spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
สามวันต่อมา มีเรื่องที่สำคัญมากเกิดขึ้นจนทำให้ทั้งอาณาจักรนภาจันทร์ต้องสั่นคลอน
องค์ชายสี่เย่หลงได้รับเลือกให้เป็นองค์รัชทายาทอย่างเป็นทางการ เขาเป็นคนที่จะสืบทอดบัลลังก์ของอาณาจักรนภาจันทร์
การต่อสู้และการสู้รบต่าง ๆ เกี่ยวกับตำแหน่งองค์รัชทายาทได้กลายเป็นประวัติศาสตร์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าตระกูลฝั่งแม่ของเย่ดายจะแข็งแกร่ง แต่ก็เป็นแรงที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานของการเป็นทายาทแห่งราชอาณาจักร
ตอนนี้เย่ดายเสียชีวิตไปแล้วในดินแดนเขาวงกต สิ่งที่เรียกว่าความยิ่งใหญ่ได้กลายเป็นเพียงแค่หมอกควันเท่านั้น
เพื่อให้แน่ใจว่าตำแหน่งองค์รัชทายาทของเย่หลงจะมีเสถียรภาพ ราชวงศ์เริ่มปลดอำนาจจากตระกูลของแม่ของเย่ดาย และแม้กระทั่งอำนาจที่อยู่เบื้องหลังองค์ชายสองเย่เฉียนก็ค่อย ๆ จางหายไปจากเมืองหลวง
นี่คือการสร้างแรงผลักดันให้องค์รัชทายาทและขจัดอุปสรรคทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้าเพื่อปูทางให้เขา!
เนื่องจากองค์ราชาได้ตัดสินใจแล้วจึงไม่จำเป็นต้องมีอำนาจฝ่ายตรงข้ามใด ๆ เนื้อร้ายเหล่านั้นต้องถูกกำจัดออกไปโดยปริยาย
เจี้ยงเฉินรู้สึกเป็นสุขกับเย่หลง เช่นเดียวกับที่เย่หลงได้กล่าวไว้ว่าเขาและเย่หลงเป็นเพชรที่อยู่ในตม
ตอนนี้เย่หลงโผล่ออกมาเป็นเพชรแท้จากตม เขากลายเป็นเพชรที่ส่องแสงประกายและโดดเด่น
งานแรกของเย่หลงในฐานะองค์รัชทายาทคือการตอบแทนคนสนิทที่เขาไว้วางใจและผู้ติดตาม
ในฐานะผู้เบิกทางและผู้ที่นำพามาซึ่งโชคลาภ เจี้ยงเฉินได้รับตำแหน่งขุนนางชั้นที่สองและได้รับสิทธิพิเศษทั้งหมดที่มาพร้อมกัน
ครอบครัวเจี้ยงถึงแม้ว่าอำนาจและอิทธิพลของพวกเขายังไม่ถึงจุดสูงสุดที่พวกเขาเคยมีในอาณาจักรตะวันออก แต่ก็น่าประทับใจสำหรับครอบครัวที่เพิ่งเข้ามาในราชอาณาจักรนภาจันทร์เพียงครึ่งปี
หลังจากพิธีมอบรางวัล เจี้ยงเฉินและตระกูลเจี้ยงก็เริ่มเดินเท้าอย่างเป็นทางการในวงการอันสูงส่งของอาณาจักรนภาจันทร์และกลายเป็นที่รู้จักของทุกครัวเรือนทั่วราชอาณาจักร
ทุก ๆ เรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเจี้ยงเฉินกับเย่หลง ทำให้ผู้คนประทับใจในตัวเขามากยิ่งกว่าพระเจ้า
อย่างไรก็ตาม ไม่จำเป็นต้องพยายามแพร่กระจายข่าวเล่าลือเลยเพราะการมีเหรียญเกียรติยศของราชอาณาจักรนภาจันทร์ก็เพียงพอที่จะให้ทุกคนในราชอาณาจักรกราบไหว้บูชาเขา
