หน้าแรก > War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 160 สกัดโลหิตเพื่อหลอมกลั่นโอสถ

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

จากความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด มังกรที่แท้จริงนั้นจะพัฒนามาจากมังกรวารี และมังกรวารีเองก็วิวัฒนาการมาจากงูเหลือม

เมื่องูเหลือมบังเกิดเนินเนื้อราวกับเขางอกเงยขึ้นมาบนศีรษะเมื่อไหร่ นั่นหมายถึงมันได้ก้าวเข้าสู่หนทางของการวิวัฒนาการเป็นมังกรวารีเรียบร้อยแล้ว และเมื่อไหร่ก็ตามที่เนินเนื้อนูนนั้นถูกเขาที่แท้จริงทะลวงฝ่าออกมาได้ นั่นย่อมหมายความว่ามันได้วิวัฒนาการไปเป็นมังกรวารีสำเร็จ!!

ถึงแม้ว่ามังกรวารีจะนับได้ว่าอ่อนด้อยกว่ามังกรที่แท้จริง แต่จะอย่างไรมังกรวารีเองก็นับได้ว่ามีสายเลือดของมังกรที่แท้จริงไหลเวียนอยู่ถึงครึ่งหนึ่ง

เลือดมังกรจะอย่างไรมันก็ยังคงเป็นเลือดมังกร! และนั่นมันเพียงพอสำหรับเงื่อนไขขั้นต่ำในการหลอมกลั่นโอสถโลหิตมังกร

"เพื่อนตัวน้อยคนนี้บังเกิดเนินเนื้อราวกับเขานี้มานานแล้ว และต่อมามันก็เริ่มปริออกเผยให้เห็นยอดเขาแหลมๆสีทองเล็กๆนั่น ... หากนับจากความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด เช่นนั้นเจ้าตัวน้อยนี่หาใช่งูเหลือมปกติอีกต่อไป แต่มันเป็นมังกรวารี! " ต้วนหลิงเทียนจ้องมองไปยังเสี่ยวเฮยด้วยแววตาเรืองวูบ ตอนนี้เขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการจับเสี่ยวเฮยมาสกัดเลือดสักหน่อย ...

"ฟ่อ ฟ่อออออ ~" เสี่ยวเฮยเองดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงภัยอันตรายที่กำลังมาเยือนจากการจ้องมองด้วยสายตากระหายของต้วนหลิงเทียน มันแลบลิ้นข่มขู่ออกมาสองครั้งก่อนที่จะตัดสินใจลี้ภัยพุ่งหลบเข้าไปในแขนเสื้อของต้วนหลิงเทียนอย่างว่องไวราวกับเส้นสายอัสนี...อนิจจามันจะหนีทั้งทีดันหนีเข้าไปในแขนเสื้อ!

"เสี่ยวเฮย อย่าได้คิดหนีข้าเลยหน่า ข้าตัดสินใจแล้วว่าวันนี้ข้าจะขอสกัดเลือดจากเจ้าสักเล็กน้อย ถ้าเจ้ามอบเลือดให้ข้าสักหน่อยข้ารับรองข้าจะทำของอร่อยๆให้เจ้ากิน เจ้ารู้จักเสต็คหรือไม่เล่า!" ต้วนหลิงเทียนล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อก่อนที่จะจับอสรพิษตัวน้อยออกมา รอยยิ้มชั่วร้ายเริ่มเกิดขึ้นที่มุมปากของเขา

"ฟ่ออ ฟอออ ~" เสี่ยวเฮยพยายามดิ้นรนขัดขืน อย่างไม่ยินยอม...

เมื่อใกล้ค่ำ ตวนหลิงเทียน เซี่ยวหยู รวมทั้งเซี่ยวฉวินก็เดินออกจากสถาบันบ่มเพาะขุนพล หลังจากที่แยกย้ายกับทุกคนแล้วหลิงเทียนก็เดินวนไปวนมา เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีผู้ใดติดตามเขาก็กลับบ้านทันที

หลังจากที่สั่งให้ฉงเฉวียนออกไปซื้อวัตถุดิบสมุนไพร เพื่อหลอมกลั่นโอสถโลหิตมังกรเรียบร้อยแล้ว สิ่งสุดท้ายที่ขาดย่อมเป็นตัวโลหิตมังกรเอง และนั่นต้องได้รับความอภินันทนาการจากเจ้าเสี่ยวเฮยที่พยายามหลบหนีตัวนี้

