆไปในแผ่นดินนี้ มีความแข็งแกร่งแค่เพียง 12 ช้างแมมมอธโบราณเท่านั้น และพวกมันจะไม่มีวันมีความแข็งแกร่งสูงถึงระดับ 19 ช้างแมมมอธโบราณเป็นอันขาด หากไร้ซึ่งอาวุธวิญญาณระดับ 4 ในมือ!
แต่ไม่ต้องกล่าวถึงอาจักรนภาล่องแห่งนี้ เพราะต่อให้เป็นอาณาจักรพนาคราม ที่มีนิกาย ,ตระกูลและสำนักที่แข็งแกร่งมากมายดั่งต้นไม้ในป่า อีกทั้งยังมีผู้ฝึกยุทธ์ที่เชี่ยวชาญราวกับก้อนเมฆบนท้องฟ้า ยังไม่มีผู้ใดที่ครอบครองอาวุธวิญญาณระดับ 4 ได้แม้แต่คนเดียว
อาจกล่าวได้ว่าหลังจากคืนนี้เป็นต้นไป เมื่อต้วนหลิงเทียนสามารถเสร็จสิ้นขั้นตอนบ่มเพาะหลอมกลั่นร่างกายไปแล้ว ...ภายใต้อาณาจักรพนาครามและอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้ ต้วนหลิงเทียนจะเป็นตัวตนที่ไร้พ่ายใต้ระดับกำเนิดแก่นแท้โดยสมบูรณ์!
ตกเย็นในขณะที่ต้วนหลิงเทียนออกจากสถาบันบ่มเพาะขุนพลนั้น คิ้วของเขาพลันขมวดขึ้นเล็กน้อย
"น่าสนใจไม่เบา ... ." รอยยิ้มหนาวเหน็บที่ยากจะปรากฏพลันฉายออกมาบริเวณมุมปากของต้วนหลิงเทียน
เขาสามารถตรวจพบได้ทันทีว่ายามนี้นอกจากจางเฉวียนและจ้าวกังที่กำลังติดตามและเฝ้ามองเขาอยู่ ยังมี อีก 3 ร่างลึกลับที่กำลังจับตาดูเขา ...
"เฮ่อ...ผู้คนในโลกนี้มันจะไร้สามารถในการลอบติดตามผู้คนทั้งหมดจริงๆงั้นหรือ?" ต้วนหลิงเทียนยักไหล่เล็กน้อยก่อนที่จะเดินเข้าไปในซอยแคบซอยเดิม...
และคราวนี้เพียงแค่เขาย่างเข้ามาในซอยแคบและเปลี่ยวนี้ไม่นาน ร่าง 3 ร่างพลันแสดงตัวและปรากฏตัวออกมาโดยไม่ต้องให้เขารอคอยนาน พวกมันเมื่อออกมาก็แยกย้ายกันไปปิดทางหนีทั้งหมด และล้อมรอบตัวต้วนหลิงเทียนเอาไว้ 3 มุม
พวกมันทั้งหมดล้วนเป็นชายวัยกลางคนที่มีท่าทางเย็นชาไร้อารมณ์ สายตาของพวกมันนั้นเหน็บหนาวนัก พวกมันมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาที่ราวกับเขาเป็นก้อนเนื้อที่ไร้ชีวิตไปแล้ว
"ลำพังพวกเจ้า 3 คน...คิดว่าสามารถเอาชีวิตข้าได้จริงๆหรือ?" รอยยิ้มเย้ยหยันโผล่ออกมาบริเวณมุมปากของต้วนหลิงเทียน เขาสามารถพบได้ทันทีว่าชายวัยกลางคนทั้ง 3 คนที่ปิดล้อมเขาอยู่นั้นมีระดับบ่มเพาะอยู่ในระดับวิญญาณแรกก่อตั้งราวๆขั้นที่ 1-3 เท่านั้น นับว่าพวกมันยังอ่อนด้อยกว่าไออ้วนระยำซูเลี่ย ที่เขาพบในโรงเตี๊ยมเกษมสำราญเมื่อคืนเสียอีก
"ยืนยันเป้าหมาย ฆ่า!" ชายวัยกลางคนๆหนึ่งกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา และเมื่อกล่าวจบคำร่างของมันพลันวูบวาบพุ่งตรงมายังต้วนหลิงเทียนโดยไม่คิดกล่าววาจา ส่วนชายวัยกลางคนอีก 2 คนก็ประสานงานได้อย่างยอดเยี่ยมลงมือตามหลังกันมาติดๆ
เงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 300 ตัวพลันปรากฏเหนือศีรษะชายวันกลางคนที่กล่าววาจาและลงมือคนแรก มันเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขันที่ 2 เท่านั้น ส่วนอีก 2 คนนั้นมีระดับบ่มเพาะเพียงระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นแรกสุด
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตี 3 ผสานของชายวัยกลางคนทั้ง 3 คนต้วนหลิงเทียนไม่มีความคิดที่จะต้องขยับตัวหลบหนีหรือทำอะไรแม้แต่น้อย แม้กระทั่งสะบัดแขนเสื้อให้อสรพิษน้อยทั้ง 2 จู่โจมก็ไม่คิดกระทำ
เพราะในขณะที่ชายวัยกลางคนทั้ง 3 เริ่มลงมือนั้น ...
