หน้าแรก > War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 156 ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 เท่าเทียมกัน!

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

ภายใต้การเดินนำมาของชายชราพร้อมนักศึกษากลุ่มใหญ่จากโรงอาหาร ทำให้เหล่านักศึกษาของสถาบันบ่มเพาะขุนพล แห่กันติดตามมาชมดูการประลองที่ลานฝึกซ้อมใหญ่ด้วยเช่นกัน

เซี่ยวหยูที่เดินข้างๆกล่าวถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด "ต้วนหลิงเทียน เจ้ามั่นใจจริงๆหรือ?"

เซี่ยวฉวินและเทียนหูเองตอนนี้ก็หันมาจับจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยเช่นกัน แต่จะอย่างไรตอนนี้เรื่องราวก็ลุกลามไปไกลเกินกว่าที่พวกมันจะหยุดยั้งหรือเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว พวกมันทำได้เพียงภาวนาให้ต้วนหลิงเทียนสามารถรอดชีวิตจากการประลองเป็นตายครั้งนี้มาได้ก็พอ

"เฮ่ พวกเจ้า! หัดมีความเชื่อมั่นในตัวข้าหน่อยสิ คิดว่าข้าวู่วามหรือไร? ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ดูเหมือนจะมีเพียงซูหลี่ที่เข้าใจข้ามากที่สุด" ต้วนหลิงเทียนยิ้มก่อนที่จะกล่าวออกมาพร้อมส่ายหัว ท่าทางของเขาแลดูสงบ ไม่ได้ดูเหมือนผู้ที่กำลังจะขึ้นประลองเป็นตายแม้แต่นิด

เซี่ยวหยูและคนอื่นๆ ก็หันมามองซูหลี่ทันที และพวกเขาก็พบว่าซูหลี่นั้น ก็มีอากัปกริยาไม่แตกต่างจากต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย

พวกเขาได้แต่ถอนหายใจออกมา

ร่องรอยความสงสัยบางอย่างพลันปรากฏขึ้นมาในประกายตาของเซี่ยวฉวิน "เป็นไปได้หรือไม่ว่า ตอนที่ต้วนหลิงเทียนประลองกับซูหลี่เขาจะปิดบังความแข็งแกร่งเอาไว้?"

ในขณะเดียวกัน ต้วนหรงที่เดินเคียงข้างมากับต้วนหลิงซิ่งนั้น มักจะหันมามองต้วนหลิงเทียนอยู่บ่อยๆ และเมื่อมันเห็นท่าทางปลอดโปร่ง อีกทั้งสีหน้าไม่แยแสราวกับไม่มีความกดดันแม้แต่น้อยของต้วนหลิงเทียน ทำให้ใจของมันสั่นไหวและเต็มไปด้วยสังหรณ์อัปมงคล

"ท่านพี่ ดูเหมือนต้วนหลิงเทียนนั้นจะมั่นใจอย่างยิ่ง ท่าน ... " ต้วนหรงหันไปจ้องต้วนหลิงซิ่งด้วยสายตาหวาดกลัวและกล่าวออกมากับต้วนหลิงซิ่งที่อยู่ด้านข้างด้วยความกังวลใจ

"ฮึ่ม!" ต้วนหลิงซิ่งพลันสบถอย่างเย็นชาขัดคำของต้วนหรงออกมา "เจ้าเรียกท่าทางเช่นนี้ของมันว่าความมั่นใจเช่นนั้นหรือ สิ่งนี้มันเรียกว่าหยิ่งยโส! ไอบัดซบต้วนหลิงเทียนนี่ก็เหมือนบิดาอายุสั้นของมันไม่มีผิด! พวกมันล้วนแต่หยิ่งยโสโอหังอย่างไร้สิ้นสุด!! วันนี้ข้าจะละเลงเลือดมันกลางสถาบันบ่มเพาะขุนพลแห่งนี้! เช่นนี้ข้าก็สามารถแก้แค้นให้กับเจ้าได้ อีกทั้งข้ายังกำจัดภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย! "

จริงๆแล้วนอกเหนือไปจากความจงเกลียดจงชังบิดาของต้วนหลิงเทียน ที่ทำให้บิดาของมันต้องกลายเป็นคนไร้ค่าแล้ว เหตุผลสำคัญที่สุดที่ต้วนหลิงซิ่งคิดกำจัดต้วนหลิงเทียนออกไปให้พ้นทางนั้น เป็นเพราะเขากังวลว่าต้วนหลิงเทียนจะหวนกลับมายังตระกูลต้วน!

ถึงแม้ว่าในปีนั้น ต้วนหลิงเทียนจะออกจากตระกูลต้วนไปตั้งแต่ยังเยาว์ แต่จะอย่างไรตัวมันก็ย่อมได้รับสืบทอดแซ่ต้วน และนามของรุ่นเยาว์ตระกูลต้วนมา จึงกล่าวได้ว่ามันยังเป็นลูกหลานของตระกูลต้วน ซ้ำยังเป็นสายหลักอีกด้วย! หากความสามารถและพรสวรรค์ตามธรรมชาติของต้วนหลิงเทียน ถูกผู้คนตระกูลต้วนค้นพบแล้วล่ะก็ พวกมันไม่พ้นคงยินดีและร้อนรนที่จะรับตัวต้วนหลิงเทียนหวนคืนสู่ตระกูลเป็นแน่!

นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากเห็นมันเกิดขึ้นอย่างถึงขีดสุด! เช่นนั้นเขาจึงต้องทำการสังหารต้วนหลิงเทียน และตัดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งหมด

ต้วนหรงเองก็เงียบไป อันที่จริงแล้วตัวเขายังต้องการที่จะสังหารต้วนหลิงเทียนให้ตกตาย เพราะด้วยดัชนีนั้นของต้วนหลิงเทียนที่จี้ใส่เขาวันก่อน มันทำให้มือของเขาเกือบพิการ และเป็นไม่ได้ที่จะหายดีอย่างสมบูรณ์แบบ...

ลานฝึกซ้อมขนาดใหญ่ยามนี้เต็มไปด้วยผู้คนอย่างรวดเร็ว

ชายชราในชุดคลุมสีเทานั้นตอนนี้ยืนอยู่ตรงกลางลานฝึกซ้อมที่เต็มไปด้วยฝูงชน เขาได้หันมามองต้วนหลิงเทียนและต้วนหลิงซิ่งอีกครั้งอย่างช้าๆ ก่อนที่จะเริ่มหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากแหวนมิติ ...

มันคือเอกสารยินยอมทำการประลองเป็นตายของสถาบันบ่มเพาะขุนพลนั่นเอง! หากมีผู้ใดที่มีความแค้นกันจนถึงจุดที่ยากระงับและไม่อาจใช้วิธีการประนีประนอมได้ถึงขั้นที่ทั้งสองฝ่ายจะไม่เลิกรากันจนกว่าอีกฝ่ายจะตกตาย...

นักศึกษาของสถาบันบ่มเพาะขุนพลทั้งคู่นั้นต้องมาลงนามในเอกสารยินยอมแผ่นนี้เสียก่อน! และด้วยวิธีนี้สถาบันบ่มเพาะขุนพลจะปล่อยให้ทั้งสองฝ่ายสะสางเรื่องราวกันจนถึงชีวิต โดยที่จะไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายอะไรในฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเด็ดขาด !

"พวกเจ้ามาประทับลายนิ้วมือของพวกเจ้าซะ! ชายชราสะบัดมือขึ้นก่อนที่จะใช้พลังงานต้นกำเนิดอย่างแยบคายส่งเอกสารลงนามไปลอยอยู่ตรงหน้าต้วนหลิงซิ่ง

ต้วนหลิงซิ่งเองก็ยกมือขึ้นมากัดที่นิ้วหัวแม่โป้งให้เลือดหลั่งเล็กน้อยและประทับตรา ...เป็นอันเสร็จสิ้นการลงนามยินยอมเข้าร่วมการประลองเป็นตายกับต้วนหลิงเทียน ก่อนที่มันจะแค่นเสียงเย็นชาพร้อมส่งเอกสารยินยอมนี้ไปให้ต้วนหลิงเทียน

ต้วนหลิงเทียนเองก็ประทับหัวแม่มือยินยอมด้วยเช่นกัน

"การลงนามท้าประลองเป็นตายเป็นอันเสร็จสมบูรณ์!" หลังจากที่ชายชราประกาศรับรองการประลองเป็นตาย เขาก็จ้องมองไปยังทั้งสองคนด้วยประกายตาคมกล้า และกล่าวออกมาอย่างจริงจังว่า "ตั้งแต่พวกเจ้าประทับตราลงนามยินยอมในเอกสารยืนยันการประลองเป็นตายนี้แล้ว พวกเจ้าต้องกระทำการต่อสู้กันจนกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตกตาย! เจ้าทั้งสองสามารถใช้อาวุธวิญญาณในการประลองได้ แต่จะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้การโจมตีพิเศษอย่างอื่นที่ไม่ได้เกิดจากความแข็งแกร่งของตัวเอง อย่างเช่นอาคมจารึก และอื่นๆ ... "

"ไม่อนุญาตให้ใช้จารึกอาคมงั้นรึ?" สายตาของต้วนหลิงเทียนหรี่ลงเล็กน้อย แต่จะอย่างไรเขาก็ไม่ได้คิดจะใช้อาคมจารึกอยู่แล้ว

ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 งั้นรึ? หึ! ต้วนหลิงเทียนหาได้แปลกใจอะไรไม่ ที่ต้วนหลิงซิ่งจะมีระดับการบ่มเพาะ อยู่ในระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 เช่นนี้

"ใช้อาวุธวิญญาณได้เช่นนั้นหรือ! ข้าได้ยินมาว่าต้วนหลิงซิ่งนั้นมีอาวุธวิญญาณระดับ 8 ไว้ในครอบครอง มันเรียกว่าถุงมือไหมทอง!"

"เป็นไปได้อย่างไร ต้วนหลิงซิ่งผู้นี้ถึงกับมีอาวุธวิญญาณระดับ 8 เลยงั้นหรือ?"

"แล้วมันจะแปลกอันใดเล่า หรือเจ้าลืมไปแล้ว ว่าบิดาของมันเป็นผู้อาวุโสลำดับที่ 2 นั่นหมายความว่าบิดามันดำรงตำแหน่งรองประมุขของตระกูลต้วน! มันก็หาใช่เรื่องยากเย็นอะไรสำหรับเขาแม้แต่น้อยที่จะหาอาวุธวิญญาณระดับ 8 มาให้บุตรชายคนเดียวอย่างต้วนหลิงซิ่ง"

"ที่เจ้ากล่าวมาก็ถูก แล้วนี่ใยไม่ใช่สถานการณ์ของต้วนหลิงเทียนจะยิ่งเลวร้าย และทวีความยากลำบากมากขึ้นไปอีกหรือไง?!"

"เฮ่อ ถึงแม้ต้วนหลิงซิ่งจะไม่มีอาวุธวิญญาณระดับ 8 ก็เถอะ เจ้าคิดจริงๆหรือว่าต้วนหลิงเทียนจะยังหลงเหลือความหวังรอดชีวิตอยู่อีก?"

...

ไม่มีนักศึกษาคนไหนที่เข้ามาร่วมชมการประลองเป็นตายครั้งนี้ คิดว่าต้วนหลิงเทียนสามารถรอดชีวิตไปได้ นอกจากกลุ่มสหายของเขา

"อาวุธวิญญาณระดับ 8!" สีหน้า เซี่ยวหยู,เซี่ยวฉวิน และเทียนหู เคร่งเครียดขึ้นมาทันที

“บัดซบ!! หากข้ารู้ว่าต้วนหลิงเทียนต้องทำการประลองเป็นตายเช่นนี้ ข้าจะยืมอาวุธวิญญาณระดับ 8 จากพี่ชายข้ามาให้เขาใช้” ใบหน้าของเซี่ยวฉวินพลันหมองลงทันที

"พวกเจ้าไม่ต้องกังวล กระบี่อ่อนของต้วนหลิงเทียนเอง ก็เป็นอาวุธวิญญาณระดับ 8 เช่นกัน" ตอนนั้นเองซูหลี่ที่เงียบอยู่ก็กล่าวออกมา

"หืม?" เซี่ยวหยูและคนอื่นๆ อดมได้ที่จะสงสัย "ซูหลี่ เจ้ารู้ได้อย่างไรหรือ?"

"ตอนที่ประลองกัน กระบี่ของข้าได้ปะทะกับกระบี่ของต้วนหลิงเทียนเพียงไม่กี่ครั้ง ทว่ามันกลับมีรอยบิ่นเสียแล้ว...... " มุมปากของซูหลี่ดูหงุดหงิด ดูเหมือนกระบี่บิ่นจะทำให้เขาเจ็บปวดใจไม่น้อย

เซี่ยวหยูและคนอื่นๆพลันเข้าใจได้ทันที นี่เพราะกระบี่ 3 ฉื่อของซูหลี่เองก็เป็นอาวุธวิญญาณระดับ 9 และการที่มันบิ่นเพียงเพราะปะทะกับกระบี่ของต้วนหลิงเทียนไม่กี่ครั้งแล้ว่ละก็ หมายความว่าระดับกระบี่ของต้วนหลิงเทียนเหนือกว่า!!

เทียนหูพลันระบายลมหายใจออกมาด้วยความหนาวเหน็บ ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยความตกตะลึง "เช่นนั้นดูเหมือนว่าวันนั้นเขาไม่ได้ใช้ความสามารถของอาวุธวิญญาณระดับ 8 ออกมาทั้งหมด"

เซี่ยวหยู,เซี่ยวฉวิน และเทียนหูนั้นเห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่ว่ามีเพียงซูหลี่ที่ขมวดคิ้วขึ้นมา ...เขาสงสัยแต่แรกแล้วว่า วันนั้นต้วนหลิงเทียน อาจจะยังไม่ได้ใช้ความสามารถเสริมพลังของอาวุธวิญญาณด้วยซ้ำ!...และเมื่อมาวันนี้ต้วนหลิงเทียนกล้าที่จะกล่าวท้าต้วนหลิงซิ่งออกมาก่อนเช่นนี้... ซ้ำยังกระทำไปด้วยความมั่นใจอย่างสูง ทำให้ซูหลี่รับรู้ได้ทันทีว่าข้อสงสัยก่อนหน้านี้ของเขาน่าจะเป็นเรื่องจริง

"เอาล่ะ พวกเจ้าจงจดจำวาจาของข้าเอาไว้ให้ดี หากพวกเจ้า คนไหนใช้ความช่วยเหลือจากสิ่งอื่นนอกเหนือไปจากอาวุธวิญญาณของพวกเจ้าแล้วล่ะก็ ข้าผู้นี้จะเป็นคนลงมือสังหารปลิดปลงชีวิตมันผู้นั้นโดยตรง !!” ชายชราสวมชุดคลุมสีเทา หรือที่ผู้คนเรียกกันว่ารองผู้อำนวยการแห่งสถาบันบ่มเพาะขุนพล กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหนาวเหน็บและเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน ก่อนที่จะกลับมาสงบอีกครั้ง พร้อมเอ่ยออกมาด้วยเสียงดังฟังชัด "เริ่มได้!"

แล้วชายชราก็หลบออกไปอยู่ด้านข้างทันทีหลังจากกล่าวจบ

"ต้วนหลิงเทียน ตอนนี้ข้าจะเป็นผู้ส่งเจ้าลงขุมนรกด้วยมือของข้า ส่งเสริมให้เจ้าติดตามรอยเท้าบิดาอายุสั้นของเจ้า!" ต้วนหลิงซิ่งกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอำมหิต แววตาของมันเยือกเย็นลงทั้งเต็มไปด้วยกลิ่นอายฆ่าฟัน ก่อนที่มันจะหยิบถุงมือไหมทองอันเป็นอาวุธวิญญาณระดับ 8 ออกมาสวมใส่...

"เหตุใดพวกขยะมันชอบกล่าววาจาไร้สาระ และเห่าหอนราวสุนัขกันนักนะ?" ต้วนหลิงเทียนจ้องมองด้วยสายตาเย้ยหยัน กล่าวออกมาด้วยเสียงหัวเราะ

"สารเลวหาที่ตาย!" ต้วนหลิงซิ่งนั้นเรียกได้ว่าถึงขีดสุดแห่งความอดทน! มันเริ่มระเบิดโทสะออกมาอย่างคุ้มคลั่งทันทีหลังจากได้ยินคำกล่าวหยามว่าตัวเป็นขยะจากต้วนหลิงเทียน! ร่างของมันกระโจนเข้าหาต้วนหลิงเทียนราวพยัคฆ์ร้ายทะยานลงเนิน

ฟุ่บ!

ร่างกายของต้วนหลิงซิ่งเคลื่อนที่วูบวาบมาด้วยความเร็วสูงราวกับทั้งร่างเป็นวายุกรรโชก ทันทีที่มันพุ่งมาถึงต้วนหลิงเทียนเหนือศีรษะมันพลันฉายเงาร่างช้างแมมมอธโบราณออกมา 12 ตัว ...มิคาด มันกลับลงมืออย่างสุดกำลัง ในการโจมตีครั้งแรกนี้!

ซู่มมมม!!!

ฝ่ามือของต้วนหลิงซิ่งกวาดฝ่าอากาศธาตุมาด้วยความเร็วสูงจนบังเกิดเสียงอากาศแตกระเบิด พลังงานต้นกำเนิดพวยพุ่งแผ่ปะทุออกมาอย่างเกรี้ยวกราด หมายระเบิดร่างต้วนหลิงเทียน ฝ่ามือของมันฝ่ามือนี้จู่โจมออกมาดุดันราวกับจะสยบได้ทุกสรรพสิ่ง!

ทั้งยามนี้เหนือศีรษะของต้วนหลิงซิ่งพลันบังเกิดเงาร่างช้างแมมมอธโบราณเพิ่มออกมาอีก 2 ตัวด้วยความสามารถขยายพลังของอาวุธวิญญาณระดับ 8

"บัดซบ! พลังทำลายฝ่ามือนี้ของต้วนหลิงซิ่ง เต็มเปี่ยมไปด้วยความแข็งแกร่งระดับ 14 ช้างแมมมอธโบราณ!" ม่านตาของเหล่านักศึกษาโดยรอบพลันหดแคบลง ทั้งภายในใจของพวกมันยังอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาจนส่งเสียงครางต่ำในลำคอหลังเห็นภาพตรงหน้า ราวกับว่ายามนี้คนที่กำลังจะรับฝ่ามือนี้ของต้วนหลิงซิ่งไม่ใช่ต้วนหลิงเทียน แต่เป็นตัวพวกมันเอง!

ต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่กล้าประมาทเมื่อเผชิญหน้ากับฝ่ามือของต้วนหลิงซิ่ง ดวงตาของเขาพลันเย็นชาลง ก่อนที่จะเริ่มเคลื่อนไหว

วิชาท่าร่างวิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย!

ร่างกายของต้วนหลิงเทียน พลันโอนเอนราวกับสวมวิญญาณอสรพิษ สองขาไขว้สลับเอนตัวออกมาอย่างประหลาดราวกับไร้กระดูก ก่อนที่จะเบี่ยงตัวหลบฝ่ามือของต้วนหลิงซิ่งได้อย่างอัศจรรย์ เหนือศีรษะของต้วนหลิงเทียนยามนี้พลันมีเงาร่างช้างแมมมอธโบราณพลันปรากฏออกมา 12 ตัว ...

"อะไร!! ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9?"ดวงตาของต้วนหลิงซิ่งพลันเบิกกว้าง มันไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าต้วนหลิงเทียน จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 เชนเดียวกับมัน ! ยามนี้มันรู้สึกราวกับว่ากำลังฝันไป!

"มันจะเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร? ไอเด็กบัดซบนี่มันอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น! แล้วมันจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 ไปได้อย่างไร? ไม่จริง ... มันเป็นไปไม่ได้!" ภายในใจของต้วนหลิงซิ่งนั่นเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง มันไม่เต็มใจจะเชื่อว่าเรื่องนี้เป้นความจริง

เช่นเดียวกันกับเหล่านักศึกษาแห่งสถาบันบ่มเพาะขุนพลที่กำลังรับชมการประลองครั้งนี้อยู่รอบๆ พวกมันพลันอ้าปากค้างราวกับรอให้แมลงวันมาวางไข่ ....ภาพตรงหน้ามันเหลือเชื่อเกินไป!

ต้วนหลิงเทียนคนนี้ยังเป็นเพียงชายหนุ่มที่มีอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น เขาเป็นแค่นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ... แต่เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที 9 แล้ว?

นี่มันพรสวรรค์ตามธรรมชาติ ระดับใดกัน? นี่ไม่ใช่กล่าวได้ว่าเขาอาจจะมีโอกาสตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ ก่อนที่จะมีอายุ 20 ปีหรอกหรือ?

"พรสวรรค์ตามธรรมชาติของเจ้าหนูนี่ เหนือล้ำยิ่งกว่าบิดาของมันเสียอีก!!"ประกายตาของรองผู้อำนวยการเบิกกว้างขึ้นก่อนที่จะทอประกายวาวโรจน์ ยามนี้ความเสียใจเริ่มบังเกิดขึ้นในหัวใจของเขา หากเขารู้ก่อนหน้านี้ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 แล้วล่ะก็ เขาจะระงับการประลองเป็นตายครั้งนี้ลงอย่างไม่ลังเล ...แต่น่าเสียดายที่ยามนี้มันสายไปแล้ว ทั้งคู่ได้ลงนามไปแล้ว!!

ตอนนี้เขาทำได้เพียงหวังให้ต้วนหลิงเทียนสามารถเอาชีวิตรอดมาได้ เขาไม่ต้องการที่จะเห็นอัจฉริยะคนหนึ่งต้องตกตายลงเช่นนี้

"ตะ..ต้วนหลิงเทียนมันอยู่ในระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9?" ตอนนี้เซี่ยวหยู,เซี่ยวฉวิน และเทียนหู ก็ตกตะลึงอย่างถึงที่สุดเช่นกัน

"อย่างที่คิด" ซูลี่เพียงหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนที่จะเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา

วันนั้นที่ทำการประลองกัน เห็นได้ชัดว่าต้วนหลิงเทียนต้องสะกดความแข็งแกร่งของเขาเอาไว้...หาไม่แล้วตัวมันคงไม่อาจต้านการโจมตีของต้วนหลิงเทียนได้แม้เพียงครั้ง

“เป็นไปไม่ได้!?” สีหน้าของถงลี่แสดงความไม่ยินยอมออกมาอย่างเห็นได้ชัด ยามมองภาพตรงหน้า ชายหนุ่มที่นางเกลียดจนเข้ากระดูกดำและแค้นจนอยากสับให้เป็นหมื่นๆชิ้น เป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9!

"ท่านพี่!" หน้าใบหน้าของต้วนหรงซีดเซียวไร้สีเลือด สังหรณ์อัปมงคลในหัวใจของเขาก่อนหน้า มันกล่าวเตือนไม่ผิดแม้แต่น้อย

ยามนี้ไม่ว่าใครก็ตามที่รับชมการประลองอยู่....สีหน้าของพวกมันล้วนเปลี่ยนไปในพริบตา

บนลานฝึกซ้อม

"ถึงแม้เจ้าจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 แล้วจะอย่างไร เจ้าคิดว่ารับฝ่ามือนี้ของข้าได้งั้นหรือ!!?" น้ำเสียงหนาวเหน็บของต้วนหลิงซิ่งพลันดังขึ้น ก่อนที่ฝามือที่พลาดไปจะหวนมาฟาดหลิงเทียนครั้งแล้วครั้งเล่า อย่างไม่หยุดหย่อนราวกับว่ามันจะฟาดออกไปจนกว่าจะระเบิดร่างของต้วนหลิงเทียนได้ แต่ทางด้านต้วนหลิงเทียนก็สามารถเอี้ยวตัวหลบได้อย่างเหนือชั้น ซ้ำยังเป็นการหลบหลีกด้วยการทิ้งระยะห่างเพียงแค่เส้นขนกั้นเท่านั้น!!

"ต้วนหลิงซิ่ง กระบี่นี้ เพื่อลี่ซวน!" ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนที่เอี้ยวตัวหลบฝ่ามือของต้วนหลิงซิ่งได้อย่างอัศจรรย์อีกครั้ง พลันกล่าวขึ้นมาอย่างดุดัน!

น้ำเสียงของเขาดูราวกับจะมาจากขุมนรกอเวจี มันเย็นยะเยือกและเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารที่แผ่ซ่านออกมาอย่างน่าหวาดหวั่น ...

ฟุ่บ!

มือของต้วนหลิงเทียนเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงจนพร่าเลือน เอื้อมไปจับกระบี่อ่อนดาราม่วงที่เอว ก่อนที่จะชักออกมาด้วยความเร็วเหนือเสียง

วิชาวาดกระบี่!

วิชาวาดกระบี่ครั้งนี้ รวดเร็วดั่งเส้นสายอัสนีทั้งยังแม่นยำ ว่องไว และอำมหิตอย่างถึงขีดสุด!

และเมื่อกระบี่อ่อนดาราม่วงอยู่มือของต้วนหลิงเทียน มันพลันส่งประกายออกมา ก่อนที่เงาร่างช้างแมมมอธโบราณอีก 2 ตัวจะปรากฏขึ้นเหนือศีรษะเขาทันที ...และการวาดกระบี่จูโจมครั้งนี้ของต้วนหลิงเทียนมันมีพลังทำลายไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าฝ่ามือของต้วนหลิงซิ่งแม้แต่น้อย เพราะยามนี้ทั้งคู่มีความแข็งแกร่ง 14 ช้างแมมมอธโบราณเท่ากัน!!

"อะไร! อาวุธวิญญาณของต้วนหลิงเทียน ก็เป็นอาวุธวิญญาณระดับ 8 เช่นกัน!"คลื่นเสียงแห่งความตื่นตระหนก พลันดังขึ้นมาจากฝูงชนที่อยู่รอบ...

"เจ้าคิดว่ากระบี่ของเจ้าจะสามารถโจมตีทำร้ายข้าได้งั้นเหรอ?" ต้วนหลิงซิ่งหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยันเมื่อเห็นกระบี่ของต้วนหลิงเทียนพุ่งมา ราวกับเส้นสายอัสนีสีม่วงพุ่งเข้ามา เขาพลิกมือและหมายตบลงไปยังใบกระบี่อ่อนดาราม่วงของต้วนหลิงเทียน...

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.