"ตัวเลวร้าย เจ้าแกล้งอันใดเสี่ยวเฮย ใยมันดูหวาดกลัวเจ้าเช่นนี้กันเล่า?" ลี่เฟยตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็น 1 คน 1 งู คนหนึ่งเดินเข้าหา คนหนึ่งเลื้อยถอยหลัง อย่างน่าประหลาด

เค่เอ๋อเองก็มองไปยังหลิงเทียนด้วยเช่นกัน และนางก็สังเกตได้ว่าเสี่ยวไป๋ในอ้อมกอดเองก็ดูเหมือนจะสังเกตเห็นหรือรับรู้อะไรบางอย่างตัวมันจึงสั่นขึ้นมาเบาๆ ...

"เอาไว้ข้าจะบอกเจ้าทีหลังนะ" ต้วนหลิงเทียนยิ้มออกมาอย่างลี้ลับ ก่อนที่จะอุ้มเสี่ยวเฮยที่จนมุมแล้วขึ้นมากลับไปที่ห้อง

ต้วนหลิงเทียนจับหางเสี่ยวเฮยขึ้นมาด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อนที่จะชักกระบี่อ่อนดาราม่วงขึ้นมาด้วยมืออีกข้างแล้วเชือดหางของเสี่ยวเฮยด้วยความเร็วสูง ราวกับเขากำลังจะลับคมกระบี่เพื่อออกไปล่าสังหารอย่างไรอย่างนั้น!

"ฟ่อ ฟ่อออ ~" สัญญาณแห่งความหวาดกลัวเริ่มเผยในดวงตาเสี่ยวเฮยเล็กน้อย

"เสี่ยวเฮย ไม่เป็นไรหรอก ข้าต้องการเพียงเลือดเล็กน้อยเท่านั้น" ต้วนหลิงเทียนพยายามทำมันให้สงบด้วยการกล่าวปลอบออกมาอย่างอ่อนโยน

ภายใต้น้ำเสียงอ่อนโยนของหลิงเทียนทำให้เสี่ยวเฮยที่หวาดกลัวเริ่มกลับมาเป็นปกติ

และในพริบตานั้นประกายแสงกระบี่อ่อนดาราม่วงของต้วนหลิงเทียนก็เรืองวูบขึ้นมา หลังเขาสะบัดกระบี่วาดพุ่งไปยังร่างของอสรพิษตัวน้อยอีกครั้งด้วยความเร็วปานสายฟ้า

เคร้ง!

แต่กลับคาดไม่ถึงเลยว่ากระบี่นี้ไม่แม้แต่จะสร้างรอยขีดข่วนใดๆ ให้แก่อสรพิษตัวน้อย

ต้วนหลิงเทียนตกตะลึง เขาไม่คิดเลยว่าอสรพิษตัวน้อยจะมีเกล็ดที่แข็งแกร่งและสามารถป้องกันกระบี่ได้ถึงขนาดนี้ ต้วนหลิงเทียนจึงค่อยๆเพิ่มความแข็งแกร่งไป ...

แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ได้ประจักษ์ว่าถึงแม้เขาจะทุ่มเทความแข็งแกร่งทั้งหมดถึงระดับ 15 ช้างแมมมอธโบราณ แต่เขาก็ไม่อาจทะลวงผ่านเกล็ดของเสี่ยวเฮยได้เลย

เขาหมดหนทาง

"เสี่ยวเฮยเจ้านี่มันตัวประหลาดน้อยจริงๆ เจ้าแข็งแกร่งเช่นนี้ข้าจะเรียกเลือดจากเจ้าได้อย่างไรกัน?" ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ใบหน้าของเขาฉายชัดออกมาถึงความอับจนหนทางมันเต็มไปด้วยความหดหู่อย่างมาก

แต่เมื่อเขาคิดขึ้นได้ว่าจะให้ฉงเฉวียนเข้ามาช่วยเหลือ เสี่ยวเฮยที่เห็นสีหน้าราวกับหมาหงอยของต้วนหลิงเทียน มันพยักหน้าเบาๆ ก่อนที่จะก้มลงไปกัดหางตัวเองพร้อมหลับตาปี๋

