spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
"เจ้าจะกล่าวหรือจะให้ข้ากล่าว ดีล่ะ?" ชายชราใช้สายตาลึกซึ้งจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียน มุมปากของเขาเผยรอยยิ้มลี้ลับออกมา ราวกับว่าทุกเรื่องราวนั้นตกอยู่ในกำมือของเขาหมดแล้ว ...
นี่เหวี่ยและนี่เฝินก็บังเกิดความประหลาดใจมากขึ้นเรื่อยๆ นี่เพราะทั้งคู่ไม่รู้ว่าชายชรา กับต้วนหลิงเทียนกำลังกล่าวถึงเรื่องราวอันใดกัน เหตุใดมันจึงดูลี้ลับนัก
"ท่านเจ้าพระยา...เช่นนั้นใยท่านไม่กล่าวออกมาเสียเลยเล่า?" ต้วนหลิงเทียนแน่นอนว่าย่อมต้องอายเล็กน้อยที่ถูกจิ้งจอกเฒ่าเผยไต๋ออกมาเช่นนี้
"เฮ่อ...นี่หากไม่ใช่เพราะประสาทสัมผัสของข้าเหนือกว่าคนปกติอยู่บ้าง ข้ากลัวว่าแม้แต่ข้าเองก็ไม่อาจจะสังเกตเห็นได้ ... ข้าต้องขอกล่าวออกมาอย่างยอมรับจริงๆ ว่าการปลอมตัวของ น้องชายหลิงเทียน นั้นยอดเยี่ยมยิ่งนัก" ตาของชายชราหรี่ลงก่อนที่จะกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับเขากำลังพูดเรื่องราวเล็กน้อยไม่ได้สำคัญอะไร
น้องชายหลิงเทียน?
ปลอมตัว?
นี่เหวี่ยและนี่เฝินเองก็หาใช่คนโง่งม เมื่อได้ฟังสองคำนี้พวกเขาพลันตอบสนองขึ้นมาทันที ช่วงนี้มีชายหนุ่มเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้เจ้าพระยาชราผู้นี้กล่าวคำเรียกหาว่า "น้องชาย" ได้ และนั่นก็คือ ชายหนุ่มลึกลับนามว่าหลิงเทียนที่เดินทางมายังจวนเจ้าพระยาแห่งนี้เมื่อสองเดือนก่อน และได้หลอมปรุงโอสถรักษาพิษให้แก่ชายชราต่อหน้าต่อตาพวกเขา
"เทียนน้อย ... น้องชายหลิงเทียนในวันนั้น เป็นเจ้าเองหรอกหรือ?" นี่เหวี่ยเองมาถึงตอนนี้เขาก็พลันสังเกตได้ว่า ลักษณะการพูดจาและท่าทางของหลานชายของเขาคนนั้น นับว่าละม้ายคล้ายคลึงกับชายหนุ่มสวมชุดสีม่วงที่มีใบหน้าธรรมดาเมื่อวันนั้นอย่างมาก ... และเมื่อยืนยันความคิดนี้ของตัวเองได้ ใบหน้าของเขาพลันฉายชัดออกมาถึงความตื่นตระหนก
"เป็นน้องชายหลิงเทียนจริงๆ?" นี่เฝินนั้นตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อ
"ท่านลุงนี่และก็ท่านพี่นี่ นี่เป็นเพราะข้านั้นไม่ทราบถึงความสัมพันธ์ของลุงนี่กับท่านพ่อมาก่อน ข้าหวังว่าพวกท่านจะอภัยให้กับความผิดที่ข้าได้กระทำขึ้นมาด้วย " ต้วนหลิงเทียนนั้นทำได้เพียงยิ้มขอโทษออกมาอย่างช่วยไม่ได้ นี่มันแทบไม่ผิดไปจากคำกล่าวที่ว่า ยามน้ำหลากวังมังกร แม้นคนในครอบครัวก็มิอาจจดจำกันได้ แม้แต่น้อย
"น้องชายหลิงเทียนเจ้าจะกล่าวขออภัยออกมาเพื่ออันใด หากไม่ใช่เพราะเจ้า...เกรงว่าชีวิตชรานี้ของข้าคงไม่อาจเก็บกู้เอาไว้ได้ และคงต้องถึงกาลจบสิ้นลงไปแล้ว" ชายชราส่ายหัวออกมาก่อนที่จะถอนหายใจ แล้วจ้องมองต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาซับซ้อน
เขาไม่เคยคาดคิดแม้แต่เพียงครั้ง เลยว่า ชายหนุ่มที่สามารถหลอมปรุงโอสถขจัดพิษให้แก่เขาได้ จะกลับกลายเป็นบุตรชายของต้วนหรูเฟิง...สหายรักของบุตรชายตนคนนั้น...
