หน้าแรก > War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 155 รับคำท้า! การประลองเป็นตาย!!

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

ตัวอายุสั้น?

แววตาของต้วนหลิงเทียนพลันเย็นเยือกยิ่งกว่าธารน้ำแข็ง ...

ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ได้มีความรู้สึกอะไรให้กับบิดาที่น่าจะตายไปแล้ว แต่จะอย่างไรบิดาของเขาก็เป็นคนที่มารดาเขารักและนับถือมากที่สุด เขาจะให้ไอ้สวะต้วนหลิงซิ่งนี่กล่าวดูหมิ่นบิดาของเขาได้อย่างไร!?

ต้วนหรงตกตะลึง....นาม ต้วนหรูเฟิง? นี้ย่อมเป็นนามกระเดื่องที่เขาเคยได้ยินมาก่อน ...

ต้วนหรูเฟิงนั้น เป็นอัจฉริยะไร้ผู้ต้านแห่งตระกูลต้วนแห่งเมืองหลวง เขาเป็นคนที่ปรากฏกายขึ้นมาดั่งดวงดารากลางนภาทั้งยังเปล่งประกายเรืองรองราวกับดาวตก ...ทว่ายามนี้เขาก็หายตัวไปโดยที่ไม่มีผู้ได้ยินข่าวคราวกว่า 18 ปีแล้ว ...แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีคนที่จดจำเขาได้มากมายหลายคน

หากต้วนหรูเฟิงไม่ได้หายตัวไป แน่นอนว่าเขาย่อมเป็นผู้อาวุโสลำดับที่ 3 ของตระกูลต้วน และหากต้วนหรูเฟิงไม่คิดจะไปไหนนอกเหนือจากอาณาจักรภาล่องแล้วล่ะก็ แน่นอนว่าตำแห่งประมุขตระกูลต้วนยอมตกเป็นของเขาอย่างไร้ข้อกังขา!

ต้วนหรงไม่เคยคิดจินตนาการแม้แต่เพียงครั้ง ว่าชายหนุ่มชุดสีม่วงที่เขาเคียดแค้นเข้ากระดูกดำคนนี้ จะเป็นบุตรชายของต้วนหรูเฟิงคนนั้น ...

ตอนนี้เองทุกสายตารอบๆในโรงอาหารที่รับรู้เรื่องราว ล้วนจับจ้องมายังต้วนหลิงเทียนเป็นสายตาเดียวกัน โดยเฉพาะเซี่ยวหวินนั้น สีหน้าพลันเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย

มิคิดต้วนหลิงเทียนสหายเขาคนนี้ ที่แท้กลับเป็นถึงคนของตระกูลต้วนสาขาหลักแห่งเมืองหลวง และยิ่งไปกว่านั้น เขาคือบุตรชายของต้วนหรูเฟิง บุรุษที่ได้รับการกล่าวขานกันว่าเป็นอัจฉริยะไร้ผู้ต้านแห่งอาณาจักรนภาล่อง

เซี่ยวหยูและเทียนหูเองก็ย่อมเคยได้ยินเรื่องราวของต้วนหรูเฟิงมาบ้าง แต่ไม่ได้มากมายอะไร ทว่าพวกเขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะมีความเป็นมาเช่นนี้! ที่แท้เขากลับเป็นถึงลูกหลานของตระกูลต้วนแห่งเมืองหลวง!

"ต้วนหรูเฟิง?" ประกายตาของซูหลี่เรืองวูบระยิบระยับออกมาด้วยแสงแปลกๆ ในขณะที่จับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนอย่างลึกซึ้ง

"ชายหนุ่มคนนี้กลับเป็นบุตรชายของต้วนหรูเฟิงคนนั้นจริงๆ!"

"ข้าไม่คิดเลยว่าสุดยอดอัจฉริยะอย่างท่านต้วนหรูเฟิงจะมีบุตรชายด้วย อีกทั้งดูเหมือนนายน้อยคนนี้จะหาได้ใช้ สิทธิ์เข้าศึกษาสถาบันแห่งนี้จากตระกูลต้วนเสียด้วย แต่เขาสามารถผ่านบททดสอบจาก 1 ใน 18 มณฑลเพื่อเข้าร่วมสถาบันบ่มเพาะขุนพลแห่งนี้ด้วยความสามารถของตัวเอง!! อายุเพียงเท่านี้แต่กลับมีความสามารถสูงล้ำเช่นนี้ ช่างเป็นพรสวรรค์ไร้ผู้ต้านดั่งบิดาของเขาอย่างแท้จริง! " เหล่านักศึกษาหลายคนเริ่มกระซิบกระซาบพูดคุยกันอย่างอื้ออึง

ต้วนหลิงเทียนพลันลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะใช้สายตาเย็นชาเรืองวูบไปด้วยความเหน็บหนาว ในขณะที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกราวกับแผ่ซ่านออกมาจากธารน้ำแข็งขั้วโลก "ต้วนหลิงซิ่งเหตุผลเดียวที่ข้ามายังเมืองหลวง และเข้าร่วมสถาบันบ่มเพาะขุนพลแห่งนี้ แน่นอนว่าย่อมมาเพื่อสังหารสวะเช่นเจ้า ข้าจะมาคืนของขวัญที่เจ้ามีไมตรีหยิบยื่นให้ข้าครั้งยังอยู่เมืองวายุโปรยเมื่อสองปีก่อน ตอนนี้ข้าขอท้าทายเจ้า! ให้มาประลองเป็นตายกับข้าอย่างเป็นทางการ เจ้ากล้าที่จะรับคำท้าของข้าหรือไม่? "

ตอนนี้เขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการที่จะพุ่งเข้าไปเล่นงานต้วนหลิงซิ่งและฆ่ามันทันที แต่เขาเข้าใจดี...ว่าด้วยสถานการณ์ในตอนนี้เขาไม่อาจใจร้อนวู่วามแบบนั้นได้ เขาจะต้องฆ่าต้วนหลิงซิ่งด้วยวิธีการเปิดเผยและเป็นทางการอย่างการประลองเป็นตายนี่ เพื่อให้รองประมุขตระกูลต้วนอย่างต้วนหรูเล่ยทำอะไรไม่ได้นอกจากดูบุตรชายของมันพ่ายแพ้และมีอันเป็นไปต่อหน้าต่อตา และลงมือแก้แค้นกับเขาอย่างเปิดเผยไม่ได้

อะไรก็ตามที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งกล่าวออกมา ทำให้ทุกคนล้วนตกตะลึงตาค้าง

"ต้วนหลิงเทียนเสียสติไปแล้วหรือไร?"

"ต้วนหลิงซิ่งนั้นมันอยู่ถึงปี 4 แล้ว อีกทั้งมันยังตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 แล้วด้วย!! ถึงแม้ว่าพรสวรรค์ตามธรรมชาติของต้วนหลิงเทียนจะเลิศล้ำไร้ผู้ต้านขนาดไหน แต่จะอย่างไรเขายังมีอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น และที่สำคัญเขายังพึ่งเป็นนักศึกษาปีที่ 1 เท่านั้นเอง!"

เหล่านักศึกษาของสถาบันบ่มเพาะขุนพลที่ได้ยินวาจาของต้วนหลิงเทียน ล้วนอึ้ง และทึ่งกับคำกล่าวของเขาทั้งสิ้น

"ต้วนหลิงเทียน เจ้าอย่าได้ใจร้อนวู่วามนะ!" สีหน้าของเซี่ยวฉวินพลันเปลี่ยนเป็นร้อนรน เขาพยายามทัดทานการตัดสินใจของต้วนหลิงเทียน

ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนแข็งแกร่งมาก และเขาเองก็ยังเชื่ออีกด้วยว่า ต้วนหลิงเทียนนั้นจะเหนือล้ำต้วนหลิงซิ่งไปไกลโขในอนาคต แต่ในตอนนี้ต้วนหลิงเทียนยังดูด้อยกว่าต้วนหลิงซิ่งอยู่เล็กน้อย!

เขาเห็นความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนแล้ว และถึงมันจะไม่เลว แต่ต้วนหลิงเทียนก็เพียงแข็งแกร่งกว่าซูหลี่เล็กน้อยเท่านั้น ถึงอาจจะถูกมองว่าไร้ผู้ต่อต้านในระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 7 เหมือนกัน แต่หากเขาต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 8 แล้วล่ะก็ เขาต้องใช้ความพยายามอย่างแสนสาหัสถึงจะมีโอกาสเอาชนะได้... แต่ต้วนหลิงซิ่งคนนี้กลับอยู่ในระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9!!

