spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
เรื่องตลกเกี่ยวกับการสู่ขอสิ้นสุดลงหลังจากที่ผู้อาวุโสแสดงเหรียญของเขา
ถ้าเขาไม่ได้พิจารณาข้อเท็จจริงที่ว่าเขาอยู่ที่นี่ในนามของเซี่ยวไป๋ฉี ผู้อาวุโสเฟยจะไม่ปล่อยให้คนที่มาจากวิหารอุดรครามสวรรค์กลับไปง่าย ๆ
อย่างไรก็ตามเมื่อกลุ่มของลู่ฉางเฟิงกำลังเดินหลบหน้ามุดหัวไป ผู้อาวุโสเฟยไม่ลืมที่จะเตือนเขาว่า "ลู่ฉางเฟิง เจ้ากล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าเจ้าจะไม่ปล่อยข้ากลับไปหากข้ามาสู่ขอ หืม ข้าจำคำเหล่านี้ได้ ข้าจะปล่อยเจ้ากลับไปวันนี้เพราะเห็นแก่ประมุขของวิหารทักษิณครามสวรรค์ แต่จำคำของข้าไว้ ข้าเป็นคนจองเวรจองกรรม! "
หัวใจของลู่ฉางเฟิงสั่นเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ แต่เขารีบวิ่งออกไป ไม่กล้าที่จะผายลม เขาทั้งเสียใจและตกใจ
แม้กระทั่งตอนนี้ เขายังไม่สามารถเข้าใจได้ ผู้อาวุโสเฟยกลายเป็นผู้บริหารอาวุโสของนิกายพฤกษาสวรรค์ได้อย่างไร
ชีเซี่ยวหยาวอารมณ์ดีเมื่อเขาเห็นลู่ฉางเฟิงเดินหนีออกไป เขาหัวเราะอย่างเต็มที่ "ประมุขหนิง นำสุราออกมา ! เราได้เห็นการแสดงที่ยิ่งใหญ่ในวันนี้ เราจะไม่ดื่มฉลองกันเหรอ? "
บ่งบอกให้เห็นเลยว่าเพื่อนคนนี้มีจุดประสงค์พิเศษเกี่ยวกับสุรา
องค์รัชทายาทเย่หลงหัวเราะ "อาวุโสเฟย ขอแสดงความยินดีด้วย ในที่สุดท่านก็ออกจากการเป็นกลุ่มนอกและได้กลับเข้าไปในนิกายเรียบร้อยแล้ว ข้าแน่ใจว่าท่านจะมีอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต"
"ขอแสดงความยินดีกับท่านด้วย พี่ชาย" ซูคึนรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเขามาเสริมทัพให้กับศิษย์ของเจี้ยงเฉินในวันนี้ แต่กลับได้เห็นการปะทะที่น่าตื่นเต้น สิ่งที่น่ายินดีมากที่สุดคืออาวุโสเฟย ซึ่งปกติดูเป็นคนบ้าบอ เขากลับมาอย่างยอดเยี่ยมที่สุดในตอนจบ!
ด่านเฟยมองไปทางเจี้ยงเฉิน และเห็นว่าเขามีรอยยิ้มเย็นชาไว้ตลอดเวลา นางเข้าไปใกล้เขาและพึมพำเบา ๆ ว่า "เจ้าวายร้าย เจ้าจัดเตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้ใช่มั้ย?"
เจี้ยงเฉินหัวเราะ "ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย ผู้อาวุโสเฟยกำลังมีช่วงเวลาที่ดี ข้าจึงปล่อยให้เขาทำทุกอย่างที่เขาอยากทำ "
ศิษย์ของเขากำลังจะสู่ขอหญิง แต่เนื่องจากอาวุโสเฟยต้องการใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ในการปั่นหัวพวกเขา เจี้ยงเฉินยินดีมากที่จะผ่อนคลายและปล่อยให้อาวุโสเฟยทำในสิ่งที่เขาต้องการ
นอกจากนี้เขายังรู้ด้วยว่าอาวุโสเฟยอยากใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ในการระบายความรู้สึกหดหู่ใจที่ปวดร้าว และเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาที่เขากลายเป็นจุดเด่น
นอกจากนี้เขายังต้องการใช้ให้ศิษย์วิหารอุดรครามสวรรค์ไปฟ้องผู้อาวุโสเหล็กว่าเขา เฟยซวนกลับมาแล้ว !