ทันใดนั้นหยาดโลหิตสีทองค่อยๆซึมออกมา

ต้วนหลิงเทียนไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขารีบพุ่งไปพร้อมเปิดขวดที่เตรียมมา รองโลหิตสีทองทั้งหมดนั้นทันที

เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจบาดแผลเล็กๆของเสี่ยวเฮยก็หายไปราวกับว่ามันไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆมาก่อน แต่ดูราวกับว่าอสรพิษน้อยจะเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก ไม่ต่างอะไรกับสภาพเขาตอนใช้พลังวิญญาณเกินขีดจำกัด มันหลับไปเพราะความเหนื่อยล้าทันที

"นี่มันมากเกินไปหรือ?" ต้วนหลิงเทียนเขย่าโลหิตในขวดที่มีไม่กี่หยดเล็กน้อย ก่อนที่มุมปากเขาจะเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา นี่เพราะเขารู้สึกผิดในหัวใจไม่น้อย

"ข้าหวังว่ามันจะได้ผล ... ไม่อย่างนั้นแล้วเสี่ยวเฮยคงต้องทนทรมานและเหน็ดเหนื่อยไปอย่างไร้ประโยชน์"ต้วนหลิงเทียนถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ก่อนที่จะดึงเตาหลอมโอสถออกมา และเริ่มหลอมกลั่นโอสถตามสูตรโอสถโลหิตมังกร

โอสถโลหิตมังกรไม่ใช่เรื่องยากที่จะหลอมกลั่น ขั้นตอนแรกของการหลอมกลั่นนั้น เพียงต้องละลายวัตถุดิบสมุนไพรทั้งหมดเสียก่อนเพื่อสกัดแก่นแท้และสรรพคุณของวัตถุดิบสมุนไพรออกมาเท่านั้น ซึ่งขั้นตอนนี้จะกินเวลาประมาณครึ่งชั่วยาม

หลังจากครึ่งชั่วยามผ่านไปต้วนหลิงเทียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อประกายตาของเขาเรืองวูบด้วยความมั่นใจ เขาก็หยิบขวดเล็กๆออกมา ก่อนที่จะหยดโลหิตสีทองลงไปในเตาหลอมโอสถ

ต้วนหลิงเทียนกระทำและเฝ้าดูทุกขั้นตอนด้วยความระวังจนถึงขีดสุด ... .

ครืนนน!!

ทันใดนั้นเองภายในเตาหลอมโอสถก็เริ่มบังเกิดเสียงสั่นเทือนออกมา ก่อนที่เตาหลอมโอสถจะเริ่มสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง

สีหน้าของหลิงเทียนแปรเปลี่ยนเป็นถมึงทึงขึ้นมาในพริบตา เขารีบเอื้อมมือทั้งสองข้างไปโคจรพลังงานต้นกำเนิดเพื่อประคองหยุดยั้งเตาหลอมโอสถไว้ไม้ให้ล้มคว่ำทันที!

เตาหลอมโอสถสั่นสะท้านอยู่ราวๆหนึ่งเค่อก่อนที่มันจะหยุดลง

"นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?" ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความสงสัยเล็กน้อย ตอนนี้เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น และโอสถโลหิตมังกรนั้นถูกหลอมกลั่นเสร็จสิ้นแล้วหรือยัง

ฟู่ววว ฟู่วววว!

เสียงแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบของสายลมดังขึ้นในหูของต้วนหลิงเทียน มือของต้วนหลิงเทียนพุ่งไปคว้าจับโอสถที่ลอยขึ้นออกจากเตาหลอมโอสถทันที เมื่อเขาแบมือออก เขาก็พบโอสถที่ทอประกายสีทองส่องสว่างออกมาและมันดูน่ามหัศจรรย์ไม่น้อย

"หืม นี่มันโอสถโลหิตมังกรแน่หรือ?" ต้วนหลิงเทียนเพียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะโยนโอสถโลหิตมังกรเข้าปาก

เมื่อโอสถเข้าสู่ร่างกายเขาต้วนหลิงเทียนเริ่มกระจายจิตสัมผัสไปสำรวจภายในร่างของตัวเองดูทันทีเขาค้นพบว่า ผลของโอสถ ครึ่งหนึ่งนั้นโคจรหมุนวนไปทั่วร่างเขาแผ่พลังงานต้นกำเนิดออกมาอย่างมหาศาลและเริ่มแทรกซึมไปยังทุกส่วนของร่างกายเขาเพื่อหลอมกลั่นเลือดเนื้อทุกอณู ส่วนอีกหนึ่งนั้นกลับโคจรไปยังจุดตันเถียน...