สำหรับวิธีที่เจี้ยงเฉินได้ช่วยเย่หลงให้ได้รับตำแหน่ง วิธีที่เขาช่วยจัดการกับคู่แข่งคนอื่นในเขาวงกต มีเรื่องเล่าของเหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้เกิดขึ้นมากมาย แต่ละคนก็เล่าเหมือนกับว่าคนเล่าอยู่ในเหตุการณ์และได้เห็นสิ่งต่าง ๆ ด้วยสายตาของตัวเอง
จริง ๆ แล้วไม่มีเรื่องเล่าไหนเลยที่เข้าใกล้ความจริง
ปกติเจี้ยงเฉินไม่ได้เอาใจใส่เรื่องข่าวลือจากโลกภายนอก ไม่ว่าจะเป็นขุนนางชั้นที่ 4 หรือขุนนางชั้นที่ 2 ในตอนท้ายก็เป็นเพียงการหาสถานที่ที่ปลอดภัยให้ตระกูลเจี้ยงได้พักอาศัย
เจี้ยงเฉินไม่ได้ให้ความสำคัญกับความมั่งคั่งและโชคลาภมากนัก
เจี้ยงเฉินเพิ่งกลับมาจากข้างนอก ยามเฝ้าประตูรายงานว่า "นายน้อย นายทหารของหน่วยเขี้ยวมังกรรออยู่ข้างนอก"
"หน่วยเขี้ยวมังกรรึ?" เจี้ยงเฉินถาม "พาเขาเข้ามา"
หน่วยเขี้ยวมังกรจะไม่มาตัวคนเดียว หรือจะเป็นเทียนโช? แต่เทียนโชเป็นแขกทั่วไปของตระกูลเจี้ยง คนของเขาคงจะรู้จักเขาเป็นอย่างดี
หลังจากเขาเข้ามาแล้ว เจี้ยงเฉินได้ค้นพบว่าจริง ๆ แล้วชายคนนั้นก็คือเทียนหลง!
"นายน้อยเฉิน" เทียนหลงสงวนตัวเล็กน้อยหลังจากเดินผ่านประตู เขาถูมือลงราวกับว่าไม่แน่ใจว่าจะวางไว้ที่ไหน
เขาอยู่ในหน่วยพิทักษ์เป็นเวลา 2 เดือนแล้วและเขาคิดได้แล้วว่าควรทำอะไร เขามักจะได้ยินชื่อของเจี้ยงเฉินเมื่อพูดคุยกับเพื่อนของเขา
อย่างไรก็ตามถ้าใครถามเขาเกี่ยวกับเรื่องของเจี้ยงเฉิน เขามักจะกลบเกลื่อนมันด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม ในสายตาของสหาย เทียนหลงต้องมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจี้ยงเฉิน เนื่องจากเขาได้รับตำแหน่งผู้คุ้มกันระดับ 6 ทันทีที่เข้าสู่หน่วยเขี้ยวมังกร
เทียนหลงรู้ดีว่าเขาไม่ค่อยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเจี้ยงเฉิน พูดกันตามตรง เขาได้เห็นเจี้ยงเฉินเพียงครั้งเดียว เรื่องอื่น ๆ เกิดขึ้นเนื่องจากเจี้ยงเฉินตั้งใจช่วยเหลือเขา
ความช่วยเหลืออย่างจริงใจเหล่านั้นได้เปลี่ยนชีวิตทั้งหมดของเขา
เทียนหลงจึงรู้สึกขอบคุณเจี้ยงเฉินจากก้นบึ้งของจิตใจ เขาอยากจะหาโอกาสที่จะไปเยี่ยมเจี้ยงเฉินและแสดงความขอบคุณ
อย่างไรก็ตาม เขาไม่มั่นใจในตนเอง เขากลัวว่าเจี้ยงเฉินและผู้ติดตามจะดูถูกเขาถ้าเขาไปพบเจี้ยงเฉินมือเปล่า
เขาต้องปิดบังและเก็บหอมรอมริบเป็นเวลา 2 เดือนจนเขาพยายามเก็บเงินและซื้ออะไรได้บ้าง จากนั้นเขาจึงรวบรวมความกล้าและมาเยี่ยมเยียน
"เจ้าดูดีขึ้นนะ เจ้าดูแตกต่างไปเวลาเจ้าสวมชุดเครื่องแบบของหน่วยเขี้ยวมังกร" เจี้ยงเฉินหัวเราะเบา ๆ "น้องชายคนเล็กของเจ้าเป็นยังไงบ้าง?"
