spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
เพล้ง!!
ทันใดนั้นเอง จอกสุราที่อยู่ในมือซูหลี่ พลันเลื่อนหลุดมือ ร่วงหล่นไปแตกกระจายบนพื้น
"เฮ่ ซูหลี่สหาข้า ใยซุ่มซ่ามนักเล่า?" เทียนหูส่ายหัวออกมาพร้อมรอยยิ้ม
"หือ?" ทว่าตอนนี้เองสีหน้าของต้วนหลิงเทียนพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด เพราะพลังวิญญาณที่กล้าแกร่งของเขาสัมผัสได้ถึงอันตราย
เซี่ยวหยูที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของต้วนหลิงเทียนเองก็เห็นอะไรบางอย่าง ม่านตาของเขาหดแคบลงก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยสีหน้าร้อนรน "ต้วนหลิงเทียน ระวัง!"
ฟุบ! ฟุ่บ!
ดาบ 3 ฉื่อ 2 เล่มทอประกายอันตรายวูบวาบมาทางต้วนหลิงเทียน พวกมันถูกฟาดฟันลงมาด้วยน้ำมือชายหนุ่ม 2 คนที่ไม่คุ้นหน้าค่าตา... พวกมันทั้งคู่ลงมืออย่างพร้อมเพรียงกันจากคนละฝั่ง การประสานงานของพวกมันนับว่าไม่ใช่ชั่ว แลดูมีการเตรียมการมาอย่างดี
ดาบที่ฟาดลงมาอย่างอำมหิตส่งเสียงหวดหวิวแหวกฝ่าอากาศมาอย่างน่าหวาดหวั่น หากไม่มีอะไรผิดพลาดมิพ้นศีรษะต้วนหลิงเทียนต้องหลุดลอย ...
เหนือศีรษะชายหนุ่มเจ้าของดาบมีร่างช้างแมมมอธโบราณ 12 ตัวฉายออกมา
พวกมันเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 ทั้งคู่
"บังอาจ" ทันใดนั้นเสียงเต็มไปด้วยโทสะชายชราคนหนึ่ง ดังก้องออกมาจากชั้นลอยของโรงอาหาร ...คลื่นลมพลันกรรโชกปั่นป่วนขึ้นมาทันที
ร่างของชายชราพุ่งมาด้วยความเร็วที่สูงนัก น่าเสียดายที่จะอย่างไร มันก็ยังนับว่าช้าเกินไป...
ดาบในมือของชาย ทั้ง 2 นั้นต้องบรรลุถึงต้วนหลิงเทียนก่อนแน่นอน และดูเหมือนว่าพวกมันกำลังจะบั่นคอต้วนหลิงเทียนได้สำเร็จ...
สีหน้าของเซี่ยวหยู,เซี่ยวฉวิน และเทียนหูแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด แต่ระดับบ่มเพาะของพวกมันยังห่างไกลจากชายหนุ่มที่ลอบโจมตีต้วนหลิงเทียนทั้ง 2 คน พวกมันจึงไร้สิ้นหนทางที่จะช่วยต้วนหลิงเทียนได้ทัน
เพียงแค่พวกมันลุกขึ้นยืนดาบของชายหนุ่มทั้ง 2 ก็ห่างจากคอต้วนหลิงเทียนแค่ไม่ถึงฝ่ามือแล้ว
ทว่าพริบตานั้นเอง ต้วนหลิงเทียนพลันลงมือเคลื่อนไหว!
พลังงานต้นกำเนิดปะทุแผ่พุ่งออกมา มันโคจรหมุนวนด้วยความเร็วสูงล้ำ เหนือศีรษะฉายเงาร่างช้างแมมมอธโบราณออกมา 12 ตัว ในเสี้ยวพริบตา
วิชาท่าร่าง วิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย!