เฟยซวนมั่นใจมากเมื่อเขาทำทั้งหมดนี้
เขาได้รับตำแหน่งผู้บริหารอาวุโสระดับสูงโดยประมุขซี่เทียนชูเอง
นี่เป็นเพราะโอสถกำเนิดวัฎจักรพิสุทธิ์ มันทำให้ซี่เทียนชูเป็นหนี้บุญคุณเฟยซวน
โอสถได้ให้ความช่วยเหลือที่ไม่สามารถตีเป็นเงินได้แก่ประมุขของนิกาย
ไม่ใช่ว่าประมุขของนิกายต้องการโอสถ ลูกชายอันเป็นที่รักของเขาหลงทางในการฝึกฝนระหว่างการตัดผ่านเนื่องจากเขาเคยใจร้อนกับความสำเร็จมากเกินไป
ซี่เทียนชูได้ใช้ศิลปะอันน่าทึ่งเพื่อช่วยเหลือบุตรชายของเขาและตรวจสอบให้แน่ใจว่าเส้นชีพจรของเขาไม่ได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีอำนาจที่จะทำอะไรเกี่ยวกับปีศาจภายในที่เกิดขึ้นภายในจิตสำนึกของลูกชายของเขา
โอสถจิตวิญญาณทั้งหมดที่สามารถกวาดล้างปีศาจของการฝึกซ้อมเต๋าศิลปะการต่อสู้ซึ่งนิกายพฤกษาสวรรค์รู้จักคือโอสถสงบจิต
ผู้อาวุโสเฟยได้เรียนรู้เรื่องนี้ผ่านช่องทางบางอย่าง และได้เห็นความหวังในเรื่องนี้ มันเป็นโอกาสสำหรับเขาที่จะกลับไปยังนิกาย
ดังนั้นเขาจึงค้นหาส่วนผสมสำหรับโอสถสงบจิตในช่วงหลายปีเหล่านี้ และรอคอยเวลาที่จะกลั่นมัน
อย่างไรก็ตามส่วนประกอบของโอสถเม็ดนี้เป็นสมบัติล้ำค่าของสวรรค์และโลกและมันยังหายากมาก
เขาจนปัญญาจนกระทั่งเจี้ยงเฉินปรากฏตัวขึ้นเพื่อจุดประกายและชี้ให้เห็นว่าโอสถกำเนิดวัฏจักรพิสุทธิ์มีผลเช่นเดียวกัน
นี่เป็นเหตุผลที่ผู้อาวุโสเฟยทำทุกอย่างที่เขาทำได้เพื่อประจบเจี้ยงเฉิน เมื่อเขาได้ยินเกี่ยวกับโอสถกำเนิดวัฏจักรพิสุทธิ์
ความพยายามของเขาได้รับค่าชดเชยในที่สุดเมื่อเจี้ยงเฉินส่งสูตรไปให้เขา และในที่สุดเขาก็ได้โอสถที่ประสบความสำเร็จหลังจากการทดลองและข้อผิดพลาดหลายครั้ง
เขานำโอสถตัวนี้ไปให้หัวหน้านิกายโดยส่งผ่านเส้นสายที่มี
โอสถตัวนี้แน่นอนมีความสามารถในการย้อนกลับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เพราะมันช่วยให้ลูกชายของซี่เทียนชูเอาชนะปีศาจภายใน !
