หน้าแรก > ราชันสามภพ
ตอนที่ 252 นิกายตะวันม่วงมีส่วนร่วมด้วยรึ?

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

"ราชาหนู ตามเซี่ยวหยูไป" เจี้ยงเฉินออกคำสั่ง

แม้ว่าพวกเขาจะเคลื่อนไหวอยู่ใต้พื้นดิน แต่มันเป็นงานถนัดของราชาหนู พวกเขาจึงเดินตามเซี่ยวหยูได้ง่าย ๆ

"หยูเอ๋อ รีบมาทักทายศิษย์พี่อาวุโสของท่าน" เสียงของลู่ฉางเฟิงดังขึ้นมาจากข้างล่าง

เซี่ยวหยูรีบเดินไปข้างหน้า "ข้า ศิษย์น้องเซี่ยวหยูขอทักทายศิษย์พี่อาวุโส"

"หืม เจ้าคือเซี่ยวหยูรึ ? ไม่เลวเลย" เสียงราบเรียบตอบ

เห็นได้ชัดว่าลู่ฉางเฟิงให้เกียรติกับเจ้าของเสียงนี้เขากล่าวว่า "หยูเอ๋อ นี่คือซูยี่ หนึ่งในศิษย์คนพิเศษของผู้อาวุโสเหล็ก เขายังอายุไม่ถึงสามสิบปี เขาอยู่ในอาณาจักรปราณจิตวิญญาณปฐพี อนาคตของเขาไม่มีที่สิ้นสุด !  เจ้าต้องจดจำคำพูดของศิษย์พี่ของเจ้าในอนาคต"

เมื่อเซี่ยวหยูได้ยินว่าชายคนที่เพิ่งมาอายุน้อยกว่าเขาแต่อยู่ในอาณาจักรปราณจิตวิญญาณปฐพี คลื่นลูกใหญ่สั่นหัวใจของเขาขณะที่เขากล่าวอย่างสุภาพว่า "ความสามารถอันเหลือล้นของศิษย์พี่ซูทำให้ศิษย์น้องคนนี้ประหลาดใจมาก ข้าฝึกฝนในโลกมนุษย์ตลอดเวลาและข้าคิดว่าตัวเองสุดยอดแล้ว ข้าพอใจในตัวเองเมื่อผู้คนในโลกภายนอกยกให้ข้าเป็นอัจฉริยะ ดูเหมือนว่าข้าเป็นกบในกะลาจริง ๆ ศิษย์พี่ซูเป็นคนที่สมควรใช้ชื่ออัจฉริยะ ! "

แม้ว่าลู่ฉางเฟิงค่อนข้างจะรู้สึกหดหู่กับคำพูดเหล่านี้ แต่เขาก็รู้สึกค่อนข้างพอใจ ดูเหมือนว่าหลังจากความทุกข์ทรมานจากการสู่ขอครั้งล่าสุด สภาพจิตใจของเซี่ยวหยูได้รับการปรับปรุง

อย่างน้อยที่สุด เขาเปล่งเสียงคำพูดประจบประแจงขึ้นอย่างราบรื่น ถ้าเป็นเซี่ยวหยูคนเก่า เขาคงไม่มีทางที่จะพูดจาถ่อมตนต่อหน้าผู้อื่น

ดูเหมือนเซี่ยวหยูจะโตขึ้น

ลู่ฉางเฟิงได้ให้ความสนใจกับศิษย์นี้มากที่สุดและรู้สึกยินดีที่ได้เห็นเขาพัฒนาขึ้น

ต้องบอกว่าการเยินยอของเซี่ยวหยูตีตรงจุดอย่างแม่นยำ ตอนแรกเขาติเตียนตัวเองและลดท่าทางของเขาให้ดูต่ำต้อย แล้วเขาก็เพิ่มการชมเชยซูยี่ผ่านการเปรียบเทียบอย่างคมชัด

ร่องรอยแห่งรอยยิ้มบางอย่างปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เจิดจ้าใจเย็น ๆ ของซูยี่

"เซี่ยวหยู วิหารพฤกษาสวรรค์ของเจ้าเป็นคนของอาจารย์ของข้าเช่นกัน ไม่ว่ายังไง เราทุกคนก็คือครอบครัวเดียวกัน เจ้าไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตรองมากมาย เมื่อท่านอาจารย์ได้รับการแจ้งเตือนอย่างเร่งด่วนและข้อความลับจากท่านในครั้งนี้ เขาจึงส่งข้าและศิษย์น้องเหล่านี้ออกมาจากหุบเขา มันคงเป็นปัญหาใหญ่มากขนาดที่ว่าวิหารอุดรครามสวรรค์ไม่สามารถรับมือกับเรื่องนี้ตามลำพังได้"

