หน้าแรก > War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 163 องค์หญิงปี้เหยา

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

เมื่อเผชิญกับอาชาเหงื่อโลหิตที่กำลังพุ่งมาด้วยความเร็วสูง ประกายตาของต้วนหลิงเทียนเรืองวูบขึ้นเล็กน้อยด้วยความเย็นชา มือขวาของเขาพลันยกขึ้นเล็กน้อย กล้ามเนื้อบริเวณเริ่มเกร็งขึ้นมาเตรียมรับสถานการณ์!

หากชายคนนั้นคิดที่จะควบม้ามาชนเขาจริงๆ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ลังเลที่จะซัดมันให้กระเด็นไปทั้งคนทั้งม้า! ...

อาชาเหงื่อโลหิตที่ควบขี่มาด้วยความเร็วสูงกำลังเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ...ยามนี้มันอยู่ห่างจากต้วนหลิงเทียนเพียงไม่กี่เมตร

"ยูดดดด~" ชายหนุ่มบนหลังอาชาเหงื่อโลหิตพลันรั้งบังเหียน และสุดท้ายอาชาเหงื่อโลหิตก็หยุดลงตรงหน้าของต้วนหลิงเทียน โดยเหลือระยะห่างแค่เพียง 1 เมตรเท่านั้น

ชายหนุ่มบนหลังม้าเหลือบมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตายโส ก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างยกตนข่มท่าน "ไอหนู เจ้าเองก็กล้าหาญไม่เบานี่ แต่นี่นับว่าเป็นโชคดีของเจ้านัก ที่สถานที่แห่งนี้คือหน้าวังขององค์ชาย 3 หาไม่แล้วเจ้าต้องถูกเจ้าแดงโลหิตของข้าหวดกระเด็นตกตายเป็นแน่! "

แดงโลหิตนี่...คงไม่พ้นนามของอาชาเหงื่อโลหิตที่ชายคนนี้ควบขี่อยู่เป็นแน่

ความหมายที่แฝงอยู่ในวาจาของเขานั้นก็ไม่ได้เข้าใจยากอะไร... นี่มันย่อมบอกต้วนหลิงเทียนเป็นนัยๆว่า หากมันไม่เกรงใจ เพราะว่าที่นี่เป็นหน้าวังขององค์ชาย 3 แล้วล่ะก็ ป่านนี้ต้วนหลิงเทียนถูกม้ามันเตะกระเด็นตกตายไปแล้ว

ต้วนหลิงเทียนเพียงหันไปมองชายหนุ่มด้วยแววตาเยือกเย็น ก่อนที่มุมปากของเขาจะแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย พร้อมกล่าวตอบออกไปว่า "อา...นับว่าโชคของพวกเจ้าเองก็ยังดีอยู่เช่นกัน..."

ชายหนุ่มบนหลังม้าได้แต่สงสัยกับสายตาที่ส่งมาของต้วนหลิงเทียนว่ามีความหมายอะไร แต่ไม่ทันที่มันจะได้ต่อความยาวสาวความยืด ต้วนหลิงเทียนก็เดินไปยังประตูทางเข้าของวังองค์ชายเสียแล้ว

แต่ก็กล่าวได้ว่าชายหนุ่มกับอาชาเหงื่อโลหิตนามว่าแดงโลหิตนั่นโชคดีอย่างที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจริงๆ เพราะหากพวกมันยังควบขี่ไปต่อไม่หยุดรั้งไว้ล่ะก็... ป่านนี้ทั้งคนทั้งม้าไม่พ้นกลถูกซัดลอยละลิ่วปลิวไปไกลแล้ว

และเรื่องนี้เชื่อได้เลยว่า ต้วนหลิงเทียนสามารถกระทำได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องสงสัยแม้แต่น้อย

"ไอ้พวกสามัญชนเอ๊ย!" ชายหนุ่มนั้นขุ่นเคืองและบังเกิดโทสะขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อถูกต้วนหลิงเทียนไม่แยแส มันกระตุ้นม้าให้ออกเดินแซงผ่านต้วนหลิงเทียนไปถึงประตูวังขององค์ชาย 3 ก่อนต้วนหลิงเทียน