"ท่านเจ้าพระยาเกรงว่า ข้าคงไม่อาจรับคำเรียกหาว่า น้องชาย จากท่านได้อีกแล้ว" ตอนนี้ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนนั้นทำได้เพียงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้มองว่าเจ้าพระยาเป็นญาติอะไรแม้แต่น้อยคำเรียกหาอะไรจึงไม่ได้ใส่ใจ แต่ตอนนี้เขารู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างนี่เหวี่ยกับบิดาของเขาแล้ว จะให้เขาไม่เกรงใจอีกก็คงไม่ได้...หากมารดาของเขาล่วงรู้ว่าเขาไม่เคารพผู้หลักผู้ใหญ่แล้วล่ะก็ นางคงไม่ปล่อยเขารอดไปง่ายๆแน่นอน!
"จริงด้วยท่านพ่อ เทียนน้อยกล่าวถูกแล้ว" นี่เหวี่ยที่ได้สติแล้วกล่าวกับบิดาออกมาพร้อมหัวเราะอย่างร่าเริง
เรื่องราวเขย่าขวัญที่หลานชายคนนี้นำมาให้เขาได้รับรู้นั้น มันราวกับคลื่นทะเลไร้สินสุดอย่างไรอย่างนั้น
เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 ด้วยอายุเพียง 18 ปี!
เป็นผู้หลอมโอสถระดับ 9 ได้ตั้งแต่อายุ 18 ปี!
ไม่ว่าจะเป็นเพียงเรื่องใดจาก 1 ใน 2 เรื่องนี้ มันก็เพียงพอที่จะทำให้คนผู้นั้นเลื่องลือระบือนามสะกดข่มผู้คนทั่วทั้งอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้แล้ว ... แต่ไม่คิดเลยว่า...ยามนี้เรื่องราวเขย่าขวัญนี่กลับมาบังเกิดที่ตัวชายหนุ่มคนนี้พร้อมๆกัน
"หรูเฟิงหากเจ้ายังมีชีวิตอยู่ คาดว่าแม้แต่ยามละเมอเจ้ายังคงหัวเราะเยาะข้าใช่หรือไม่?" นี่เหวี่ยกล่าวออกมาพร้อมถอนหายใจ
"เช่นนั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าเทียนน้อยตั้งแต่ตอนนี้ ส่วนเจ้าก็เรียกข้าว่าท่านปู่เป็นอย่างไร?" ชายชราแย้มยิ้มออกมาอย่างยินดีในขณะที่มองไปยังต้วนหลิงเทียน
"ท่านปู่นี่" ต้วนหลิงเทียนเองก็โล่งอกขึ้นมาทันที เขาหันไปกล่าวพร้อมยิ้มให้ชายชราเช่นกัน
ส่วนนี่เฝินที่ยืนอยู่ด้านข้างนั้นยังคงแข็งค้าง เขามองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเหม่อลอย แม้จะผ่านมาสักพักแล้ว แต่ตอนนี้เขาเองยังไม่หายจากอาการตกตะลึง จะทำอย่างไรได้ในเมื่อต้วนหลิงเทียนนั้นกระทำเรื่องเหนือคาดมากเกินไปแล้ว!