ลู่ฉางเฟิงรีบพูดว่า "เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคนหลายกลุ่มเยอะมาก ถ้าไม่มีผู้บริหารอาวุโสของนิกายคอยสนับสนุนข้า ข้าคงจะกดดันอย่างหนักในการตัดสินใจนี้ เรื่องก็คือ - ข้าเห็นเทียนโชแห่งหน่วยเขี้ยวมังกรมาที่ชายแดนในไม่กี่วันที่ผ่านมาพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง ข้าส่งคนไปตามพวกเขาและข้าก็ค้นพบว่าพวกเขาได้ซ่อนสิ่งมีชีวิตหลายพันตัวไว้ที่ชายแดน พวกมันอยู่ในระดับสามัญสูงสุด"

"ระดับสามัญสูงสุดหรือ? พวกมันมีเป็นพันตัว? " เสียงของซูยี่กระชับขึ้นด้วยแรงโน้มถ่วง

"จริงอย่างไม่ต้องสงสัย ! พวกมันทั้งหมดอยู่ที่ระดับสามัญสูงสุดและมีคุณภาพสูงกว่ามังกรไวเวิร์นของเราและมังกรปีกเหลืองของหน่วยเขี้ยวมังกร ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาข้าไม่เคยเห็นสัตว์ปีกวิญญาณจำนวนมากในการเลี้ยงสัตว์ของวิหารอุดรครามสวรรค์"

มังกรไวเวิร์นมีพลังเทียบเท่ากับนกหงส์เงิน มันค่อนข้างยากที่จะเลี้ยงดูพวกมัน และมังกรไวเวิร์นแต่ละตัวก็บ่งบอกถึงความวิริยะอุตสาหะของวิหารอุดรครามสวรรค์

ครั้งแรกที่เจี้ยงเฉินผ่านวิหารอุดรครามสวรรค์ เขาปะทะกับคนโกงสองคนของวิหารที่วิ่งไล่ตามเขาอย่างฉุนเฉียว เป็นเพราะทั้งสองคนหลอกลวงคนอื่นและได้วางตัวเป็นหน่วยเขี้ยวมังกรและไล่ล่าประชาขนด้วยมังกรไวเวิร์นของวิหารอุดรครามสวรรค์ แต่ก็บังเอิญได้ปะทะกับกลุ่มของเจี้ยงเฉิน

พวกเขามีแรงกระตุ้นที่จะยอมเลิกราไล่ล่าประชาชนเหล่านั้นเมื่อพวกเขาได้เห็นกลุ่มของเจี้ยงเฉิน พวกเขาจึงเปลี่ยนมาขโมยนกหงส์ทองของเขาแทน

นี่เป็นจุดเริ่มต้นของความแค้นระหว่างวิหารอุดรครามสวรรค์กับเจี้ยงเฉิน

นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นเป็นอย่างดีว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะเลี้ยงดูมังกรไวเวิร์น

และตอนนี้สิ่งมีชีวิตวิญญาณนับพันตัวที่มีคุณภาพสูงกว่ามังกรไวเวิร์นได้ปรากฏตัว นี่ทำให้เลือดที่ไหลเวียนในตัวพวกเขาเดือดระอุเพราะไม่รู้จะทำอะไรต่อ

แม้ว่าพวกเขารู้ว่าทั้งหมดนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจี้ยงเฉิน แต่พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะเสี่ยงด้วยความโลภที่เอ่อล้นบนใบหน้าของพวกเขา

นอกจากนี้ พวกเขารู้ดีว่าวิหารอุดรครามสวรรค์มีปัญหากับเจี้ยงเฉินอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องสุภาพกับเขา

ลู่ฉางเฟิงรู้ว่าด้วยพลังอำนาจของวิหารอุดรครามสวรรค์ พวกเขาอาจไม่สามารถสู้รบปรบมือกับเจี้ยงเฉินได้

ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะส่งจดหมายลับเร่งด่วนไปยังผู้อาวุโสเหล็กและขอคำแนะนำจากเขา