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ร่าง 2 ร่างที่มีความเร็วราวกับเส้นแสงและเหนือกว่าชายวัยกลางคนทั้ง 3 มากมายนักพลันปรากฏตัวออกมาข้างๆต้วนหลิงเทียนและปกป้องเขาทันที
เหนือศีรษะชายทั้ง 2 นั้นมีช้างแมมมอธโบราณฉายออกมา 1,000 เงาร่าง
"ผู้ฝึกยุทธ์ระดับ 7 วิญญาณแรกก่อตั้ง!" สีหน้าชายวัยกลางคนทั้ง 3 กลับกลายเป็นร้ายแรง
"ข้อมูลผิดพลาด ถอยก่อน!" ร่างของชายวัยกลางคนที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์วิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 2 เริ่มสั่นสะท้านกลางอากาศ เมื่อขาของมันแตะพื้นดินมันเปลี่ยนทิศทางย้อนกลับไปทันที
ส่วนชายวัยกลางคนอีก 2 คนนั้นก็รีบระงับการจู่โจมและเปลี่ยนเป็นหลบหนีไปเช่นกันพวกมันแยกย้ายกันหลบหนีออกเป็น 3 ทางอย่างรู้งาน
"ฮึ่ม!" ราวกับพายุกรรโชกร่างหนึ่งพุ่งไปราวเส้นแสงอัสนีในทิศทางที่ผู้ฝึกยุทธ์วิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 2 หลบหนีไป
ส่วนอีกร่างก็ตามไปจัดการผู้ฝึกยุทธ์วิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 1 โดยไม่รีรอ
“ไว้ชีวิตพวกมันสักคน” ต้วนหลิงเทียนมองศัตรูครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวสั่งออกมา
เขาอยากรู้ว่าเป็นผู้ใดที่ส่ง 3 คนนี้มา ... แต่ไม่ว่าใครเป็นคนส่งพวกมันมา...ราคาของเรื่องราวครั้งนี้เขาจะให้มันชำระพร้อมดอกเบี้ย!!
หลังกล่าวจบคำพริบตาจางเฉวียนก็ฝาดฝ่ามือทำร้ายผู้ฝึกยุทธ์วิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 2 จนอาการสาหัสและคว้าจับมันเอาไว้ราวกับอินทรีย์ตะปบเหยื่อ ก่อนที่จะลากตัวมันกลับมาหาต้วนหลิงเทียน
ส่วนอีกด้านหนึ่งตอนนี้จ้าวกังสังหารไปแล้ว 1 คนและตามไปจับอีกคนได้ในเวลาไม่นานและจับมันมาเช่นกัน เพราะเขาไม่รู้ว่าจางเฉวียนพลังมือสังหารอีกคนไปแล้วหรือไม่ กันเอาไว้ย่อมดีกว่าแก้
"เอาล่ะ ตราบใดที่พวกเจ้าเอ่ยนามผู้ที่จ้างวานให้มาฆ่าข้า ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป" ต้วนหลิงเทียนค่อยๆเดินไปหาร่างยายผู้ฝึกยุทธ์วิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 2 อย่างช้าๆ สายตาของเขาจับจ้องไปที่มันด้วยความเย็นชา น้ำเสียงของเขายามเอ่ยมันเรียบเย็นไม่แยแสความเป็นตายพวกมันแม้แต่น้อยราวกับดังขึ้นมาจากก้นบึ้งนรก
ทว่าทันใดนั้นเองสีหน้าของต้วนหลิงเทียนพลันเต็มไปด้วยโทสะ
เพราะภาพที่ควรจะปรากฏแต่ในนิยายกำลังภายในของชาติภพที่แล้ว พลันปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา!!
ชายวัยกลางคนทำการขบเคี้ยวฟันกรามจนแตก ก่อนยาพิษที่พวกมันซ่อนเอาไว้จะไหลออกมา พรากชีวิตพวกมันไปด้วยความยินยอมของเจ้าของ!