"เขา ... เขาสามารถเดินได้ตามปกติตอนนี้ บางครั้งเขาต้องใช้รถเข็นเพราะร่างกายของเขาอ่อนแอ คงต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งในการฟื้นตัวให้สมบูรณ์ "
"ใช่ ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งเพื่อฟื้นตัวและปรับตัว" เจี้ยงเฉินพยักหน้าและมองไปที่สิ่งที่เทียนหลงนำมา เขายิ้ม "ครั้งต่อไปที่เจ้าจะมาพบข้า ไม่ต้องเอาอะไรติดมือมาล่ะ ไม่อย่างนั้นข้าจะให้คนของข้าโยนเจ้าออกไปนอกประตู เจ้าบอกว่าเจ้าหาเงินได้ไม่มาก เจ้าควรซื้อของให้ภรรยาของเจ้า นางเป็นผู้หญิงที่ดีและเจ้าควรดูแลเอาใจใส่นาง "
"ได้ ได้!" เทียนหลงรีบพยักหน้า
“อืม ข้าจะยอมรับของที่เจ้านำมาครั้งนี้แต่ไม่ควรเกิดขึ้นอีก เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้ทำงานในหน่วยเขี้ยวมังกรหลังจากผ่านไป 2 เดือน? "
"ทุกสิ่งทุกอย่างค่อนข้างดี สหายของข้าทุกคนดีกับข้ามาก " เทียนหลงเริ่มหัวเราะอย่างอาย ๆ ในขณะที่เขาเกาศีรษะเล็กน้อยด้วยความอาย "ทุกคนคิดว่าข้าเป็นสหายสนิทของนายน้อยเฉิน พวกเขาเลยเอาใจข้า"
เจี้ยงเฉินหัวเราะอย่างสุขุม "เจ้ากับข้าได้พูดคุยกันมาหลายครั้งแล้ว มันคงจะดีที่จะเรียกเจ้าว่าสหาย เจ้าเป็นคนที่เทียนโชได้คัดเลือกเข้าสู่หน่วยเขี้ยวมังกร เทียนโชมีศักยภาพที่ไม่จำกัด เขาอาจจะก้าวเข้าสู่ตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ของหน่วยเขี้ยวมังกร เจ้าควรติดตามเขาอย่างใกล้ชิด "
"ได้ ข้าจะทำตัวให้เหมาะสม แม่ทัพเทียนจะได้ไม่เสียหน้า"
เทียนหลงจำอะไรบางอย่างได้ในขณะนั้นและรวบรวมความกล้าหาญที่จะพูด "นายน้อยเฉิน ข้าคิดว่ามีเรื่องที่ข้าควรจะบอกท่าน"
“มีอะไรเหรอ?"
"ครั้งสุดท้ายที่เราออกไปข้างนอกเพื่อทำภารกิจ ข้าบังเอิญได้ยินเสียงพวกสาวกของสี่วิหารพูดถึงอะไรบางอย่างบอกว่าสมบัติล้ำค่าบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นในหุบเขาของวิหารทักษิณครามสวรรค์ มีหลายคนบอกว่าสาวกของนิกายพฤกษาสวรรค์จำนวนมากที่รู้เรื่องนี้กำลังเตรียมพร้อมลงมือ "
"สมบัติล้ำค่า?" เจี้ยงเฉินยิ้ม "ขุมทรัพย์แห่งสวรรค์แบบใดที่สามารถมีอยู่ในโลกนี้ได้?"