เมื่อผลลัพธ์ของโอสถจบสิ้นลง เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าตอนนี้ร่างกายของเขาเสมือนผ่านกระบวนการหลอมกลั่นด้วยพลังงานต้นกำเนิดเรียบร้อยแล้ว

เขากำหมัดขึ้นมาพร้อมเกร็งพลัง!

วู้มม!

14 เงาร่างช้างแมมมอธโบราณปรากฏเหนือศีรษะของต้วนหลิงเทียน หากเทียบกับเมื่อก่อนแล้วยามนี้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มมาอีก 1 ช้างแมมมอธโบราณอย่างเห็นได้ชัด!

"เช่นนี้ต่อไปในภายภาคหน้าเวลาที่ข้าใช้ในการบ่มเพาะ ก็คงไม่มากมายกว่าชาวบ้านเขาเสียที แต่เอ... เพราะเหตุใดโอสถโลหิตมังกรส่วนหนึ่งนี่จึงไปอาศัยอยู่ในตันเถียนของข้ากันเล่า?" ต้วนหลิงเทียนลองสำรวจภายในตันเถียน ของเขาอย่างละเอียดอีกครั้ง และผลลัพธ์ของโอสถนี้ดูเหมือนมันจะฝังแน่นอยู่ในจุดตันเถียนของเขาราวกับเป็นอะไรบางอย่างที่กำเนิดขึ้นในร่างของเขายากจะแยกออก ผลลัพธ์โอสถมันไปตกค้างอยู่ในจุดตันเถียนของเขาและดูเหมือนจะไม่สามารถขับออกมาได้

"เอ มันไม่มีข้อมูลของเรื่องราวพิกลเช่นนี้อยู่ในความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดเสียด้วย ... เหลือว่ามันจะเป็นโลหิตของเสี่ยวเฮยกัน? แต่ข้าสัมผัสได้ว่ามันไม่ได้แสดงผลร้ายอะไรออกมา อืม...เช่นนั้นข้าก็ปล่อยมันไว้อย่างนี้แล้วกัน" ต้วนหลิงเทียนเคร่งเครียดอยู่ครู่หนึ่งแต่สุดท้ายเขาก็ผ่อนคลายและเลิกให้ความสนใจมันไป

หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็นั่งลงและหลับตาเพื่อบ่มเพาะพลังงานต้นกำเนิด ด้วยวิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงครามต่อทันที ... เขากำลังสั่งสมพลังงานเพื่อตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 6!

ตอนนี้ตัวต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่ได้รู้เลยว่า เรื่องราวของเขาที่ได้ลงมือสังหารต้วนหลิงซิ่งในการประลองเป็นตายที่สถาบันบ่มเพาะขุนพลนั้น มันจะกระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเหลาอาหาร หรือ ร้านรวงใดๆ ก็ตามทั้งเมืองชั้นในและชั้นนอก ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเต็มไปด้วยบทสนทนาถึงเรื่องราวที่เกี่ยวกับเขา

"ลูกเทียน" น้ำเสียงดังราวกับตะโกนของลี่หลัวดังขึ้นนอกห้องทำให้ต้วนหลิงเทียนลืมตาและพักการบ่มเพาะพลังของเขาเอาไว้

"ท่านแม่ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือ?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมา ก่อนที่จะเดินไปเปิดประตู

และเมื่อเขาเปิดประตูออกไป สิ่งที่เห็นก็คือแม่ของเขาที่ยืนอยู่หน้าประตูนั้น จากใบหน้าที่เคยงดงามอ่อนโยนมายามนี้มันแฝงความโกรธเอาไว้ไม่น้อย

