หน้าแรก > War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 169 ตันเถียนถูกทำลาย!!

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

บทที่ 169 : ตันเถียนถูกทำลาย!!

"ซูถง!" สีหน้าท่าทางของต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยความมืดมน เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงต่ำยะเยือกราวกับออกมาจากก้นบึ้งของนรก ...

ซูหลี่,เทียนหู รวมทั้งเซี่ยวฉวินต้องมาบาดเจ็บเพราะไอสารเลวนี่ ทั้งที่เป้าหมายของมันคือเขา ตอนนี้เพลิงโทสะที่อยู่ในใจของเขาแทบจะระเบิดออกมาแล้ว!

ซูถงเบนสายตาเย้ยหยันที่จับจ้องไปยังเซี่ยวฉวินหันมาทางต้วนหลิงเทียน แววตาโฉดชั่วเริ่มฉายออกมามากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังเจือความสนุกสนานเอาไว้ไม่น้อย "อะไร? เจ้าโมโหแล้วหรือ?"

เมื่อกล่าวถึงตอนนี้ซูถงพลันเปลี่ยนน้ำเสียงที่ใช้กล่าววาจาจากเย้ยหยันเป็นเย็นเยือก "แล้วในยามที่เจ้าใช้วิธีอุบาทว์ลอบโจมตีอย่างต่ำทราม เล่นงาน ซูหล่าน ลูกพี่ลูกน้อยของข้า ...จนกระทั่งสังหารเขาตกตาย! เจ้าเคยคิดถึงหัวอกญาติๆและบิดามารดามันหรือไม่ ...เจ้าอย่าได้กังวล วันนี้ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่ข้าจะทำลายระดับบ่มเพาะของเจ้า ให้ต้องทนอยู่อย่างคนพิการ! แล้ววันหน้าหากเจ้ายังเสนอหน้ามาให้ข้าเห็นอีกครั้ง! ข้าจะฆ่าเจ้า! "

มุมปากของต้วนหลิงเทียนกระตุกขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะเผยรอยยิ้มหนามเหน็บออกมา “เจ้าต้องการทำลายระดับบ่มเพาะของข้า จนทำให้ข้าพิการ? หึหึ เรื่องนี้ต้องดูว่าน้ำหน้าอย่างเจ้ามีความสามารถพอหรือไม่!”

ปัจจุบันเหตุผลและไมตรีของต้วนหลิงเทียนนั้นถูกโทสะกลบจนมิดเสียแล้ว เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างเด็ดเดี่ยวทระนงราวกับจะเหยียบย่ำชั้นฟ้า ส่วนเรื่องของซูหล่านนั้น เขาคร้านจะกล่าวคำอธิบาย!

"จับมันเอาไว้!" ซูถงกล่าวออกมาโดยพลัน

ฟุ่บ! ฟุ่บ!

สิ้นคำชายหนุ่มสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังซูถงพลันพลุ่งตัวออกไปทางต้วนหลิงเทียนอย่างรวดเร็ว

ชายหนุ่มทั้งสองคนนี้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 พวกมันคิดกำราบต้วนหลิงเทียนและลงมือสั่งสอนเล็กน้อย ชายหนุ่มทั้งสองคนแยกย้ายไปทั้งสองข้างของต้วนหลิงเทียน พวกมันพุ่งไปหมายคว้าไหล่ของต้วนหลิงเทียน และสะกดให้ต้วนหลิงเทียนยอมจำนนแต่โดยดีไม่ตอบโต้อะไร

"รนหาที่ตาย!" เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 สองคนที่พุ่งมาหมายจับตัว ประกายตาของต้วนหลิงเทียนที่เย็นชาอยู่แล้วพลันเย็นชาลงเข้าไปอีก มือของเขาเลื่อนไปกุมด้ามกระบี่อ่อนดาราม่วงที่เอวพร้อมก้าวเข้าไปเผชิญหน้าชายหนุ่มทั้ง 2 ที่กำลังเตรียมขนาบเขา ด้วยท่วงท่าสงบนิ่งราวกับเดินบนผิวน้ำ

ทันใดนั้นเอง

วิชาวาดกระบี่!