ถ้านิกายปรากฏตัวยื่นมือเข้ามาและให้การสนับสนุน ลู่ฉางเฟิงสามารถทำเรื่องอุกอาจได้โดยไม่ต้องรับโทษ ถึงแม้เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับเจี้ยงเฉินและหน่วยเขี้ยวมังกร

ซูยี่ก็เริ่มมีความกระตือรือร้นเมื่อได้ยินคำพูดของลู่ฉางเฟิง เขาพูดว่า "ถ้าพวกมันอยู่ในระดับสามัญสูงสุด พลังในการสู้รบของพวกมันก็เท่ากับผู้เชี่ยวชาญพลังลมปราณฉี นี่ไม่ใช่เรื่องยากหากเป็นผู้ฝึกฝนที่เป็นมนุษย์ แต่เป็นเรื่องผิดปกติมากถ้าเป็นสัตว์วิญญาณ ! ประมุขลู่ ท่านจะได้รับความดีความชอบอย่างมากสำหรับความสำเร็จในครั้งนี้ ! "

ลู่ฉางเฟิงรู้สึกปลื้มใจกับการรับรู้ของซูยี่ เขาพูดว่า "ไม่เลย อย่าพูดอย่างนั้นสิ เราทุกคนทำงานให้กับผู้อาวุโสเหล็ก ข้าทำงานหนักโดยไม่เคยปริปากบ่นเพื่อเขาเสมอ"

"อืม แล้วสัตว์วิญญาณเหล่านี้อยู่ที่ไหน?" ซูยี่ถาม

ใต้พื้นดิน เจี้ยงเฉินได้ใช้ทักษะหูของเทพแห่งลมประจิมจนถึงขีดสุดเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่พลาดแม้เพียงคำเดียว ความแค้นเดือดปุด ๆ ขึ้นในใจของเขามาเป็นเวลานาน

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะวิหารอุดรครามสวรรค์ !

ลู่ฉางเฟิงถอนหายใจ "ข้าคิดจะซุ่มโจมตีพวกมันในอาณาเขตของเรา เพราะยังไงเทียนโชก็ไม่ได้พาคนจำนวนมากมาพร้อมกับเขาและมิหนำซ้ำเขายังมีแค่ผู้หญิงธรรมดาคอยช่วยเหลือ เราสามารถซุ่มโจมตีพวกเขาได้อย่างแยบยล อย่างไรก็ตาม เกิดอุบัติเหตุที่ยิ่งใหญ่ขึ้นท่ามกลางแผนการของเรา "

อุบัติเหตุครั้งยิ่งใหญ่ ?

ซูยี่กำลังตกใจอย่างมากเช่นเดียวกับเจี้ยงเฉินที่อยู่ใต้พื้นดินก็กำลังหงุดหงิด.มันเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น?

"สถานการณ์เป็นอย่างไร? รีบพูดเข้าสิ "

"สาวกจากวิหารของเรากำลังเฝ้าติดตามพวกเขาตลอดทางเตรียมพร้อมที่จะซุ่มโจมตีพวกเขาทันทีที่พวกเขาหันกลับมา ใครจะคิดได้ว่าตั๊กแตนที่กำลังเดินตามหลังจักจั่น จะมีนกขมิ้นแอบย่องอยู่ข้างหลังอีกที โดยไม่รู้ตัว เทียนโชและกลุ่มถูกจับโดยพวกอื่นก่อนที่พวกเขาจะหันหลังกลับเสียอีก "

"มันเป็นไปได้ยังไง?"  นอกเหนือจากพวกเจ้า ใครในราชอาณาจักรนภาจันทร์มีความกล้าหาญที่จะต่อต้านหน่วยเขี้ยวมังกร? " ซูยี่พบว่ามันยากที่จะเชื่อ

"พวกเขาไม่ได้มาจากราชอาณาจักรนภาจันทร์ หุบเขาที่สัตว์วิญญาณอาศัยอยู่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเขตปกครองของราชอาณาจักรของเรา มันเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรหยานเมิงที่อยู่ใกล้เคียง ราชอาณาจักรหยานเมิงไม่เป็นมิตรกับเราและอยู่ภายใต้การคุ้มครองของนิกายตะวันม่วง ! บรรดาผู้ที่สกัดกั้นพวกเขาต้องเป็นสาวกจากนิกายตะวันม่วงแน่นอน ! "

"นิกายตะวันม่วงงั้นรึ?" หน้าผากของซูยี่เป็นรอยย่น "นิกายตะวันม่วงอยากจะมีส่วนร่วมในเรื่องยุ่งยากนี้หรือไม่ ? "

