spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
กลุ่มของต้วนหลิงเทียนยามนี้ก็มานั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันที่โต๊ะในโรงอาหาร และต้วนหลิงเทียนก็กำลังคีบอาหารกินอย่างเอร็ดอร่อย ราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเมื่อสักครู่ ไม่ได้มีผลกระทบใดๆต่อเขาสักเพียงนิด
ในขณะที่เซี่ยวหยู,เซี่ยวฉวิน และเทียนหูนั้นจะไม่ค่อยกินอะไรสักเท่าไร พวกเขาดูเหมือนจะเสียความอยากอาหารไปตั้งแต่เห็นฉากเลือดสาดเมื่อสักครู่ พวกเขาทำเพียงกระพริบตาปริบๆ พอจะคีบกินอาหารก็เหมือนว่าภาพต้วนหลิงซิ่งถูกปาดคอ หรือถูกสะบั้นแขนขาจะลอยมา ทำให้พวกเขากินอะไรไม่ลง มีเพียงซูหลี่เท่านั้นที่คล้ายกับหลิงเทียน และดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบอะไร
“ระดับบ่มเพาะสูงถึงก่อกำเนิดขั้นที่ 9 ทั้งยังมีอาวุธวิญญาณระดับ 7 หากไม่ใช่เจ้าลงประลองเป็นตายกับต้วนหลิงซิ่ง พวกเราคงยังถูกเจ้าปิดบังเอาไว้ได้อบ่างมิดชิด” เทียนหูถอนหายใจออกมาพร้อมยิ้มเจื่อนๆ
ต่อหน้าต้วนหลิงเทียน ความสามารถและพรสวรรค์ของเขาที่เคยถูกเรียกว่าอัจฉริยะกลับกลายเป็นเพียงขยะตัวหนึ่งเท่านั้น! แต่เขาก็รู้ดีว่าเขาไม่ควรเอาตัวไปเปรียบเทียบกับตัวประหลาดต่อต้านสวรรค์ตัวนี้ หากเขาเปรียบเทียบกับคนปกติคงจะดีเสียกว่า
"มิผิด แม้กระทั่งข้าเองยังถูกปิดหูปิดตามาเสียนาน" ยามนี้สายตาที่เซี่ยวหยูใช้จับจ้องต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยความซับซ้อน เขาคิดว่าหากต้วนหลิงเทียนยังเติบโตไปเรื่อยๆอย่างช้าๆ สักวันเขาอาจจะมีหนทางติดตามต้วนหลิงเทียนได้ทันในเส้นทางยุทธ์นี้ แต่ใครจะไปรู้กันว่าเพียงพริบตาเดียวความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนกลับทะยานพุ่งไกลออกไปจนตัวเขานั้นทำได้เพียงเหม่อมองเงาหลังและเดินตามรอยฝุ่นเท่านั้น!
"แต่สิ่งที่ข้าคาดไม่ถึงที่สุด กลับเป็นเรื่องหลัง...ที่แท้เจ้าเป็นถึงบุตรชายของท่านต้วนหรูเฟิง นั่นย่อมหมายความว่าเจ้าเองก็เป็นสาวกสายหลักของตระกูลต้วน" เซี่ยวฉวินหรี่ตามองต้วนหลิงเทียนเล็กน้อย แววตาของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง
"ข้าเป็นบุตรชายของต้วนหรูเฟิงจริง ... แต่ข้าไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับตระกูลต้วน!หลิงเทียนเพียงกล่าวตอบคำเซี่ยวฉวินไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆแฝงความไม่พอใจเอาไว้เล็กน้อย เขานั้นชิงชังคนตระกูลต้วนอย่างมาก เขาไม่ชอบให้ใครมาเหมารวมเขาเป็นคนตระกูลต้วน
เซี่ยวฉวินเพียงสงสัยและงุนงงกับท่าทีนี้ของหลิงเทียนเล็กน้อย แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความเกลียดชังบางอย่างจึงไม่คิดจะถามอะไรให้มากความอีก