เทียนหลงยิ้มอย่างซื่อตรง "ข้าไม่รู้เหมือนกัน ข้าแค่ได้ยินพวกเขาพูดถึงเรื่องนี้ แต่ถ้าแม้แต่สาวกนิกายมีความสนใจในเรื่องนี้ มันก็อาจจะไม่ใช่ข่าวลือที่เป็นเท็จ "
ความตั้งใจของเทียนหลงค่อนข้างง่าย เขารู้สึกว่าข่าวลือนี้อาจใช้ประโยชน์กับนายน้อยเฉิน จากความรู้สึกขอบคุณ เขารู้สึกว่าควรแจ้งเจี้ยงเฉินเกี่ยวกับข่าวนี้
เสียงฝีเท้าก้าวเดินออกมาทางอีกด้านของประตูในขณะนี้ หยูตงเดินเข้ามา
"นายน้อยเฉิน เซี่ยวไป๋ฉีมาขอพบท่าน"
หยูตงอึ้งเมื่อเขาเห็นเทียนหลง "เจ้า?”
เทียนหลงตกใจเช่นเดียวกัน ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเขาได้มองไปที่หยูตง "เจ้า ... ครั้งสุดท้ายที่ข้าเห็นเจ้า เจ้ายังเป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญพลังลมปราณฉีอยู่เลยไม่ใช่รึ? ตอนนี้เจ้าอยู่ที่จุดสูงสุดของพลังลมปราณฉีแล้ว "
เพียงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ไม่แปลกใจเลยที่เทียนหลงรู้สึกประหลาดใจมาก
หยูตงยิ้มและมองไปที่เครื่องแบบของเทียนหลง "เจ้าก็ทำได้ดีมาก เจ้าพยายามจนได้เป็นหนึ่งในหน่วยเขี้ยวมังกรแล้ว"
เจี้ยงเฉินเพียงแค่ยกนิ้วขึ้นเพื่อช่วยเทียนหลง ดังนั้นเขาจึงไม่เคยพูดถึงชายคนนี้กับผู้คุ้มกันของเขา
"เทียนหลง ไหน ๆ เจ้าก็มาเยี่ยมข้าแล้ว มาดื่มกับเราสิ หยูตง บอกไป๋ฉีให้ไปรอที่สนามหลังบ้าน "
เทียนหลงยังมึนงงในระหว่างการเยือนครั้งนี้และเขารู้สึกค่อนข้างอึดอัดใจ เขาอยากจะหนีไปเมื่อเจี้ยงเฉินเชิญเขาให้ร่วมดื่ม
แต่หยูตงไม่ยอมให้เขาปฎิเสธ ขณะเดียวกันก็ดึงแขนของเขาไว้พลางกล่าวว่า "พี่เทียน อย่ายืนทำพิธีรีตรองอยู่ตรงนั้นสิ พูดกันตรง ๆ เลยนะ ถ้าหากเจ้าไม่ได้แนะนำพวกเราเกี่ยวกับอาณาจักรนภาจันทร์อย่างกระตือรือร้นตอนที่เราเพิ่งมาถึง เราอาจจะได้พบกับความหายนะด้วยน้ำมือของวิหารอุดรครามสวรรค์"
เทียนหลงรู้สึกอายเล็กน้อย "นั่นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย นายน้อยเฉินให้โอสถมหัศจรรย์แก่ข้า "
"อย่าทำตัวเป็นทางการเลย" หยูตงตบไหล่เทียนหลง "มาสิ พี่ชายคนอื่น ๆ ทั้งหมดของข้าอยู่ที่นี่แล้ว เจ้าก็รู้จักพวกเขาด้วยเช่นกัน "
การร่วมกินอาหารที่คฤหาสน์เป็นกันเองมาก
ถึงแม้เทียนหลงจะรู้สึกเกรงใจ แต่การปรากฏตัวของตัวตลกเซี่ยวชานและเซี่ยวชวน คนคุ้มกันส่วนตัวของเจี้ยงเฉินทำให้การทำความรู้จักกับทุกคนเป็นเรื่องง่าย ไม่นานหลังจากนั้นเทียนหลงสามารถเข้ากับฝูงชนของเจี้ยงเฉินได้อย่างสนิทสนม
ยกเว้นเซี่ยวไป๋ฉีที่ดูเหมือนไม่มีความสุข
