spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ขณะที่เขามองไปที่ลายมือที่ลงชื่อในตอนท้ายของจดหมาย นี่เป็นลายมือของพ่อของเขาจริง ๆ มันไม่มีอะไรเป็นของปลอม
เจี้ยงเฉินจ้องมองที่จดหมายที่อยู่ในมือของตัวเอง เขารู้สึกถึงอารมณ์ที่หลากหลาย
เมื่อเขากลับเข้ามาเกิดใหม่ในโลกนี้ในร่างของเจี้ยงเฉิน เขาได้รับมรดกความทรงจำของเจี้ยงเฉินคนเก่าและร่างกายของเขา และเขาได้รับความรักและการทะนุถนอมจากเจี้ยงเฟิงเสมอมา
ตั้งแต่ที่เขากลับชาติมาเกิด ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกจึงเพิ่มสูงขึ้นหลังจากผ่านเหตุการณ์อันระทึกนับครั้งไม่ถ้วนในเวลาไม่ถึงสองปี
อาจกล่าวได้ว่าตำแหน่งของเจี้ยงเฟิงในหัวใจของเจี้ยงเฉินไม่ได้ต่ำไปกว่าบิดาของเขาที่เป็นจักรพรรดิสวรรค์ในชีวิตที่ผ่านมา
สำหรับแม่ของเขา เจี้ยงเฉินคิดมาตลอดว่าแม่ของเขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกนี้อีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีความรู้สึกเฉพาะถึงนาง
ตอนนี้เขาก็รู้ว่านางยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าเจี้ยงเฉินจะอึ้งไปเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่รู้สึกอะไร
อย่างไรก็ตามเจี้ยงเฟิงทิ้งเขาไปและก็ออกเดินทางโดยไม่ได้รู้ว่าเขตดินแดนเหนือตอนบนที่แปดอยู่ที่ไหน เขาดำเนินการโดยไม่ลังเลในการตามหาภรรยาของเขา
ระดับความรู้สึกอ่อนไหวและระดับความกล้าหาญของเขา ทำให้เจี้ยงเฉินให้เกียรติพ่อคนนี้อย่างจริงจัง
ความสงสัยที่มีอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจยุบตัวลงอย่างเห็นได้ชัดด้วยการปรากฏตัวของจดหมายฉบับนี้
ทำไมเจี้ยงเฟิงถึงเลี้ยงลูกอย่างอิสระ ตามใจเขาทุกเรื่อง? ทำไมเขาถึงไม่เข้มงวดเหมือนกับพ่อคนอื่น ๆ ?
เป็นเพราะเขารู้สึกผิดต่อภรรยาเสมอ
ทำไมเจี้ยงเฉินถึงไม่สามารถหาเสียงสะท้อนระหว่างสายเลือดของเขากับหยูตงได้ ?
เป็นเพราะแม่ของเจี้ยงเฉินและแม่ของหยูตงไม่ใช่พี่น้องกัน พื้นหลังของนางแปลกประหลาด มีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเขตดินแดนเหนือตอนบนที่แปด
มันฟังดูคล้ายกับสถานที่ที่แข็งแกร่งกว่าพันธมิตรของราชอาณาจักรทั้งสิบหก
จากจดหมาย เจี้ยงเฉินเห็นว่าพ่อของเขากำลังออกไปด้วยความมุ่งมั่นถึงแม้ต้องตายก็ตาม
ถ้าพ่อของเขาไม่พบแม่ เจี้ยงเฉินเชื่อว่าเขาจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้วในชีวิตนี้
พ่อของเขาได้เน้นย้ำว่าเจี้ยงเฉินไม่ควรไปตามหาเขา
เห็นได้ชัดว่าเขตแดนเหนือตอนบนที่แปดไม่ใช่สถานที่ธรรมดา เจี้ยงเฟิงไม่มั่นใจอย่างเต็มที่ และเขาไม่ต้องการให้ลูกชายต้องมาตาย
เจี้ยงเฟิงถึงกับใช้การฆ่าตัวตายเพื่อข่มขู่เจี้ยงเฉิน ซึ่งหมายถึงข้อเท็จจริงที่ว่าเขาจะมีโอกาสรอดชีวิตจากอันตรายนี้น้อยมาก
"ท่านพ่อ ท่านได้มอบปัญหาที่ยากลำบากให้ข้า" เจี้ยงเฉินพับจดหมายและขยับมือสองสามที จดหมายกลายเป็นผุยผงในพริบตา
เนื่องจากพ่อของเขาบอกว่าข้อมูลเกี่ยวกับแม่ของเขาเป็นความลับ เจี้ยงเฉินจึงไม่ต้องการให้ใครรู้
"นายน้อย ท่านขุนนางหายไปไหน? จดหมายฉบับนี้กล่าวถึงเรื่องนี้หรือไม่ " หยูตงลุกลี้ลุกลนเมื่อเขาได้เห็นการแสดงออกอย่างเคร่งขรึมของเจี้ยงเฉิน เขารู้สึกผิดมาก
มันคงจะดีกว่า ถ้าเขาได้แจ้งนายน้อยก่อนหน้านี้?