"ท่านแม่เกิดอะไรขึ้นกัน?" หัวใจของต้วนหลิงเทียนเริ่มสั่นไหว

"ข่าวลือที่แพร่กระจายอยู่ทั่วไปหมดด้านนอกในตอนนี้ เป็นเรื่องจริงหรือไม่? เจ้าสังหารบุตรชายของท่านลุงรองของเจ้าเช่นนั้นหรือ?" น้ำเสียงของลี่หลัวนั้นต่ำและแผ่วเบามาก ราวกับนางพยายามระงับโทสะเอาไว้อย่างเต็มที่

หากไม่ใช่เพราะเผลอไปฟังบทสนทนาของสาวใช้ภายในบ้านแล้วล่ะก็ ตัวนางที่ไม่ค่อยได้ออกไปไหนคงไม่มีทางได้ตระหนักถึงข่าวลือที่กำลังแพร่กระจาย และเป็นประเด็นร้อนของการสนทนาทั่วทั้งเมืองหลวงแห่งนี้

ต้วนหลิงเทียนบุตรชายของต้วนหรูเฟิงแห่งตระกูลต้วน ลงมือปลิดปลงสังหารต้วนหลิงซิ่งที่เป็นพี่ชายร่วมตระกูล!

"จริงครับท่านแม่" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับออกมา เขาไม่ได้คิดปิดบังอะไรในเรื่องนี้

"ทำไม ลูกถึงทำเช่นนั้น?" น้ำเสียงของลี่หลัวเต็มไปด้วยความโกรธ "นั่นเป็นบุตรชายของลุงรอง เป็นลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งของเจ้า!"

“ท่านแม่ ท่านเข้ามาและนั่งลงก่อน” ต้วนหลิงเทียนพาแม่ของเขาเข้ามานั่งลงในห้อง ก่อนที่จะค่อยๆกล่าวออกมาอย่างช้าๆว่า "ท่านแม่ ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะทำให้ท่านโกรธข้าถึงเพียงใด แต่ข้าก็ไม่คิดเสียใจอะไรที่กระทำลงไป... หรือว่าตัวท่านเองก็ได้ลืมไปแล้ว ว่าวันนั้นลี่ซวนเกือบตกตายเพราะเขา? และถ้าหากลี่ซวนไม่ได้กระโดดออกมาขวางฝ่ามือนั้นของต้วนหลิงซิ่ง ป่านนี้คงเป็นข้าที่ตกตายด้วยฝ่ามือนั้นไปแล้ว! "

"และเรื่องราวคราวนี้หากไม่ใช่เพราะความปรารถนาที่จะเห็นข้าตกตาย มันคงไม่คิดประลองเป็นตายกับข้า มันรู้สึกมั่นใจว่าสามารถสังหารข้าได้อย่างแน่นอน มันจึงรีบลงนามทำสัญญาประลองเป็นตายกับข้า และเริ่มต้นประลองเป็นตายกับข้าอย่างไม่ลังเลแม้แต่เพียงนิด แล้วเหตุใดข้าถึงจะฆ่ามันไม่ได้กัน? " น้ำเสียงของต้วนหลิงเทียนนั้นหนักแน่นและแฝงทิฐิไม่น้อย

สีหน้าของลี่หลัวค่อยๆผ่อนคลายลงมาหลังจากที่ได้ยินคำกล่าวของบุตรชาย สุดท้ายนางก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “แม้ว่ามันจะทำความผิดอย่างไม่น่าให้อภัย แต่อย่างไรเจ้าน่าจะเห็นแก่บิดาของมันบ้าง เหตุใดจึงไม่ละเว้นชีวิตของมันเอาไว้? ในปีนั้นพ่อของเจ้าได้พลั้งมือทำร้ายลุงรอง จนตันเถียนของเขาถูกทำลายกลับกลายเป็นคนพิการคนหนึ่ง ไม่อาจสั่งสมพลังงานต้นกำเนิดได้ตลอดชีวิต”

“ท่านแม่เรื่องนี้ท่านน่าจะเห็นได้ชัดและรู้ดีกว่าข้าเสียด้วยซ้ำ ว่าปีนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หากไม่ใช่เพราะว่าต้วนหรูเล่ยนั้นหยิ่งยโสและหุนหันพลันแล่น มันจะฝืนร่างกายจนท่านพ่อพลั้งมือทำร้ายตันเถียนของมันหรือ? และนอกจากนี้ ข้าว่าต้วนหรูเล่ยอะไรนั่นก็หาใช่คนดีอะไรมากมาย มันเห็นแก่หลานชายของมัน...จนถึงกับส่งผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้มาฆ่าข้าถึง 2 คนเมื่อวานนี้!” หลังจากที่กล่าวจบ ประกายตาของต้วนหลิงเทียนพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา แฝงความอำมหิตแลดูน่าหวาดหวั่นไม่น้อย

"เจ้าว่าอะไรนะ?!" สีหน้าของลี่หลัวพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด "ต้วนหรูเล่ย ส่งคนมาลอบสังหารเจ้าหรือ?"