"อันที่จริงแล้วมันยากสำหรับพวกเขาที่จะไม่ถูกล่อลวงด้วยสัตว์วิญญาณขนาดใหญ่จำนวนมากเช่นนี้" ลู่ฉางเฟิงถอนหายใจ "ข้าไม่มีความสามารถและข้าถูกบังคับให้ขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสเหล็ก"

"นั่นหมายความว่านิกายตะวันม่วงมีสัตว์วิญญาณอยู่ในมือแล้วสินะ"

"ยัง พวกเขายังไม่ได้มันไป !" ลู่ฉางเฟิงรีบพูด กลุ่มนิกายตะวันม่วงเป็นกลุ่มที่เข้มแข็งมากกว่าเนื่องจากพวกเขามีสาวกบางคนในอาณาจักรปราณจิตวิญญาณปฐพีและบางคนอยู่ในระดับอาณาจักรปราณจิตวิญญาณเล็ก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีข้อได้เปรียบในด้านพลังที่เหนือกว่า แต่เทียนโชและพรรคพวกก็มีพลังของสัตว์วิญญาณมากมาย พวกเขาจึงมีพลังสูสีกันอาจจะบอกว่าเทียบเท่ากันก็ได้และทั้งสองฝ่ายต่างคุมเชิง รอดูท่าทีของอีกฝ่าย เห็นได้ชัดว่าสาวกของนิกายตะวันม่วงไม่ต้องการทำร้ายสัตว์วิญญาณจำนวนมากและพวกเขาต้องการจะจับพวกมันในสภาพที่มีชีวิตอยู่ พวกเขาจึงตกอยู่ในสถานการณ์จนมุม "

“จนมุมรึ?” ซูยี่หัวเราะเบา ๆ "จนมุมเป็นสิ่งที่ดี นั่นคือสิ่งที่เราต้องการ มาเถอะ เราต้องไปดูด้วยตา เราไม่ต้องรีบร้อนลงมือ สิ่งที่ดีที่สุดคือทั้งสองฝ่ายต่างสูญเสียอย่างสาหัส และหลังจากนั้นเราจะถลาลงไปจัดการของที่เราต้องการอย่างง่ายดาย”

ลู่ฉางเฟิงกระพริบตา "นั่นคือสิ่งที่ข้าคิดไว้เช่นกัน"

ลู่เฉางเฟิงรู้สึกมั่นใจและมีขวัญกำลังใจอย่างมากกับการปรากฏตัวของเหล่าสาวกนิกายแทนเจตนารมณ์ของผู้อาวุโสเหล็ก

"เอาล่ะ เราไม่ควรรอช้าอีกต่อไป เทียนโชและกลุ่มของเขารออยู่ที่นั่นเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว ข้ากังวลว่าเจี้ยงเฉินจะสงสัยหากพวกเขาไม่กลับไปเร็ วๆ นี้ สถานการณ์จะวุ่นวายและยุ่งยากมากขึ้นถ้าเขามาถึง "

"เจี้ยงเฉินรึ?" เสียงของซูยี่แข็งทื่อเมื่อเขาได้ยินชื่อนี้ "แล้วมันเป็นใคร? ข้าได้ยินมาว่าเขาล่วงเกินอาจารย์ของข้า ข้าอึดอัดใจมาก ข้าคิดว่าข้าจะไม่ได้เจอมัน ถ้ามันโผล่หัวออกมา ข้าจะจับตัวมันและพามันกลับไปให้อาจารย์ของข้าตัดสิน ! "

ลู่ฉางเฟิงค่อย ๆ คิดว่า "คนที่อยู่ในอาณาจักรปราณจิตวิญญาณปฐพีแข็งแกร่งก็จริง แต่เจี้ยงเฉินไม่ใช่คนที่สามารถมองข้ามได้ อาจารย์ของเจ้าอยู่ในระดับปราณจิตวิญญาณปฐพี เขายังไม่สามารถทำอะไรเจี้ยงเฉินได้ "