เมื่อต้วนหลิงเทียนลงมือเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 15 ตัวพลันลอยเด่นออกมาเหนือศีรษะของเขา...

ประกายของกระบี่อ่อนดาราม่วงสว่างวูบขึ้นมาไม่ต่างอันใดกับแสงดาวพร่างพราวกลางนภายามราตรี ประกายคมชัดไร้สิ้นสุดลากวูบผ่านอากาศ

อาศัยจังหวะย่างก้าวที่ล้ำลึก ต้วนหลิงเทียนสามารถช่วงชิงจังหวะวาดกระบี่ในจุดที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด เขาเคลื่อนไหว ซ้ายทีขวาทีเพียงชั่วพริบตาก็เดินผ่านทะลุกลางระหว่างชายทั้ง 2 ไป โดยมีเพียงประกายกระบี่แวบวาบึ้น 2 ครั้งเท่านั้น! เมื่อเขาเดินผ่านร่างพวกมันไป หยาดโลหิตพลันทะลักพรั่งพรูก่อเกิดบุปผาสีแดงก่ำสวยงามบนพื้น

ตุบๆ

แขนสองพลันหมุนควงกลางอากาศราวจะถามไถ่ว่าเหตุใด พวกมันถึงไม่ได้อยู่กับตัว.... ทำได้เพียงร่วงหล่นตามแรงโน้มถ่วงลงมาอย่างน่าฉงน...

ชายหนุ่มที่พุ่งมาด้วยโทสะและความอหังการราวกับพญาราชสีห์ ยามนี้...ลับต้องถอยหลังหนีราวกับสุนัข พวกมันพยายามห้ามเลือดที่แขนโดยพลัน ความเสียใจอย่างสุดซึ้งเริ่มกัดกินหัวใจ สายตาของพวกมันมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยความหวาดผวา ทั้งแฝงความเสียดายราวกับอยากย้อนคืนวันเวลา...

พวกมันไม่คิดฝันเลยว่าต้วนหลิงเทียนยังคงจะคิดต่อต้านเช่นนี้ แม้กระทั่งเรื่องราวลุกลามมาจนถึงขั้นนี้แล้ว

เหงื่อกาฬหลั่งออกมาจากหว่างคิ้ว สายตาเต็มไปด้วยความเศร้าโศก พวกมันทำได้เพียงมองไปยังแขนทั้งสองข้างที่อยู่กับพวกมันมาตลอดชีวิต กองแน่นิ่งราวเศษขยะอยู่แทบเท้าต้วนหลิงเทียน

หากต้วนหลิงเทียนล่วงรู้ความคิดพวกมันตอนนี้ไม่พ้นคงต้องหัวเราะจนตกตาย

จะให้เขาอยู่นิ่งๆไม่ต่อต้าน?

ให้เขายืนรอความตาย?

"เจ้า... " แม้กระทั่งตัวซูถงเองก็ไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะขัดขืน มันกล้าสะบั้นแขนของคนตระกูลซูทั้งสองคนต่อหน้าต่อตาเขา! ประกายตาของซูถงลุกโชนด้วยเพลิงโทสะ ตัวของมันสั่นระริกราวกับจะอดทนไม่ไหว

พลังงานต้นกำเนิดมหาศาลค่อยๆแผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของซูถง ไอฟ้าดินตอบรับ ปรากฏเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 40 ตัวเด่นหราอยู่เหนือศีรษะมัน!

