หน้าแรก > War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 152 ใบหน้าบวมเหมือนหมูอีกครั้ง!

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

"จุ๊ๆๆ ... แม่นางถงลี่ แล้วนี่เจ้าจะทำอันใดต่อเล่า จะหยิบแส้ขึ้นมาฟาดเฆี่ยนซูหลี่ต่อเลยหรือไม่?" ต้วนหลิงตาหรี่ตาลงเล็กน้อยขณะมองถงลี่ ก่อนที่จะยิ้มออกมาราวกับจะล้อเลียน

เสียงที่ดังเข้าหูนางตอนนี้ ไม่ต่างอะไรกับระฆังปลุกนางให้ตื่นจากฝัน และเมื่อนางหันศีรษะไปมองผู้ที่กล่าววาจา นางก็จดจำได้ทันทีว่าชายหนุ่มที่นั่งกินอาหารโต๊ะเดียวกับซูหลี่นี้ กลับกลายเป็นชายหนุ่มชุดสีม่วงที่ตบใบหน้านางนับสิบๆครั้งที่เหลาอาหารในเมืองชั้นนอกจนบวมราวกับหัวหมู

ใบหน้าของนางพลันซีดลงทันที "ปะ... เป็นเจ้า ... "

นางไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้มาพบชายหนุ่มชุดม่วงที่นี่!

ในสายตาของนางนั้น ชายหนุ่มคนนี้ไม่ต่างอะไรกับปีศาจ!

ในช่วงเวลาปกตินั้น นางเองก็เฝ้าคิดเสมอว่าหากเจอชายหนุ่มนางจะฆ่าเขา! และเมื่อคิดว่าได้ฉีกชายหนุ่มเป็นชิ้นๆ นางก็จะบังเกิดความสบายใจ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นนางก็ไม่อาจห้ามตัวเองไม่ให้สั่นสะท้าน มือไม้ระริกเช่นนี้ได้ เมื่อเผชิญหน้ากับชายหนุ่มตรงๆเช่นนี้ ... เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเหลาอาหารเขตเมืองชั้นนอกนั้นทิ้งเงาเอาไว้ในใจของนาง

"อะไร แม่นางถงลี่ เจ้าประหลาดใจมากหรือไร?" ต้วนหลิงเทียนฉีกยิ้มกว้างออกมา ท่าทางเหมือนกับกล่าววาจากับสหายที่คุ้นเคยอย่างไรอย่างนั้น

"เจ้ารู้จักนางด้วยรึ?"ซูหลี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่จะมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาสงสัย

เซี่ยวหยู,เซีย่วฉวิน และเทียนหูเอง ก็ล้วนหันไปจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยเช่นกัน พวกเขาเองก็สังเกตได้ว่ายามที่ถงลี่เห็นหน้าต้วนหลิงเทียนนั้น นางดูหวาดกลัวเขาไม่ต่างอะไรกับ มุสิกหวาดวิฬารแม้แต่น้อย พวกเขาคาดเดาได้เล็กน้อยว่า ต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ร้ายแรงเกิดขึ้นระหว่าง ต้วนหลิงเทียนและถงลี่เป็นแน่ ...

ถงลี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ...นางรู้ดีว่าตอนนี้นางอยู่ที่สถาบันบ่มเพาะขุนพล และนางเองก็ปลอดภัยมากหากอยู่ที่นี่ นางเริ่มใช้สายตาเย็นชาจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง "นายหญิงน้อยผู้นี้ตามหาตัวเจ้ามากว่า 3 เดือนแล้ว... ไม่คิดเลยวันนี้เจ้าจะโผล่หัวออกมาเองเช่นนี้ ! นายหญิงน้อยผู้นี้อยากรู้นักว่าเจ้าจะหลบหนีนายหญิงน้อยไปได้อย่างไร เจ้าตัวบัดซบ! เจ้าต้องตกตายอย่างแน่นอน ข้าจะให้ลูกพี่ลูกน้องข้า จับตัวเจ้า และข้าจะฉีกเจ้าให้เป็นชิ้นๆ ด้วยสองมือของข้า! ก่อนที่จะเผากระดูกของเจ้า! แล้วเอาเถ้ากระดูกเจ้าไปสาดทิ้ง!”