เซี่ยวหยูและเทียนหูเองก็ตระหนักได้ถึงระดับบ่มเพาะของต้วนหลิงซิ่งหลังจากที่ได้ยินเสียงสนทนาจากผู้คนรอบๆ และตอนนี้สีหน้าของพวกเขาเองก็พลันเปลี่ยนเป็นร้อนรนไม่ต่างจากเซี่ยวฉวิน และพยายามกล่าวห้ามต้วนหลิงเทียนด้วยความเป็นกังวล

ทว่ามีเพียงซูหลี่เท่านั้นที่ดวงตาทอประกายเรืองวูบขึ้นมาราวกับเข้าใจอะไรบางอย่าง และไม่ได้พยายามจะกล่าวห้ามต้วนหลิงเทียน หลังจากที่เขาเห็นประกายตาเย็นชาของต้วนหลิงเทียนที่วูบวาบอยู่อย่างไม่สั่นไหว รวมทั้งมุมปากของต้วนหลิงเทียนที่ยกขึ้นมาด้วยความมั่นใจ นั่น...

"เจ้า ... เจ้ากล้าท้าทายข้า ซ้ำยังเป็นการประลองเป็นตาย?" ต้วนหลิงซิ่งแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง หลังจากได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน

แน่นอนว่ายามนี้เขาไม่ได้ต้องการอะไรมากมายไปกว่าการสังหารต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำมือของเขาหลังจากที่เห็นหน้ามัน แต่น่าเสียดายที่สถานที่แห่งนี้คือสถาบันบ่มเพาะขุนพล และผลที่ตามมาหลังจากลงมือสังหารผู้อื่นก็ร้ายแรงนัก! แม้แต่ตัวเขาที่เป็นบุตรชายของรองประมุขตระกูลต้วน ก็ยังไม่สามารถทานรับผลการกระทำเช่นนั้นได้

แต่เรื่องราวมันจะแตกต่างกันทันทีหากมีการทำข้อตกลงเข้าร่วมประลองเป็นตาย เมื่อมีการลงนามยินยอมในข้อตกลงเป็นตายแล้ว ต่อให้เขาจะสังหารต้วนหลิงเทียน ทางสถาบันบ่มเพาะขุนพลก็จะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวอะไร...

"อะไรกัน นี่เจ้าไม่กล้างั้นหรือ?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวเย้ยหยันออกมา

ในขณะที่ต้วนหลิงซิ่งจะกล่าวยอมรับคำท้า ...

"ท่านพี่" ต้วนหรงพลันกล่าวออกมาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว และน้ำเสียงยำเกรงว่า "ต้วนหลิงเทียนคนนี้ เป็นชายหนุ่มชุดสีม่วงที่ทำร้ายข้าเมื่อ 2 เดือนก่อน ...ท่านพี่ไม่ได้กล่าวเอาไว้เมื่อคืนหรอกหรือ ว่าอย่าเพิ่งวู่วาม และควรจะตรวจสอบพื้นหลังของเขาให้ดีก่อน และค่อยให้ท่านลุงส่งคนไปกำจัดเขา? "

"อะไร มันกลับเป็นชายหนุ่มชุดสีม่วงที่เจ้ากล่าวถึง?" รูม่านตาของต้วนหลิงซิ่งหดแคบลง เหตุผลเดียวที่เขามายังโรงอาหารวันนี้กับต้วนหรงก็คือ การจับตัวศัตรูที่ทำร้ายน้องชายเขา เขาเขาไม่คาดคิดเลยว่าศัตรูของน้องชายเขาคือต้วนหลิงเทียนผู้นี้

"ใช่แล้ว" ต้วนหรงพยักหน้า ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยใบหน้าหวาดกลัว "ท่านพี่ อยู่ๆต้วนหลิงเทียนผู้นี้ก็เสนอการประลองเป็นตายขึ้นมาและกล้าท้าทายท่านเช่นนี้... มันน่าสงสัยไม่น้อยเลยนะท่านพี่ ...ท่านต้องไม่ไปตบปากรับคำท้าของมันอย่างผลีผลามนะท่านพี่"

ต้วนหรงเริ่มหวาดกลัวต้วนหลิงเทียนขึ้นมาทันทีหลังจากที่ได้ยินว่า ต้วนหลิงเทียนคนนี้เป็นบุตรชายของต้วนหรูเฟิง ถึงแม้ต้วนหรูเฟิงจะหายตัวไปเกือบ 20 ปีแล้ว แต่ก็ไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าเขาเสียชีวิตไปแล้วจริงๆ บางคนยังกล่าวออกมาอย่างเชื่อมันว่าต้วนหรูเฟิงยังมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ

แล้วหากว่าต้วนหรูเฟิงยังมีชีวิตอยู่ขึ้นมาจริงๆ...เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนผู้นี้ก็จะได้รับการสนับสนุนจากตัวตนที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง และไม่มีใครในอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้จะเทียบเทียมได้

“ฮึ่ม! ข้าตัดสินใจเองได้ ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเจ้า!” ตาของต้วนหลิงซิ่งหรี่ลง เขาจะปฏิเสธคำท้าของต้วนหลิงเทียนหรือไม่?