ร่างกายของต้วนหลิงเทียนพลันเคลื่อนร่างวูบไหวโอนเอนในแง่มุมอัศจรรย์เบี่ยงตัวหลบดาบทั้ง 2 เล่มไปได้ในระยะใกล้เพียงเส้นขนกั้น ก่อนที่สองเท้าของต้วนหลิงเทียนจะขยับก้าวย่างเคลื่อนไหวร่างทั้งๆที่อยู่ในสภาพเอนตัวอย่างพิศวง แลไปคล้ายอสรพิษตัวหนึ่ง เพียงพริบตาเดียวเขาก็ม้วนไปอยู่ด้านหลังของผู้ลอบโจมตีได้สำเร็จ
"รนหาที่ตาย!" ประกายตาของหลิงเทียนเรืองวูบออกมาด้วยอำมหิตมือขวาพลันสะบัดไปกุมด้ามกระบี่อ่อนดาราม่วง ก่อนที่จะชักมันออกมาด้วยความเร็วสูงล้ำ
เหนือศีรษะต้วนหลิงเทียนพลันปรากฏร่างเงาช้างแมมมอธโบราณเพิ่มมาอีก 3 ตัวรวมเป็น 15 ตัว
วิชาวาดกระบี่!
กระบี่อ่อนดาราม่วงเพียงถูกวาดอย่างล้ำลึกเป็นเส้นโค้ง เพียงกระบี่เดียวเท่านั้นกลับทำให้ทำพุโลหิตบังเกิดขึ้น 2 สาย ร่างชายหนุ่มที่ลอบจู่โจมด้วยอำมหิต ถูกฟันที่กลางหลังสะบั้นกระดูกสันหลังไต้ต้นคอแหลกเหลว พุ่งกระเด็นไปตามแรงกระบี่จนชนกำแพงอย่างจัง
ในช่วงสั้นๆก่อนที่พวกมันจะตกตาย มันพยายามหันกลับมามอง...ทว่าพวกมันไม่ได้หันมามองต้วนหลิงเทียน แต่พวกมันกลับมองไปยังซูหลี่
"เจ้า…." ชายหนุ่มคนหนึ่งเพียงกล่าวได้เท่านั้นมันก็ตกตายลง ส่วนชวยหนุ่มอีกคนมิอาจกล่าววาจาใดได้ มันเพียงพยายามยกมือขึ้นเท่านั้น มันอยากจะชี้หน้าซูหลี่ด้วยความเคียดแค้น ... น่าเสียดายที่มันยังไม่ทันได้ยกมือขึ้นมาลมหายใจสุดท้ายกลับถูกพ่นออกมาเสียก่อน รีบร้อนตามเพื่อนลงนรกไปติดๆ
ก่อนที่พวกมันจะตายนั้น เรื่องเดียวในหัวของพวกมันล้วนคิดตรงกัน
พวกมันถูกหักหลัง!
ซูหลี่ได้หักหลังพวกมัน!
ซูหลี่ไม่เพียงแต่ จะไม่ได้วางยาต้วนหลิงเทียน ...แต่มันยังส่งสัญญาณหลอกด้วยการทำลายจอกสุรา ทำให้พวกมันหลงคิดว่า ต้วนหลิงเทียนถูกวางยาเรียบร้อยแล้ว ล่อให้พวกมันลงมือลอบสังหารต้วนหลิงเทียน และถูกโต้กลับจนตกตายอย่างอำมหิต
เพราะสำหรับพวกมัน หากต้วนหลิงเทียนถูกวางยาด้วยโอสถระงับกำเนิดไป มันต้องไม่อาจใช้พลังงานต้นกำเนิดได้แม้แต่นิดเดียว ไม่ใช่ว่าพวกมันจะลงมือสังหารเขาได้อย่างง่ายดายงั้นหรือ?
แต่ใครจะไปรู้ว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้ถูกวางยาสักนิด!?
แววตาของต้วนหลิงเทียนจับจ้องไปยังศพทั้งสองอย่างเย็นชา และสงสัย...