เจี้ยงเฉินถอนหายใจเบา ๆ "พ่อของข้าไปยังสถานที่ที่อยู่ห่างไกลมากและเขาจะไม่กลับมาอีกสักพัก หยูตง เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเจ้า ตอนนี้เจ้าออกไปได้แล้ว "
หยูตงเห็นว่าเจี้ยงเฉินดูเหน็ดเหนื่อย เขาจึงตำหนิตัวเองอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น
เจียงเฉินรู้ว่าหยูตงให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์อย่างมาก การเคลื่อนไหวและท่าทางทุกครั้งจะส่งผลต่อความรู้สึกของเขา
อย่างไรก็ตามเจียงเฉินก็ไม่มีเจตนาที่จะโทษหยูตง เห็นได้ชัดว่าพ่อของเขายืนหยัดในการตัดสินใจด้วยตัวเอง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ไปในเวลานี้ แต่เขาก็คงออกเดินทางไปในอีกไม่ช้า
เจี้ยงเฟิงสามารถไปได้ตลอดเวลา ตราบใดที่ความในใจอันเด็ดเดี่ยวของเขายังไม่ได้รับการแก้ไข
นี่ไม่ใช่ความผิดของหยูตง ไม่ใช่ความผิดของใคร
นี่คือความรักของชายคนหนึ่งที่มีให้กับภรรยาของเขา มันเป็นพลังอันน่าเหลือเชื่อที่บังคับให้พ่อของเขาเริ่มต้นเดินทางไปยังสถานที่ที่ไม่รู้จัก
มันเป็นพลังที่แม้ว่าเจี้ยงเฉินจะสร้างสิบกำแพงเพื่อที่จะกางกั้น เขาจะไม่สามารถหยุดยั้งพ่อของเขาได้
ในฐานะหัวหน้าผู้คุ้มกันส่วนตัว การตัดสินใจของหยูตงที่ไม่ขัดจังหวะการกักตนบ่มเพาะของเขาถูกต้องโดยไม่ต้องสงสัย
ถึงเจี้ยงเฉินจะรู้ว่าหยูตงไม่ใช่ลูกพี่ลูกน้องของเขาจากเนื้อหาของจดหมาย และข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย
ลืมความจริงที่ว่าเขาได้กลับเข้ามาเกิดในร่างกายของผู้อื่นและเก็บความทรงจำของชีวิตที่ผ่านมาของเขา ที่จริงแล้วเขาไม่ได้ให้ความสำคัญมากมายอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเลือดในชีวิตที่ผ่านมาของเขา
เขาให้ความสำคัญกับหยูตงเพราะเขาชื่นชมบุคลิกภาพและศักยภาพของหยูตง
นี่เป็นเหมือนกับการที่เจี้ยงเฉินดูแลเจี้ยงยู แม้ว่าความเกี่ยวพันของครอบครัวและเลือดมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เล็กน้อย แต่หัวใจของเรื่องนี้ก็คือความสัมพันธ์ที่กลมกลืน มันเป็นความสัมพันธ์แบบที่จุดประกายความรู้สึกของเขา
มันอาจจะบอกได้ว่านี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพ่อของเขา