"นี่...คงเพราะ เจ้าคิดว่าที่นี่คือสถาบันบ่มเพาะขุนพล แล้วตัวข้าคงไม่กล้าที่จะทำอะไรเจ้าใช่หรือไม่?" ดวงตาของต้วนหลิงเทียนหรี่ลงเล็กน้อยขณะได้ยินคำขู่ของถงลี่ เขาเริ่มเผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมาที่มุมปาก

"แล้วจะเป็นอย่างไรหากข้าคิดเช่นนั้น?" ถงลี่กล่าวออกมาก่อนที่จะจับจ้องไปยังหลิงเทียนด้วยสายตาเย็นชา เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 3 เดือนก่อน ชั่วชีวิตนี้นางไม่มีวันลืม มีเพียงให้ชายหนุ่มชุดสีม่วงคนนี้ตกตายลงอย่างทรมานต่อหน้าเท่านั้น นางถึงจะระบายความเกลียดชังที่กัดกินในใจของนางได้!

ฟุ่บ!

เงาร่างสีม่วงกระพริบขึ้นด้วยความเร็วสูง

เพียะ!

และในเวลาเดียวกันนั้นเสียงตบหน้าพลันดังสนั่นขึ้นมา!

ต้วนหลิงเทียนที่พุ่งตัวไปตบหน้านางด้วยความเร็วสูง ก็ได้กลับมานั่งที่เดิมด้วยความรวดเร็ว ทั้งยังยกจอกสุราขึ้นมาจิบราวกับไร้เรื่องราว

ในเมื่อนางต้องการฉีกเขาเป็นชิ้นๆด้วยสองมือ และเผากระดูกเขาให้เป็นเถ้าถ่าน ซ้ำยังจะเอาเถ้าไปสาดเทอีก เช่นนี้เขาก็ไม่จำเป็นต้องมารยาทดีกับนางอีกต่อไป....

"เจ้า ... " ตอนนี้ใบหน้าถงลี่มีรอยมือแดงเถือกปรากฏขึ้นมา สายตาของนางพลันเย็นชาถึงขีดสุด ชายหนุ่มชุดสีม่วงนี้ได้ตบตีนางอีกครั้ง! ทั้งเขายังกล้าทำร้ายนางต่อหน้านึกศึกษาของสถาบันจำนวนมาก! แล้วต่อไปนางจะมีหน้าพบปะผู้คนในอนาคตได้อย่างไร?

สายตาของนางยามนี้เต็มไปด้วยความโกรธแค้นชิงชัง มือที่จับแส้เอาไว้เริ่มสั่นสะท้าน แต่นางก็ไม่กล้าลงมือหรือเคลื่อนไหวอะไร เพราะนางรู้ดีหากนางกระทำอะไรลงไป นางต้องเผชิญการตอบโต้ที่ร้ายแรงมากขึ้นของชายหนุ่มชุดสีม่วงนี้อย่างแน่นอน ...

ซูหลี่ เซี่ยหยู และคนอื่นนั่งตะลึงตาค้างราวกับตัวโง่งม พวกเขาพลันเข้าใจได้ทันที ว่าระหว่างต้วนหลิงเทียนและสตรีชุดแดงนามว่าถงลี่คนนี้ ต้องมีความแค้นที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้แน่นอนหลังจากที่พวกเขาได้ฟังเรื่องอำมหิตและโหดเหี้ยมไร้ปราณี ที่สตรีชุดแดงกล่าวเมื่อครู่ ไม่คิดเลย...ว่าสตรีชุดแดงนั้นจะมีความแค้นกับต้วนหลิงเทียนล้ำลึกถึงเพียงนี้!