"ถูกแล้ว" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำ ก่อนที่จะกล่าวถึงเรื่องราวความขัดแย้ง ระหว่างเขากับต้วนหรงอย่างช้าๆ และเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น "ท่านแม่ข้ารู้สึกว่าท่านยังรู้สึกผิดกับมันเพราะสิ่งที่ท่านพ่อได้ทำกับมันเอาไว้ ... แต่พวกมันทั้งครอบครัวก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าฉีกข้าเป็นชิ้นๆ ข้าแค่เพียงเริ่มลงมือก่อนพวกมันก็เท่านั้น!"

"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแล้วลูก ... " ลี่หลัวส่ายหัวออกมาก่อนที่จะถอนหายใจ "วันนี้เป็นแม่ผิดเองที่ตำหนิเจ้าโดยไม่รู้เรื่องราว... จะอย่างไรเจ้าไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรในอนาคตก็ต้องระวังตัวให้มากเข้าไว้นะลูกเทียน เจ้าเองก็อย่าลืมว่านอกจากลุงรองแล้ว ยังมีภรรยาของมันอีกคนที่หาได้อ่อนแอไม่"

ลี่หลัวยังคงจดจำได้เป็นอย่างดีว่าหลังจากที่สามีของนางหายตัวไป คนที่ลงมือเล่นงานนางเป็นคนแรกนั้นคือภรรยาของต้วนหรูเล่ยที่มีนามว่า อวิ๋นผิง และเป็นเพราะนางหวาดกลัวว่าอวิ๋นผิงจะทำร้ายต้วนหลิงเทียนที่ยังเล็กนางจึงหนีออกจากตระกูลต้วนมา

"ท่านแม่ท่านอย่าได้กังวลไปเลย" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าอกมาพร้อมรอยยิ้ม "ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ ท่านเห็นว่าข้ากระทำการโดยไม่ได้มั่นใจมาก่อน?"

ลี่หลัวยื่นมือขึ้นมาลูบใบหน้าของต้วนหลิงเทียน ดวงตาที่คมใสกระจ่างของนางเผยออกมาด้วยประกายตาซับซ้อน "นับตั้งแต่ที่เจ้าบาดเจ็บสาหัสเพราะถูกลี่ซินทำร้าย แม่ก็สังเกตว่าเจ้าเปลี่ยนแปลงไปมาก ... บางครั้งแม่เองก็รู้สึกว่าเจ้าเปลี่ยนไป แต่ไม่ว่าเจ้าจะเปลี่ยนไปมากมายสักเท่าไรก็ตามเจ้ายังเป็นลูกชายตัวน้อยของแม่เสมอ เจ้าจะเป็นลูกเทียนตัวน้อยขี้อ้อนของแม่ตลอดไป ความรักและห่วงใยที่แม่มีให้เจ้าจะไม่มีวันลดลง ...และมาตอนนี้เจ้าก็ทำให้แม่ภาคภูมิใจในตัวเจ้ามากมายนัก "

เมื่อได้ฟังวาจาของลี่หลัวไปถึงครึ่งทาง หัวใจของต้วนหลิงเทียนพลันสั่นไหวเล็กน้อย แต่หลังจากที่ลี่หลัวกล่าวจบแล้วเขาก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

"ท่านแม่ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ข้าจะเป็นลูกเทียนตัวน้อยที่น่าภาคภูมิใจของท่านตลอดไป!" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาด้วยท่าทางจริงจัง

"แม่เชื่อในตัวเจ้า" ลี่หลัวพยักหน้าเบาๆ รอยยิ้มที่จริงใจและอ่อนโยนฉายชัดอยู่บนใบหน้าของนาง

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.