ถ้าเจี้ยงเฟิงไม่แยแสและเฉยเมยในขณะที่เขาจะกลับชาติมาเกิด ความประทับใจของเจี้ยงเฉินเกี่ยวกับพ่อของเขาคงจะได้รับผลกระทบอย่างมาก
แต่ในวินาทีที่เขากลับชาติมาเกิด เจี้ยงเฟิงกำลังเตรียมพร้อมที่จะระดมพลและไปแก้แค้นองค์ราชาลู
นี่เป็นความรักของพ่อที่เต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะขจัดภัยอันตรายทั้งหมดให้พ้นจากลูก ซึ่งได้จี้จุดบ่ออารมณ์ของชีวิตที่ผ่านมาของเจี้ยงเฉินและทำให้เขายอมรับพ่อของเจี้ยงเฉินคนปัจจุบันได้อย่างรวดเร็ว
เป็นเพราะในชีวิตในอดีตและปัจจุบัน พ่อของเขาทั้งสองต่างมีลักษณะคล้ายคลึงกันเหมือนเป็นคนคนเดียวกัน ความรักของพวกเขายิ่งใหญ่ดังเช่นเทือกเขา
สิ่งหนึ่งที่ไม่ว่าจะในชั้นสวรรค์หรืออาณาจักรบนแผ่นดินมนุษย์และทั้งพระเจ้าและมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นและกำหนดอย่างชัดเจนนั้นคือ " ความรัก "
ความรู้สึกของสามีที่มีต่อภรรยาของเขา
ความรักของพ่อให้กับลูกชายของเขา
ความรู้สึกและความรักเหล่านี้เป็นพันธะระหว่างมรดกและสายเลือด ทั้งในโลกนี้และสวรรค์เบื้องบน
ถ้าท้องฟ้ามีความเสน่หา มันก็จะอายุมากขึ้น
เป็นเพราะ "ความเสน่หา" ที่จะทำให้ชั้นฟ้าทั้งหลายถล่มและพังทลายลงมา
เจี้ยงเฉินถอนหายใจเบา ๆ และหัวเราะ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจยับยั้งแรงกระตุ้นที่จะออกไปตามหาพ่อของเขา
เจี้ยงเฉินรู้จักพ่อของเขาเป็นอย่างดี เขาอาจฆ่าตัวตายทันทีที่เขาค้นพบว่าลูกชายของเขาตามเขาไป
ไม่ใช่ว่าบุคลิกของเจี้ยงเฟิงเป็นคนดื้อรั้นหรือโหดร้าย มันเป็นเพราะความรักของเขาที่มีให้กับลูกชายของเขาและเขาไม่ต้องการที่จะเห็นลูกของตัวเองต้องเสี่ยงและต้องพัวพันกับอันตรายนี้
"ท่านพ่อได้บอกความจริงทุกอย่างในจดหมาย เขาบอกไม่ให้ข้าไปหาเขาก่อนที่ข้าจะบรรลุความสมบูรณ์แบบและเติบโตแข็งแกร่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ขอบเขตของการเจริญเติบโตในความแข็งแรงของข้ายังพร่ามัว"
เจี้ยงเฉินสัมผัสถึงความรู้สึกเร่งด่วน ข้อจำกัดของความสมบูรณ์แบบที่ยิ่งใหญ่น่าจะไปถึงการตัดผ่านอาณาจักรต้นกำเนิด
นั่นจะเป็นการเติบโตในสายตาของพ่อของเขาหรือไม่?