ชายทั้ง 2 คนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นนักศึกษาของสถาบันบ่มเพาะขุนพลแห่งนี้เช่นกันและดูเหมือนมันจะเป็นรุ่นพี่ชั้นปีสูงเสียด้วย
ใครส่งพวกมันมาลอบสังหารเขากัน?
เพราะในฐานะนักศึกษาของสถาบันบ่มเพาะขุนพลหากลงมือสังหารใครสักคนภายใต้ร่มเงาของสถาบันบ่มเพาะขุนพลแล้วล่ะก็ แน่นอนว่าพวกมันต้องถูกไล่ออกจากสถาบันบ่มเพาะขุนพล อนาคตพลันดับวูบลงไป!
องค์ชาย 3 ส่งพวกมันมา?
หรือว่าเป็นองค์ชาย 5?
หรือบางที่อาจจะเป็นรองประมุขของตระกูลต้วนอย่างต้วนหรูเล่ย และยังมี ตระกูลซู ... ด้วย
"รองผู้อำนวยการ!" ทันใดนั้นเองนักศึกษาพลันกล่าวทำความเคารพชายชราชุดคลุมสีเทาที่เดินผ่านพวกมันไป ดูเหมือนเขากำลังเดินมาดูศพด้วยความเร็ว
สีหน้าของชายชรานั้นบิดเบี้ยวอย่างมาก
ยังมีนักศึกษาที่จะกล้าลงมืออย่างอุกอาจหมายลอบสังหารนักศึกษาคนอื่นในสถาบันบ่มเพาะขุนพล! โชคดีนักที่คนถูกลอบสังหารยังอยู่รอดปลอดภัย หาไม่แล้วสถาบันบ่มเพาะขุนพลต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างหนัก!
"รองผู้อำนวยการ" ต้วนหลิงเทียนกล่าวทักทายรองผู้อำนวยการ เขาแสดงท่าทีเคารพเล็กน้อย
"ทางสถาบันบ่มเพาะขุนพล จะให้คำอธิบายเรื่องนี้แก่เจ้า" สีหน้าของชายชราจริงจังอย่างมากในขณะที่กล่าววาจา
ต้วนหลิงเทียนเองก็พยักหน้ารับคำพร้อมประกายตาเรืองวูบขึ้นมา สิ่งที่เขาอยากรู้คือใครเป็นคนส่งพวกมันทั้ง 2 คนมาสังหารเขาอย่างอุกอาจเช่นนี้
ชายชราไม่คิดรีรอ เขารีบเดินไปสำรวจศพของชายหนุ่มทั้ง 2 ก่อนที่จะหยิบป้ายแสดงตัวตนของพวกมันออกมา "พวกมันเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ... มีผู้ใดรู้จักพวกมันหรือไม่?"
หลังจากชายชรากล่าวคำ เหล่านักศึกษาก็ค่อยๆทยอยมาดูศพชายทั้ง 2 คน ก่อนที่จะมีคนระบุตัวพวกมันได้
"เอ่อ นั่นมันสหายร่วมชั้นเรียนเดียวกับพวกเรา ซูปิง กับซูชิ มิใช่หรือ? "
“ใช่แล้วเป็นพวกมันจริงๆด้วย ดูเหมือนพวกมันจะเป็นคนของตระกูลซูใช่หรือไม่? แล้วเหตุใดพวกมันถึงต้องการสังหารต้วนหลิงเทียนกันเล่า”
"สองคนนี้ช่างกล้านัก ถึงขั้นลงมือเช่นนี้ในสถาบันบ่มเพาะขุนพล"
...