เขาย่อมเห็นได้ชัดว่าต้วนหลิงเทียนนั้นดูเหมือนจะไม่ลงรอยกับตระกูลต้วนสักเท่าไร
ในเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนกำลังเพลิดเพลินกับมื้ออาหารแสนอร่อย ต้วนหรงเองก็หอบหิ้วร่างไร้วิญญาณของต้วนหลิงซิ่งกลับตระกูลต้วน
ในลานกว้างขนาดใหญ่ร่างไร้วิญญาณของต้วนหรงนอนอยู่ที่นั่นในสภาพซีดเซียวแทบไม่หลงเหลือโลหิตสักหยด รอยโลหิตบนร่างของเขาก็เริ่มแห้งกรังไปบ้างแล้ว
“ลูกซิ่ง!” เสียงพื้นดินสั่นสะเทือนดังตึงตังดังขึ้นมาจากฮูหยินที่หนักไม่ต่ำกว่า 300 ชั่งกำลังวิ่งมา หยาดน้ำตาหลั่งรินออกมาจากดวงตาหยีๆที่ยามนี้มีแต่สีแดงก่ำ นางไม่อาจทำใจรับเรื่องราวตรงหน้าได้ว่ามันเป็นความจริง
ร่างหนึ่งพุ่งมาด้วยความเร็วอย่างถึงขีดสุดในชีวิตมัน พร้อมกับตะโกนออกมาดังลั่นลานกว้าง ราวกับเสียงอัสนีร่ำร้อง “ลูกซิ่ง”
เป็นร่างของชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง รูปลักษณ์สง่างามดูหรูหรามีระดับ เห็นได้ชัดเจนว่าเขาคงมีระดับที่สูงและฐานะร่ำรวยไม่น้อย
เมื่อเขามาถึงลานกว้างแห่งนี้เขาก็ร่ำไห้ออกมา ดวงตาของเขาก็แดงก่ำและเต็มไปด้วยความเกลียดชังเช่นกัน ตอนนี้ความเคียดแค้นที่ราวกับเพลิงกัลป์กำลังปะทุอยู่ในอกของเขา ...
“ไม่ว่ามันจะเป็นผู้ใด ข้าจะเผามันให้เป็นเถ้าถ่าน แล้วสาดกระจายเถ้ากระดูกมัน!” น้ำเสียงของต้วนหรูเล่ยเต็มไปด้วยความเคียดแค้นอย่างถึงขีดสุด
"พี่รอง ข้าได้ยินมาว่าต้วนหลิงซิ่ง ... " ร่างอีกร่างหนึ่งพลันเดินเข้ามายังลานกว้างแห่งนี้พร้อมกล่าวถามขึ้น ก่อนที่จะเงียบลงเมื่อเห็นร่างไม่สมประกอบที่นอนอยู่บนลานกว้าง เขาคือต้วนหรูหงอาวุโสลำดับที่ 4
ไม่นานหลังจากนั้นก็มีชายชราท่าทางมีอายุมากแล้วกำลังเดินเข้ามาในลานกว้างอย่างช้าๆ ชายชราทั้ง 3 นั้นถูกนำมาด้วยชายวับกลางคนที่สวมเสื้อคลุมสีขาวขลิปทอง
ชายวัยกลางคนมีรูปลักษณ์ภูมิฐานแลดูแข็งแกร่งองอาจ การเคลื่อนไหวทุกย่างก้าวของเขาเต็มไปด้วยความกระฉับกระเฉงแลดูมั่นใจในตัวเองอย่างสูง ... เขาคือประมุขตระกูลต้วน, ต้วนหรูหั่ว!
"น้องรอง ,น้องสะใภ้ ข้าเสียใจด้วย" ต้วนหรูหั่วกล่าวออกมาพร้อมถอนหายใจ ขณะที่มองไปยังต้วนหรูเล่ยและภรรยาของมัน
"น้องรองมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?" สีหน้าของต้วนหรูหงแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง น้ำเสียงของมันรุนแรงขึ้นมาไม่น้อย ดูท่ามันเองก็บังเกิดโทสะขึ้นมากมายเช่นกัน...
"ข้าเองก็พึ่งกลับมา" ต้วนหรูเล่ยกล่าวจบ ก็หันไปมองสตรีร่างอ้วน เมื่อร่างอ้วนถูกหันมามอง นางก็เบนสายตาจากดวงตาที่แดงก่ำไปยังต้วนหรง "เป็นต้วนหรงที่นำร่างกายของลูกซิ่งกลับมา ... ต้วนหรง! ไอ้สารเลวบัดซบตัวใดกันที่มันกล้าสังหารลูกข้าเช่นนี้?!!"