"ท่านพ่อ แม้ว่าข้าจะไม่มีความรู้สึกพิเศษกับแม่ที่ให้กำเนิดข้า แต่ความรักที่มหัศจรรย์ของท่านที่มีต่อนางทำให้ข้ามีเหตุผลมากขึ้นที่จะไปตามหาท่าน เนื่องจากท่านกังวลเกี่ยวกับข้า ข้าจะเคารพความปรารถนาของท่าน ถ้าท่านยังไม่กลับมาหลังจากที่ข้าจะบรรลุความสมบูรณ์แบบ ท่านก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาห้ามไม่ให้ข้าไปตามหาท่าน ! "
เจี้ยงเฉินรู้สึกเบาใจเมื่อคิดแบบนี้
ไม่ว่าเขตดินแดนเหนือตอนบนที่แปดจะอยู่ที่ไหน พ่อของเขาคงจะไม่สามารถเข้าถึงมันได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ แม้ว่าเขาจะเข้าไปถึงแล้ว มันก็ยากที่เขาจะหาตัวแม่เจี้ยงเฉินได้โดยไม่มีหลักฐานหรือของที่ระลึก
เจี้ยงเฉินเชื่อว่าด้วยนิสัยของพ่อของเขา เขาจะไม่สะเพร่า
เป้าหมายของเขาคือการหาภรรยาของเขา ไม่ใช่ความตาย
ความห่วงใยของเจี้ยงเฉินต่อพ่อของเขาลดลงเล็กน้อยเมื่อเขาคิดได้เช่นนี้
เขารู้ว่าพ่อของเขารอบคอบและเขาอดทนกับความอัปยศอดสูได้ และเขาสามารถแบกรับภาระหนัก เขาคงจะดำเนินการอยู่ในขอบเขตที่ตัวเองทำได้
ตราบเท่าที่เขาไม่ทำตัวโดดเด่นระหว่างการเดินทางและไม่ได้ไปมีปัญหากับใครมากเกินไป อย่างน้อยคงไม่มีอันตรายอะไรกับชีวิตของเขา
การที่พ่อของเขาออกเดินทางอย่างฉับพลันทำให้เจี้ยงเฉินรู้สึกเร่งด่วนมากขึ้น
เขาต้องเพิ่มความแข็งแกร่งและเข้าถึงความต้องการของการบรรลุถึง "ความสมบูรณ์แบบที่ยิ่งใหญ่" โดยเร็วที่สุด
ยิ่งเขาล่าช้ามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีอันตรายมากขึ้นกับพ่อของเขา ในตอนที่เขาต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มเขตดินแดนเหนือตอนบนที่แปด
เจี้ยงเฉินไม่ได้กังวลกับคนมากมายในโลกนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพ่อของเขาเป็นคนแรกที่เขาห่วงใย
นายน้อย !! "
เจี้ยงเฉินกำลังใช้ความคิดลึก ๆ ทันใดนั้นมีเสียงขี้อายดังมาจากข้างหลัง
เสียงฝีเท้าเบา ๆ มุ่งหน้ามาทางเขา เจี้ยงเฉินรู้ว่าเป็นของผู้ติดตามขี้อายของเขา เว่ยซูฉี เขาแค่ตัดสินจากเสียงเพียงอย่างเดียว
"ซูฉี เกิดอะไรขึ้น ? " เจี้ยงเฉินสุภาพอ่อนโยนและนุ่มนวลเวลาที่เขาพูดกับนางเสมอเพราะเขารู้ว่านางเป็นคนขี้อาย
แก้มของเว่ยซูฉ๊เหมือนมีสีแดงมาแต้ม มีร่องรอยของความหวาดกลัวในความขี้อาย ราวกับว่านางเป็นเด็กที่ทำอะไรผิดมา นางยืนอย่างประหม่าในมุมหนึ่งขณะที่มือของนางม้วนชายเสื้อโดยไม่ได้ตั้งใจ
"นายน้อย บางสิ่ง ... มีบางสิ่งผิดพลาด ท่านขอให้ข้าดูแลลูกชะนียักษ์จันทราสีเงิน 2 ตัว ข้าไร้ความสามารถ พวกมัน ... พวกมัน ... "
“มีอะไรเหรอ?" เจี้ยงเฉินยิ้ม "อย่ากระวนกระวายใจ มันเป็นแค่สัตว์ ลูกสัตว์วิญญาณ 2 ตัว ไม่ต้องกังวล พูดช้า ๆ "
เว่ยซูฉีตบหน้าอกของตัวเอง นางพยายามที่จะไม่กระสับกระส่าย
"ลูกชะนียักษ์ได้เรียนรู้วิธีการต่อสู้เมื่อวานนี้และพวกมันเริ่มโจมตีกันและกัน ข้าไม่ได้สนใจอะไรมากเพราะข้าคิดว่าพวกมันกำลังเล่น แต่ ... แต่ตอนนี้ ... "
"เกิดอะไรขึ้นตอนนี้?" ดวงตาของเจี้ยงเฉินแวววาว. "พวกมันต่อสู้กันดุเดือดมากขึ้นเรื่อย ๆ ?"