ไม่นานก็มีคนสามารถระบุได้ว่าชายหนุ่มที่ลอบจู่โจมต้วนหลิงเทียนครานี้เป็นใคร
“ตระกูลซูเช่นนั้นหรือ”ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนพลันเหม่อมองศพด้วยอำมหิต จิตสังหารน่าหวาดหวั่นเริ่มปะทุออกมา
แต่อย่างไรเขาเองก็อยากรู้ไม่น้อย
ว่าทำไมตระกูลซูถึงสิ้นคิด ส่งผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 มาลงมือลอบสังหารเขาเช่นนี้
มันแทบไม่ต่างอะไรกับส่งพวกมันมาตายเปล่า
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรตอนนี้เขาเริ่มบังเกิดโทสะขึ้นมาแล้ว ... หนี้ครั้งนี้เขาไม่มีวันลืม!
"ตระกูลซู?" สีหน้าของชายชราเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวพร้อมกล่าวออกมาอย่างดุดัน "ดี ..ตระกูลซูมันกล้าดีอย่างไร!"
แน่นอนว่าตัวเขาย่อมได้รับรายงานความขัดแย้งระหว่างต้วนหลิงเทียนและตระกูลซูจาก อาจารย์ 2 คนมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว จึงไม่คอยแปลกใจเท่าไรที่มันจะเป็นเช่นนี้
แต่จะอย่างไรก็ตาม ความจริงที่ตระกูลซูมันกล้าลงมืออุกอาจ ถึงขั้นกล้าลอบสังหารผู้คนกลางสถาบันบ่มเพาะขุนพล ก็นับว่าพวกมันล้ำเส้นเขาแล้ว!
"ดูเหมือนครานี้ รองผู้อำนวยการจะมีโทสะนัก"
"ข้าว่าตระกูลซู สร้างปัญหาใหญ่แล้วล่ะ"
นักศึกษาทั้งหมดล้วนบังเกิดความหวาดหวั่นอยู่ในใจ เรื่องราวครานี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยแน่นอน
"ต้วนหลิงเทียน เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?" ตอนนี้เองเซี่ยวหยูและคนอื่นๆ ก็รุดมายืนล้อมต้วนหลิงเทียนก่อนที่จะกล่าวถามออกมาด้วยความเป็นห่วง
"ข้าไม่เป็นไร " ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาพร้อมส่ายหัว "พวกมันเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 เท่านั้น อาศัยพวกมันห่างไกลนักกับการหมายเอาชีวิตข้า... "
ไม่ต้องกล่าวถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 เลย! ตราบใดที่ไม่ใช่การลอบโจมตีของผู้ฝึกยุทธ์ที่มีระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 7 ขึ้นไป พวกมันต้องเป็นฝ่ายตกตายเองอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้หากเขาไม่คอยห้ามอสรพิษน้อยทั้ง 2 ตัวในแขนเสื้อ เพื่อไม่ให้พวกมันพุ่งออกไปแล้วล่ะก็ อสรพิษน้อยทั้งสองตัวคงสังหารตั้งแต่ที่พวกมันพึ่งชักดาบไปแล้ว ไม่ได้พุ่งเข้ามาใกล้เขาเช่นนี้หรอก
อสรพิษน้อยทั้ง 2 ตัวนี้เป็นไพ่ลับของเขาใบหนึ่ง หากไม่จำเป็นเขาไม่คิดเปิดเผยการมีอยู่ของพวกมันให้ใครล่วงรู้ได้ง่ายๆ
"พวกเจ้ามีผู้ใดเป็นคนของตระกูลซูบ้าง?"ชายชรากวาดสายตาไปยังกลุ่มนักศึกษาที่อยู่ในโรงอาหาร
ตอนนั้นเองสีหน้าของคนกลุ่มน้อยกลุ่มหนึ่งพลันเปลี่ยนเป็นซีดเผือด แต่อย่างไรพวกมันก็ยังแสดงความกล้าหาญด้วยการแสดงตัวออกมา
"พวกเจ้ามานำศพไอตัวบัดซบ 2 ตัวนี่ของตระกูลเจ้า ไปตระกูลซูพร้อมกันกับข้า!" ชายชรากล่าวจบก็ก้าวเดินออกไปจากโรงอาหารด้วยความรวดเร็ว นำเสียงของเขานั้นเจือไปด้วยโทสะอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนกลุ่มของต้วนหลิงเทียนนั้นทำเพียงนั่งลงแล้วกินอาหารต่อ
เรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้า กลายเป็นเรื่องตลกขบขันของพวกเขา ...
