spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
เนื่องจากการคัดเลือกที่เป็นสาธารณะ มันจึงเป็นเรื่องปกติสำหรับหลาย ๆ กลุ่มที่จะเข้ามามีส่วนร่วม
อย่างไรก็ตาม ประมุขหนิงรู้ดีว่า "อีกกลุ่ม " ไม่ใช่ใครนอกจากเซี่ยวไป๋ฉีที่มาจากต่างอาณาจักร
ใครไม่ทราบว่าการเลือกเจ้าบ่าวสาธารณะนี้เป็นสิ่งที่นางแต่งขึ้นเพื่อป่าวประกาศความเป็นพันธมิตรระหว่างวิหารทักษิณครามสวรรค์และวิหารอุดรครามสวรรค์
นางยังอยากจะใช้ชื่อของวิหารอุดรครามสวรรค์เพื่อผลักดันเซี่ยวไป๋ฉี ทำให้เขาตระหนักถึงสถานการณ์ของเขาและทำให้เขาล่าถอยเพราะต้องเผชิญกับความยากลำบาก เขาจำเป็นต้องรักษาระยะห่างจากลูกสาวของนาง
หนิงฉิงหยานลุกขึ้นยืน "ไป๋ฉีใช่รึเปล่า? รีบไปเชิญพวกเขาเข้ามา "
สีหน้าของประมุขหนิงเคร่งเครียดขณะที่นางตะโกนว่า "ฉิงหยาน นั่งลง! ไม่มีไป๋ฉีหรือไลฉี มีเพียงเซี่ยวหยูที่มาขอเสนอการสมรสในนามของวิหารอุดรครามสวรรค์ ข้าจะไม่พิจารณาใครอื่น ! "
หนิงฉิงหยานแแสดงออกอย่างโศกเศร้า "ท่านแม่ ท่านหรือข้ากันแน่ที่กำลังจะแต่งงาน? การพิจารณาของท่านมีส่วนเกี่ยวข้องกับข้าอย่างไร? "
"บิดามารดามีสิทธิ์เด็ดขาดที่จะพูดในเรื่องสำคัญที่สุดอย่างการแต่งงาน" ประมุขหนิงค่อนข้างเด็ดเดี่ยว
นางเงยหน้าขึ้นและร้องว่า "ไป จัดการไล่คนที่ไม่รู้จักกาลเทศะให้ออกไปให้พ้นจากประตู บอกเขาว่าวิหารทักษิณครามสวรรค์ไม่ต้อนรับเขา และเขาควรจะยอมแพ้ ! "
ผู้ส่งข่าวลุกขึ้นยืนอย่างงุ่มง่ามไม่แน่ใจว่าจะออกไปหรืออยู่ต่อดี
ใบหน้าของประมุขหนิงแข็ง "คำพูดของข้าเป็นลมงั้นรึ? ไปโยนพวกเขาออกไป รีบไสหัวออกไปซะ! "
"ท่านประมุข ... คงไม่ง่ายที่จะทำอย่างนั้น."
"ทำไมเรื่องแค่นี้เจ้าทำไม่ได้?" ประมุขหนิงทุบโต๊ะ
"มีสหายของท่านมากมายในขบวนใหม่นี้"
"สหาย ? " ประมุขหนิงประหลาดใจ. "ใคร?"
"อาวุโสเฟยจากหุบเขาชิงหยาง รองหัวหน้าชีจากวิหารหมื่นสมบัติ รองจอมทัพซูคึนจากหน่วยเขี้ยวมังกร ... และองค์รัชทายาทเย่ดาย นอกจากนี้ยังมีขุนนางที่มีอิทธิพลอีกหลายคน."