...และด้วยคำเชิญจากตระกูลเจ้าพระยา ต้วนหลิงเทียนเองก็ต้องอยู่รับประทานอาหารเย็นที่จวนเจ้าพระยา
"เทียนน้อย แล้วแม่ของเจ้าเล่านางมาเมืองหลวงกับเจ้าด้วยหรือไม่?" นี่เหวี่ยกล่าวถามออกมา
"มาด้วย ท่านลุง" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
"แล้วพวกเจ้า ... ได้กลับไปที่ตระกูลต้วนนั่นหรือไม่?" นี่เหวี่ยเองดูเหมือนจะมีเรื่องราวบางอย่างในใจ ในขณะที่กล่าวถามเรื่องนี้ออกมา
"ไม่ได้กลับไป ท่านลุง" ต้วนหลิงเทียนส่ายหัว
"แล้วเจ้าสองคนไปอยู่ที่ใดกันเล่า ... "นี่เหวี่ยสงสัยเล็กน้อย
"ข้าได้ซื้อบ้านเดี่ยวพร้อมลานบ้านเอาไว้ ให้ครอบครัวข้าอาศัยอยู่น่ะท่านลุง" ต้วนหลิวเทียนกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม
"ในเมื่อเจ้าได้ลงมือสังหารต้วนหลิงซิ่ง จนต้องเปิดเผยความแข็งแกร่งระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 ออกมา ...พรสวรรค์ตามธรรมชาติที่สูงล้ำเช่นนี้ พวกตระกูลต้วนนั่น มิแคล้วต้องส่งคนมาเชิญเจ้ากลับตระกูลเจ้าจนวุ่นวายแล้วสิ?" แววตาของนี่เหวี่ยเรืองวูบขึ้นมา เขาย่อมรู้ซึ้งถึงวิธีการดำเนินงานของพวกตระกูลใหญ่ๆเป็นอย่างดี
แค่พรสวรรค์ตามธรรมชาติด้านวรยุทธ์ของต้วนหลิงเทียนนั้นก็เพียงพอแล้วให้พวกระดับสูงในตระกูลต้วนนั่งไม่ติดเก้าอี้ จนต้องร้อนรนหาหนทางโยนบ่วงรัดตัว ดึงต้วนหลิงเทียนกลับตระกูลให้รวดเร็วที่สุดเป็นแน่แท้
"อาท่านลุงนี่ ท่านกล่าวได้ราวกับตาเห็นไม่แพ้เทพพยากรณ์จริงๆ! ตระกูลต้วนนั้นส่งคนเป็นทูตมาเชื้อเชิญข้ากลับจริงดั่งท่านกล่าว แต่ข้าปฏิเสธพวกมันไปทั้งหมด" ต้วนหลิงเทียนนั้นกล่าวออกมาอย่างเรียบๆ ไม่ได้ดูมีอารมณ์หรือความรู้สึกใดๆแม้แต่น้อยในยามที่กล่าวออกมา ถึงเรื่องที่เขาปฏิเสธการกลับไปตระกูล
"ยอดเยี่ยม! ดีแล้วที่เจ้ากล่าวปฏิเสธไอพวกบัดซบนั่น ทั้งหมดเป็นเพราะพวกมัน! ที่บังคับให้เจ้าสองแม่ลูกต้องระเห็จออกจากตระกูลไป มายามนี้ ก็ให้พวกมันนึกเสียใจไปก็แล้วกัน!" นี่เหวี่ยเองก็ไม่ได้มีความประทับใจอะไรที่ดีกับตระกูลต้วน "เฮ่ จวนเจ้าพระยาของข้าเองก็หาได้เล็กหรือคับแคบไม่ เหตุใดเจ้าและแม่ไม่ย้ายมาอยู่ที่นี่กันเล่า? ในเมืองหลวงแห่งนี้ข้ากล้ากล่าวได้เลยว่ามีเพียงส่วนน้อยเทานั้น ที่กล้ามาสร้างปัญหาให้แก่ที่นี่!"