แน่นอนว่าคำตอบคือไม่!

และหลังจากที่ได้ยินคำกล่าวของต้วนหรง มันทำให้เขาต้องการที่จะสังหารต้วนหลิงเทียนมากยิ่งขึ้น! ตอนนี้ดูเหมือนต้วนหลิงเทียน จะมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งให้ความคุ้มครองอยู่... เขารู้สึกว่าหากพลาดโอกาสในการสังหารต้วนหลิงเทียนคราวนี้แล้วล่ะก็ ในอนาคตการจะฆ่ามันคงยากยิ่งกว่าการปีนป่ายสวรรค์

"ฮ่า ๆ ๆ ๆ…." ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังลั่น หลังจากที่เขายืนดูต้วนหลิงซิ่งและต้วนหรงกล่าววาจากระซิบกระซาบกันอยู่นานสองนาน น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความหยิ่งและหยาบคายในขณะที่กล่าวออกมาโดยไม่ไว้หน้าว่า "ต้วนหลิงซิ่ง นะต้วนหลิงซิ่ง เจ้านี่มันก็เป็นอย่างที่ข้าคิดเอาไว้ไม่มีผิด ลูกชายของขยะตระกูลต้วนอย่างเจ้าจะอย่างไรก็เป็นขยะไม่ต่างจากบิดาพิการของเจ้า ตัวเจ้านั้นไม่กล้าแม้แต่จะรับคำท้าประลองเป็นตายของข้าที่มีอายุ 18 ปีเท่านั้น ช่างหน้าตัวเมียยิ่งนัก! "

หน้าตัวเมีย!

เมื่อต้วนหลิงเทียนกล่าวจบ คนทั้งหมดล้วนหันไปมองต้วนหลิงซิ่งด้วยสายตาประหลาด

"ต้วนหลิงซิ่งนั่น คงไม่ได้เกิดความหวาดกลัวต่อต้วนหลิงเทียนขึ้นมา จนไม่กล้ารับคำท้าประลองเป็นตายจริงๆหรอกนะ?"

"อะไร มันยังเป็นบุรุษอยู่หรือไม่ มันเป็นถึงนักศึกษาปี 4 แต่กลับหวาดกลัวที่จะรับคำท้าประลองเป็นตายจากนักศึกษาชั้นปีที่ 1 นอกจากนี้คนท้ามันยังเป็นแค่เด็กน้อยเท่านั้น!"

"ต้วนหลิงซิ่งคนนี้เกรงว่าต่อไปในอนาคตยามที่มันเดินในสถาบันบ่มเพาะขุนพล มันคงไม่อาจเงยหน้าหรือโงหัวขึ้นมาได้อีกต่อไป ไม่สิแม้แต่ในเมืองหลวงแห่งนี้มันก็มีวัน หากมันหวาดกลัวเด็กน้อยเช่นนี้"

...

ยามนี้เหล่านักศึกษาล้วนกล่าววาจาแสดงความเห็นออกมา อีกทั้งตอนนี้พวกมันไม่ต้องการอะไรมากกว่ายุยงให้เกิดปัญหาเร็วขึ้นเพื่อความสนุกสนานส่วนตัว!

แน่นอนว่าเสียงสนทนาเหล่านี้ล้วนเข้าหูของต้วนหลิงซิ่งทั้งหมด และมันแทบไม่ต่างอะไรกับคมมีดกรีดเฉือนเขาแม้แต่น้อย ประกายตาของเขาเปลี่ยนเป็นอำมหิตก่อนที่จะกล่าวกับต้วนหลิงเทียนอย่างเย็นชา "ต้วนหลิงเทียน ข้าไม่คิดว่าเจ้ากลับหยิ่งเสียยิ่งกว่าบิดาอายุสั้นของเจ้าเสียอีก เนื่องจากเป็นเจ้าเองที่รนหาที่ตาย เช่นนั้นข้าเองก็จะยอมรับคำท้าประลองเป็นตายของเจ้า" ต้วนหลิงซิ่งกล่าวยอมรับออกมาตรงๆ