เมื่อกล่าวถึงท้ายประโยคน้ำเสียงของนางก็สั่นเครือและเริ่มเต็มไปด้วยโทสะยากระงับ นางหันไปจับจ้องต้วนหรงด้วยแววตาน่าหวาดกลัว
และตอนนี้เองทุกสายตาก็จับจ้องมายังต้วนหง
ต้วนหรงที่ตกเป็นเป้าสายตาและศูนย์รวมความสนใจ กล่าวตอบออกมาด้วยความหวาดกลัวพร้อมทั้งร่างกายที่สั่นระริก "ท่านป้า ปะ..เป็นต้วนหลิงเทียนที่เป็นผู้ลงมือขอรับ!"
ต้วนหลิงเทียน?
สตรีอ้วนฉุถึงกับตกตะลึงค้างจนสติหลุดลอยไปครู่หนึ่ง
"เจ้าว่าอันใดนะ?" สีหน้าของอาวุโส 4 ต้วนหรูหงเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ก่อนที่จะมองไปยังต้วนหรงด้วยสายตาที่กำลังจับผิด "เจ้ามั่นใจหรือว่าผู้สังหารมีนามว่าต้วนหลิงเทียน?"
ชื่อต้วนหลิงเทียนนี้เขาคุ้นหูนัก!
ลูกชายของต้วนหรูเฟิงเองก็มีนามว่าต้วนหลิงเทียนเช่นกัน และเขาเองก็ได้พบกับต้วนหลิงเทียนเมื่อ 2 ปีก่อน ตอนที่ออกไปทำธุระกับต้วนหลิงซิ่งแล้วบังเอิญผ่านเมืองวายุโปรย
"เขาเป็นบุตรชายของ ต้วนหรูเฟิง มีนามว่าต้วนหลิงเทียน ไม่ผิดแน่!" ต้วนหรงกัดฟันอย่างหนักในขณะที่พูดออกมา
นอกเหนือจากต้วนหรูหงคนอื่นๆในตอนแรกนั้นยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนักกับนามที่ชื่อต้วนหลิงเทียนนี้มากนัก
แต่พอชื่อ ต้วนหรูเฟิงดังขึ้น ...ทำให้พวกมันตื่นตัวขึ้นมาในทันทีทันใด
"เป็นไปไม่ได้!" ต้วนหรูหงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ข้าได้พบกับต้วนหลิงเทียนเมื่อ 2 ปีก่อน และตอนนั้นเขาเป็นเพียงผู้บ่มเพาะร่างกายระดับต้นๆ เท่านั้น มันพึ่งผ่านไปแค่ 2 ปี แล้วเขาจะมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะฆ่าต้วนหลิงซิ่งได้อย่างไร? นอกจากนี้มันก็เป็นไปไม่ได้สำหรับเขา ที่จะมีปัญญามายังเมืองหลวงแห่งนี้" ต้วนหรูหงกล่าวยืนกรานออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อคำกล่าวของต้วนหรง
“มันเป็นเรื่องจริงนะขอรับ! ยามนี้ต้วนหลิงเทียนสมควรมีอายุประมาณ 18 ปี อีกทั้งเขาเองก็อยู่ที่สถาบันบ่มเพาะขุนพล!...” แล้วต้วนหรงก็ค่อยๆเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดออกมาด้วยดวงตาสีแดงก่ำเต็มไปด้วยน้ำตา
ต้วนหลิงเทียน!
อายุ 18 ปี!
ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9!
อาวุธวิญญาณระดับ 7!
ไม่ว่าเรื่องใดก็ตามที่ต้วนหรูหงกล่าวออกมาล้วนสร้างความตื่นตระหนก จนอกสั่นขวัญแขวนแทบจะลืมหายใจทั้งสิ้น แม้แต่ต้วนหรูหงเองก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง ชายหนุ่มคนนั้นพึ่งมีระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นต้นๆเท่านั้นเมื่อ 2 ปีที่แล้วแล้วเขากลับกลายมาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นสูงสุดเช่นนี้ได้อย่างไร
และหลังจากที่ยืนยันได้แล้วว่าผู้ที่ฆ่าต้วนหลิงซิ่งเป็นใคร พวกเขาเองก็รู้สึกลำบากใจไม่น้อย เพราะหากวัดกันที่ลำดับสถานะทั้งคู่ล้วนมีฐานะที่เท่าเทียมกัน ความรู้สึกจนปัญญาและไม่รู้จะทำอย่างไรดีเริ่มบังเกิดกับต้วนหรูหง ...