ในยามที่กล่าวนั้น นี่เหวี่ยดูมั่นใจไม่น้อย
"ท่านลุงนี่ ข้าคงต้องขอขอบคุณในความหวังดีของท่าน แต่ตัวข้าและครอบครัวเองก็คุ้นเคยกับบ้านเดี่ยวหลังนั้นแล้ว ข้าไม่ขอรบกวนท่านจะดีกว่า" ต้วนหลิงเทียนส่ายศีรษะไปมาพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่จะกล่าวปฏิเสธความหวังดีของนี่เหวี่ยอย่างสุภาพ
"เทียนน้อยเจ้าลงมือสังหารต้วนหลิงซิ่ง ข้าเกรงว่าต้วนหรูเล่นจะไม่วางมือจากเรื่องนี้ง่ายๆ ... หากเจ้าคิดอยู่ที่บ้านเดี่ยวหลังนั้นจริงๆ ให้ข้าส่งคนไปคอยเฝ้าระวังดีหรือไม่?" นีเหวี่ยกล่าวถามออกมาอย่างเป็นกังวลอีกครั้ง
"ท่านลุงนี่อย่าได้เป็นกังวลไป พวกเขาไม่อาจหาบ้านของข้าพบได้ง่ายๆ" หลังจากนั้นหลิงเทียนที่กินอาหารเสร็จแล้วก็ลุกขึ้น "ท่านลุงนี่ ต้องขอขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้ ... ยามนี้ถึงเวลาที่ข้าต้องขอตัวกลับก่อน ป่านนี้มารดาข้าคงเป็นห่วงแย่แล้ว"
"ข้าจะเดินไปส่งเจ้าเอง" นี่เหวี่ยลุกขึ้นยืนและเดินไปส่งต้วนหลิงเทียนออกจากจวนเจ้าพระยาพร้อมกันกับนี่เฝิน
ทหารรักษาความปลอดภัยที่ประตูหน้าของจวนเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์ อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลงและจ้องมองอย่างตกตะลึง ชายหนุ่มผู้นี้เป็นใครกัน? ...นี่เพราะเขาถึงกับสามารถทำให้ท่านพระยาและท่านพระยาน้อยออกมาส่งเขาด้วยตัวเองเช่นนี้ ...
"ท่านลุงนี่ พี่ใหญ่เฝิน ข้าต้องขอตัวลาแล้ว" ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำอำลาเสร็จร่างของเขาก็วูบไหวราวกับอสรพิษก่อนที่จะพุ่งหายลับไปสุดทางและเลี้ยวหายไป
"ท่านพ่อ ข้าไม่คิดเลยว่าบุตรชายของท่านอาหรูเฟิง จะท้าทายสวรรค์ยิ่งกว่าตัวเขาเองเสียอีก!" เมื่อแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนหายลับไป นี่เฝินอดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมา
"ผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 อีกทั้งเป็นผู้หลอมโอสถระดับ 9 ด้วยวัยเพียงแค่ 18 ปี... นาอกจากนี้การวางตัวของเขานั้น ข้ากล้ากล่าวได้เลยว่าดื้อรั้นและไม่ยอมผู้ใดง่ายๆยิ่งกว่าต้วนหรูเฟิงเมื่อหลายปีก่อนเสียอีก! และที่สำคัญที่สุด หลังจากที่เขาล่วงรู้ความสัมพันธ์ระหว่างข้าและบิดาเขา ดูเหมือนเขาจะหลีกเลี่ยงความช่วยเหลือและความปรารถนาดีจากข้าอย่างถึงที่สุด ราวกับว่าเขากลัวจะทำให้พวกเราเดือดร้อนหรือติดกลัวที่จะติดหนี้พวกเราอย่างไรอย่างนั้น" นี่เหวี่ยหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น "เจ้าเด็กคนนี้ นับว่ามีหัวใจเด็ดเดี่ยวยิ่งกว่าบิดาของมันมากนัก"
"ติดหนี้?" ใบหน้าของนี่เฝินพลันเหวอไปครู่หนึ่ง "ท่านพ่อ เช่นนี้เรื่องที่เทียนน้อยแก้พิษให้ท่านปู่เล่า หากเขาไม่ต้องการสิ่งใดจากพวกเรา นี่ใยมิใช่พวกเราเป็นหนี้เค้าครั้งมโหฬารหรือไร! ... "
.....
