spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
"ใช้เงิน 50,000,000 เหรียญเงินนี้ไปซื้อวัตถุดิบตามรายการที่ข้าเคยให้เจ้าไปซื้อก่อนหน้านี้ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่เจ้าจะหาได้" ต้วนหลิงเทียนกล่าวสั่งออกมา
50,000,000 เหรียญเงิน?
ฉงเฉวียนถึงกับตกตะลึง นายน้อยของมัน...ไปหาเงินมาเช่นไรกันแน่เหตุใดจึงร่ำรวยถึงเพียงนี้?
อย่างไรก็ตามมันเองก็เป็นคนฉลาด ย่อมรู้ดีว่าเรื่องใดควรถาม เรื่องใดไม่ควรถาม ...มันทำเพียงเก็บเงินไป แล้วกล่าวตอบรับออกมา "ขอรับ นายน้อย"
เมื่อต้วนหลิงเทียนกลับมาถึงห้อง เขาก็หยิบวัตถุดิบชุดสุดท้ายที่เคยใช้ให้ฉงเฉวียนไปซื้อมาก่อนหน้านี้ออกมา แล้วเริ่มจารึกอาคมกร่อนกระดูกลงบนกระบี่อ่อนดาราม่วงอีกครั้ง
อาจกล่าวได้ว่า วันนี้เขาได้สัมผัสกับความสามารถของอาคมกร่อนกระดูกอย่างแท้จริงแล้ว!
แม้กระทั่งชายชราที่คอยติดตามอยู่ข้างกายองค์ชาย 3 ที่เป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 8 ก็ยังแทบตอบสนองอันใดไม่ทัน ซ้ำยังไม่อาจป้องกันอาคมกร่อนกระดูกได้แม้แต่เพียงนิด...กระดูกในร่างของมันถูกกร่อนสลายเป็นเถ้าธุลี ตกตายลงโดยสมบูรณ์อย่างอเนจอนาถ
ตอนนี้อาคมจารึก กร่อนกระดูกนับเป็นเครื่องรางป้องกันตัวชั้นเลิศของต้วนหลิงเทียน เขาสามารจินตนาการวาระสุดท้ายหรือภาพการตายของตัวเองได้ทันทีว่าจะเป็นอย่างไร หากเขาไร้ซึ่งอาคมกร่อนกระดูกนี้ แล้วไปเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ระดับนั้น
"องค์ชาย 3 ข้าต้วนหลิงเทียนจะจดจำของขวัญบัดซบ ครานี้เป็นอย่างดี!" ประกายตาของต้วนหลิงเทียนเรืองวูบออกมาด้วยประกายตาเย็นชา
หลังจากที่อารมณ์ค่อยๆสงบลง ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มบ่มเพาะ วิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม รูปแบบงูเหลือมคลั่งต่อจนดึกดื่นก่อนค่อยเข้านอน
เช้าวันต่อมาต้วนหลิงเทียนก็เดินทางไปสถาบันบ่มเพาะขุนพล และเข้าไปร่ำเรียนวิชาของฝ่ายดาวกุนซือตามปกติ
ในระหว่างที่กำลังร่ำเรียนกันอยู่นั้น ก็มีคนมาขัดจังวะโดยขอพบอาจารย์ซื่อหม่าฉางฟงครู่หนึ่ง หลังจากที่อาจารย์ซื่อหม่าฉางฟงออกไปไม่นานเขาก็กลับเข้ามา ก่อนที่จะมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าแปลกๆ “ต้วนหลิงเทียน เจ้าออกมากับข้าสักครู่”
แม้ต้วนหลิงเทียนจะสงสัยว่ามีเรื่องอะไร แต่เขาก็ลุกและตามอาจารย์ซื่อหม่าฉางฟงไปแต่โดยดี
"อาจารย์ท่านเรียกข้าออกมา มีอะไรเช่นนั้นหรือ?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมา
"มีใครบางคนอยากเจอเจ้า"
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังสงสัยว่าใครกันที่มาหาเขา ซื่อหม่าฉางฟงก็พาเขาเดินมาถึงหัวมุมหนึ่งที่ติดถนน ของสถาบันบ่มเพาะขุนพล และเขาก็ได้เห็นรถม้าที่ดูหรูหราคันหนึ่งจอดอยู่
ชายสองคนที่ยืนอยู่ด้านข้างรถม้านั้น หลังจากที่อาศัยความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด และพลังวิญญาณที่น่าหวาดหวั่นของเขา ต้วนหลิงเทียนก็สามารถระบุได้ทันทีว่าชายแก่ทั้ง 2 คนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าชายชราที่เขาสังหารไปด้วยอาคมกร่อนกระดูกเมื่อคืนแม้แต่น้อย!