ซี่เทียนชูรู้สึกปลื้มใจอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้และรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณอาวุโสเฟย ตอนที่เขาได้ยินเรื่องราวของอาวุโสเฟยในวัยเด็กและรู้ว่าเขาเคยเป็นสาวกอัจฉริยะ ซึ่งตระกูลเหล็กไล่เขาออกไป มันก็ช่วยเสริมความคิดของเขาในการใช้เฟยซวนให้เป็นประโยชน์
ในนิกายตอนนี้ ประมุขของนิกายเป็นตัวแทนจากตระกูลซี่ ในขณะที่อาวุโสยอดนิยมคนแรกที่ผู้คนนับถือมากที่สุดในนิกายมาจากตระกูลเหล็ก เท่ากับว่าในนิกายมีอิทธิพลใหญ่ ๆ อยู่ 2 กลุ่ม
ทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีความขัดแย้งซึ่งหน้า แต่การต่อสู้ระหว่างพวกเขาเกิดขึ้นข้างใน
อาวุโสเฟยเป็นคนที่ตระกูลเหล็กเคยกดขี่ ก็ไม่มีเหตุผลใดที่ซี่เทียนชูจะไม่ให้ความสำคัญแก่เขามากกว่าคนอื่น !
แม้แต่อาวุโสเฟยเองยังไม่ได้คิดเลยว่าโชคชะตาของเขาจะย้อนกลับมาอย่างรวดเร็วฉับพลันและง่ายดาย
เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังให้เกียรติเขาด้วยสุราในมือ เขากล่าวว่า "ชายชราคนนี้จะไม่แย่งความสนใจของทุกคนไปจากตัวละครหลักของเราในวันนี้ ไป๋ฉีและฉิงหยานเป็นดั่งดาวของวันนี้ ในขณะที่เราเป็นเพียงนักแสดงสมทบ "
ชายชราเฟยตระหนักดีว่าทุกอย่างที่เขามีในวันนี้ เขาต้องขอบคุณเจี้ยงเฉินอย่างมาก วันนี้เป็นวันที่ลูกศิษย์ของเเจี้ยงเฉินมาสู่ขอผู้หญิงเพื่อแต่งงาน และไม่มีทางที่เขาจะแย่งชิงสถานที่ของเจ้าภาพ
ในที่สุดเซี่ยวไป๋ฉีและหนิงฉิงหยานก็สามารถอยู่ด้วยกันได้ท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกคน
เจี้ยงเฉินยิ้มว่า 'ประมุขหนิง มันเป็นเรื่องยากสำหรับท่านที่จะเลี้ยงดูลูกสาว ถึงแม้ข้าจะอายุน้อย แต่ข้าก็พอเข้าใจกับความยากลำบากในการเป็นพ่อแม่ ไป๋ฉีมีเพียงข้าเป็นญาติภายในราชอาณาจักรนภาจันทร์ ดังนั้นในนามของฝ่ายเจ้าบ่าว ข้ามีสูตรโอสถวารีนิรันดร์สี่ฤดูเป็นของขวัญรับหมั้น ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผลกำไรที่ไป๋ฉีและวิหารทักษิณครามสวรรค์จะได้รับ"
"นี่ ... มันมากเกินไป!" อาวุโสหนิงพูดไม่ออก นางอ้ำอึ้งเล็กน้อยและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร นางใช้เรื่องของการแต่งงานกับวิหารอุดรครามสวรรค์และอีกหลายเรื่องให้เป็นอุปสรรคกับเซี่ยวไป๋ฉี
แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้คิดอะไรเลยและในความเป็นจริงก็ยังแสดงความเอื้ออาทรดังกล่าวกับนาง
นางรู้สึกละอายใจและเข้าใจว่าทำไมเจี้ยงเฉินจึงมีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จอย่างมากภายในราชอาณาจักรนภาจันทร์
จะมีใครกี่คนสามารถจับคู่กับท่าทางนี้ได้ ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่น? อย่างน้อยที่สุดก็คือสิ่งที่นางซึ่งเป็นประมุขของวิหารไม่สามารถทำได้
ชีเซี่ยวหยาวหัวเราะอย่างเต็มที่ "ประมุขหนิง ข้าค่อนข้างอิจฉาท่านที่มีลูกสาวที่ดีเช่นนี้ เอ๋ นายน้อยเฉิน ข้าก็มีลูกสาวนะ เจ้ายังมีศิษย์ที่ยังไม่ได้สมรสอีกหรือไม่? "
เฟยซวนหัวเราะ "อาวุโสชี อย่าโลภมาก เจ้าได้รับรายได้มากทีเดียวจากสุราน้ำค้างเก้าแดนสรวง ยังจะเอาอะไรอีกล่ะ "
ชีเซี่ยวหยาวยิ้ม "มีใครบ้างที่เบื่อเงินทอง?"
ซูคึนกล่าวว่า "ข้าคิดว่าข้าควรรีบมีลูกสาวเพื่อที่นางจะได้มีเวลามากพอที่จะเติบโต เผื่อว่านายน้อยเฉินจะมีศิษย์อีกในอนาคต!"
ทุกคนหัวเราะเป็นบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความสามัคคีปรองดอง
หัวใจของหนิงฉิงหยานเต็มไปด้วยความหวานขณะที่นางอิงศีรษะบนไหล่ของเซี่ยวไป๋ฉี นางรู้สึก
อิ่มอกอิ่มใจ
นางหัวเสียกับเรื่องนี้ทุกวัน นางเป็นห่วงว่าเซี่ยวไป๋ฉีจะไม่สามารถทนต่อแรงกดดันจากวิหารอุดรครามสวรรค์ได้
แต่ในท้ายที่สุดคนรักของนางก็ไม่ทำให้นางผิดหวัง
เซี่ยวไป๋ฉีใช้วิธีที่มหัศจรรย์เพื่อเอาชนะเซี่ยวหยูและวิหารอุดรครามสวรรค์ และได้ใช้วิธีที่สมบูรณ์แบบที่สุดในการสู่ขอนาง
ทุกคนมีความสุขกับงานเลี้ยงจนถึงช่วงบ่าย แต่ละคนเริ่มจะแยกย้ายกลับ
เจี้ยงเฉินลากลับพร้อมกับผู้คุ้มกันส่วนบุคคล คนอื่นจึงเริ่มทยอยกันไปเช่นกัน อาวุโสเฟยรีบเดินตามหลังเจี้ยงเฉินไป
"มีอะไรรึอาวุโสเฟย? เจ้าตามข้ามาทำไม? "
อาวุโสเฟยหัวเราะเบา ๆ พลางกล่าวว่า "นายน้อยเฉิน ข้าดูเหมือนคนที่มีความโลภมากงั้นหรือ? ข้าคิดว่านายน้อยได้พัฒนาไปสู่จุดสูงสุดของความสามารถภายในราชอาณาจักรนภาจันทร์แล้ว มันถึงเวลาแล้วมิใช่หรือที่จะท่านต้องพิจารณาเกี่ยวกับการเข้าสู่นิกาย? "
มีความหมายบางอย่างซ่อนอยู่ในคำพูดเหล่านี้
แม้ว่าการพัฒนาของเจี้ยงเฉินในราชอาณาจักรทั่วไปไม่ได้อยู่ในระดับอำนาจที่แท้จริง แต่ก็ไม่ค่อยมีอะไรเหลือให้เขาท้าทายในดินแดนเหล่านั้น
เพราะจุดมุ่งหมายของเขาไม่ได้มีไว้สำหรับอำนาจทางโลก จุดหมายที่แท้จริงชองเขาคือเต๋าศิลปะการต่อสู้
"อาวุโสเฟย เจ้ากำลังจะต้อนข้าเพราะเจ้าได้กลายเป็นผู้บริหารระดับสูงภายในนิกายใช่หรือไม่?"
อาวุโสเฟยยิ้ม "มันคงเป็นความสำเร็จที่ได้รับเกียรติอย่างมาก ถ้าข้าได้ตัวนายน้อยเฉินมา ด้วยศักยภาพของท่าน ข้าแน่ใจว่าเจ้าจะกลายเป็นตำนานภายในนิกายนี้! "
"อย่าปั้นหน้าแบบนั้นใส่ข้า ข้าจะเก็บเรื่องการเข้าสู่นิกายไปคิด ให้ข้าพูดตรง ๆ เลยคือว่าข้าไม่ค่อยชอบสาวกนิกายสักเท่าไหร่เลย ไม่ว่าจะเป็นนิกายพฤกษาสวรรค์หรือนิกายตะวันม่วง ข้ารู้สึกว่าสาวกของนิกายทั้งหมดชอบหาเรื่องใส่ตัว จนข้าอยากบีบคอให้ตายคามือ"
"ท่านต้องเข้าใจผิดแน่นอน อย่ามีอคติแบบนี้ พูดจริง ๆ ก็คือว่าสาวกของนิกายที่ท่านเห็นคือพวกที่ไม่มีปัญญา พวกเขาไม่ใช่อัจฉริยะชั้นเอกในนิกาย อัจฉริยะที่แท้จริงจะไม่มาอาณาจักรทางโลกเพื่อเดินกรุยกรายอวดอ้างตนเอง ความสนใจจากเรื่องภายนอกจะไม่มีโอกาสได้เบี่ยงเบนเวลาและพลังงานของพวกเขา พวกเขามุ่งเน้นเรื่องเต๋าศิลปะการต่อสู้โดยไม่มีความคิดอื่นใดเลย "
เจี้ยงเฉินยิ้ม "อาวุโสเฟย ไปมีความสุขกับตำแหน่งผู้บริหารอาวุโสเถอะ เหล็กคินคงไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ หลังจากการแสดงของเจ้าในวันนี้ "
กล้ามเนื้อบนใบหน้าของผู้อาวุโสเฟยเริ่มกระตุกโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อมีคนกล่าวถึงชื่อของเหล็กคิน
"เหล็กคิน ! " ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังยิงออกมาจากตาของอาวุโสเฟย "ครึ่งชีวิตของข้าถูกทำลายและการพัฒนาของข้าต้องหยุดชะงักและล่าช้า ทั้งหมดเป็นเพราะมัน ตอนนี้ที่ข้าได้กลับไปยังนิกาย บัญชีความแค้นของเราจะถูกตัดสินไม่ช้าก็เร็ว ! "
อาวุโสเฟยไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ยอมรับชะตากรรม และเขาก็ไม่ได้เป็นกองฟางที่รอให้ใครสักคนหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
เขาทนทุกข์ทรมานจากความอัปยศอดสูและเก็บตัวเงียบตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาจนถึงจุดที่ว่าเขาไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป เขาทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร ? เพื่อที่จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่รู้สึกตัวและทำให้พวกเขามองข้ามเกี่ยวกับชีวิตของเขา
ถ้าไม่ใช่เช่นนี้ ด้วยบุคลิกของเหล็กคิน เขาจะไม่ปล่อยให้อาวุโสเฟยมีชีวิตอย่างสงบสุขแม้ว่าเขาจะหนีไปสู่อาณาจักรทางโลกแล้วก็ตาม
แน่นอนเหล็กคินไม่ได้ส่งใครไปฆ่าผู้อาวุโสเฟยเพราะความรู้สึกผิดบางอย่างและไม่ใช่เพราะอาวุโสเฟยเก็บตัวเงียบ สาเหตุที่เขาทำอย่างนั้นก็เพราะเขาสนุกกับการเล่นส่งคนไปฉีกหน้าผู้อาวุโสเฟย ทำให้เขาเบื่อหน่ายกับการมีชีวิตอยู่อย่างอัปยศอดสู
เห็นได้ชัดว่าเหล็กคินไม่เคยคิดว่าอาวุโสเฟยจะมีโอกาสได้กลับมาในวันนี้
ผู้อาวุโสเฟยต้องการที่จะดึงเจี้ยงเฉินเข้าไปในนิกายเพื่อใช้ประโยชน์จากศักยภาพของเจี้ยงเฉิน เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเองและหาผู้สนับสนุนด้วยเช่นกัน
อาวุโสเฟยมั่นใจว่าเจี้ยงเฉินจะต้องลุกขึ้นก้าวหน้าไปถึงจุดสูงสุด เขาจะต้องมีพัฒนาการที่น่าตกใจเมื่อเข้าไปในนิกาย
ถ้าหากเขาทำท่าเหมือนเป็นพ่อสื่อและช่วยให้ประมุขนิกายมีโอกาสพบกับเจี้ยงเฉินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หากประมุขของนิกายยกยอเจี้ยงเฉิน ชื่นชอบเขาจนบางทีเขาอาจกลายเป็นสาวกที่แท้จริง เมื่อถึงตอนนั้นอาวุโสเฟยก็มีขั้นเท่าเทียมกันกับเหล็กคิน !