"อะไรนะ?" ประมุขหนิงตกใจ "พวกเขามาทำอะไรที่นี่? เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขารู้ว่าข้ากำลังจะจัดงานแต่งงานให้กับลูกสาวและพวกเขาจึงมาดื่มสุรา? "
"พิจารณาจากท่าทางของพวกเขา พวกเขาดูเหมือนว่าเป็นส่วนหนึ่งของขบวนสู่ขอของเซี่ยวไป๋ฉี" ผู้ส่งข่าวตอบอย่างตรงไปตรงมา
"เป็นไปไม่ได้ ! " ประมุขหนิงส่ายศีรษะทันที "เซี่ยวไป๋ฉีเป็นแค่เด็กต่างอาณาจักร เขาสามารถปั่นหัวของลูกสาวของข้าด้วยคำพูดอ่อนหวาน แต่เขาจะสามารถไปเอาผู้คนเหล่านี้เพื่อให้มาช่วยเขาร่วมขบวนสู่ขอได้อย่างไร? เขาต้องไปเจอพวกเขาระหว่างทางเพราะพวกเขามาเพื่อมาแสดงความยินดีกับข้า หึม เขาเพียงแค่ยืมอิทธิพลยืมของคนอื่นมา เป็นเรื่องบังเอิญที่เซี่ยวไป๋ฉีปรากฏตัวพร้อมกับพวกเขา "
จากนั้นนางก็หันความสนใจไปยังผู้บริหารอาวุโสของวิหารอุดรครามสวรรค์ "กรุณานั่ง แขกผู้มีเกียรติ โชคร้ายที่ข้าไม่สามารถนั่งสนทนาด้วยได้ เพราะแขกจำนวนมากได้มาถึง "
ประมุขลู่ฉางเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย สัญชาตญาณของเขาบอกว่า แม้ว่ากลุ่มคนกลุ่มนี้ต้องการมาดื่มในงานฉลองไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่พวกเขาจะมาถึงในเวลาเฉพาะนี้หรือ?
แม้ว่าเขาจะรู้สึกประหลาดใจ แต่เขาก็ยังรักษาความประพฤติอย่างสุภาพไว้ ลู่ฉางเฟิงหัวเราะ "ทำตามที่ท่านประสงค์เถิด ประมุขหนิง"
หนิงฉิงหยานไม่จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากแม่ของนาง นางรีบลุกตามหลังไปอย่างตื่นเต้น
"ฉิงหยาน เจ้ากำลังทำอะไร เจ้าวิ่งตามข้ามาแทนที่จะนั่งคุยกับแขก ? "
"ท่านแม่ที่รัก ข้ารู้สึกเบื่อมาก"
ประมุขหนิงพ่นลมทางจมูกว่า "เจ้าเด็กโง่ แล้วอย่าหาว่าข้าไม่เตือน ถ้าเซี่ยวไป๋ฉีสร้างความเดือดร้อนในวันนี้ ข้าจะทำให้เห็นว่าเขาจะไม่ได้มีชีวิตอยู่อย่างง่ายดายอีกต่อไป ! "
"ท่านแม่ที่รัก ข้าจะบอกท่านว่า ข้าจะไม่แต่งงานกับใครนอกจากเซี่ยวไป๋ฉี ! "
"เจ้าลูกโง่ เจ้ากำลังทำให้ข้าโกรธมาก"
คู่แม่ลูกได้เดินไปถึงข้างนอกประตูขณะที่พวกเขาพูดกัน
การที่ได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของหลาย ๆ คนทำให้ประมุขหนิงอึ้ง
"หัวหน้าหุบเขาเฟย รองประมุขชี รองจอมทัพซูคึน องค์ชาย และเจ้า เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนนี้เป็นใครกัน?" ประมุขหนิงไม่เคยเห็นเจี้ยงเฉินมาก่อน และไม่ทราบว่าเขาเป็นใครในขณะที่เขาถูกล้อมรอบไปด้วยฝูงชน
"ข้าคือเจี้ยงเฉิน ข้าขอคารวะประมุขหนิง" เจี้ยงเฉินยิ้มเบา ๆ
อาวุโสเฟยเริ่มร้องตะโกนอึกทึกครึกโครมเหมือนเสียงฆ้องทองเหลือง "ประมุขหนิง ท่านไม่ควรลำเอียง ! ข้าได้ยินมาว่ากลุ่มคนที่มาจากวิหารอุดรครามสวรรค์พากันจิบชาและสุราชั้นดีมานานแล้ว แต่เรายืนอยู่ที่นี่ด้วยความหนาวเย็นและความหิว ไม่ยุติธรรม มันไม่ยุติธรรมเอาซะเลย! "
ชายชราคนนี้เชี่ยวชาญในการเล่นสำนวนและรังควานคนอื่นได้ไม่รู้จบ แม้ว่าดูเหมือนว่าเขาประท้วงความไม่ยุติธรรมของประมุขหนิงด้วยเสียงร้องของเขา แต่เขาก็ถ่ายทอดข้อความสำคัญว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อสู่ขอ
ประมุขหนิงงงงวย ได้กล่าวไว้ว่า "อาวุโสเฟย ท่านกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?"