เมื่อใกล้กินอาหารเสร็จแล้ว ต้วนหลิงเทียนสังเกตเห็นว่าซูหลี่มีเรื่องลำบากใจบางประการแต่ลังเลที่จะกล่าวมันออกมา เขาหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ แล้วกล่าวว่า "เฮ่ ซูหลี่ หากเจ้ามีอันใดคิดกล่าว ก็กล่าวออกมาเถอะ พวกเราไม่ใช่คนนอกอะไร"
เซี่ยวหยู, เซี่ยวฉวิน และเทียนหูเองก็สังเกตได้ว่าซูหลี่วันนี้ดูแปลกๆไป
"ข้าต้องการยืมเงินพวกเจ้าสัก 1,000,000 เหรียญเงิน" ซูหลี่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวออกมา
1,000,000 เหรียญเงิน?
ม่านตาของเทียนหูเบิกกว้างหลังได้ฟังคำกล่าวของซูหลี่
ส่วนทางด้านต้วนหลิงเทียน เซี่ยวหยู และเวี่ยวฉวิน ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา เพียงแค่สงสัยเล็กน้อยว่าซูหลี่ต้องการเงินไปทำอะไร มากมายขนาดนี้
แต่จะอย่างไรพวกเขาก็ไม่ได้กล่าวถามออกมา
"ที่ข้ามีอยู่ 200,000 เหรียญเงิน" เซี่ยวหยูกล่าวออกมาคนแรก
"ส่วนข้ามีอยู่ 300,000 เหรียญเงิน ..ซูหลี่ ถ้าเจ้าไม่รีบร้อน คืนนี้ข้าจะกลับไปรวบรวมเงินมาให้ครบ แล้วนำมามอบให้เจ้าพรุ่งนี้" เซี่ยวฉวินกล่าวออกมา
ปับ!
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้กล่าววาจาอะไรเขายื่นมือเข้าไปในอกเสื้อ ก่อนที่จะยกมือขึ้นมาแล้ว วางตั๋วเงินปึกใหญ่ไว้ตรงหน้าของซูหลี่
แน่นอนว่า มันมีจำนวน 1,000,000 เหรียญเงิน!
"บัดซบ! ต้วนหลิงเทียน ใยเจ้าร่ำรวยนักเล่า!" เทียนหูกลืนน้ำลายดังอึก ก่อนที่จะหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยความตกใจ ทั้งมันอดไม่ได้ที่จะละอาย ทั้งเนื้อทั้งตัวมีอยู่ไม่ถึง หมื่นเหรียญ!
เซี่ยวหยูและเซี่ยวฉวินเองก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยเช่นกัน ถึงแม้พวกเขาจะสามารถหาเงินออกมาได้เป็นจำนวน 1,000,000 เหรียญเงิน แต่พวกเขาก็ไม่ได้พกมันไว้ตลอดเวลาเช่นนี้ ...