"ท่านพี่!" ใบหน้าของต้วนหรงเปลี่ยนเป็นซีดเผือด เขารู้สึกมีอะไรไม่ชอบมาพากลอย่างถึงขีดสุด และบังเกิดความหวาดกลัวประการหนึ่งขึ้นมาในใจ

"หุบปาก!" อย่างไรก็ตามหลังจากที่ต้วนหลิงซิ่งหันไปตวาดด้วยแววตาดุร้าย ต้วนหรงก็ไม่กล้าทักท้วงอะไรอีกต่อไป

ตัวเขาย่อมรู้ดีว่าหากลูกพีลูกน้องของเขาคนนี้ตัดสินใจไปแล้ว มันไม่ใช่อะไรที่เขาจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ...และตอนนี้จะเปลี่ยนแปลงอะไรก็คงยาก เพราะมีผู้คนจำนวนมากมายที่มารวมอยู่บริเวณโต๊ะของต้วนหลิงเทียนได้ยินคำกล่าวตอบรับไปแล้ว

ทันใดนั้นเอง

"ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้พบเจอเรื่องสนุกสนานเช่นนี้ ในขณะที่มากินอาหารกลางวัน เอาล่ะ! ถ้าพวกเจ้าทั้งสองต้องการประลองเป็นตาย ชายชราผู้นี้ก็จะร่วมสนุกด้วยเสียหน่อย เอาเป็นว่าข้าจะเป็นสักขีพยานให้แก่พวกเจ้าเอง!" เสียงของชายชราคนหนึ่งดังก้องขึ้นมาจากชั้นลอยของโรงอาหาร

ชั้นลอยของโรงอาหารนี้ไม่เปิดให้นักศึกษาของสถาบันบ่มเพาะขุนพลใช้บริการ

และในขณะที่ ชายชราในชุดคลุมสีเทากำลังเดินลงมาจากชั้นลอยนั้น

"ทำความเคารพท่านรองผู้อำนวยการ!"

"ทำความเคารพท่านรองผู้อำนวยการ!"

...

เหล่านักศึกษาชั้นปีสูงๆต่างทำความเคารพชายชราอย่างนอบน้อม

ต้วนหลิงเทียนเองก็หันมาพินิจด้วยเช่นกัน ที่เขาเห็นตอนนี้ก็คือชายชราท่าทางธรรมดาแต่งตัวในชุดคลุมสีเทา แม้ว่าชายชราคนนี้จะดูมีอายุมากแล้ว แต่ทั้งร่างของชายชราคนนี้ก็แลเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน อีกทั้งประกายตาของเขายังคงเรืองรองระยิบระยับ ...นี่คือประกายตาของผู้เชี่ยวชาญ!

อย่างน้อยที่สุดสำหรับต้วนหลิงเทียน ชายชราคนนี้ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญ!

"รองผู้อำนวยการ!" แม้แต่ต้วนหลิงซิ่งที่หยิ่งยโสโอหัง เมื่อเจอรองผู้อำนวยการมันก็ก้มหัวทำความเคารพอย่างนอบน้อม

ต้วนหลิงเทียนเองก็พยักหน้าเบาๆ เป็นการแสดงความเคารพชายชราด้วย

"เอาล่ะ พวกเจ้าทั้ง 2 คนต้องการประลองเป็นตาย ใช่หรือไม่?" คิ้วของชายชราขมวดขึ้นอย่างสงสัย ปากของเขาแย้มยิ้มออกมาอย่างคาดหวัง "เช่นนั้นชายชราผู้นี้จะเป็นสักขีพยานให้แก่พวกเจ้าเอง เอาล่ะแต่อย่างไรก็ตามข้าต้องกล่าวถามสิ่งหนึ่งก่อน พวกเจ้าทั้งสองต้องการที่จะแจ้งให้ผู้อาวุโสของพวกเจ้ารับรู้ก่อนหรือไม่ เพราะเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แต่เป็นเรื่องของความเป็นความตาย!"

"ไม่จำเป็น!' ต้วนหลิงเทียนส่ายหัว

แจ้งผู้อาวุโสให้รับรู้?

เขารู้ดีหากแม่เขารู้เรื่องที่เขาจะประลองเป็นตายกับต้วนหลิงซิ่ง มีหวังนางได้คัดค้านหัวชนฝาแหงๆ นางไม่มีทางเห็นด้วยที่เขาจะทำการประลองเป็นตายกับต้วนหลิงซิ่งอย่างแน่นอน

ชายชราหันไปมองต้วนหลิงซิ่งก่อนที่จะกล่าวถามออกมา "แล้วเจ้าเล่า ว่ากระไร?"