สตรีที่ยืนอยู่ด้านหลังถงลี่เองก็ไม่คาดคิดแม้แต่น้อยว่าต้วนหลิงเทียนจะกล้าตบตีทำร้ายถงลี่ ต่อหน้าผู้คน หลังจากนางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความดุร้ายในขณะที่จับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนแล้วกล่าวตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงขู่ขวัญ "เจ้าตายแน่! เจ้ารู้หรือไม่ว่านางเป็นใคร? "

"ถูกแล้ว เจ้าต้องตายแน่ๆ ที่กล้าลงมือทำร้ายนายหญิงน้อย ถงลี่!" ชายหนุ่มที่มีใบหน้าเจ้าเล่ห์ได้แต่มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาตกตะลึง ราวกับเขาได้เห็นเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อ ...

"นางเป็นใครน่ะเหรอ?" ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มบางๆ ก่อนที่จะหันกลับไปมองถงลี่อีกครั้ง "ไม่ใช่ว่านางเป็นแค่ลูกสาวของผู้ว่าการมณฑลตะวันฉาย แล้วก็ลูกพี่ลูกน้องขององค์ชาย 5 หรือไร?"

ลูกสาวของผู้ว่าการมณฑลตะวันฉาย?

ลูกพี่ลูกน้องกับองค์ชาย 5?

สำหรับนักศึกษาของสถาบันบ่มเพาะขุนพลแล้ว ตัวตนแรกนั้นพวกเขายังไม่ค่อยแยแสอะไรสักเท่าไร แต่ตัวตนที่สองที่หลิงเทียนกล่าวออกมานั้น มันมากพอที่จะทำให้พวกเขาทุกคนนอกเหนือจากต้วนหลิงเทียน ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี...

องค์ชาย 5 เป็นคนของตระกูลราชวงศ์ ทั้งยังเป็นบุตรของราชาองค์ปัจจุบัน! สถานะดังกล่าวนั้นเรียกได้ว่าสูงส่งจนยากที่จะหาคู่เปรียบได้ในอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้ ...

ท่าทางของเซี่ยวหยู,เซี่ยวฉวิน และเทียนหูเองแปรเปลี่ยนเป็นปั้นยาก นี่เพราะพวกเขาไม่คิดเลยว่าพื้นหลังของสตรีชุดแดงจะน่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้ นางเป็นถึงลูกพี่ลูกน้องขององค์ชาย 5!

คิวของซูหลี่ขมวดขึ้นและสายตาของเขาก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา

"เจ้า... เจ้ารู้ว่าตัวตนของนายหญิงน้อยผู้นี้เป็นใคร แต่เจ้ายังกล้าทุบตีข้า?" ถงลี่หันไปจับจ้องต้วนหลิงเทียน ด้วยสายตาที่ราวกับจ้องมองคนเสียสติ ...

"เช่นนั้นข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อย หากข้าไม่ทุบตีเจ้าวันนี้ เจ้ายังคิดที่จะปล่อยข้าไปหรือไม่?" ต้วนหลิงเทียนยิ้มอย่างไม่แยแส

“เรื่องเช่นนั้นไม่มีวันเกิดขึ้น! นายหญิงน้อยผู้นี้จะให้เจ้าได้ชดใช้อย่างสาสมกับสิ่งที่เจ้ากระทำเอาไว้กับนายหญิงน้อย ข้าจะให้เจ้าชดใช้มันร้อยเท่าพันทวี!...นี่เจ้ายังกล้าเพ้อฝันอีกหรือไรว่านายหญิงน้อยผู้นี้จะปล่อยเจ้าไป ช่างโง่เขลานัก!” ถงลี่กล่าวออกมาพร้อมหัวเราะเยาะ นางคิดว่าต้วนหลิงเทียนกำลังฝันเฟื่องและจมอยู่กับจินตนาการที่ไม่มีวันเป็นจริง