"เป็นไอ้สารเลวบัดซบนั่น" เสียงของสตรีอ้วนยามนี้ช่างหนาวเย็นเสียดกระดูกราวกับเป็นเสียงที่มาจากขุมนรกอเวจี
"แล้วเหตุใด ยามนั้น เจ้าไม่ห้ามปรามต้วนหลิงซิ่ง มิให้มันรับคำท้าประลองเป็นตายกันเล่า?" สายตาของประมุขตระกูลต้วน ต้วนหรูหั่วจ้องเขม็งไปยังต้วนหรง ก่อนจะกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงต่ำ
ต้วนหรงเพียงแย้มยิ้มอย่างขมขื่นออกมา "ข้าพยายามถึงที่สุดแล้ว แต่ท่านพี่ก็ไม่ยอมฟังคำของข้าแม้แต่ครั้งเดียว อีกทั้งข้าเองก็ไม่รู้มาก่อนว่าต้วนหลิงเทียนจะมีความแข็งแกรงมากมายถึงเพียงนี้!"
"ที่แท้ เป็นบุตรชายต้วนหรูเฟิง!"
"บุตรชายต้วนหรูเฟิงงั้นหรือ...ตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 ได้ตั้งแต่อายุ 18 ปี ... พรสวรรค์ตามธรรมชาติของเขานับว่าเหนือกว่าหรูเฟิงเสียอีก!"
"ท่านประมุข จะอย่างไรต้วนหลิงซิ่งก็ตกตายลงเพราะการประลองเป็นตาย อีกทั้งตัวมันเองก็ได้ลงนามยินยอมไปแล้วด้วย นี่ไม่อาจโทษใครได้นอกจากตัวมันเองที่มั่นใจมากเกินไป! นอกจากนั้นต้วนหลิงเทียนเองก็นับได้ว่าเป็นสายเลือดหลักของตระกูลต้วน เช่นนั้นพวกเราควรให้เขากลับมากราบไหว้บรรพชน รับรู้สถานะที่แท้จริงของเขา และต้องให้เขากลับเข้าตระกูล ! " ชายชราอาวุโส 3 คนที่ยืนอยู่ด้านหลังของต้วนหรูหั่วกล่าวออกมา
ภายในแววตาของพวกเขายามนี้นั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ตั้งแต่ต้วนหลิงซิ่งได้ลงนามประลองเป็นตายไปแล้วก็กล่าวได้ว่าต่อให้ผู้ฆ่าจะเป็นใครก็ตาม ตระกูลต้วนก็ไม่มีสิทธ์ที่จะเข้าไปก้าวก่าย แล้วจะนับประสาอะไรกับผู้ที่ลงมือฆ่าเป็นต้วนหลิงเทียน...
ปัจจุบันตอนนี้พวกเขาคิดถึงแต่บุคคลที่ลงมือสังหารต้วนหลิงซิ่ง , ต้วนหลิงเทียนนั่นเอง! นี่เพราะพรสวรรค์ตามธรรมชาติในเชิงยุทธ์ของเขานั้นทำให้พวกเขาอดประหวั่นจนเนื้อเต้นไม่ได้!
ในปีนั้นทุกคนในตระกูลต้วนเองก็บังเกิดความหวังว่าต้วนหรูเฟิงที่เป็นอัจฉริยะ มีโอกาสที่จะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับ ธรรมชาติ และนำพาตระกูลต้วนให้รุ่งโรจน์ทัดเทียมกับตระกูลราชวงศ์!
แต่น่าเสียดายที่ต่อมาต้วนหรูเฟิงก็หายตัวไปเสียก่อน
แต่ตอนนี้หลายปีผ่านไป บุตรชายของต้วนหรูเฟิง , ต้วนหลิงเทียนได้ปรากฏกายขึ้นมา ซ้ำเขาไม่ใช่แค่สามารถเทียบรอบเท้าบิดาของเขาได้ แต่พรสวรรค์ของเขานั้น กลับเหนือล้ำยิ่งกว่าบิดาเสียอีก! นี่ทำให้พวกเขาบังเกิดความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
สำหรับพวกเขาตระกูลต้วน ... ต้วนหลิงเทียนเป็นดั่งดาวความหวังของพวกเขา!