แล้วเมื่อถึงประตูวังชายหนุ่มคนนั้นก็หยิบเทียบเชิญออกมาก่อนที่จะมอบให้คนรับใช้ และคนรับใช้ผู้นั้นก็เดินนำมันไปส่งให้ชายวัยกลางคนที่ดูแล้วน่าจะเป็นผู้ดูแลของวังองค์ชาย 3 แห่งนี้

ภายใต้คำสั่งของชายวัยกลางคนคนรับใช้อื่นๆ ก็รีบปฏิบัติตามพวกมันเดินออกมาคนหนึ่งและเป็นผู้นำพาชายหนุ่มพร้อมเจ้าแดงโลหิตเข้าไปยังวังขององค์ชาย 3

"ท่านแขกผู้มีเกียรติ กรุณาแสดงเทียบเชิญของท่านด้วย" ในขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนเองก็เดินมาถึงประตูหน้าทางเข้าวังขององค์ชาย 3 พอดี ชายวัยกลางคนที่น่าจะเป็นผู้ดูแลก็ยิ้มรับและกล่าวคำอย่างสุภาพกับต้วนหลิงเทียน เขาไม่กล้าดูแคลนต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย

"หืม?" ชายหนุ่มที่กำลังควบม้าเขาไปตามทางเข้าวังขององค์ชาย 3 บังเอิญหันกลับมา และเมื่อเขาเห็นชายหนุ่มในชุดสีม่วงอีกครั้งเขาก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวเย้ยหยันออกมา "เฮ่! ไอ้หนูวังขององค์ชาย 3ไม่ใช่ที่ๆผู้ใดก็สามารถเข้ามาเที่ยวเล่นได้ตามใจชอบ หากเจ้าไม่มีเทียบเชิญเจ้ารีบไสหัวกลับบ้านไปดูดนมมารดาเสียจะประเสริฐกว่า!"

คิ้วของต้วนหลิงเทียนขมวดขึ้นเล็กน้อย เขาเองก็เริ่มบังเกิดความขุ่นเคืองขึ้นมาบ้างแล้ว หลังจากมองไอปัญญาอ่อนนี้มายั่วยุเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า นี่มันคิดว่าตัวเขา...ต้วนหลิงเทียนคนนี้ถูกรังแกได้ง่ายๆ เช่นนั้นหรือ?

มุมปากของต้วนหลิงเทียนแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย นี่ก็นับว่าเป็นโชคดีของมันอีกครั้ง ที่ตอนนี้มันอยู่ในเขตวังขององค์ชาย 3 หากเป็นตรอกเปลี่ยวร้าง...เกรงว่าหัวมันคงกลิ้งเป็นลูกหนังอยู่ตามพื้นไปนานแล้ว ต้วนหลิงเทียนเลิกใส่ใจตัวโง่งม ก่อนที่จะหยิบเทียบเชิญในอกเสื้อ ยื่นส่งให้ผู้ดูแล

"ต้วนหลิงเทียนงั้นหรือ? เช่นนั้น ท่านคือ นายน้อยต้วนหลิงเทียน!!" ประกายตาของผู้ดูแลเรืองวูบขึ้นมาพร้อมสองตาที่เบิกกว้างขึ้น เมื่อเห็นนามในเทียบเชิญ ยามนี้ใบหน้าของเขาบังเกิดความเคารพและยำเกรงจนต้องแสดงกริยาสุภาพและนอบน้อมขึ้นอีกหลายส่วน

องค์ชาย 3 ได้กล่าวกำชับเอาไว้แล้วว่า หากชายหนุ่มคนนี้มาถึง ต้องอำนวยความสะดวกและรับรองเขาด้วยความสุภาพนอบน้อมและบริการอย่างดีที่สุดอย่าได้สร้างความไม่พอใจใดๆทั้งสิ้น