"ต้วนหลิงเทียนตอนแรกข้านึกว่าเจ้าจักเป็นคนฉลาด ...แต่ข้าไม่คิดเลยจริงๆว่า ที่แท้แล้วเจ้าจักเป็นตัวโง่งมเช่นนี้ เรื่องราวถึงขั้นนี้แล้วเจ้ายังกล้าคิดต่อต้าน!” น้ำเสียงเหน็บหนาวยะเยือกราวกับเทพแห่งความตายดังขึ้นจากปากของซูถง จิตสังหารเริ่มแผ่ออกมาปกคลุมทั่วบรรยากาศ

"นี่เจ้าคิดจะทำลายระดับบ่มเพาะของข้า แล้วยังยังคิดให้ข้ายืนนิ่งๆรอรับชะตากรรมไม่ต่อต้านอีกงั้นรึ?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างเย้ยหยัน ตัวบัดซบซูถงนี่...ในหัวของมันยังหลงเหลือมันสมองอยู่อีกหรือไม่? มันอยากทำลายจุดตันเถียนเพื่อดับอนาคตหนทางการบ่มเพาะของเขา แต่มันยังคิดที่จะไม่ให้เขาต่อต้าน? เป็นไปได้ไหมว่ามันต้องการให้เขายืนยิ้มหัวร่อ ยามมันบอกว่าต้องการฆ่าเขา แล้วนี่เขาต้องยืนคอไปให้มันปาดแต่โดยดีด้วยหรือไม่?

"แล้วเจ้าคิดว่าผลลัพธ์มันจะมีอันใดแตกต่างกันเล่า?" ซูถงยังค่อยๆเยื้องย่างไปยังต้วนหลิงเทียนอย่างช้าๆ เขากล่าววาจาออกมาด้วยน้ำเสียงกดต่ำ "แต่ในเมื่อตอนนี้เจ้ากล้าต่อต้านข้าซ้ำยังยั่วโทสะอารมณ์ของข้าให้พุ่งขึ้นมาเช่นนี้... ถึงแม้ว่าข้าไม่อาจสังหารเจ้าภายใต้ร่มเงาของสถาบันบ่มเพาะขุนพลแห่งนี้ได้ ...เช่นนั้นข้าจะทำลายระดับบ่มเพาะของเจ้าก่อน แล้วเมื่อเจ้าก้าวเท้าออกจากสถาบันบ่มเพาะขุนพลเมื่อไหร่ ตาย!"

ต้วนหลิงเทียนไม่ได้หวาดกลัวคำขู่ของมันแม้แต่น้อย เขายืนดูซูถงคอยๆก้าวเข้ามาอย่างช้าๆ พร้อมประกายตาลึกลับ ซ้ำยังกล่าวตอบรับออกไปพร้อมรอยยิ้มบางๆ "แต่จะอย่างไร...ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับความสามารถเจ้าทั้งสิ้น... ."

“อะไร หรือเจ้าคิดว่าอาศัยที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 และมีอาวุธวิญญาณระดับ 7 ไว้ในครอบครอง แล้วเจ้าจะมีปัญญาขัดความต้องการข้าได้งั้นหรือ” น้ำเสียงของซูถงเต็มไปด้วยความดูถูก "เหอะ! ถึงแม้เจาจะใช้อาวุธวิญญาณระดับ 7 แล้วจะมีอะไรแตกต่าง อย่างมากเจ้าก็สามารถใช้ออกด้วยความแข็งแกร่ง 15 ช้างแมมมอธโบราณเท่านั้น แต่ตัวข้าเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 3 ข้าไม่ต้องอาศัยอะไรก็มีความแข็งแกร่ง 40 ช้างแมมมอธโบราณ ต่อหน้าข้า เจ้านั้นอ่อนแอไม่ต่างอันใดกับมดปลวก!! "

ซูถงกล่าวคำนี้ออกมาโดยหวังว่าจะดับความหวังเลอะเลือน และความพยายามต่อต้านสุดท้ายของต้วนหลิงเทียนให้หมดสิ้นไป ...