ซูยี่ดูเหมือนจะอ่านใจของลู่ฉางเฟิงออก ขณะที่เขากำลังสูดหายใจแรง "อาวุโสลู่ พูดตรง ๆ ข้ารู้ว่าเจี้ยงเฉินทำให้เจ้ากลัวจนหัวหดครั้งล่าสุด และข้าได้ยินหวังยูพูดถึงข้อเสนอการสมรส เจี้ยงเฉินเล่นตลกกับอำนาจบางอย่างและเขาก็ซบเซาอยู่เบื้องหลังอิทธิพลที่ยืมมา ถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์เย่ยื่นมือเข้ามาช่วย อาจารย์ของข้าคงฆ่าเจี้ยงเฉินตายไปสิบคนแล้ว ถ้ามันไม่มีอาวุโสเฟยมาสนับสนุนครั้งก่อน เจี้ยงเฉินมันจะเดินอวดอ้างรอบ ๆ อยู่ได้อย่างไร? "

"ใช่แล้ว!" เจียงเฉินหยิ่งยโสและเดินวางมาดด้วยอิทธิพลที่ยืมของคนอื่นมา ! " ลู่ฉางเฟิงพยักหน้าอย่างเร่งรีบ เขาได้อธิษฐานขอให้เจี้ยงเฉินไม่มาถึงตอนนี้ แม้ว่าซูยี่จะพูดจาคุยโวโอ้อวด ลู่ฉางเฟิงก็ไม่แน่ใจว่าซูยี่จะสามารถต่อกรกับเจี้ยงเฉินได้

อย่างไรก็ตามหลายคนที่ดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าเจี้ยงเฉินต้องเดินออกไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอับอายเนื่องจากต้องพ่ายแพ้เขา หยางเซาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาเสียชีวิตอย่างไร

บางทีเจี้ยงเฉินอาจมีฝีมือในการยืมมือคนอื่นมาช่วย แต่เหตุใดบุคคลเหล่านี้จึงมีความสุขที่ได้ทำงานให้เขา?

ลู่ฉางเฟิงเคยนึกถึงคำถามนี้มาก่อน แต่เขาต้องยอมรับว่ามีพลังอำนาจมหาศาลในตัวเจี้ยงเฉินที่พวกเขาไม่สามารถมองเห็นได้อย่างเต็มที่

"เอาล่ะ เรื่องดี ๆ ไม่ควรล่าช้า ! อาวุโสลู่ นำทางข้าไปเลย ตอนนี้ข้ามีความคิดที่ดีขึ้นแล้วที่เหล่าสาวกของนิกายตะวันม่วงก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย " เสียงของซูยี่ฟังดูเบาสบายขึ้น

เจี้ยงเฉินอยู่ใต้พื้นดิน เขาไม่เคยคิดเลยว่าสาวกของนิกายตะวันม่วงจะมีส่วนเกี่ยวข้อง นี่เป็นปัญหาที่ยุ่งยากมาก

"นิกายตะวันม่วง ! " เจี้ยงเฉินพูดชื่อออกมาเบา ๆ ขณะที่ลำแสงคมชัดกระพริบผ่านดวงตา "หลงยู่ซื่อ ข้าหวังว่าเจ้าจะแข็งแกร่งกว่าเดิมและไม่ทำให้ข้าผิดหวัง มิฉะนั้นข้าจะรู้สึกเบื่อตอนที่ข้าฆ่าเจ้า ! "

การมีส่วนร่วมโดยบังเอิญของนิกายตะวันม่วงเตือนเจี้ยงเฉินจากเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นในอาณาจักรตะวันออก ทำให้เขานึกถึงหลงยู่ซื่อ สาวกเหล่านั้น และการสู้รบกันที่ทางเชื่อมทางผ่านที่สอง

จนถึงวันนี้ เจี้ยงเฉินยังไม่แน่ใจว่าพลังลึกลับซ่อนเร้นที่ได้พุ่งแรงระเบิดอันยิ่งใหญ่ใส่ชูชิงหานและช่วยชีวิตเขามาจากไหน?

เจี้ยงเฉินมักคิดเรื่องนี้ แต่เขาไม่สามารถหาคำตอบได้

เขาเคยสงสัยว่าเป็นบรรพบุรุษของราชวงศ์ตงฟาง แต่เมื่อคิดต่อไป เขากลับรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ ชูชิงหานเป็นคนที่อยู่ในระดับปราณจิตวิญญาณปฐพี บรรพบุรุษของราชวงศ์ตงฟางออกอาจไม่ถึงระดับนี้ด้วยซ้ำ

นอกจากนี้ยังไม่มีแรงจูงใจให้บรรพบุรุษราชวงศ์ตงฟางช่วยเขา

และหากว่าจะเป็นเขาจริง เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะปกปิดตัวตนของตัวเอง

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.