"เอ๋? นายน้อยรู้ได้ยังไง? " เว่ยซูฉีตะลึง
"มหัศจรรย์มาก ดูเหมือนว่าในที่สุดพวกมันกำลังเริ่มตื่น ปล่อยให้มันสู้กัน! ยิ่งรุนแรงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี! ชะนียักษ์จันทราสีเงินถูกกำหนดให้ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน "
เจี้ยงเฉินยิ้ม "ซูฉี วันที่ชะนียักษ์สู้กันจนเหลือตัวเดียวที่มีชีวิตอยู่คือวันที่เจ้าประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม ! "
"เอ๋? เว่ยซูฉีไม่เคยคิดเลยว่านี่จะเป็นทัศนคติของเจี้ยงเฉิน นางได้ตำหนิตัวเองตลอดทาง กังวลเรื่องผลประโยชน์และความสูญเสียส่วนตัวของตัวเอง นางกลัวว่านายน้อยจะเอาผิดกับนางที่ไม่ได้ดูแลลูกชะนียักษ์
สิ่งที่นางไม่รู้ก็คือชะนียักษ์เป็นสัตว์วิญญาณที่หยิ่งทะนงตัว
เสือสองตัวไม่อาจอยู่ร่วมกันในถ้ำเดียวกันได้ ตรรกะนี้ใช้ได้กับชะนียักษ์อย่างเท่าเทียมกัน
แม้พวกมันจะเกิดมาพร้อมกัน เพียงตัวเดียวที่จะอยู่รอดในที่สุด ถ้าเพศของพวกมันแตกต่างกัน จะมีเพศชายและเพศหญิงเหลืออย่างละตัว
ชะนียักษ์จันทราสีเงินจะไม่อนุญาตให้ตัวอื่นที่มีเพศเดียวกันมีชีวิตอยู่รอดเคียงข้างพวกมัน
ชะนียักษ์ตัวที่แข็งแกร่งที่สุดจะปกครองดินแดนและพวกมันจะไม่อนุญาตให้ตัวอื่นที่เกิดพร้อมมันมีชีวิตอยู่ต่อพร้อมกับมัน
แม้กระทั่งเมื่อทารกโตขึ้น พวกมันก็จะท้าทายพ่อของพวกมันและต่อสู้เพื่อครองบัลลังก์จนกว่าหนึ่งในพวกมันจะตาย !
แม้ว่ากฎแห่งการอยู่รอดแบบนี้จะดูไม่น่าเชื่อ แต่นี่เป็นกฎของหลายเผ่าพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในโลก
ไม่เพียงแค่ชะนียักษ์ที่ใช้กฎนี้ เผ่าพันธุ์อื่น ๆ ก็ทำเช่นเดียวกัน
"เราลองไปดูกันเถอะ ! " ความรู้สึกหดหู่ของเจี้ยงเฉินเกี่ยวกับพ่อของเขาหายไปเมื่อได้ยินว่าลูกชะนียักษ์ตื่นตัวแล้ว
ในที่สุดค่าใช้จ่ายอันมหาศาลของโอสถวิญญาณที่เขาต้องใช้เลี้ยงดูลูกชะนียักษ์ วันนี้มันได้รับการชดใช้
ทารกสองตัวเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และมีความสูงเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนหน้า
พวกมันโจมตีกันอย่างดุเดือดและโหดเหี้ยมกว่าก่อน
เห็นได้ชัดว่าธรรมชาติในสายเลือดของพวกมันกำลังเริ่มตื่นตัว และเริ่มต่อสู้เพื่อความอยู่รอด และต่อสู้เพื่อเอาชนะคู่แข่งของตน
นี่คือกฎแห่งการมีชีวิตอยู่รอด โชคชะตาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของพวกมัน
ตั้งแต่ช่วงเวลาที่สายเลือดของพวกมันถูกปลุกให้ตื่นตัว พวกมันก็ไม่ได้เป็นพี่น้องกันอีกต่อไปแล้ว พวกมันกลายเป็นคู่แข่งกันจนวันตาย
ในความเป็นจริงความผูกพันของความเป็นพี่น้องไม่ได้มีอยู่ในสัตว์วิญญาณ