ต้วนหลิงเทียนเดินวนไปวนมา 2-3 รอบภายในเมืองชั้นใน และเมื่อเขามั่นใจว่าไม่มีผู้ใดติดตามเขาแล้วก็รีบเดินทางกลับบ้านของเขาทันที
เขาได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยอารมณ์ซับซ้อน หลังจากที่พบเจอเรื่องราวในวันนี้... ตอนแรกในใจของเขาก็ยังคงมีความคิดที่จะอาศัยและพึ่งพาจวนเจ้าพระยาอยู่บ้าง แต่หลังจากที่เขาได้รับรู้ความสัมพันธ์ระหว่างบิดาเขา กับพระยานี่เหวี่ย เขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะหวังพึ่งจวนเจ้าพระยาทันที
แม้ว่าปัญหาและความยากลำบากที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่ในปัจจุบันนี้ มันจะถูกแก้ปัญหาได้ง่ายดายหากเขาพึ่งดาบที่มีอำนาจสูงอย่างสิ่งที่เรียกว่าจวนเจ้าพระยา แต่แน่นอนว่าตัวเขาย่อมไม่เต็มใจที่จะทำเช่นนั้น
ภาพที่เขามองนั้นหาได้หยุดอยู่ที่อาณาจักรนภาล่องเล็กๆแห่งนี้ ในอนาคตเขาจะต้องเดินทางออกจากอาณาจักรนภาล่อง เพื่อมุ่งหน้าไปเผชิญโลกที่กว้างใหญ่...
และเมื่อถึงเวลานั้นมันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาเลย ที่จะใช้ชีวิตอยู่ในโลกภายนอกได้ โดยยังมีความคิดที่จะอาศัยความช่วยเหลือจากจวนเจ้าพระยา ตอนนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับปัญหาทั้งหมดด้วยตัวของเขาเอง ทุกอย่างล้วนมีเพื่อทดสอบเส้นทางของเขาและตัวเขาทั้งสิ้น
เขาจะต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งของตนในการจัดการเรื่องราวทุกอย่าง! และไม่รับความช่วยเหลือใดๆจากผู้อื่นง่ายๆ! มีเพียงแต่ตัวเขาที่แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ถึงจะเรียกได้ว่าแข็งแกร่งอย่างแท้จริง!
แต่แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คนหัวรั้นไร้เหตุผล หากมันจำเป็นและถึงที่สุดแล้วจริงๆ เขาก็จะใช้ไพ่ตายที่เรียกว่าจวนเจ้าพระยา นี้ให้เหมาะสมที่สุด
แทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกลับมาถึงนั้น สตรีทั้ง 3 ที่สวยงามปานล่มเมืองในบ้านของเขา ก็รีบออกมาทักทายเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลไม่น้อย และสุดท้ายก็เป็นมารดาของเขาเองที่เป็นคนกล่าวถามออกมาคนแรก "ลูกเทียนเหตุใดวันนี้เจ้าถึงกลับบ้านดึกนักเล่า?
ต้วนหลิงเทียนยิ้มออกมาบางๆ "ท่านแม่ ลุงนี่ ขอให้ข้าอยู่ทานอาหารค่ำที่จวนเจ้าพระยา"
"ลุงนี่?" ลี่หลัวนิ่งไม่ตอบสนองไปครู่หนึ่ง
"พระยาเรืองฤทธิ์แห่งจวนเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์ นี่เหวี่ย" ต้วนหลิงเทียนค่อยๆกล่าวออกมา
"พี่ใหญ่ นี่เหวี่ย?" ลี่หลัวรู้สึกตกตะลึงไม่น้อย ไม่นานรอยยิ้มก็เผยออกมาบนใบหน้าของนาง "เวลาผ่านไปตั้งหลายปี แต่ในที่สุดพี่ใหญ่ก็ได้รับตำแหน่งพระยาเรืองฤทธิ์แล้ว ...นี่นับว่ายอดเยี่ยมนักที่เขาตัดสินใจชวนเจ้าไปทันทีที่เขาได้ยินเรื่องราวของเจ้า"
แม้แต่ลี่หลัวเองก็ย่อมรู้ว่ายามนี้บุตรชายของนางนั้น มีชื่อเลื่องระบือแค่ไหนภายในเมืองหลวงของอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้ มันไม่เป็นการเกินเลยไปสักนิดหากจะกล่าวว่าไม่มีแม้แต่วิญญาณสักดวงที่ไม่รู้จักเขา