"ขอเรียนเชิญนายท่านต้วนหลิงเทียนขอรับ"ผู้ดูแลวัยกลางคนโค้งหัวก่อนที่จะผายมือเชื้อเชิญและเดินนำต้วนหลิงเทียนเข้าไปยังวังขององค์ชาย 3

ต้วนหลิงเทียนเพียงพยักหน้ารับคำเบาๆ ก่อนที่จะเดินตามหลังผู้ดูแลวัยกลางคนเข้าไปในพื้นที่ด้านในของวังองค์ชาย 3

"เขาคือต้วนหลิงเทียนหรือ?"

"ย่อมมิผิด คงมีแต่ต้วนหลิงเทียนเพียงผู้เดียว ที่มีชื่อเสียงและเป็นคนสำคัญพอที่จะให้ท่านผู้ดูแลของเดินนำทางไปด้วยตัวเองเช่นนั้น"

“ชายหนุ่มที่มาก่อนเขาเมื่อครู่ ดูเหมือนจะเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลซูสาขานามว่า ซูหล่าน ใช่หรือไม่ ดูเหมือนเมื่อครู่มันกล้ากล่าววาจาเย้ยหยันต้วนหลิงเทียนด้วยนี่”

"เหอะ! ถึงแม้ว่าพรสวรรค์ตามธรรมชาติและความแข็งแกร่งของซูหล่านจะหาได้อ่อนด้อย แต่มันหาได้มีความสามารถคู่ควรพอที่จะนำมาเปรียบเทียบกับต้วนหลิงเทียนได้"

...

ข้ารับใช้ประจำวังขององค์ชาย 3 ล้วนพูดคุยซุบซิบกระซิบกระซาบกันอย่างออกรส

ในระหว่างทางเดินที่ทอดยาวไปสู่ตัววังนั้น ต้วนหลิงเทียนรู้สึกทึ่งกับองค์ชาย 3 คนนี้อยู่ไม่น้อยและคิดว่าตัวมันช่างเป็นคนที่สุนทรีและรู้จักหาความสำราญให้แก่ชีวิตนัก เพราะพื้นที่กว้างใหญ่สองข้างทางล้วนเต็มไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับ ต้นไม้หายากและสมุนไพรสวยงามหายากนานาพรรณ บางต้นก็เป็นสมุนไพรหายากที่น่าไปหยิบฉวยกลับบ้านไม่น้อย!

ภายใต้การเดินนำทางของผู้ดูแล ไมนานต้วนหลิงเทียนก็มาถึงทะเลสาบกว้างขวางที่น่าจะถูกสร้างขึ้นด้วยฝีมือของมนุษย์ บริเวณลานกว้างด้านใน

เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดลงอาคารที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบพร้อมทางเดินที่เชื่อมยาวกับตัวอาคารหลักที่ถูกรังสรรค์ด้วยน้ำมือมนุษย์ได้อย่างอัศจรรย์ พลันประดับไปด้วยแสงโคมเทียนสว่างไสว เสียงหัวเราะดังก้องออกมาจากด้านในเป็นครั้งคราว สถานที่ดังกล่าวดูเหมือนจะเป็นสถานที่นัดหมาย ของการเชิญมาร่วมงานเลี้ยงฉลองในครั้งนี้

"นายน้อยซูหล่าน แห่งตระกูล ซู มาถึงแล้ว" ทันใดนั้นเองเบื้องหน้าก็มีเสียงดังขึ้นมา

"ซูหล่าน?" ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วลงเล็กน้อย ไอปัญญาอ่อนที่มายั่วยุเขาราวกับเด็กน้อยเมื่อครูก่อนหน้านี้ เป็นคนของตระกูลซู? เช่นนั้นก็ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมมันถึงหยิ่งยโสปานนั้น

อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนก็จำคำกล่าวของเซี่ยวฉวินได้ ดูเหมือนว่าทางตระกูลใหญ่ทั้ง 3 ของเมืองหลวงแห่งนี้ จะไม่อนุญาตให้บุตรหลานหรือสาวกของตระกูลหลัก เข้าร่วมการแข่งขันแย่งชิงอำนาจทางการเมืองในเมืองหลวงแห่งนี้ของเหล่าองค์ชาย เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนก็มั่นใจได้ว่า ซูหล่านนี้เป็นเพียงคนจากตระกูลซูสาขาเท่านั้นไม่ใช่คนของตระกูลหลักโดยตรง

"คารวะท่านองค์ชาย 3 ,องค์หญิงปี้เหยา" ต้วนหลิงเทียนที่ถูกนำมาโดยผู้ดูแลพึ่งจะก้าวลงสะพานไม้ที่เชื่อมไปยังอาคารกลางน้ำ อดสงสัยขึ้นมาไม่ได้หลังจากได้ยินเสียงขอซูหล่านที่กล่าวออกมาอย่างประจบประแจงและไม่วางท่าเหมือนอย่างเคยซ้ำมันยังเต็มไปด้วยความนอบน้อม

องค์หญิงปี้เหยา? ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจเล็กน้อย

ตอนนี้ตัวเขาเองก็กล่าวได้ว่าอาศัยอยู่ในเมืองหลวงเป็นเวลา 2-3 เดือนแล้ว เขาจึงรู้รายละเอียดในเมืองหลวงนี่ไม่น้อย

องค์หญิงปี้เหยาเป็นบุตรีขององค์ราชาคนปัจจุบัน และยังเป็นบุตรีที่ราชารักและเอ็นดูมากที่สุด และยิ่งไปกว่านั้น ตัวนางเองก็ได้รับการยอมรับโดยทั่วกันของเมืองหลวงแห่งนี้ว่า เป็นหญิงงามอันดับ 1 แห่งเมืองหลวง

"หญิงงามอันดับ 1 แห่งเมืองหลวงเช่นนั้นหรือ ....ข้าอยากรู้นักว่านางจะสามารถเทียบกับเค่อเอ๋อและลี่เฟยได้หรือไม่" ภายในใจของต้วนหลิงเทียนพลันบังเกิดความสงสัยใคร่รู้ขึ้นมาไม่น้อย

เค่อเอ๋อและลี่เฟยนั้นกล่าวได้ว่าเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในบรรดาสตรีทั้งหมดที่เขาเคยเห็นตั้งแต่มาอยู่ที่โลกนี้ และในบรรดาสตรีที่เขาเคยเห็นนั้น มีเพียงเซี่ยวหลันของตระกูลเซี่ยว ที่งดงามปานนางฟ้าอันเป็นน้องสาวของเซี่ยวหยูเท่านั้น ที่สามารถนำมาเปรียบกับเค่อเอ๋อและลี่เฟยได้ นอกจากนั้นต้วนหลิงเทียนยังไม่เห็นสตรีคนอื่นที่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับเค่อเอ๋อและลี่เฟยได้แม้แต่คนเดียว

ในขณะชายวัยกลางคนที่เป็นผู้ดูแลเดินนำต้วนหลิงเทียนขึ้นบันใดเข้าตัวอาคารที่เป็นศาลากลางน้ำขนาดใหญ่ขึ้นไปนั้น เขาก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงนอบน้อม "ฝ่าบาท นายน้อยต้วนหลิงเทียนมาถึงแล้วขอรับ"

ทันใดนั้น ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บริเวณหัวโต๊ะของศาลากลางน้ำขนาดใหญ่ ก็หันกลับมาจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเป็นประกายทันที

พร้อมกันนั้นต้วนหลิงเทียนก็เดินเข้าไปในศาลา

เขาได้เห็นชายหนุ่มที่ดูเป็นมิตรและท่าทางอัธยาศัยดี ในชุดคลุมสีทองนั่งหัวโต๊ะ เขายังดูหนุ่มแน่นนักอายุคงอยู่ในช่วง 25-26 ปี จุดเด่นของเขาคือคิ้วที่สง่างามและหางคิ้วที่เป็นเอกลักษณ์อันเป็นลักษณะสืบทอดกันในตระกูลราชวงศ์