ในสายตาของนางต้วนหลิงเทียนคนนี้ไม่ต่างอะไรจากคนที่ตายไปแล้ว

"หากมันเป็นดั่งวาจาที่เจ้ากล่าว ว่าจะอย่างไรเจ้าก็ไม่คิดละเว้นข้า ถึงแม้วันนี้ข้าจะไม่ได้ตีเจ้าก็ตาม เช่นนั้นเหตุใดข้ายังต้องหวาดกลัวเจ้ากันอีกเล่า?" มุมปากของหลิงเทียนเริ่มยกขึ้น เผยรอยยิ้มแสยะที่ดูน่าสะพรึงกลัวออกมา

ฟุ่บ!

ร่างกายของเขากระพริบวูบไหวอีกครั้ง

เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ!

...

เสียงตบดังสนั่นลั่นออกมาอย่างต่อเนื่อง และไม่นานใบหน้าของถงลี่ก็บวมปูด ราวกับหมู ไม่ต่างอะไรกับเมื่อ 3 เดือนก่อนแม้แต่น้อย

"เจ้า ... เจ้า... " ความเจ็บปวดที่ใบหน้าราวกับถูกไฟร้อนลวกทำให้ถงลี่รู้สึกอื้ออึง แต่ตอนนี้นางหาได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆไม่ นี่เพราะยามนี้นางอับอายผู้คนจนอยากแทรกแผนดินหนี นางไม่เคยรู้สึกอับอายถึงเพียงนี้มาก่อนตลอดชั่วชีวิต...แววตาของนางเต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาท

"ข้าทำไม?" ต้วนหลิงเทียนหัวเราะเยาะออกมา ก่อนที่จะเผยจิตสังหารที่น่าหวาดหวั่นออกมา และกระหน่ำตบใบหน้านางอย่างสนุกสนานไร้ปราณี

วันนั้นถงลี่ทำตัวราวกับสูงส่งนั่งอยู่บนหลังม้า เหลือบมองทุกคนลงมาด้วยสายตาดูแคลนราวกับมด หลังจากนั้นเขาก็ได้ทำการสอนสั่งบทเรียนแก่ ถงลี่ไปแล้วหนึ่งรอบและคิดว่าอย่างน้อยๆ นางก็น่าจะกลับตัวกลับใจเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้าง แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี แต่ดูเหมือนว่าบทเรียนที่เขาสั่งสอนนางไปวันนั้นมันจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง หาไม่แล้วถงลี่คงไม่ขึ้นเสียงใส่เขาด้วยโทสะ ทั้งยังกล้าขู่จะฉีกเขาเป็นชิ้นๆ เผากระดูกเขา สาดเทขี้เถ้าของเขา!

ในเมื่อถงลี่เกลียดชังเขาจนถึงแก่นเช่นนี้ มันก็ไร้ประโยชน์ที่จะประนีประนอมหรือมัวมามีเมตตาไร้สาระอะไรอีกต่อไป! เช่นนั้นทำไมเขาถึงไม่ลงมือสั่งสอนบทเรียนนางให้มากเข้าไว้เล่า?

เพราะไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็ไม่คิดว่าถงลี่กับเขานั้นจะจับมือและตกลงสงบศึกกัน หรือเลิกราต่างคนต่างอยู่กันได้ เช่นนั้นเขาก็ตัดสินใจขั้นเด็ดขาด และไม่คิดห่วงกังวลอะไรให้มากมาย แล้วลงมือกระทำในสิ่งที่เขาอยากกระทำ!!

หยามหน้ามัน แล้วทุบตีมัน! ทุบตีให้มารดามันจดจำไม่ได้!

ทุบตีกำราบพวกมัน จนพวกมันไม่กล้าที่จะหันมาแข็งข้อต่อกรกับเขาอีกครั้ง!