"เฮ่ๆ ... ดูเหมือนเจ้านี่จะมั่นใจในระดับบ่มเพาะมากเสียเหลือเกิน คุยโวราวกับเด็กน้อย 3 ขวบ" ต้วนหลิงเทียนแสยะยิ้มออกมาประกายตาของเขาแฝงความเย้ยหยันเอาไว้ไม่น้อย สีหน้าและท่าทางไร้ซึงความหวาดหวั่นแม้แต่น้อย

"เจ้ายังกล้าปากดีได้แม้กระทั่งในเวลาเช่นนี้!... ฮึ่มต้องยอมรับจริงๆว่าความกล้าหาญของเจ้านี่เหนือล้ำกว่าฝีมือเจ้านัก!" ตอนนี้ซูถงเองก็เดินมาประจันหน้ากับต้วนหลิงเทียนในระยะที่ไม่คอยห่างมากสักเท่าไหร่ ใบหน้าของมันเย็นชาลงราวกับฉาบไว้ด้วยน้ำแข็ง "แต่ยามนี้ความกล้าหาญของเจ้ามันไร้ประโยชน์.... เจ้าจักได้รู้เดี๋ยวนี้ ว่าความกล้าหาญของเจ้ามันแค่เศษเสี้ยวความหวังโง่งม ไร้ราคาเมื่ออยู่ต่อหน้าพลังอำนาจที่แท้จริง!"

"เฮ่อ...ข้าก็รอดูชมอยู่นานแล้ว เจ้าจะทำอะไรก็ทำเสียที" ประกายตาลี้ลับของต้วนหลิงเทียนฉายออกมาถึงความเบื่อหน่าย ท่วงท่าของเขายังสงบนัก

"โอหัง!" เพลิงแห่งความอำมหิตถูกจุดปะทุขึ้นราวกับบุปผาเบ่งบานในหัวใจของซูถง เมื่อเขาเห็นต้วนหลิงเทียนไม่แยแสและไม่สะทกสะท้านอะไร ทั้งยามนี้แววตาของมันดำมืดเต็มไปด้วยจิตสังหาร

วูบ ฟู่!

ซูถงพลันก้าวไปข้างหน้า บังกิดลมกรรโชกพัดจนฝุ่นดินปลิวว่อนไปในอากาศ

"ต้วนหลิงเทียน ข้าอยากรู้นักว่าเจ้ายังคงปากกล้าและยโสเช่นนี้ได้อีกหรือไม่ ยามเจ้าต้องเป็นง่อยไร้พลังเพราะจุดตันเถียนถูกทำลาย!" น้ำเสียงของซูถงเย็นชาดุร้ายอำมหิตอย่างมาก สายตาของมันฉายความสนุกสนานราวกับเห็นภาพต้วนหลิงเทียนนอนเป็นไปง่อยเสียแล้ว

"ข้าเองก็อยากรู้เช่นกัน ว่ายามที่เจ้าต้องกลับกลายเป็นตัวไร้ค่าตัวหนึ่ง แล้วหวนกลับมาคิดถึงเรื่องนี้ มันจะเป็นเรื่องน่าหัวเราะหรือไม่?" ประกายตาของเขาเรืองวูบออกมาด้วยความอำมหิตเล็กน้อย ยามกล่าวตอกกลับไปอย่างไม่หวาดหวั่น

"รนหาที่ตาย!" โทสะของซูถงพลันระเบิดออกเมื่อโดนวาจาตอกกลับครานี้ ร่างของมันพุ่งตัวออกไปด้วยความเร็วสูง เงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 40 ฉายออกมาพุ่งข้ามผ่านท้องฟ้า แรงลมจากการเคลื่อนไหวกรรโชกพัดฝุ่นดินให้ปลิวว่อน!

"ต้วนหลิงเทียน!" เซี่ยวหยูที่ไปช่วยเหลือ ซูหลี่,เทียนหูและเซี่ยวฉวินโดยการป้อนโอสถรักษาพวกมันอยู่ ถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นภาพนี้ ดวงตามันเต็มไปด้วยความเคียดแค้นถึงขีดสุดจนแทบจะหลั่งน้ำตาเป็นสายเลือด!