"ทักทายองค์ชาย 3" ต้วนหลิงเทียนคาดเดาอัตลักษณ์ของชายคนนี้ได้ในทันที เขาทำเพียงแย้มยิ้มแล้วกล่าวออกมา เป็นการทักทาย

และทันใดนั้นเอง ชายชราที่ยืนอยู่ด้านหลังขององค์ชาย 3 พลันขมวดคิ้วและกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงดุร้ายว่า "บังอาจ!"

เสียงของชายชรานั้นน่าสะพรึงกลัวไม่น้อย ทั้งมันยังถูกบีบอัดด้วยพลังงานต้นกำเนิดและส่งตรงมาถึงหูของต้วนหลิงเทียนให้ได้ยินเพียงคนเดียว

พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียน สามารถลดทอนผลกระทบและสลายผลของเสียงนี้ได้ทั้งหมดแทบจะในทันที ดังนั้นเขาจึงไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย เขาเพียงหันไปจ้องมองชายชราด้วยสายตาเรียบเฉย หลังจากนั้นเขาก็หันไปจ้องยังสตรีที่นั่งอยู่ด้านข้างองค์ชาย 3

อายุของสตรีคนนี้น่าจะอยู่ที่ 18 ปี ซึ่งเป็นเยาวชนที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา ดวงตาของนางกระจ่างใส ใบหน้าแลดูงดงาม อีกทั้งองค์ประกอบบนใบหน้าที่เหลือก็หาได้ธรรมดาไม่ มันแลดูลงตัวเป็นพิเศษ เรือนผมของนางยาวประบ่าทอดตัวลงมาราวกับสายน้ำตก ...พวงแก้มของนางนั้นกล่าวได้ว่างดงามกระจ่างใสสามารถสะกดบุรุษทุกผู้ให้ไม่อาจละสายตาและต่อต้านมนต์สะกดที่นำพาหัวใจให้หลงใหลได้ อีกทั้งยังมีริมฝีปากอวบอิ่มสีสันดั่งเชอรี่สุกน่าลิ้มชิมรสจุมพิตด้วยความพิสมัยไม่น้อย

กล่าวได้ว่ารูปลักษณ์ของนางไม่ได้ด้อยไปกว่าเค่อเอ๋อและลี่เฟย ...

"นับว่าสมคำร่ำลือหญิงงามอันดับ 1 แห่งเมืองหลวงไม่น้อย ด้วยรูปลักษณ์ของนางนี้ นับว่ามากพอที่จะนำไปเทียบกับเค่อเอ๋อและลี่เฟยได้อย่างสูสี... " ต้วนหลิงเทียนนั้นรู้สึกตัวได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะยิ้มอย่างอ่อนโยนให้แก่ สาวน้อย "องค์หญิงปี้เหยา"

เรื่องราวตั้งแต่ต้วนหลิงเทียนกล่าวทักทายองค์ชาย 3 กับเสียงตะโกนที่บีบอัดมาด้วยพลังงานต้นกำเนิดของชายชรา จนกระทั่งกล่าวคำทักทายองค์หญิงปี้เหยานั้นล้วนเกิดขึ้นในพริบตา

นัยน์ตาของชายชรานั้น ฉายแววแปลกใจและสงสัยออกมาอย่างปิดไม่มิด ชายคนนี้เป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 เท่านั้น ...แล้วมันสามารถทนทานต่อ การลงมือของเขาโดยใช้พลังงานต้นกำเนิดบีบอัดเป็นเสียงได้อย่างไร! ...นี่มันทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อนัก!