หลังจากนั้น เวลา 10 วันก็ล่วงเลยผ่านไปอย่างสงบ
นอกเหนือจากทางตระกูลต้วนได้ส่งคนมาเฝ้ารอหน้าสถาบันบ่มเพาะขุนพล เพื่อโน้มน้าวเชิญชวนต้วนหลิงเทียน ด้วยคำสัญญามากมายและสิทธิพิเศษต่างๆ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่วายถูกต้วนหลิงเทียนปฏิเสธอยู่ร่ำไปแล้ว...ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้เจอเหตุการณ์ยากลำบากหรือเรื่องราวอะไรเป็นพิเศษในช่วง 10 วันมานี้
ผู้อาวุโส 2 หรือรองประมุขตระกูลต้วนบิดาของต้วนหลิงซิ่ง,ต้วนหรูเล่ย และก็องค์ชาย 5 ก็ดูเหมือนจะหายตัวไปโดยไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา
ในตอนค่ำหลังจากที่กล่าวคำร่ำลากับเซี่ยวหยู เซี่ยวฉวินแล้วต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้เดินทางกลับบ้านทันที แต่เขาเดินไปยังเขตที่พักแห่งหนึ่ง
เขาหยิบเทียบเชิญที่มีคนนำมาส่งให้ขึ้นมาดูเล็กน้อยก่อนที่จะเก็บใส่กระเป๋ากลับไป
และในขณะที่เขาเดินผ่านซอยเล็กๆ
ทันใดนั้นเอง
"ฟ่อ ฟ่ออ ~"
"ฟ่อ ฟ่ออ ~"
หัวเล็กๆสองหัวพลันยื่นออกมาจากแขนเสื้อของต้วนหลิงเทียน พวกมันย่อมไม่พ้นอสรพิษตัวน้อยเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ ตอนนี้พวกมันโผล่หัวออกมาจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนอย่างร่าเริง มันผงกหัวน้อยๆก่อนที่จะแลบลิ้นไปมา เขาบนศีรษะของพวกมันสะท้อนแสงแวววาวออกมาเล็กน้อย ...
"เจ้าตัวน้อยทั้งสอง อย่าดื้อสิ กลับไปข้าจะให้พวกเจ้ากินเสต็ค!" ต้วนหลิงเทียนรีบเก็บอสรพิษตัวน้อยทั้งสองเข้าแขนเสื้อ ก่อนที่จะเดินทางต่อไป
เพื่อความปลอดภัยเขาเองก็ได้นำเสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋ ติดตามเขาออกจากบ้านมาด้วยในวันนี้ เช่นนั้นตอนนี้ตัวเขาจึงเสมือนมีองครักษ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 4 ถึง 2 คนคอยคุ้มครอง นอกจากนี้เสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋เองก็ยังมีความเร็วที่สูงส่งมาก ๆกล่าวได้ว่า หากผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 5 พลั้งเผลอประมาทเพียงชั่วพริบตามันก็อาจถูกอสรพิษน้อยสองตัวสังหารลงได้อย่างง่ายดาย
ถึงแม้ว่ามันจะกว้างใหญ่ แต่ดูเหมือนวังหลังนี้ก็ดูเรียบง่ายปราศจากเครื่องตกแต่งที่หรูหราอันใดที่ฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น
และในขณะที่เขาเดินทางจนเข้าใกล้ประตูวังนั้นเอง ...
"ไป!" เสียงตะโกนจากที่ไกลๆพลันดังเข้าหูของเขา ตามด้วยเสียงย่ำพื้นที่น่าหวาดหวั่นของม้าที่กำลังควบขี่มาด้วยความเร็วสูงจนแผ่นดินสั่นสะเทือน ...
ต้วนหลิงเทียนมองกลับไปก็พบว่ามีชายหนุ่มในชุดคลุมสีฟ้า กำลังควบขับอาชาเหงื่อโลหิตมุ่งหน้ามายังทางนี้ จุดหมายปลายทางของมันคงไม่พ้นวังขององค์ชาย 3 เช่นกัน
"หืม?" สีหน้าของต้วนหลิงเทียนเคร่งขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่เขาสังเกตได้ว่า ...ชายคนนั้นเองก็เห็นเขาเดินอยู่ แต่มันไม่คิดจะลดความเร็วของอาชาเหงื่อโลหิตที่มันควบขี่มาสักนิด ...ซ้ำยังใช้แส้เฆี่ยนเพื่อเร่งความเร็วอาชาเหงื่อโลหิตที่กำลังมุ่งหน้ามายังตัวเขาอีกด้วย...