มันเคียดแค้นเกลียดชังตัวเอง ที่ไร้สามารถ ไม่อาจกระทำอันใดเพื่อช่วยเหลือต้วนหลิงเทียนสหายของมันได้แม้แต่น้อย

ต้วนหลิงเทียนยังคงยืนนิ่ง เหม่อมองซูถงพุ่งเข้ามา เขามองมันตาปริบๆอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อใกล้ถึงระยะกระบี่ สายตาของเขาพลันเปลี่ยนเป็นอำมหิต มุมปากแสยะยิ้มออกมาทันที

เจ้าต้องการทำลายจุดตันเถียนข้า?

เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าลิ้มรสของการถูกทำลายจุดตันเถียนดูเสียเอง!

ครืน ซู่มมม!

พริบตานั้นซูถงที่พุ่งร่างมาถึงด้านหน้าต้วนหลิงเทียนไม่คิดรั้งรออะไร มันกระทืบพื้นเหวี่ยงหมัดซัดออกมาทันที พลังงานต้นกำเนิดแผ่ปะทุออกมาควบแน่นในหมัดจนเห็นได้ชัด หมัดของมันพุ่งไปยังจุดตันเถียนบริเวนท้องน้อยของต้วนหลิงเทียน

เห็นได้ชัดว่ามันคิดจู่โจมทำลายจุดตันเถียนของต้วนหลิงเทียนด้วยการโจมตีนี้เพียงครั้งเดียว!

สีหน้าของมันยามที่หมัดพุ่งออกไปเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้ม ราวกับมันเห็นภาพตันเถียนของต้วนหลิงเทียนระเบิดเป็นจุล

ฟั่บ!

ทว่าพริบตาก่อนที่หมัดของมันจะถึงตัวต้วนหลิงเทียน มือที่กุมกระบี่อ่อนดาราม่วงพลันตวัดออกด้วยความเร็วราวอัสนีบาตฟาด อีกทั้งตัวกระบี่ยังสั่นระริกแปลกๆ ...

ซูถงเมื่อห็นภาพการดิ้นรนนี้พลันแสดงสีหน้าเหยียดหยามดูแคลนออกมาทันที ต้วนหลิงเทียนนั้นมันเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 เท่านั้น ... ต่อให้มันมีอาวุธวิญญาณระดับ 7 แล้วจะอย่างไร เขาไม่สนใจมันสักนิด

ทว่ามุมปากที่พลันแสยะยิ้มดูแคลนของมันพลันแข็งค้างทันที และดวงตาของมันพลันเบิกกว้างออกมา ราวกับเห็นอะไรบางอย่างที่น่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุด...

วู้มมมม!

แสงสีแดงก่ำราวกับโลหิตพลันแผ่พุ่งปะทุออกมาจากกระบี่อ่อนดาราม่วงของต้วนหลิงเทียน ก่อนที่แสงสีแดงนั้นจะรวมตัวหดลงจนรูปร่างมันกลับกลายคล้ายจันทร์เสี้ยว

และจันทร์เสี้ยวสีแดงก่ำนี้ พลันพุ่งไปราวกับสายฟ้า! ปะทะกับหมัดของซูถงที่ควบแน่นไปด้วยพลังงานต้นกำเนิด

แน่นอนว่านี่คืออาคมจารึกจันทร์เสี้ยวโลหิตที่ต้วนหลิงเทียนจารึกเอาไว้บนกระบี่อ่อนดาราม่วง!