ทุบตีพวกมัน จนพวกมันไม่กล้าที่จะหยิ่งยโสโอหังวางท่าเหิมเกริมอีกต่อไป

ทุบตีพวกมัน จนพวกมันไม่กล้าแม้แต่จะกล่าววาจาโต้เถียงแม้เพียงครึ่งคำ

ถงลี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และไม่กล้าแม้แต่จะกล่าววาจาอะไรออกมาแม้ครึ่งคำ นางไม่คิดสงสัยเลยว่าหากนางกล่าวคำอะไรเป็นการล่วงเกินมันอีก ชายหนุ่มชุดสีม่วงนี้จะทุบตีนางโดยไม่ลังเลอะไรหรือไม่? ... นางจึงเลือกที่จะกล้ำกลืนฝืนทน!

หัวใจของนางสั่นสะท้านและเริ่มวิปริตบิดเบี้ยว ...ทั้งยามนี้นางยังเห็นสายตาของผู้คนที่จ้องมองมายังนางด้วยสายตาประหลาด ทำให้ยามนี้ความชิงชังราวกับไร้สิ้นสุดฉายชัดออกมาบแววตาของนาง

ในชีวิตนี้ หากนางยังมีชีวิตอยู่ล่ะก็ ชายหนุ่มชุดสีม่วงนี่มันต้องตกตาย! และหากชายหนุ่มชุดสีม่วงนี่ไม่ตาย นางไม่ขออยู่เป็นคน!

"เจ้าจะต้องเสียใจ!" ถงลี่อดไม่ได้ที่จะกล่าววาจาทิ้งท้ายก่อนที่จะหันหลังเดินจากไป แล้วไม่มองย้อนกลับมาอีกเลย

ตอนนี้สตรีเดินติดตามอยู่ด้านหลังของถงลี่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว นางหันกลับมาจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความยำเกรง ก่อนที่จะรับหันหลังเดินตามถงลี่ไป

ภายในโรงอาหาร ฝั่งที่ต้วนหลิงเทียนนั่งอยู่ กลับกลายเป็นเงียบกริบราวกับป่าช้า

ไม่ว่าใครก็ตามที่ไม่รู้จักต้วนหลิงเทียน ล้วนมองเขาด้วยสายตาหวาดกลัวทั้งสิ้น! เพราะชายหนุ่มคนนี้นั้นไม่เกรงกลัวแม้แต่องค์ชาย 5!!

เขาเป็นใครกันแน่?

"หืม?" เมื่อตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนจำนวนมาก ต้วนหลิงเทียนพลันขมวดคิ้วขึ้น ก่อนที่จะกวาดสายตาเย็นชามองไปรอบๆ

และเมื่อเจอสายตาเย็นชาของต้วนหลิงเทียนกราดมา พวกเขาก็ไม่กล้าจ้องมองอีกต่อไป พวกเขายังตกตะลึงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่หาย และนานกว่าที่พวกเขาจะทำใจได้

เมื่อกวาดสายตากำราบผู้คนเสร็จแล้วต้วนหลิงเทียนก็นั่งลง

"ต้วนหลิงเทียน ​​เจ้า ... " เซี่ยวหยูเพียงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เขาไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะกล้าหาญถึงเพียงนี้ เขากล้าแม้กระทั่งทุบตีลูกพี่ลูกน้องขององค์ชาย 5 แม้กระทั่งทุบจนใบหน้านางยับเยินราวหัวหมู ... ตอนนี้เขาไม่รู้จะกล่าวอะไรออกมาเลย

"ต้วนหลิงเทียน ครั้งนี้เจ้าใจร้อน กระทำการวู่วามเกินไปแล้ว" เซี่ยวฉวินขมวดคิ้ว เขาเองก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลเซี่ยว นั่นทำให้เขารู้ดีว่าองค์ชาย 5 เป็นคนอย่างไร และรู้อีกด้วยว่าองค์ชาย 5 ผู้นี้ดุร้ายและมีความทะเยอทะยานขนาดไหน ...อีกทั้งสถานะของเขานั้นหาได้ธรรมดาง่ายดายไม่ แม้กระทั่งโอกาสที่จะเป็นราชาองค์ต่อไปของอาณาจักรนภาล่อง เขาก็มีมัน!