"ฮ่า ๆ ... ." องค์ชาย 3 หัวเราะออกมาดังลั่น "ตัวข้าได้ยินชื่อเสียงยอดเยี่ยมที่เลืองระบือของน้องชายต้วนหลิงเทียนมานานแล้ว วันนี้เมื่อข้าได้พบเจอเจ้าแล้ว ก็รู้สึกว่าเจ้านั้นช่างยอดเยี่ยมสมคำร่ำลือนัก! ในตอนแรกข้าก็หลงคิดไปว่าน้องชายต้วนหลิงเทียนจะไม่ให้ความสนใจกับเทียบเชิญของข้าเสียอีก ทั้งข้าเองก็ไม่คิดว่าน้องชายต้วนหลิงเทียนจะมาได้เช่นนี้ ...นี่นับว่าสร้างความประหลาดใจให้ข้าอย่างยิ่ง!"

ต้วนหลิงเทียนยิ้มเบาๆ "องค์ชาย 3 ท่านกล่าวเกรงใจมากไปแล้ว ตัวข้าเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น นับว่าเป็นเกียรติมากแล้วที่ได้รับคำเชิญจากองค์ชาย 3 เช่นนี้"

"น้องชายต้วนหลิงเทียนเจ้านี่ช่างถ่อมตัวและไม่ได้วางท่าถือตัวเลยแม้แต่น้อย นับว่าหาได้ยากยิ่งในวัยเพียงเท่านี้ มาๆ น้องชายต้วนหลิงเทียน เชิญเจ้ามานั่งตรงนี้" องค์ชาย 3 ลุกขึ้นยืนและกล่าววาจาให้ต้วนหลิงเทียนเดินมานั่งที่ว่างด้านซ้ายของเขา เห็นได้ชัดว่ามันจงใจถูกทิ้งเอาไว้เพื่อเหตุนี้ตั้งแต่แรก

"ขอบคุณ องค์ชาย 3" ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ทำตัวมีพิธีการอะไร เขาเดินไปนั่งอย่างสบายใจ

ตอนนี้เองสายตาที่เต็มไปด้วยเพลิงริษยาที่ลุกโชนก็ถูกส่งมาจากที่นั่งด้านล่าง เจ้าของสายตาพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นคนหนุ่มสาวที่อยู่ในช่วงอายุ 20-25 ปี ท่าทางแลดูหยิ่งยโสไม่น้อย หากมองไปที่เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของพวกมันก็รู้ได้ทันทีว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ และแต่ละคนย่อมมีชาติกำเนิดและตระกูลใหญ่โตเป็นแน่

ในตอนแรกพวกเขาก็บังเกิดความสงสัยใคร่รู้นัก ว่าที่นั่งด้านซ้ายขององค์ชาย 3 นั้นได้จัดเตรียมไว้ให้ใครกันแน่ มาถึงตอนนี้พวกเขาก็เข้าใจได้ในบัดดลว่า ที่แท้กลับเป็นชายหนุ่มที่เพิ่งโด่งดังและมีชื่อเสียงอย่างมากในเมืองหลวงแห่งนี้นี่เอง

ตอนนี้ด้านซ้ายขององค์ชาย 3 คือต้วนหลิงเทียน ส่วนด้านขวาคือ องค์หญิงปี้เหยา

แน่นอนว่าการที่องค์หญิงปี้เหยานั่งตำแหน่งนั้นย่อมไม่มีใครคัดค้านหรือข้องใจ แต่ต้วนหลิงเทียน ...

ในตอนนี้เหล่าชายหนุ่มที่มีพรสวรรค์เริ่มบังเกิดความไม่พอใจและความขุ่นเคืองขึ้นมาไม่น้อย แต่ก็อย่างว่า พวกมันคงไม่กล้าชักสีหน้าไม่พอใจใส่องค์ชาย 3 พวกมันทำได้เพียงจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเท่านั้น...

แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนย่อมรับรู้ถึงสายตาพวกนี้ดี แต่เขาก็หาได้แยแสอันใดกับสายตาเช่นนี้ของพวกมัน เขาเพียงหันไปจับจ้องยังซูหล่านที่นั่งอยู่ด้านล่าง ซึ่งไม่ไกลจากเขาสักเท่าไร

ตอนนี้ แน่นอนว่าซูหล่านเองก็ต้องจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียน ทั้งเขายังไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง ว่าชายหนุ่มชุดสีม่วงที่เขาได้พบที่หน้าประตูวังขององค์ชาย 3 จะกลับกลายเป็นต้วนหลิงเทียน ที่เต็มไปด้วยคำร่ำลือกันอย่างหนาหูในเมืองหลวงตอนนี้!

อย่างไรก็ตามเมื่อเขานึกถึงเรื่องราวที่เขาได้ยินมาก่อนเมื่อ 2 วันที่แล้ว หัวใจของเขาพลันสงบลงเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดุร้าย!

"ที่แท้เจ้าคือต้วนหลิงเทียนนี่เอง ได้ยินมาว่าทางตระกูลต้วนของเจ้าได้พยายามเชิญเจ้ากลับตระกูลหลายครั้งแต่เจ้าก็ปฏิเสธ เช่นนั้นก็ไม่น่าแปลกใจสักเท่าไร... ที่เจ้าจะไม่มีกระทั่งม้าที่จะใช้เดินทางมายังวังองค์ชาย 3" คิ้วของซูหล่านยกขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวข่มต้วนหลิงเทียนออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

องค์ชาย 3 นั้นให้ความสำคัญกับต้วนหลิงเทียนมากเกินไป นั่นทำให้ในใจของเขาไม่ค่อยรู้สึกพึงพอใจสักเท่าไร ซ้ำยังรู้สึกอึดอัดอย่างยิ่ง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะพบเจอหนทางระบายออกแล้ว!

"ข้าเองก็ได้ยินเรื่องนี้มาเช่นกัน ข้าก็สงสัยอยู่ตั้งนานว่าเหตุใดจึงมีสาวกหลักของตระกูลต้วนแห่งเมืองหลวง มาเข้าร่วมงานเลี้ยงขององค์ชาย 3 เช่นนั้นเป็นเพราะว่าชายหนุ่มคนนี้นั้นยืนกรานที่จะไม่เข้าร่วมกับตระกูลนี่เอง... เฮ่น้องชายหลิงเทียน เจ้านับว่ากล้าหาญนัก! ตาของชายหนุ่มที่สวมชุดสีฟ้าที่นั่งตรงข้ามกับซูหล่านหรี่ลงเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวคำออกมา และถึงแม้ว่ามันจะเรียกต้วนหลิงเทียนว่าน้องชาย แต่ในยามกล่าวนั้นน้ำเสียงของมันก็แฝงความเย้ยหยันเอาไว้ได้ชัด จนคนทั้งหมดเองก็สัมผัสได้

เรื่องราวที่ต้วนหลิงเทียนได้กระทำ ตอนนี้เรียกได้ว่ามันแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว และมันก็เป็นหัวข้อสนทนาที่ถูกกล่าวถึงกันหนาหูที่สุด เหล่าชายหนุ่มอัจฉริยะทั้งหลายล้วนเคยได้ยินเรื่องราวของเขามาไม่มากก็น้อย

หากต้วนหลิงเทียนนั้นยังเป็นสาวกหลักของตระกูลต้วนแห่งเมืองหลวง พวกมันอาจจะหวาดกลัวเขาเล็กน้อย แต่ทว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกลับปฏิเสธคำเชิญชักชวนให้กลับเข้าไปร่วมตระกูล ...

หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูล ถึงแม้ว่าพรสวรรค์ตามธรรมชาติของมันจะยอดเยี่ยมเลิศล้ำ ถึงแม้ว่ามันจะตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 ที่อายุ 18 ปี แล้วจะอย่างไร?

อาณาจักรนภาล่องแห่งนี้หาได้เคยขาดแคลนอัจฉริยะมากพรสวรรค์ไม่ แต่อัจฉริยะมากพรสวรรค์ที่สามารถเติบโตได้โดยไร้เภทภัยนั้น...มีน้อยนิดนัก

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.