ยามนี้ประกายตาของต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยความเย็นชา

"ไม่!!" เสียงกรีดร้องเศร้าสลดเต็มไปด้วยความข่มขืนดังโหยหวนขึ้น เมื่ออาคมจันทร์เสี้ยวโลหิตฉีกพลังงานต้นกำเนิดที่ควบแน่นอยู่ตรงกำปั้นไปง่ายดายราวกับพุ่งหอกใส่กระดาษเปื่อยเปียกน้ำ กำปั้นถูกทะลวงผ่านเป็นรูโบ๋ โลหิตสาดกระเซ็นฉีดพุ่งพรั่งพรูออกมาไม่ต่างกับหยาดพิรุณ

เมื่อทะลุผ่านกำปั้นไปแล้วอาคมจันทร์เสี้ยวโลหิตไม่ได้ชะลอตัวลงอย่างใด มันพุ่งไปยังบริเวณท้องน้อยด้วยความเร็วที่ไม่ลดถอยลงแม้แต่เพียงนิด

พรูดดดด!!!

มันเจาะทะลวงร่างของซูถงได้ง่ายดายราวกระคมกล้าบั่นพริกหยวก พลังทำลายของอาคมจันทร์เสี้ยวโลหิตปะทุทลายจุดตันเถียนเสียยับเยิน ไร้ซึ่งหนทางกักเก็บพลังงานต้นกำเนิดได้อีกต่อไป

"อ๊าคคคคคค !!" ร่างกายของซูถงถูสั่นสะท้านระริก เสียงกรีดร้องดังสนั่นออกมา ความรู้สึกของพลังงานต้นกำเนิดที่สั่งสมมาทั้งชีวิตกำลังรั่วไหล...มันน่าตื่นตระหนก จนลืมความเจ็บปวดของกำปั้นที่ทะลวงเป็นรูเสียสนิท

ตุบ!

“ไม่จริง ไม่ ไม่ ม่ายยยยยยยยย….” สองตาของซูถงเบิกกว้างออกมา ครู่หนึ่งมันก็ส่ายหน้าระรัวราว แม้มันไม่สามารถทำใจรับเรื่องราวได้...แต่มันก็ไม่อาจหลีกหนีความจริงนี้ได้ ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยความเสียใจ

อนิจจาโลกหล้านี้ไร้ซึ่งโอสถรักษาความเสียใจ

"เจ้า ... เจ้าทำลายตันเถียนข้า!" ซูถงหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยดวงตาแดงก่ำ เส้นเลือดฝอยในดวงตามันแตกออก ด้วยความอาฆาตแค้นและปวดปร่าใจ

มันไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะมีไพ่ลับที่ล้มกระดานได้เช่นนี้ อาคมจารึกที่น่าสะพรึงกลัวนั่น ไม่เพียงแต่ทำลายกำปั้นที่เต็มไปด้วยกลังงานต้นกำเนิดชั่วชีวิตของมันได้ แต่มันยังทะลุผ่านร่างไปทำลายจุดตันเถียนได้อย่างง่ายดาย ทำให้ตอนนี้พลังงานต้นกำเนิดของมันรั่วไหลกระจัดกระจายออกไป ไร้หนทางรวบรวมกลับคืนได้อีก ต่อแต่นี้ไป...มันกลับกลายเป็นคนพิการโดยสมบูรณ์ ร่วงหล่นจากจุดสูงสุดมาสู่ตัวตนอันเป็นเศษสวะไร้ค่าอย่างแท้จริง

ต้วนหลิงเทียนเพียงยืนมองเรื่องราวตรงหน้าด้วยความเรียบเฉย เขากล่าวออกมาพร้อมประกายตาเรืองขึ้นวูบหนึ่ง “เจ้าไม่ได้บอกเองหรือ ว่าจะทำลายจุดตันเถียนของข้า แล้วตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างเล่า รสชาติของการถูกทำลายจุดตันเถียนน่ะ เป็นคนพิการนี่สนุกสนานหรือไม่?”

วันนี้หากไม่ใช่เพราะเขามีอาคมจันทร์เสี้ยวโลหิต ชะตาชีวิตที่ซูถงกำลังเผชิญ มิแคล้วต้องพลิกมาเป็นเขาที่สวมบทบาทนั้น

ซูถงนั้นมันชั่วช้าสารเลวและหมายทำลายจุดตันเถียนของเขา อีกทั้งยังคิดล้างผลาญชีวิตเขา! เช่นนั้นก็ลองให้มันลิ้มรสยาขมถ้วยนี้ดูเองเป็นไร!!