"เจ้าเข้าไปสิ" ซื่อหม่าฉางฟงพยักหน้าให้ต้วนหลิงเทียน "ข้าจะรอเจ้าอยู่ตรงนี้"
ต้วนหลิงเทียนก็เดินไปอย่างงงๆ และเมื่อเข้าไปนั่งในรถม้าเขาก็ประหลาดใจไม่น้อย
คนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็ไม่ใช่ใครอื่น มันคือองค์ชาย 3 ที่เขาพึ่งเจอเมื่อวานนี้นั่นเอง อย่างไรก็ตามยามนี้ใบหน้าขององค์ชาย 3 หาได้ยิ้มระรื่นและมีท่าทางเป็นกันเองอย่างเมื่อคืนแม้แต่น้อย ตอนนี้สีหน้าของมันมันเต็มไปด้วยความหม่นหมอง
"องค์ชาย 3 เห็นว่าท่านกำลังหาตัวข้าอยู่งั้นหรือ?" ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สุภาพสักนิด เขานั่งลงและกล่าวถามออกมาพร้อมคิ้วีท่ขมวดเป็นปมทันที
"ต้วนหลิงเทียน พวกเรามากล่าววาจากันอย่างตรงไปตรงมา ไม่ต้องอ้อมค้อมดีหรือไม่ ...เมื่อคืนลุงหูไม่ได้กลับมาหาข้า...เป็นคนของเจ้าสังหารเขาไปแล้วใช่หรือไม่?" องค์ชาย 3 ใช้ประกายตาสองสว่างราวกับประกายแสงจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียน เขาจ้องสีหน้าและท่าทางของต้วนหลิงทเทียนเขม็งราวกับจะเก็บรายละเอียด และความเปลี่ยนแปลงทุกอย่างโดยไม่ให้คลาดสายตา
สีหน้าของต้วนหลิงเทียนพลันแปรเปลี่ยนเป็นสับสนมึนงง เขากล่าวถามออกมาด้วยความสงสัยทันที "เอ่อ...องค์ชาย 3 แล้วลุงหูที่ท่านว่า นี่เป็นใครหรือ?"
"หืม?" องค์ชาย 3 ขมวดคิ้ว เขานั้นจับจ้องสังเกตสีหน้าท่าทีของต้วนหลิงเทียนอยู่อย่างละเอียด แต่เขากลับสังเกตได้ว่าต้วนหลิงเทียน ไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางหรือปฏิกิริยามีพิรุธอะไรออกมาทั้งสิ้นยามกล่าวถึงเรื่องราวของลุงหู
เป็นไปได้หรือไม่ว่าเรื่องราวครั้งนี้จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับต้วนหลิงเทียน?
แต่นั่นมันเป็นไปไม่ได้!
เมื่อวานนี้เขาสั่งให้ลุงหูไปลงมือสังหารต้วนหลิงเทียน แต่ทว่าลุงหูกลับไปแล้วไปลับไม่กลับมา มันราวกับว่าเขาหายตัวไปในอากาศธาตุอย่างไรอย่างนั้น ...
หากลุงหูเป็นคนธรรมดาแล้วหายตัวไปเฉยๆ เขาคงไม่คิดอะไรมากและคงเป็นแค่การสูญเสียผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 8 เท่านั้น.... มันก็อาจจะทำให้เขาเสียดายและไม่สบายใจอยู่บ้างเป็นระยะเวลาหนึ่ง ทว่าลุงหูผู้นี้กลับมีความสำคัญนัก! นั่นเพราะมันเป็นถึงผู้ดูเรื่องราวในวัง อีกทั้งยังเป็นผู้ดูแลทรัพย์สินส่วนตัวของเขาอีกด้วย!