ชายแก่เฟยหัวเราะอย่างพิกล "ประมุขหนิง ข้าเสียใจจริง ๆ วิหารอุดรครามสวรรค์นำขบวนสู่ขอมา เพื่อนข้าก็เช่นกัน แต่ข้าได้ยินมาว่าท่านโยนเพื่อนของข้าออกไปและต้อนรับวิหารอุดรครามสวรรค์ในฐานะแขกผู้มีเกียรติ ข้าต้องการฟังคำอธิบายของท่านว่าทำไมเพื่อนของข้าด้อยกว่าอัจฉริยะของวิหารยังไง? "
ชีเซี่ยวหยาวก็ชื่นชอบที่จะแสดงเช่นกัน เขาหัวเราะ "ประมุขหนิง เป็นความผิดของท่านที่ปฏิบัติต่อฝ่ายหนึ่งดีกว่าอีกฝ่าย เซี่ยวไป๋ฉีเป็นสหายของข้า ทำไมท่านถึงเลือกศิษย์ของวิหารอุดรครามสวรรค์ซึ่งไม่มีความสัมพันธ์กับวิหารทักษิณครามสวรรค์เลย และไม่ใช่อัจฉริยะหล่อเหลาซึ่งลูกสาวของท่านชอบ ? "
ซูคึนยิ้มว่า "พี่หนิง เซี่ยวไป๋ฉีเป็นสหายที่ดี ข้ารู้สึกว่าอนาคตของเขาจะไม่ด้อยไปกว่าศิษย์ของวิหารอุดรครามสวรรค์ "
องค์รัชทายาทยิ้ม "เราจะยืนคุยกันในที่แคบอย่างนี้หรือ ทำไมไม่เข้าไปคุยข้างใน ทุกคนมาที่นี่เพื่อเสนอการสู่ขอ เราควรจะมีการแข่งขันที่เป็นธรรมใช่หรือไม่ ? "
เนื่องจากทุกคนได้พูดขึ้นและด่านเฟยก็มาที่นี่ด้วยคำเชิญของเจี้ยงเฉิน นางไม่สามารถยืนเฉยอยู่ข้าง ๆ ได้ เขาอุตส่าห์ให้นางร่วมทางด้วยในเขาวงกต
นางยิ้มและกล่าวว่า "ประมุขหนิง พี่ฉิงหยานและด่านเฟยมักเป็นเหมือนพี่สาวน้องสาว ข้ารู้ว่านางชอบเซี่ยวไป๋ฉี ประมุขหนิง ด่านเฟยไม่กล้าที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจของท่าน กระนั้นแม้แต่ท่านอาจารย์ค่อนข้างยอมรับเซี่ยวไป๋ฉี "
ประมุขหนิงรู้สึกไม่สบายใจเลยตอนนี้
นางคิดว่าคนเหล่านี้มาแสดงความยินดีกับนาง ใครจะคิดว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อสู่ขอในนามของเซี่ยวไป๋ฉี !
สมองของนางร้อนระอุในขณะนี้
นางไม่เคยคิดเลยว่าเด็กต่างอาณาจักรจะสามารถโน้มน้าวให้บุคคลสำคัญหลายคนมาพูดในนามของเขาได้ !
มันเกิดอะไรขึ้น?
นางมองไปที่ลูกสาวของนางและเห็นรอยยิ้มของความสุขอันเหลือล้นอยู่บนหน้าตาอันงดงามของหนิงฉิงหยาน
หนิงฉิงหยานไม่รู้เลยว่าเซี่ยวไป๋ฉีไปทำอะไรถึงทำให้บุคคลทรงเกียรติจำนวนมากมาพูดสู่ขอในนามของเขา
ต้องรู้ว่าคนใดคนหนึ่งเหล่านี้อาจได้รับการพิจารณาให้เป็นคนที่มีอิทธิพลของอาณาจักรนภาจันทร์ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจของพวกเขา อิทธิพลที่รวมกันของพวกเขาแข็งแกร่งกว่ากลุ่มของวิหารอุดรครามสวรรค์อย่างมาก !
"ชายที่ข้าเลือกจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง ไป๋ฉี เจ้าเก่งที่สุด ! " ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสุขและความพึงพอใจขณะที่นางมองเซี่ยวไป๋ฉี
ในขณะนี้ เซี่ยวไป๋ฉีไม่ได้กระตือรือร้นจนมากไป
"ประมุขหนิง แม้ว่าชาติกำเนิดของข้าไม่ได้มีชื่อเสียงพอ ๆ กับของศิษย์วิหารอุดรครามสวรรค์ แต่ข้าก็เชื่อมั่นว่าไม่มีใครรักฉิงหยานไปมากกว่าข้า หลังจากการไตร่ตรองมากมาย ข้ารู้สึกว่าตราบใดที่ข้าทำงานหนัก ความสำเร็จในอนาคตของข้าจะไม่น้อยหน้าศิษย์ของวิหารอุดรครามสวรรค์ "
อาวุโสหนิงเก่าต้องประเมินเซี่ยวไป๋ฉีใหม่ในช่วงเวลานี้ เนื่องจากเซี่ยวไป๋ฉีมีนิสัยรักสงบไม่ทำตัวโดดเด่น นางจึงดูถูกเขาไว้ก่อนหน้านี้
การระดมผู้คนที่ยิ่งใหญ่หลายคนไว้ด้วยกัน นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยไม่คำนึงถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังสิ่งนี้ สิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือแม้แต่เซี่ยวหยูก็คงไม่ได้มีอำนาจมากพอที่จะเชิญคนหลายคนให้มาสู่ขอในนามของเขา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำพูดสุดท้ายของด่านเฟยที่ทำให้ประมุขหนิงตื่นตระหนก
"ท่านอาจารย์ก็รู้จักเซี่ยวไป๋ฉีงั้นรึ? ก่อนหน้านี้ข้าเคยดูถูกเขาไว้มาก "
ประมุขหนิงรู้อย่างชัดเจนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทิ้งความประทับใจไว้ในหัวใจของท่านอาจารย์ เป็นเรื่องยากที่จะได้รับคำชมเชยจากเขา
ไม่ว่าคำพูดของด่านเฟยจะเป็นความจริงหรือเท็จ ทัศนคติของนางแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกของท่านอาจารย์ไม่มากก็น้อย ประมุขหนิงต้องปฏิบัติตามคำประกาศนี้อย่างจริงจัง
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หากนางไล่เซี่ยวไป๋ฉีออกไปเท่ากับว่านางไม่ไว้หน้าบุคคลเหล่านี้
บุคคลที่โดดเด่นเหล่านี้คือคนที่วิหารทักษิณครามสวรรค์ไม่ประสงค์จะล่วงเกิน !
ถ้านางล่วงเกินคนเหล่านี้ ก็จะเป็นเรื่องยากมากสำหรับวิหารทักษิณครามสวรรค์ที่จะเป็นพันธมิตรกับวิหารอุดรครามสวรรค์ในอนาคต
"ดูเหมือนว่าข้าต้องวางอคติไว้ข้างหนึ่งและตัดสินเรื่องนี้อย่างจริงจัง ข้าต้องให้โอกาสที่ยุติธรรมกับเซี่ยวไป๋ฉี การเป็นพันธมิตรกับวิหารอุดรครามสวรรค์ถือเป็นเรื่องที่แย่มากเมื่อเทียบกับผลที่เกิดจากการล่วงเกินคนเหล่านี้ "
ประมุขหนิงใช้ความคิดอย่างหนัก
"พวกท่านเป็นบุคคลสำคัญที่ส่องสว่างราชอาณาจักรนภาจันทร์ ข้ารู้สึกเป็นเกียรติมากกว่าที่พวกท่านได้มาเป็นการส่วนตัว ขบวนสู่ขอจากวิหารอุดรครามสวรรค์มาถึงแล้ว และข้าได้เห็นถึงความจริงใจของท่านแล้ว ข้าจะไม่พูดซ้ำซากระหว่างสองฝ่าย ทำไมเราไม่ปล่อยให้ชายสองคนมีส่วนร่วมในการแข่งขันที่เป็นธรรม ? "
"กรุณาเข้ามาข้างใน"
ประมุขหนิงรับผิดชอบหนึ่งในสี่วิหาร นางแบกรับตำแหน่งที่เหมาะสม นางต้อนรับพวกเขาทั้งหมดข้างในอย่างให้เกียรติเมื่อนางคำนึงถึงผลที่จะตามมา
ทั้งสองฝ่ายได้นั่งสองฝั่งตรงข้ามกันโดยไม่มีความขัดแย้งระหว่างกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อประมุขลู่ฉางเฟิงเห็นคนจำนวนมากพลุ่งพล่านเข้ามา เขาได้เตรียมพร้อมทันที แม้ว่าเขาจะทักทายทุกคนอย่างเป็นกันเอง แต่ความโกรธลุกเป็นไฟอยู่ภายใน
เขามีความมั่นใจในความสำเร็จของพันธมิตรในการสู่ขอครั้งนี้และไม่ต้องการให้ใครมาทำลายมัน
ลู่ฉางเฟิงรับรู้ถึงอันตรายเมื่อมีคนจำนวนมากปรากฏตัวอย่างฉับพลันของฝ่ายเซี่ยวไป๋ฉี
"ลู่ฉางเฟิง เจ้าอย่ามาเล่นตลกกับข้า ชายชราคนนี้กำลังจะพูดเรื่องนี้ในวันนี้ น้องชายไป๋ฉีจะพาตัวผู้หญิงกลับบ้าน ! "
"น้องไป๋ฉี?" ลู่ฉางเฟิงและประมุขหนิงต่างประหลาดใจ
แม้ว่าพวกเขารู้ว่าอาวุโสเฟยไม่เคยพูดจาดี ๆ และมักทำให้ผู้คนตกใจกับคำพูดของเขา เขาเป็นคนที่ไม่ไว้หน้าใคร วางตัวสูงส่งเสมอ เขาเรียกเซี่ยวไป๋ฉีว่าน้องชายได้อย่างไร?
"เซี่ยวไป๋ฉีเป็นสหายที่ดีของข้ามาหลายปีเทียบได้กับน้องชายสายเลือดเดียวกัน ถึงแม้ศิษย์ของเจ้าจะดูดีแต่ช่วยเก็บความพยายามไว้ด้วย หากเจ้าต้องการแข่งขันกับน้องของข้า ลู่ฉางเฟิง ข้าขอแนะนำให้เจ้ากลับบ้านเร็ว ๆ และหลีกเลี่ยงการทำตัวเองให้ดูโง่ " ชายชราเฟยพูดแปลก ๆ
ลู่ฉางเฟิงไม่พอใจ "อาวุโสเฟย แม้ว่าอาวุโสของหุบเขาจะมาด้วยตัวเอง ไม่มีทางใดที่วิหารอุดรครามสวรรค์จะเปิดทางให้กับหุบเขาชิงหยาง อย่าพูดถึงน้องของเจ้าเลย"
ลู่ฉางเฟิงรู้ดีว่าเขาต้องใช้เสียงที่รุนแรงขึ้นในเวลานี้