เพื่อประโยชน์ของตระกูลต้วนแล้ว จะไปนับประสาอะไรกับเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนจะเข่นฆ่าต้วนหลิงซิ่ง ต่อให้ต้วนหลิงเทียนฆ่ามันโดยไม่มีเหตุผลคนตระกูลต้วนก็คงไม่กล่าวว่าอะไรเขามาก แล้วนี่เป็นการสังหารในการประลองเป็นตายเช่นนี้อีกด้วย ตระกูลต้วนย่อมไม่คิดใส่ใจอะไร
นั่นเพราะมูลค่าของต้วนหลิงเทียน ต่อให้มี 100 ต้วนหลิงซิ่งก็ไม่อาจนำมาเทียบได้
ในโลกนี้ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่ง มันเป็นสัจธรรมที่เย็นชาและเป็นความจริงอันโหดร้าย
และนี่คือความโหดร้ายของตระกูลใหญ่ ... หากเจ้าสามารถทำประโยชน์ให้แก่ตระกูลได้เจ้าก็เป็นดั่งสมบัติของตระกูล แต่หากเจ้าไม่อาจทำประโยชน์อะไรได้ก็เป็นแค่เศษหญ้าเท่านั้น!
"ผู้อาวุโส ท่านกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอะไร?" ดวงตาเล็กๆ ของสตรีอ้วนกระพริบเล็กน้อย ก่อนที่จะฉายแววหม่นหมองพร้อมกล่าวออกมาด้วยความคับแค้นใจ "ต้วนหลิงซิ่งบุตรข้าก็เป็นสายเลือดหลักของตระกูลต้วน ถึงแม้ว่าพวกมันจะมีการลงนามยินยอมรับความตายในการประลองเป็นตายแล้วก็จริง แต่ไอบัดซบนั่นก็ไม่ควรฆ่าบุตรชายข้า ต้วนหลิงซิ่งเป็นถึงพี่ชายมัน! เป็นคนตระกูลเดียวกัน! ไอบัดซบที่ไร้ปราณีเช่นนี้สมควรต้องตาย หากคนเช่นมันเข้ามาในตระกูลต้วน แล้วผู้ใดจะรู้ว่ามันจะทำอันใดบ้าง "
"หากตระกูลต้วนไม่คิดจัดการเรื่องนี้ให้เหมาะสม ข้าอวิ๋นผิงจะลงมือจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเอง!" เมื่อสตรีอ้วนฉุกล่าวออกมาจบคำ กลิ่นอายเย็นชาหนาวเหน็บและความอำมหิตก็แผ่ซ่านออกมาอย่างน่าหวาดกลัว ...
สีหน้าของชายชราเองก็แปรเปลี่ยนเป็นขุ่นเคืองเช่นกัน สตรีอ้วนฉุผู้นี้กล้ามีปัญหากับพวกเขา?
แม้แต่ประมุขของตระกูลต้วนอย่าง ต้วนหรูหั่วเองก็มีสีหน้าเคร่งขึ้นทันที เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตำหนิว่า "น้องสะใภ้เจ้าอย่าได้ให้มันมากเกินไป!"
ตอนนี้แน่นอนว่าภายใจของต้วนหรูหั่วย่อมคิดไปในทิศทางเดียวกันกับผู้อาวุโสทั้ง 3 เรื่องของตระกูลย่อมมีความสำคัญที่สุด และอยู่เหนือสิ่งอื่นใดเสมอ
เพียะ!
ทันใดนั้นเองเสียฟาดตบก็ดังขึ้นในอากาศ และผิดคาดนัก กลับเป็นต้วนหรูเล่ยที่ลงมือตบหน้าสั่งสอนอวิ๋นผิง ภรรยาอ้วนฉุด้วยตัวมันเอง
"เจ้า... เจ้าตีข้า?" อวิ๋นผิงตกตะลึงพรึงเพริด บุตรชายของนางถูกสังหารอย่างอำมหิต และนางก็ทำเพียงกล่าวคำออกมาจากหัวใจของผู้เป็นแม่เท่านั้น แต่คนที่นางเรียกว่าสามีกลับตบหน้านางออกมาเช่นนี้!