สิ่งที่เขาต้องการกลับมาอย่างเร่งด่วนและร้อนรน ย่อมไม่พ้นแหวนมิติที่อยู่บนมือของลุงหู!
หาแหวนมิติวงนั้นสูญหายไป นั่นหมายความว่าเงินเกือบ 80,000,000 เหรียญเงินของเขาก็มลายหายไปในอากาศ และนั่นจะทำให้เส้นทางในอนาคตของเขามืดมนทันที ...
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นองค์ชาย แต่ค่าใช้จ่ายในการดูแลวังและจับจ่ายใช้สอยรวมทั้งค่าจ้างเขาก็ต้องเป็นคนจ่ายเองทั้งสิ้น ยิ่งไปกว่านั้นหากเขาต้องการได้รับเสียงสนับสนุนเพิ่มเติมเพื่อสร้างโอกาสในบัลลังก์ราชาในอนาคต แน่นอนว่าเขาต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลดังกล่าวในการสร้างความสัมพันธ์รวมทั้งติดสินบนอะไรต่างๆ ...
ต้วนหลิงเทียนแสดงสีหน้าประหลาดใจ ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาอย่างเป็นห่วงว่า “องค์ชาย 3 เหตุใดสีหน้าท่านย่ำแย่ถึงเพียงนี้กัน? เกิดอะไรขึ้นเช่นนั้นหรือ?”
"ต้วนหลิงเทียน ถึงเจ้าจะฆ่าลุงหูไปมันก็ไม่นับเป็นเรื่องใหญ่อะไร..ข้าสามารถมองข้ามและละวางเรื่องนี้ได้ แต่เจ้าต้องส่งมอบแหวนมิติของลุงหูมา ไม่อย่างนั้นล่ะก็... เจ้าควรรู้ผลลัพธ์ที่จะตามมาดี!!" สีหน้าและท่าทางขององค์ชาย 3 พลันเคร่งขรึมและแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังในขณะที่กล่าววาจาออกมา
เขายังอยากจะเดิมพันอีกสักครั้ง และสอบสวนดูว่าแหวนมิติอยู่ในมือของต้วนหลิงเทียนหรือไม่
"องค์ชาย 3 เรื่องนี้หมายความว่าอย่างไร? คนของวังท่านตกตาย ท่านกลับมากล่าวหาข้า?" ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนจมลงและเต็มไปด้วยโทสะ "แล้วแหวนมิติบัดซบอันใดที่ท่านพูดถึง ข้าไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ..ขอลา!"
เมื่อกล่าวจบต้วนหลิงเทียนก็ลงจากรถม้าทันทีเขาไม่หันกลับไปมองสักนิด เขาเดินจากมาทันที
สีหน้าและท่าทางขององค์ชาย 3 เปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวถึงขีดสุด
ไม่ใช่มันจริงๆงั้นหรือ?
แล้วเป็นฝีมือผู้ใดกัน ... ?
ลุงหูนั้นเป็นผู้ติดตามเขามานานแล้วและเขาค่อนข้างมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า หากไม่เกิดเรื่องอันใดกับลุงหูแล้วล่ะก็ เขาไม่มีวันหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้
"หากข้ารู้ว่าเป็นฝีมือของผู้ใด ข้าจะให้มันตายไร้ที่ฝัง!!" องค์ชาย 3 ที่มักมีใบหน้าจะแลดูเป็นมิตรและเข้าหาได้ง่าย ยามนี้กลับมีแต่ความดุร้ายอำมหิตแสดงออกมา ราวกับว่าเขาได้เปลี่ยนไปเป็นปีศาจอย่างไรอย่างนั้น
ไม่นานจากนั้นรถม้าหรูหราขององค์ชาย 3 ก็จากไป ภายใต้การจ้องมองของอาจารย์ซื่อหม่าฉางฟง และต้วนหลิงเทียน
"ต้วนหลิงเทียน องค์ชาย 3 ตามหาตัวเจ้าด้วยเหตุอันใดงั้นหรือ?" ซื่อหม่าฉางฟงกล่าวถามออกมาอย่างลึกซึ้ง
"ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องราวนัก ...เขาบอกข้าว่ามีผู้ดูแลนามลุงหูอะไรสักอย่างของวังเขาตกตายไป แล้วก็แหวนมิติอะไรนี่ล่ะ...ช่างวุ่นวายนัก" ต้วนหลิงเทียนเพียงยักไหล่ออกมาด้วยท่าทางไร้เดียงสาไม่รู้เรื่องรู้ราว
มันก็ไม่ได้ผิดคาดเขาสักเท่าไรที่องค์ชาย 3 จะมาหาเขา แต่ที่ผิดคาดก็คือเขาไม่คิดว่าองค์ชาย 3 จะมาเร็วถึงเพียงนี้
ดูเหมือนว่าเงินจำนวนนั้นจะนับว่าเป็นเงินจำนวนมหาศาล แม้กระทั่งกับองค์ชาย 3 เองก็ตาม อีกทั้งดูท่าจะมีความหมายและความสำคัญต่อมันไม่น้อย
"แหวนมิติ ลุงหู งั้นหรือ?" ซื่อหม่าฉางฟงสงสัยอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะนึกถึงความเป็นไปได้บางประการออก "จากที่ข้ารู้มา ดูเหมือนผู้ดูแลวังขององค์ชาย 3 จะมีนายว่า หูซัน....เป็นไปได้หรือไม่ที่หูซันจักตกตายไป? หูซันผู้นี้นอกจากเป็นบุคคลที่องค์ชาย 3 ไว้ใจที่สุดแล้ว มันยังเป็นผู้ดูแลทรัพย์สินขององค์ชาย 3 อีกด้วย"
"เช่นนี้เป็นไปได้หรือไม่ว่า คนที่มีนามว่าหูซันอะไรนั่นตกตายไปและแหวนมิติที่มีทรัพย์สินทั้งหมดขององค์ชาย 3 จะหายไปกับเขาด้วย?" ดวงตาของต้วนหลิงเทียนเบิกกว้างออกมา เขาทำท่าราวกับประหลาดใจอย่างมากในขณะพูด
"มันก็อาจจะเป็นเช่นเจ้ากล่าว แต่เจ้าต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้ให้ดี ไม่ควรแพร่กระจายไปเด็ดขาด...มิฉะนั้นมันอาจสร้างปัญหายุ่งยากให้เจ้าได้ องค์ชาย 3 ผู้นั้นหาได้เป็นคนง่ายดายไม่ เขาเองก็นับว่ามีไหวพริบไม่น้อย" ในขณะที่กล่าวเรื่องนี้ท่าทางของซื่อหม่าฉางฟงนั้นจริงจังอย่างมาก
"ข้าเข้าใจแล้วอาจารย์" ต้วนหลิงเทียนกล่าวรับคำอย่างแข็งขัน ลับหลังอาจารย์ซื่อหม่าประกายตาของมันเรืองออกมาวูบหนึ่ง
แน่นอนว่าองค์ชาย 3 ไม่ใช่คนที่จะแสดงท่าทีร้อนรนเช่นนี้ออกมาได้โดนง่าย ทั้งหมดนี่เพราะสิ่งที่ตัวเขาได้ไปกระทำเอาไว้ในงานเลี้ยงเมื่อคืนนี้ อันที่จริงวันนี้ทันทีที่เขาเห็นองค์ชาย 3 เขาก็สามารถเดาได้ทันทีว่าองค์ชาย 3 มาเพื่ออะไร
เขาย่อมสังเกตได้ว่าประกายตาขององค์ชาย 3 นั้นจ้องเขาอย่างจับผิดแค่ไหน ในขณะที่กล่าวถามถึงเรื่องการตายของลุงหูอะไรนั่นของมัน แน่นอนว่าเขาย่อมรู้ได้ทันทีว่าการมาครั้งนี้ขององค์ชาย 3 มันก็ไม่ได้มีอะไรมากมายไปกว่าการที่จะสอบสวนเฝ้าจับพิรุธของเขา และดูว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของลุงหูหรือไม่...
แต่น่าเสียดายทั้การกระทำเช่นนี้ขององค์ชาย 3 ...เรียกได้ว่าไร้ประโยชน์สิ้นดี ในฐานะอดีตเจ้าหน้าที่ของกองกำลังพิเศษ หรือในฐานะทหารรับจ้างผู้เป็นถึงราชันย์สรรพาวุธ เชี่ยวชาญอาวุธทุกประเภทเช่นนี้ เขาจะถูกการสอบสวนด้วยลูกไม้ตื้นๆเช่นนี้หรือ?