"เฮ่! ต้วนหลิงเทียน เจ้าไปเอาเงินมาจากไหนกัน?" เซี่ยวหยูนั้นแสดงสีหน้าสงสัยออกมาไม่น้อย สำหรับตัวเขาที่เป็นหลานของผู้อาวุโสหลักของตระกูลเซี่ยว คงไม่แปลกอะไร ถ้าเขาจะหยิบเงินออกมา 1,000,000 เหรียญเงิน
แต่ต้วนหลิงเทียนเป็นเพียงสาวกของตระกูลลี่สาขาเท่านั้น ซ้ำยังใช้แซ่อื่นอีกด้วย
"ตอนออกจากเมืองออโรร่า ประมุขให้เงินข้าติดไม้ติดมือมา 2,000,000 เหรียญเงินน่ะ" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างสบายๆ พร้อมยักไหล่
"ฮ่าๆ ดูเหมือนประมุขตระกูลลี่เอง ก็มองว่าเจ้าคงมีอนาคตไม่เลว หาไม่แล้วเขาคงไม่กล้าลงทุนด้วยเงินก้อนโตเช่นนี้" เซี่ยวหยูส่ายหัวออกมาพร้อมรอยยิ้ม "แต่จะอย่างไรก็นับว่า เขาเดิมพันถูกต้องล่ะนะ ฮ่าๆ"
แม่กระทั่งเขาเองก็ยังเชื่อมั่นว่า หากลงทุนกับต้วนหลิงเทียนแล้วล่ะก็ ด้วยความสามารถสูงส่งและพรสวรรค์สูงล้ำเช่นนี้ ต่อไปต้วนหลิงเทียนต้องตอบแทนได้มากมายมหาศาลอย่างแน่นอน
"ขอบคุณเจ้ามาก" ซูหลี่เหลือบมองต้วนหลิงเทียนด้วยความสำนึกบุญคุณ ก่อนที่จะรับเงินเอาไว้
“ฮ่าๆ อะไรของเจ้ากันเล่า พวกเราเป็นสหายกัน แค่นี้ นับเป็นอะไรได้” ต้วนหลิงเทียนนั้นไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่อะไรแม้แต่นิดเดียว สำหรับการหยิบเงินออกมา 1,000,000 เหรียญเงินเช่นนี้ เพราะตอนนี้เขามีเงินเป็น สิบๆ ล้าน!
เขาไม่ได้คิดว่าจะให้ซูหลี่คืนเงินก้อนนี้แต่อย่างไร ในฐานะที่มันเป็นสหายของเขา เงินแค่นี้ไม่ได้มีค่าอะไรเลย
ทว่าเขาเองก็ไม่ทันได้สังเกตว่า ประกายตาของซูหลี่นั้นทอประกายเรืองวูบอย่างแน่วแน่ขึ้นมา ...
เขตที่พักของตระกูลซู
ในลานกว้างขนาดใหญ่ มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ใบหน้าซีดเซียวกำลังนั่งอยู่ ดวงตาของมันแดงก่ำดั่งโลหิต
"ท่านปู่ ท่านแน่ใจหรือไม่ ว่าวิธีนี้จะสังหารต้วนหลิงเทียนได้?" ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นผสมไปด้วยความเกลียดชัง
ชายคนนี้ที่แท้เป็น ซูถง คนที่ถูกต้วนหลิงเทียนทำลายตันเถียนจนนั่นเอง
จากอัจฉริยะลำดับที่ 1 ของตระกูลซู ผู้มีระดับบ่มเพาะสูงถึงระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 3 กลับกลายมาเป็นคนพิกลพิการไร้พลังงานต้นกำเนิด ชั่วชีวิตต้องจมปลักอยู่กับระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 ตลอดไป
"ถงหลานปู่ เจ้าอย่าได้กังวล ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ต้วนหลิงเทียนมันต้องตกตายอย่างแน่นอน!" ผู้อาวุโสหลักของตระกูลซู ซูหนันกลาวออกมาอย่างช้าๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความมั่นใจ
"ผู้อาวุโสหลัก ท่านแน่ใจเช่นนั้นหรือว่าต้วนหลิงเทียนจะตกตายอย่างแน่นอน?" ทันใดนั้นเองพลันมีน้ำเสียงเย็นชาไม่แยแสดังขึ้นจากด้านนอกลานและดูเหมือนว่าน้ำเสียงนี้จะเต็มไปด้วยโทสะไม่น้อย
"ประมุข" ซูหนันรีบโค้งคำนับเมื่อเห็นว่าผู้ที่มาเป็นใคร ซูถงที่อยู่ด้านข้างก็โค้งตัวทำความเคารพด้วยเช่นกัน