"ต้วนหลิงเทียน ระหว่างเจ้ากับถงลี่นั้นเกิดเรื่องราวที่ยากประนีประนอมกันมาก่อนหรือไร" ซูหลี่กล่าวถามต้วนหลิงเทียน และแน่นอนว่านี่ย่อมเป็นคำถามที่อยู่ในใจของทุกคนบนโต๊ะอาหาร

"ใช่แล้ว" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า และเริ่มเล่าถึงเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างเขากับถงลี่ที่เหลาอาหารเมื่อ 3 เดือนก่อน

“เช่นนั้นก็ดูเหมือนว่า ถึงแม้วันนี้เจ้าจะไม่ได้ทำอะไรนาง แต่นางก็คงไม่คิดจะปล่อยประละเว้นเจ้าอยู่ดี” เทียนหูกล่าวออกมา เมื่อเข้าใจเรื่องราว

เซี่ยวหยูและเซี่ยวฉวิน เองก็เข้าใจเรื่องนี้เช่นกัน เรื่องราวระหว่างต้วนหลิงเทียนกับถงลี่นั้นมันไม่ต่างอะไรกับ น้ำกับไฟแม้แต่น้อย เช่นนั้นการที่ต้วนหลิงเทียนสั่งสอนถงลี่วันนี้ก็ไม่นับเป็นอะไรได้

"เช่นนั้นก็กล่าวได้ว่า วันนี้นางเพียงหาเรื่องมาถูกทุบตีก็เท่านั้น" สายตาของซูหลี่เต็มไปด้วยความเย็นชา

"เจ้าจะกล่าวเช่นนั้นก็ได้" ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มบางๆออกมา โดยไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร "เอาล่ะ อย่าได้กล่าวถึงนางอีกเลย กล่าวถึงเรื่องนางทีไรก็เหนื่อยใจเปล่าๆ!"

อย่างไรก็ตามถึงเขาจะไม่ได้แยแสอะไร แต่ไม่ได้หมายความว่าเซี่ยวหยูและคนอื่นๆ จะไม่กังวล

“ต้วนหลิงเทียน เหตุใดเจ้าไม่มาพักที่สถาบันดั่งเช่นข้ากับซูหลี่ตั้งแต่วันนี้ล่ะ? ถึงแม้องค์ชาย 5 นั่นจะมีตัวตนยากตอแย แต่หากเป็นในสถาบันบ่มเพาะขุนพลแห่งนี้เขาคงไม่กล้าทำอะไรวู่วามเป็นแน่” เทียนหูกล่าวเสนอแนะออกมา

"ใช่ ข้าเองก็เห็นด้วย เทียนหูกล่าวถูกต้องแล้ว / ต้วนหลิงเทียนเจ้าควรพักอยู่ในสถาบันแห่งนี้เสียจะดีกว่า" เซี่ยวหยูและเซี่ยวฉวิน กล่าวออกมากับต้วนหลิงเทียน

ซูหลี่เองก็มองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน

ต้วนหลิงเทียนเองก็สังเกตเห็นวาภายใต้แววตาที่มักจะเย็นชาอยู่เสมอของซูหลี่ กลับฉายความห่วงใยที่หาได้ยากยิ่งออกมา เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในหัวใจ ที่เหล่าสหายล้วนเป็นห่วงถึงเพียงนี้

"เอาล่ะๆ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าทุกคนหวังดีต่อข้า แต่อย่าได้กังวล ข้าย่อมมีแผนเตรียมเอาไว้อยู่แล้ว" ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มบางๆ ก่อนทีจะหันไปมองทุกคนด้วยสายตามั่นใจ

ฟุบ!

ทันใดนั้นเองก็มีสายฟ้าสีดำพุ่งออกมาจากแขนของต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะกระโดดลงไปบนโต๊ะ แน่นอนว่าสายฟ้าสีดำนี้คืออสรพิษน้อย เสี่ยวเฮยที่ต้วนหลิงเทียนนำมาด้วย ...

อสรพิษน้อยตัวนี้เมื่อออกมาก็ไม่ทำอะไรมาก มันรีบชูคอและพุ่งไปยังจานอาหารที่เต็มไปด้วยเนื้อสัตว์และผักสดๆ หอมอร่อยทันที ก่อนที่จะเริ่มกินอาหารบนโต๊ะด้วยความเร็วสูงอย่างร่าเริง หางของมันส่ายไปส่ายมาอย่างน่าเอ็นดู

"เอ๊ะ นี่คือ?" สายตาของเซี่ยวหยูและคนอื่นๆล้วนถูกดึงดูดโดยอสรพิษน้อยตัวสีดำ

เซี่ยวฉวินจับจ้องไปยังอสรพิษน้อยตัวสีดำ ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตกตะลึง "นี่มันอสรพิษอะไรกัน เหตุใดถึงมีลวดลายสีทอง อีกทั้งตามตัวเหมือนจะมีอักขระโบราณ...หือ มีแม้กระทั่งเขาด้วยงั้นรึ นี่มันอสรพิษชนิดใดกันแน่ เหตุใดข้าถึงไม่เคยเห็นหรือได้ยินมาก่อนเลยเล่า! "

"เฮ่! ต้วนหลิงเทียน เจ้าตัวน้อยนี่เป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้าหรือ?" เทียนหูกล่าวออกมาพร้อมกลืนน้ำลายดังอึก แม้แต่เขาเองก็สัมผัสได้ว่าอสรพิษน้อยตัวนี้ไม่ธรรมดา

ไม่ต้องกล่าวถึงอะไรอื่นไกลเอาแค่เพียงความเร็วที่อสรพิษน้อยตัวนี้พุ่งออกมาเมื่อครู่ มันก็ดั่งประกายแสงแล้ว ตัวเขาไม่อาจมองตามการเคลื่อนไหวนั้นได้ทันแม้แต่น้อย... ทั้งหมดที่เขาเห็นมีเพียงเส้นสายอัสนีสีดำทมิฬพุ่งแลบลั่นออกมาก่อนที่จะปรากฏร่างเป็นอสรพิษตัวน้อยนี่เท่านั้น...ยามกินมันช่างน่ารักน่าเอ็นดู แต่ไม่รู้ยามต่อสู้จะน่าพรั่นพรึงถึงเพียงไหน

"ใช่แล้ว มันเป็นสัตว์เลี้ยงข้าเอง" ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร แต่แม้จะเป็นเขาเองก็ไม่คิดว่าเจ้าตัวน้อยนี่จะโผล่พรวดออกมากินอาหารแบบนี้ เขากวาดฝ่ามือไปรั้งตัวมันให้กลับเข้ามาอยู่ในแขนเสื้อทันที

ฟ่อๆๆ อสรพิษน้อยรีบส่ายหัวและแลบลิ้นออกมาราวกับจะประท้วงการกระทำนี้ของหลิงเทียนเพราะมันยังกินไม่ทันอิ่มเลย...แต่น่าเสียดายที่การต่อต้านเล็กๆของมันอย่างการเอาหัวถูไปมาจะไม่มีประโยชน์

หลังจากที่เจ้าตัวน้อยออกมาก่อกวนเล็กๆน้อยๆ ทำให้บรรยากาศที่โต๊ะอาหารของหลิงเทียนผ่อนคลายลงไปบ้าง แต่จะอย่างไรเซี่ยวหยูและคนอื่นๆ ก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของต้วนหลิงเทียนอยู่ดี เพราะคนที่ต้วนหลิงเทียนล่วงเกินคราวนี้ เป็นถึงองค์ชาย 5 แห่งราชวงศ์ที่ครอบครองอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.