ต้วนหลิงซิ่งพลันจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยประกายตาเย็นชา ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงไม่แยแส "ข้าไม่จำเป็นต้องกล่าวแจ้งผู้ใด เพราะจะอย่างไรคนที่ตายก็ไม่มีวันเป็นข้า... "

คำตอบของต้วนหลิงซิ่งนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างเปี่ยมล้น

"ดี เช่นนั้นก็ไปยังลานฝึกซ้อม" ชายชราพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม และร่างของเขาพลันวูบไหวเลือนหายไปทันที เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งร่างของเขาก็เคลื่อนไปไกลถึง 10 เมตร

"ท่าร่างที่รวดเร็วนัก!" ต้วนหลิงเทียนนั้นที่จับจ้องชายชราอยู่ตลอดเวลา เต็มไปด้วยความประหลาดใจทันที ความเร็วของชายชรานั้นเหนือกว่าฉงเฉวียนเสียอีก ซ้ำยังเหนือกว่ามาก บ่งบอกถึงระดับบ่มเพาะที่แตกต่างกัน

แต่แน่นอนว่านี่ล้วนเป็นเพราะฉงเฉวียนยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เมื่อต้วนหลิงเทียนก้าวเข้าสู่ระดับกำเนิดแก่นแท้เมื่อไหร่ และเขาหลอมโอสถกวาดจิตพิสุทธิ์ระดับ 8 ให้ฉงเฉวียนแล้วล่ะก็ ยามนั้นความแข็งแกร่งของฉงเฉวียนก็จะหวนคืนไปสู่ระดับ แรกสัมผัสธรรมชาติอีกครั้ง ...

และเมื่อถึงเวลานั้น ผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติที่แท้จริงคนที่ 4 ก็จะปรากฏกายในอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้!

ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาที่รับประทานอาหารอยู่แต่แรก หรือนักศึกษาที่รออาหารรวมทั้งเหล่านักศึกษาในโรงอาหารทั้งหมดที่รู้เรื่อง ล้วนลุกขึ้นและเดินตามมาชมดูด้วยทั้งสิ้น

การประลองเป็นตาย!

เหตุการณ์ร้ายแรงถึงขนาดนี้ไม่ใช่อะไรที่จะเกิดขึ้นให้เห็นกันทุกวัน อาหารนั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาจะกินตอนไหนก็ได้ ทั้งการอดไปสักมื้อก็ยังไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เหตุการณ์คึกคักน่าสนุกสนานเช่นนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่มีวันยอมพลาดอย่างเด็ดขาด!

"มันชื่อว่า ต้วนหลิงเทียนงั้นหรือ?" สตรีที่สวมชุดสีแดงถือแส้สีดำเองก็เดินตามกลุ่มผู้คนไปพร้อมมีสตรีเดินติดตาม แววตาของนางทอประกายเย็นชาออกมา

แน่นอนว่านางคือ ถงลี่!

"นายหญิงน้อยเจ้าคะ ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ช่างกล้านัก มันกล้าที่จะท้านักศึกษาชั้นปีที่ 4 อีกทั้งยังเป็นการท้าประลองเป็นตายอีกด้วยเจ้าค่ะ เช่นนั้นมันยอมตกตายลงอย่างแน่นอน คราวนี้มีผู้คนที่จะช่วยระบายความคับข้องใจให้นายหญิงน้อยแล้วเจ้าค่ะ” สตรีที่ติดตามถงลี่กล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ

"ฮึม!!โชคร้ายนัก แต่จะอย่างไรก็ตาม ถึงมันจะไม่ได้ตกตายด้วยสองมือของข้า แต่ตกตายลงด้วยน้ำมือของผู้อื่น ข้าก็จะไม่มีวันปล่อยศพของมันให้หลุดมือเป็นแน่!! ข้าได้กล่าวไว้แล้วว่า ข้าจะฉีกร่างมันเป็นชิ้นๆ ข้าก็จะกระทำตามคำกล่าวของข้าให้ได้! "น้ำเสียงของถงลี่เต็มไปด้วยความเย็นชาจนเสียดกระดูก นี่ทำให้สตรีที่ติดตามนางมาหวาดกลัวจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีซีด

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.