"ใช่! ข้าตีเจ้า เจ้ามันสตรีที่โง่เขลานัก!"ต้วนหรูเล่ยยกมือขึ้นทำท่าจะตีอวิ๋นผิงอีกครั้ง แต่เขาก็ทำเพียงแค่นเสียงออกมาแล้วหันไปกล่าววาจากับผู้อาวุโสทั้ง 3 รวมถึงประมุขตระกูลต้วน "ท่านประมุข,ท่านผู้อาวุโส ... เรื่องนี้เป็นเรื่องที่บุตรชายของข้าตัดสินใจไปโดยพลการ แต่จะอย่างไรมันก็เป็นผู้ตัดสินใจเลือกหนทางนี้เอง ไม่มีใครที่จะต้องถูกตำหนิเพราะเรื่องเช่นนี้ ข้าต้วนหรูเล่ยย่อมรู้ดีว่าเรื่องใดควรทำ และไม่ควรทำ ข้าหวังว่าท่านประมุขและผู้อาวุโสทั้งหลายจะสบายใจได้"
"ไม่เลวๆ หรูเล่ย เจ้านับว่าสามารถยึดส่วนรวมเป็นที่ตั้ง และมองภาพรวมผืนใหญ่ก่อนจริงๆ!" ผู้อาวุโสทั้ง 3 คนล้วนพยักหน้าออกมาด้วยความพึงพอใจ
มีเพียงประมุขตระกูลต้วนอย่างต้วนหรูหั่ว ที่ม่านตาหรี่ลงเล็กน้อยก่อนที่จะจับจ้องไปยังต้วนหรูเลยด้วยสายตาลึกซึ้ง "น้องรองข้าหวังว่าเจ้าจะจริงใจดังเช่นคำกล่าวนี้ของเจ้าจริงๆ ... หาไม่แล้วไม่เพียงแต่ข้าจะผิดหวัง ทั้งตระกูลคงผิดหวังกับเจ้าด้วยเช่นกัน"
ร่างกายของต้วนหรูเล่ยสั่นเล็กน้อยก่อนที่จะรีบกล่าววาจาออกมา "แน่นอน ท่านพี่ประมุข!"
"น้อง 4 เจ้าเป็นคนไปรับผิดชอบเรื่องราวที่จะรับตัวต้วนหลิงเทียนกลับเข้ามาตระกูลของเราเถิด เขาได้ลำบากลำบนอยู่ด้านนอกมานานเกินพอแล้ว ทางตระกูลจะชดใช้ให้เขาอย่างเหมาะสม" ต้วนหรูหั่วมองไปยังต้วนหรูหงก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างช้าๆ
"ขอรับท่านประมุข!" ต้วนหรูหง รีบรับคำสั่งที่มอบให้เขานี้ทันที ก่อนที่จะลอบระบายลมหายใจออกมาอย่างอย่างไม่ได้ เขาย่อมรู้ดีว่าคราวนี้จะอย่างไร ต้วนหลิงซิ่ง ก็ตกตายอย่างไร้ค่าไปแล้ว
ต้วนหรงที่อยู่ด้านข้างเองก็มีสีหน้าบิดเบี้ยวอย่างถึงขีดสุด มันได้แต่เฝ้ามองดูเหล่าผู้อาวุโสทยอยจากไปทีละคนๆจนหมด
เรื่องราวจบลงง่ายดายเช่นนี้?
“น้องรอง น้องสะใภ้ ไม่คิดเลยว่าเรื่องราวมันจะออกมาในรูปแบบนี้ จะอย่างไรข้าก็เสียใจกับพวกเจ้าด้วย” ต้วนหรูหงกล่าวปลอบต้วนหรูเล่ยกับภรรยา ก่อนที่เขาจะจากไป
"สามี ความแค้นของลูกซิ่ง ท่านคิดจะมันปล่อยไปง่ายๆเช่นนี้หรือ!!" หลังจากที่เห็นคนนอกจากไปหมดสิ้นแล้ว ดวงตาของสตรีอ้วนฉุก็แดงก่ำดั่งโลหิต ก่อนที่นางจะจ้องตาเขม็งไปยังต้วนหรูเล่ย พร้อมกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา