spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ดูเหมือนด่านเฟยจะไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากเกี่ยวกับการคัดเลือกเช่นกัน สิ่งที่นางรู้มาจากข่าวและข้อมูลที่นางรวบรวมมาจากท่านอาจารย์
"เจี้ยงเฉิน ท่านอาจารย์บอกให้ข้ามาหาเจ้า เขาอยากให้เจ้าไปเยี่ยมเขาคืนนี้ "
เจี้ยงเฉินไม่สามารถปฏิเสธคำเชิญของท่านอาจารย์ได้ และพูดอย่างสุจริต เขาค่อนข้างสนใจเกี่ยวกับการคัดเลือกของสี่นิกาย
"เอาล่ะ ข้าจะไปเยี่ยมท่านอาจารย์" เจี้ยงเฉินเห็นด้วยอย่างง่ายดาย
เมื่อมาคิดดูดี ๆ แล้ว มันก็ถึงเวลาแล้วที่เขาควรไปเยี่ยมท่านอาจารย์บ้าง ตอนที่ผู้อาวุโสเหล็กได้กดขี่เจี้ยงเฉินเมื่อครั้งที่แล้ว เขาอาจถูกบังคับให้เปิดเผยฝูงหนูเขี้ยวทองหากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากท่านอาจารย์
ชีวิตจะไม่ง่ายสำหรับเจี้ยงเฉินถ้าไพ่ตายของเขาถูกเปิดเผย ผู้ฝึกฝนอาวุโสจำนวนมากอาจจับตามองดูเขาหลังจากนั้น
เมื่อด่านเฟยพากลับไป เจี้ยงเฉินใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถไปเยี่ยมท่านอาจารย์มือเปล่าได้
แต่คนระดับท่านอาจารย์ เขาอาจไม่สนใจของขวัญที่เจี้ยงเฉินนำมามอบให้ เขาคิดสักครู่แล้วเอากระดาษและปากกาขนนกออกมา
เขาได้เขียนถึงข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับมังกรฟีนิกซ์ห้าปีก รวมถึงประเด็นสำคัญที่ควรทราบเกี่ยวกับการเลี้ยงดูและการปลุกมันให้ตื่นตัว
แม้ว่าสิ่งนี้อาจไม่ได้ช่วยให้มังกรฟีนิกซ์ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นทันที แต่ก็จะมีความหวังมากขึ้นสำหรับมันที่จะถูกปลุก ถ้าท่านอาจารย์ปฏบัติตามคำแนะนำเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง
มิฉะนั้น ด้วยวิธีการที่ไม่มีประสบการณ์ของท่านอาจารย์ในการเลี้ยงดูมังกรฟีนิกซ์ห้าปีกนั้น มันจะเป็นการสูญเสียสายเลือดโบราณ
ในสถานการณ์เช่นนี้ ความหวังในการตัดผ่านสู่ระดับเซียนมีไม่มากนัก
ศักยภาพที่แท้จริงของมังกรฟีนิกซ์ห้าปีกมีมากสุดแค่ไหน?
นอกเหนือจากวิธีการเลี้ยงดูมังกรฟีนิกซ์แล้ว เจี้ยงเฉินยังระบุวิธีการเลี้ยงชะนียักษ์จันทราสีเงินอย่างละเอียดโดยไม่เก็บความลับไว้
ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรเลย เจี้ยงเฉินค่อนข้างชื่นชมและใจกว้างกับคนของเขาเอง
ท่านอาจารย์และด่านเฟยไม่ถือว่าเป็นบุคคลภายนอกอีกต่อไป
ไม่รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างกันก่อนหน้านี้ ความจริงที่ว่าท่านอาจารย์ได้ช่วยเหลือเขาในเวลานี้ก็เพียงพอที่จะรับประกันว่าเจี้ยงเฉินจะมอบของขวัญอันล้ำค่าให้เขา
เจี้ยงเฉินวางวัตถุนี้ลงอย่างระมัดระวังเมื่อเขาเสร็จสิ้น
เขาไม่ได้ให้ผู้คุ้มกันส่วนบุคคลติดตามตัวเขาไป เมื่อถึงเวลาค่ำเขาก็ออกไปยังคฤหาสน์ของท่านอาจารย์
คฤหาสน์ของท่านอาจารย์อยู่ในสถานที่เงียบสงบและสวยงาม ทุกครั้งที่เขามาที่นี่ เขารู้สึกว่าเขาอยู่บนเกาะที่เงียบสงบภายในเมือง เขายังอยากรู้ว่าด้วยอำนาจของท่านอาจารย์ผู้ทรงเกียรติ ทำไมเขาถึงยืนกรานที่จะอยู่ในความสันโดษในอาณาจักรสามัญแทนที่จะเข้านิกาย? จากมุมมองของเต๋าศิลปะการต่อสู้ มันช่างไม่สมเหตุสมผลเลย
ด่านเฟยยืนพิงอยู่กับประตู ร่างผอมของนางดูเรียวและสูงใต้แสงดาวของยามค่ำคืน ทำให้คนอื่นรู้สึกลึกลับ
"หึหึ พี่ด่านเฟย เจ้ากำลังพยายามชักจูงให้คนไปสู่ความตายจริง ๆ หรือ? คนที่เดินผ่านไปตามถนนจะกลับไปถึงบ้านได้อย่างไรถ้าเจ้ายืนอยู่แบบนี้? "
เจี้ยงเฉินล้อเลียนเมื่อเห็นด่านเฟย
ในความเป็นจริง ไม่มีใครที่จะผ่านทางคฤหาสน์ของท่านอาจารย์ คนธรรมดาไม่สามารถแม้แต่จะเข้าไปในย่านนี้ได้เลย
ไม่ใช่ว่าท่านอาจารย์เย่ชองหลิววางท่าหรือเรียกร้องการปฏิบัติเป็นพิเศษ ราชวงศ์ไม่อนุญาตให้มีการขัดจังหวะหรือรบกวนการใช้ชีวิตของท่านอาจารย์
เมื่อนางได้ยินเจี้ยงเฉินสนุกกับการล้อเลียนนาง ด่านเฟยพร้อมที่จะสวนกลับขณะที่นางกลอกตาด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย "เจ้าก็อย่ากลับบ้านสิ เจ้าจะไม่คิดถึงผู้ติดตามของเจ้าทั้งสองคนเลยล่ะ จริงมั้ย? "
พวกนางทั้งสองมีเสน่ห์ในแบบของนาง ไม่ได้มีเสน่ห์เหมือนกับพี่แดนเฟย "
ด่านเฟยยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ "ตาของเจ้าถือว่ายังใช้ได้ดี เข้ามาสิ ท่านอาจารย์รอเจ้ามานานแล้ว "
เจี้ยงเฉินไม่กล้าอ้อยอิ่งเมื่อได้ยินว่าท่านอาจารย์รอเขาอยู่ เขารีบเดินตามด่านเฟยเข้าไปด้านใน
"ฮ่าฮ่า เจี้ยงเฉิน เจ้ามาถึงแล้ว" ท่านอาจารย์อารมณ์ดีเมื่อเขาได้เห็นเจี้ยงเฉิน "เข้ามา มาเถอะ ข้าไม่สามารถทนกับการดื่มสุราน้ำค้างเก้าแดนสรวงที่เจ้าให้ข้าครั้งก่อนคนเดียว นั่นคือสิ่งที่เราจะดื่มกันวันนี้! "
เจี้ยงเฉินรีบพูดว่า "เราสามารถดื่มสุราได้ แต่เราจะไม่ดื่มขวดของท่าน เราควรดื่มขวดของข้า ท่านอาจารย์ควรเก็บคนโทที่ข้ามอบให้ท่านไว้ "
เจี้ยงเฉินหยิบขวดสุราระดับวิญญาณออกมาจากวงแหวนจัดเก็บของเขาอย่างรวดเร็ว
"ดีแล้ว ชายชราคนนี้จะใช้ประโยชน์จากเจ้าอีกครั้งหนึ่ง" ท่านอาจารย์มีใจปลื้มปิติขณะที่เขาวางจอกสุราเก่าแก่ 3 ใบลง "มาสิ ด่านน้อย มาลองชิมรสชาติสุรากัน สุราชนิดนี้ไม่สามารถหาซื้อได้ง่าย "
ด่านเฟยไม่เคยกล้านั่งอยู่หน้าท่านอาจารย์ แต่นางต้องเชื่อฟังคำพูดของอาจารย์
เจี้ยงเฉินเคลื่อนไหวอย่างช่ำชองเมื่อเห็นด่านเฟยนั่งลง เขาเติมสุราลงไปในจอกโบราณทันที
ด่านเฟยเคยได้ยินท่านอาจารย์ยกย่องชมเชยสุรานี้มาก่อน นางยังไม่เคยมีโอกาสได้ลิ้มลอง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เจี้ยงเฉินนำออกมามันดูน่าจะน่าแปลกใจมาก
ผลลัพธ์ของโอสถวารีนิรันดร์สี่ฤดูเป็นสิ่งที่โดดเด่นที่สุด
ในวินาทีที่สุราไหลลงไปในปากของด่านเฟย นางสัมผัสได้ถึงความรู้สึกมหัศจรรย์ที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน
ด่านเฟยไม่เคยสนใจที่จะดื่มมาก่อน แต่ริมฝีปากของนางก็ยิ่งเร่งขึ้นขณะที่นางดื่มสุราจนหมดจอกในรวดเดียว
“รสชาติดีใช่ไหมล่ะ ? ” ท่านอาจารย์ถามด้วยรอยยิ้ม
ด่านเฟยวางจอกของนางลง มีเส้นสีแดงลอยบนแก้มของนาง ทำให้นางดูมีเสน่ห์มากขึ้น
"หึม.. สุรานี้ดีกว่าสุราที่ท่านดื่มเป็นประจำสิบเท่า" ด่านเฟยพยักหน้า
"ฮ่าฮ่า เจี้ยงเฉิน เจ้าน่าจะภูมิใจกับตัวเอง! ด่านเฟยเป็นคนที่ไม่ชอบดื่ม นางคิดว่ามันไร้ประโยชน์ เจ้าเป็นคนแรกที่ทำให้นางรู้สึกว่าสุรามีรสชาติดี "
เจี้ยงเฉินยิ้ม "มีคำพูดว่า 'สุรารสเลิศอยู่คู่กับวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่' ดูเหมือนว่ามันไม่ถูกต้อง สุราชั้นเลิศและหญิงงามจะนำสิ่งที่ดีที่สุดของกันและกันออกมา "
"ฮ่า ๆ ๆ พูดได้ดี ! " ท่านอาจารย์หัวเราะอย่างเต็มที่
ด่านเฟยไม่ได้เป็นคนที่ขี้อายหรือรู้สึกอึดอัดเหมือนกับเด็กหญิงตัวเล็กเมื่อเจี้ยงเฉินชมนาง
"มาสิ เจี้ยงเฉิน ข้าจะดื่มกับเจ้า" ด่านเฟยเทสุราอีกจอกด้วยท่าทางที่ดูตรงไปตรงมา
“แน่นอน" เจี้ยงเฉินก็ตัดสินใจเด็ดขาดเหมือนกัน
ด่านเฟยยกจอกของนางขึ้นมาว่า "สุรานี้แทนคำขอบคุณของข้าสำหรับการที่เจ้ายอมมาสมทบกับข้าในเขาวงกต"
เจี้ยงเฉินยิ้ม "ข้าคิดว่าข้าน่าจะเป็นคนที่ขอบคุณเจ้า ข้าได้ยินมาจากคนอื่นว่าเจ้ามาคนเดียวตลอด หญิงสาวคนเดียวที่กล้าหาญ และเจ้าก็ไม่เคยรวมกลุ่มกับใคร "
ด่านเฟยหัวเราะเบา ๆ ว่า "ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากเข้าร่วมกลุ่ม ไม่มีใครที่สมควรจะร่วมกลุ่มกับข้าต่างหากล่ะ"
เย่ชองหลิวหัวเราะเบา ๆ มองไปที่ด่านเฟยและเจี้ยงเฉิน รอยยิ้มของเขามีความหมายมากขึ้น เย่ชองหลิวเป็นคนฉลาดสุขุม เขายิ้มอย่างเดียวโดยไม่ได้พูดอะไร
เจี้ยงเฉินเอนศีรษะของเขาไปด้านหลังและดื่มสุราจนหมดแก้ว "เอาล่ะ เราควรจะเห็นการกระทำที่ดีตลอดไปจนจบ ท่านอาจารย์ พี่ด่านเฟย ข้ามาเยี่ยมแบบเร่งด่วน ข้าไม่ได้ตระเตรียมของขวัญมา ข้อมูลทั้งสองชุดนี้อาจมีประโยชน์ต่อท่าน ข้าหวังว่าท่านจะชอบมัน"
"ข้าไม่จำเป็นต้องเปิดดูก็รู้ว่ามันเป็นข้อมูลที่ดีที่สุด ไม่ว่าอย่างไร มันก็เป็นของขวัญจากเจ้า" ท่านอาจารย์ยิ้ม "ด่านน้อย รับมันไว้สิ"
เขาเตือนเจี้ยงเฉินในเวลาเดียวกันว่า "ฮ่าฮ่า เจี้ยงเฉินมาเที่ยวบ่อย ๆ ถ้าเจ้าไม่มีอะไรจะทำในอนาคต"
เจี้ยงเฉินพูดไม่ออกชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนเขาจะเห็นเงาปีศาจของอาวุโสเฟยในร่างของท่านอาจารย์ชั่วขณะ รอยยิ้มแบบนี้มาจากความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยแน่นแฟ้นของคนจนที่ยินดีต้อนรับผู้มั่งคั่งให้มาเยี่ยมบ้านบ่อย ๆ
เพราะอะไร? เพราะเขามีของขวัญชั้นเลิศติดมือมา
ด่านเฟยหยิบกองกระดาษขึ้นมาและจ้องมองมันคร่าว ๆ นางยืนแข็งทื่อขณะที่นางจ้องมองอย่างแปลกใจไปยังเจี้ยงเฉิน
"เจ้าจะได้ไม่พูดว่าข้าเก็บความลับไว้กับตัวเอง ข้าสอนเจ้าทุกอย่างแล้ว ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วว่าจะเลี้ยงดูมันอย่างไร " เจี้ยงเฉินยิ้ม
ด่านเฟยพยักหน้าหลายครั้งอย่างรวดเร็ว จากนั้นนางจึงยืดอกราวกับว่านางกำลังประกาศสงครามกับเจี้ยงเฉิน นางกล่าวว่า "ด้วยวิธีการพิเศษเหล่านี้ ชะนียักษ์ที่ข้าเลี้ยงจะไม่แพ้เจ้า! เจ้าต้องการเดิมพันกับมันหรือไม่ "
"อย่าเลย ถ้าเราปล่อยให้ชะนียักษ์ที่ตื่นตัวแล้วเจอกัน แน่นอนว่าพวกมันต้องสู้จนตายกันไปข้างหนึ่ง เราจะไม่สามารถแยกพวกมันให้ออกจากกันได้" เจี้ยงเฉินรีบโบกมือไป
"ท่านอาจารย์ ท่านสามารถศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับมังกรฟีนิกซ์ห้าปีกได้อย่างละเอียดยิ่งขึ้น ข้าเคยได้ยินผู้เชี่ยวชาญบอกว่ามังกรฟีนิกซ์ห้าปีกจะวิวัฒนาการไปถึงระดับเซียน ระดับเซียนเป็นเพียงจุดเริ่มต้น และมังกรฟีนิกซ์ห้าปีกที่แข็งแกร่งกว่าสามารถพัฒนาขึ้นสู่ปฐพี สวรรค์ และแม้แต่เทพศักดิ์สิทธิ์ได้ "
ท่านอาจารย์ดึงกระดาษออกจากมือของด่านเฟยเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้และเริ่มอ่านข้อมูลในกระดาษด้วยความประหลาดใจ
ท่านอาจารย์ไม่มีสีหน้ากระตือรือร้นแบบนี้มานานมากแล้ว อย่างน้อยก็สักหนึ่งร้อยปี
ถ้าใครในราชอาณาจักรนภาจันทร์เห็นฉากนี้ ขากรรไกรของพวกเขาคงโผล่ออกมาให้เห็นด้วยความประหลาดใจ
ท่านอาจารย์อ่านไม่หยุดโดยใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วยาม เขารู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่อ่านต่อไป คิ้วสีขาวยาวเกือบเต้นด้วยความกระตือรือร้น
ในที่สุดท่านอาจารย์ก็วางแผ่นกระดาษลงเมื่อเขาเสร็จสิ้น ขณะที่เขามองไปที่เจี้ยงเฉินด้วยประกายแห่งความศรัทธาอันแรงกล้า "เจี้ยงเฉิน ชายชราคนนี้ค่อนข้างชื่นชมเจ้า ผู้เชี่ยวชาญที่แปลกประหลาดที่เจ้าพบเมื่อตอนที่ยังเป็นเด็กอยู่ในระดับจุดสูงสุดของการดำรงอยู่ของทุกสิ่งในโลก มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญของความโชคดี ! "
เจี้ยงเฉินเป็นคนเดียวในราชอาณาจักรทั้งสิบหกแห่งที่ทำให้ท่านอาจารย์ถอนหายใจด้วยความประหลาดใจและมองเขาด้วยความอิจฉา
"ช่างน่าเสียดาย ถ้าผู้เชี่ยวชาญคนนั้นเต็มใจที่จะพาเจ้าไปกับเขาด้วย โชคชะตาของเจ้ามันคงเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มากยิ่งขึ้น เจี้ยงเฉิน ตอนนั้นเจ้ายังอายุน้อย ถ้าเจ้าอายุมากกว่านั้นและขอร้องให้เขานำตัวเจ้าไปเป็นศิษย์ของเขา ความสำเร็จในชีวิตนี้ของเจ้าจะยิ่งพิเศษมากยิ่งขึ้น เฮ้อ.... "
ท่านอาจารย์รู้สึกเสียดายแทนเจี้ยงเฉินอย่างมาก
การบังเอิญได้พบเจอกับชะตากรรมดังกล่าวนับว่าเป็นโชคดี น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ยอมรับให้เจี้ยงเฉินเป็นผู้ติดตาม !
ครั้งล่าสุดที่เจี้ยงเฉินพูดถึงผู้เชี่ยวชาญคนนี้ เขาอยู่ในชีวิตของเจี้ยงเฉินเพียงไม่กี่ปีและไม่ได้ตั้งใจสอนอะไรเขามากมาย
ถึงกระนั้นเจี้ยงเฉินยังได้รับความรู้มากมากเพียงในเวลาไม่กี่ปีโดยที่เขาไม่ได้สอนอย่างเป็นทางการ
ถ้าผู้เชี่ยวชาญให้เจี้ยงเฉินอยู่เคียงข้างเขาและสอนเขาเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งหรือสองทศวรรษ เจี้ยงเฉินคงจะมีความสามารถในการครองโลกในอนาคต
เจี้ยงเฉินยิ้ม ใบหน้าของเขายังคงสงบนิ่งอยู่
แน่นอนเขาสำรวม มีผู้เชี่ยวชาญซะที่ไหนกัน? นั่นเป็นข้อแก้ตัวที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เขาต้องทำเพื่อหาเหตุผลเข้าข้างการกระทำที่น่าทึ่งของตัวเอง
ถ้าเขาต้องระบุผู้เชี่ยวชาญคนนั้น มันก็คือตัวเขาเอง
แต่เนื่องจากท่านอาจารย์ได้กล่าวเช่นนี้ เจี้ยงเฉินจึงตัดสินใจที่จะปล่อยให้มันไหลไปตามน้ำและเขาคงต้องปั้นเรื่องโกหกต่อไป
"ท่านอาจารย์ ชะตากรรมจัดเตรียมโชคดีให้กับคนคนหนึ่งมากเท่าไหร่กัน บางทีชะตากรรมของข้ากับผู้เชี่ยวชาญก็มีเพียงเท่านี้ ถ้าข้ากลายเป็นโลภแล้ว การสูญเสียอาจมีมากกว่ากำไร "
แสงแห่งความฉงนส่องผ่านดวงตาของท่านอาจารย์เมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านี้ขณะที่เขามองไปยังเจี้ยงเฉินด้วยความชื่นชม
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเจี้ยงเฉินจะรู้แจ้งทั้ง ๆ ที่อายุยังน้อย !
การมีสติ คิดอย่างรอบคอบและการสะท้อนความรู้สึกที่ปราศจากความกังวลเป็นสิ่งที่หาได้ยากในวัยหนุ่ม ยากซะยิ่งกว่าการมีพลังพิเศษ
นี่เป็นการรู้แจ้งที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง ! ท่านอาจารย์รู้สึกนับถือเจี้ยงเฉินมากขึ้นอีกครั้ง