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา หลังจากที่ย้อนนึกถึงคำกล่าวองค์ชาย 3 เมื่อครู่ ...องค์ชาย 3 อยากให้เขาคายของที่เรียกได้ว่า... กลืนลงท้องไปแล้วงั้นหรือ?
มันจะเป็นไปได้ยังไงกันเล่า?
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เดินตามซื่อหม่าฉางฟงกลับไปยังห้องเรียน
ตอนเที่ยงหลังจากชั้นเรียนสิ้นสุดลง เซี่ยวหยูและเซี่ยวฉวินก็เดินเข้ามาสอบถามต้วนหลิงเทียนทันที "ต้วนหลิงเทียน อาจารย์เขามีธุระอันใดกับเจ้างั้นหรือ?"
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้ม "ก็ไม่ได้มีอะไรมาก เขาเพียงบอกข้าว่า ที่ชายแดนตะวันตกเฉียงเหนืออาจจะมีสงครามปะทุขึ้นมาได้ทุกเมือ ... และเขาก็ถามข้าว่า สนใจที่จะไปเป็นกองกำลังสนับสนุนจากฝ่ายดาวกุนซือ ของสถาบันบ่มเพาะขุนพลที่กำลังจะส่งนักศึกษาไปหรือไม่"
ต้วนหลิงเทียนได้ยกถึงเรื่องที่ซื่อหม่าฉางฟงกล่าวกับเขาไว้ตั้งแต่ 10 วันที่แล้วออกมาเป็นข้ออ้าง
แน่นอนว่าเซี่ยวหยูและเซี่ยวฉวินย่อมเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นความจริง เซี่ยวฉวินถอนหายใจก่อนที่จะกล่าวเสริมออกมา "แต่เรื่องนี้ โดยปกติแล้วหากทางสถาบันบ่มเพาะขุนพลจะส่งนักศึกษาไปเป็นกองกำลังสนับสนุน ส่วนมากแล้วจะเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3... การที่อาจารย์ซื่อหม่าฉางฟงมากล่าวกับเจ้าเป็นการส่วนตัวเช่นนี้...คงมิแคล้วเป็นแผนกระตุ้นความสนใจเจ้า เพราะหวังอยากให้เจ้าไปด้วยเป็นแน่"
"ก็อาจจะเป็นไปได้นะ" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาพร้อมพยักหน้า
ส่วนทางเซี่ยวหยูนั้นเขาสนใจเรื่องงานเลี้ยงเมื่อคืนมากกว่า จึงกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน "ต้วนหลิงเทียน แล้วงานเลี้ยงขององค์ชาย 3 เมื่อวานเล่า เป็นเช่นไรบ้าง คงมิพ้นองค์ชาย 3 พยายามอย่างมากที่จะผูกมัดตัวเจ้าเพื่อให้สนับสนุนเขาในอนาคตใช่หรือไม่?"
ใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อจะผูกมัดตัวเขา?
ท่าทางของต้วนหลิงสะดุดไปเล็กน้อย องค์ชาย 3 นั้นไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่าให้เขาตาย แล้วมันจะมีอารมณ์มายื่นข้อเสนอเพื่อผูกมัดหรือดึงตัวเขาไปอีกหรือ?
แต่ต้วนหลิงเทียนก็คงไม่กล่าวถึงความจริงออกไปแน่นอนอยู่แล้ว "ฮ่าๆ เอาเป็นว่าสำหรับงานเลี้ยงเมื่อคืน ข้าว่าเรื่องที่ทำให้ข้าคุ้มที่สุด น่าจะเป็นการได้ยลโฉมสตรีที่ได้สมญานามว่าโฉมงามอันดับ 1 แห่งเมืองหลวงซะมากกว่า"
โฉมงามอันดับ 1 แห่งเมืองหลวง
ตาของเซี่ยวหยูและเซี่ยวฉวินเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะหรี่ตาจับจ้องมายังต้วนหลิงเทียน "เจ้าได้เจอองค์หญิงปี้เหยาด้วยงั้นหรือ?"