ใบหน้าของซูถงเต็มไปด้วยโทสะ ร่างมันสั่นระริก วาจาสิ้นสูญมิอาจเอื้อนเอ่ยแม้เพียงครึ่งคำ มันทำได้เพียงกระอักโลหิตออกมาคำโต

ภายหัวของมัน มีเพียงถ้อยคำของต้วนหลิงเทียนดังก้องซ้ำไปซ้ำมา ..."ข้าเองก็อยากรู้เช่นกัน ว่ายามที่เจ้าต้องกลับกลายเป็นตัวไร้ค่าตัวหนึ่ง แล้วหวนกลับมาคิดถึงเรื่องนี้ มันจะเป็นเรื่องน่าหัวเราะหรือไม่?"...

เช่นนั้นเรื่องราวทุกอย่างพลันกระจ่างแล้ว ต้วนหลิงเทียนมันวางแผนเอาไว้เช่นนี้ มันรอให้เขาลงมือ เพื่อที่มันจะตอกกลับอย่างอำมหิตเช่นนี้ มันมีแผนใช้อาคมจารึกทำลายตันเถียนของเขาแต่แรกอยู่แล้ว!

เมื่อหวนคิดคำนั้นขึ้นมา...ยามนี้ มันก็น่าหัวเราะจริงๆ ...

"ตระกูลซูจะไม่มีวัน.... เลิกรากับเจ้า... " ร่างกายของซูถงพลันส่ายโอนเอนไปมา เพราะอาการหน้ามืดจากการสูญเสียโลหิตอีกทั้งยังความแค้นสุมอกยากระบาย สุดท้ายมันทำได้เพียงกล่าววาจาย้ำแค้นเอาไว้แล้วก็สลบไสลลงไป

"ท่านพี่!" สีหน้าของสาวกตระกูลซูที่ถูกต้วนหลิงเทียนสะบั้นแขนทิ้งไปคนละข้างแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด ความหวาดกลัวท่วมท้นอยู่ในแววตาของพวกมัน ...

พวกมันไม่เคยคิดถึงเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะน่าหวาดหวั่นขนาดนี้ ไม่เพียงแต่เขาจะมีพรสวรรค์ตามธรรมชาติที่สูงล้ำจนท้าทายอำนาจสวรรค์เช่นนี้ แต่เขายังมีอาคมจารึกที่น่าสะพรึงกลัวนั่นอีก ...อาคมจารึกที่สามารถเล่นงานผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ได้อย่างง่าย

แม้จะเป็นเขตเมืองหลวงแห่งอาณาจักรนภาล่องนี้ อาคมจารึกดังกล่าวก็นับว่ามีมูลค่ามหาศาล

ส่วนอีกด้าน ตอนนี้ซูหลี่,เซี่ยวฉวินและเทียนหูที่ถูกเซี่ยวหยูป้อนโอสถทองประสานกายรักษาอาการก็เริ่มฟื้นฟูขึ้นมาบ้างแล้ว พวกมันกำลังพยายามลุกขึ้นยืนภายใต้การประคองของเซี่ยวหยู

ยามที่พวกมันเห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้าและการกระทำของต้วนหลิงเทียน พวกมันถึงกับแข็งค้างกลายเป็นตัวโง่งม

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเผชิญหน้ากับตัวตนของผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ ขั้นที่ 3 พวกมันล้วนสิ้นหวัง และคิดว่าจะอย่างไร ระดับบ่มเพาะของต้วนหลิงเทียน มิแคล้วต้องถูกซูถงทำลายจนหมดสิ้นเป็นแน่ ...

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายนี้ กลับเกินความคาดหมายของพวกมันไปไกลโข...

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.