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
"อ่า ถ้าข้ารู้เช่นนี้ข้าคงขอติดตามเจ้าไปสนุกสนานด้วยแล้ว" เซี่ยวหยูกล่าวออกมาพร้อมท่าทีเสียดาย
"อะไร เจ้าอยากไปร่วมสนุกด้วยงั้นหรือ? เฮ่ ดูเหมือนหากข้าเจอเฉียนน้อยอีกครั้ง คงต้องกล่าวถึงเรื่องนี้ให้นางรับรู้เอาไว้บ้างแล้ว" มุมปากของต้วนหลิงเทียนยกขึ้นเผยยิ้มแสยะชั่วร้ายออกมา
เฉียนน้อยที่เขากล่าวถึงย่อมเป็น น้องสาวของลั่วเฉิน, ลั่วเฉียน
เซี่ยวหยูกลอกตาไปมาเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวถามต้วนหลิงเทียนออกมาอย่างสงสัย "แล้วนางเป็นอย่างไรบ้างเล่า? องค์หญิงปี้เหยาน่ะ งดงามมากหรือไม่?"
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า "นางก็นับว่างดงามสมคำร่ำลือจริงๆ ..ด้านรูปโฉม...กล่าวได้ว่านางนั้น งดงามไม่ได้ด้อยไปกว่าน้องสาวเจ้าสักนิด!"
เซี่ยวหยูชะงักเล็กน้อย รูปโฉมเซี่ยวหลันนั้นแน่นอนว่าเขารู้ดี และตระหนักได้ว่ามันงดงามหาใดเปรียบขนาดไหน
"อะไรนะ!? เซี่ยวหยู น้องสองเจ้า งดงามไม่ด้อยกว่าองค์หญิงปี้เหยาเลยงั้นหรือ?"เซี่ยวฉวินกล่าวถามออกมาด้วยแววตาเรืองวูบ ยามนี้แลไปมันกลับคล้ายหมาป่าหิวโหยไม่น้อย
"เซี่ยวฉวิน เจ้าอย่าได้ฝัน นางมีชายในดวงใจอยู่แล้ว ไม่มีทางมาสนใจเจ้าหรอก"เซี่ยวหยูส่ายหน้าไปมาพร้อมรอยยิ้ม
"ฮึ่ม! นั่นไม่ใช่ปัญหา ข้าจะพิสูจน์ให้นางเห็นเองว่าข้าแข็งแกร่งกว่าชายในดวงใจของนางนับ 10 นับ 100 เท่า! " เท่าที่เซี่ยวฉวินรู้ ชายในดวงใจของน้องสาวเซี่ยวหยู ก็ย่อมไม่พ้นบุรุษที่อยู่ในเมืองออโรร่าแห่งนั้น
สำหรับพรสวรรค์ตามธรรมชาติและพื้นหลังแล้ว บุรุษคนนั้นย่อมไม่สามารถสู้กับเขาได้แน่นอน
สำหรับฐานะสาวกสายหลักของตระกูลเซี่ยวแห่งเมืองหลวงแล้ว แน่นอนว่าเซี่ยวฉวินก็ย่อมมั่นใจตนเองไม่น้อย ...
"อะไร! เจ้าแน่ใจงั้นหรือว่าจะสามารถแข็งแกร่งกว่าชายในดวงใจของนางได้นับ 10 นับ 100 เท่าจริงๆ?" สายตอของเซี่ยวหยูมองมาด้วยความสงสารไม่น้อย
“อะไรกันเล่า ในเมืองออโรร่ายังจะมีผู้ใดแข็งแกร่งเช่นต้วนหลิงเทียนและเจ้าอีกหรือไง” เซี่ยวฉวินพลันสะดุดกับคำพูดของตนเองเล็กน้อย เขาเริ่มสังหรณ์ใจแปลกๆ
เซี่ยวหยูส่ายหัวออกมาอย่างช่วยไม่ได้
"อะไร เช่นนี้หมายถึง .... " เซี่ยวฉวินกล่าวไม่ทันจบ เขาก็สังเกตเห็นเซี่ยวหยูหันไปมองต้วนหลิงเทียนอย่างช่วยไม่ได้...