"ไป๋ฉี มีเรื่องอะไรหนักใจหรือ? ดูเหมือนเจ้าจะดูไม่สบายใจ ผู้ชายที่กำลังมีความรักมีอารมณ์อ่อนไหวเช่นนี้หรือ? " เจี้ยงเฉินล้อเขาเล่น
เซี่ยวไป๋ฉียิ้มให้เบื่อหน่าย "นายน้อยเฉิน จริง ๆ แล้วข้าไม่คิดว่าข้าจะมีความสัมพันธ์แบบนี้กับอาวุโสหนิง ตอนที่ท่านให้ข้าเข้าไปในวิหารทักษิณครามสวรรค์ อาจเป็นโชคชะตาจากชีวิตที่ผ่านมาของเราที่นางหันมามองคนเช่นข้า คนที่มาจากสถานที่เล็ก ๆ อย่างไรก็ตาม ประมุขของวิหารได้ให้คำสั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ สั่งให้อาวุโสหนิงตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับข้า "
"ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? " เจี้ยงเฉินรู้สึกแปลก ๆ
"พวกเขาคงดูถูกข้าเพราะข้ามาจากอาณาจักรเล็ก ๆ และไม่มีคนใหญ่คนโตคอยสนับสนุน พวกเขาคิดว่าข้าไม่มีอนาคตและไม่คู่ควรกับอาวุโสหนิง "
ปัญญาอ่อนสิ้นดี เจี้ยงเฉินรู้สึกโกรธมาก เซี่ยวไป๋ฉีเป็นลูกศิษย์ของเขา ประมุขของวิหารทักษิณครามสวรรค์เป็นใครกันถึงกล้าดีมาดูถูกศิษย์ของเขา?
"ประมุขเป็นชายหรือหญิง?"
"ผู้หญิงและนางคือแม่ผู้ให้กำเนิดอาวุโสหนิง มีคนน้อยในโลกภายนอกรู้เรื่องนี้ อาวุโสหนิงบอกข้าเรื่องนี้อย่างเป็นส่วนตัว "
"นี่ ... " เจี้ยงเฉินพูดไม่ออก ถ้าเป็นเพียงประมุขของวิหาร นางก็เป็นเพียงผู้บังคับบัญชาเท่านั้น ถ้ามีเป็นปัญหา อาวุโสหนิงสามารถลาออกได้
แต่เนื่องจากนางเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดอาวุโสหนิง ทำให้เรื่องนี้ยุ่งยากมากขึ้น
ความขัดแย้งระหว่างแม่ยายกับลูกเขยเป็นหนึ่งในปัญหาที่ยากที่สุดในโลกที่จะจัดการ
"อาวุโสหนิงรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?" เจี้ยงเฉินถาม
ทัศนคติของนางค่อนข้างเด็ดเดี่ยว นางต่อสู้อย่างต่อเนื่องกับเจตนาของแม่
"เช่นนั้นแล้ว มันจะไม่มีปัญหาอีกต่อไป ตราบเท่าที่อาวุโสหนิงยังคงยึดมั่นอยู่ ทุกอย่างจะเรียบร้อย นางเป็นแม่ยาย ข้อนี้เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ไป๋ฉี เจ้าได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตของเจ้า เจ้าไม่สามารถจัดการกับหญิงชราได้หรือ "
เซี่ยวไป๋ฉียิ้มอย่างเศร้าใจ เขาไม่เคยเจอกับเรื่องแบบนี้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่ทราบว่าจะต้องทำอะไร
"นายน้อย ข้าหมดปัญญา ข้าไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร ข้าจึงมาขอคำแนะนำจากท่าน"
"ข้าไม่มีคำแนะนำที่จะให้ ไปถามนางว่านางต้องการอะไรและทำตามนางซะ! ทำไมเจ้าไม่รู้จักใช้โอสถวารีนิรันดร์สี่ฤดูให้เป็นประโยชน์ ใช้มันจัดการกับหญิงชราให้อยู่หมัด "
เซี่ยวไป๋ฉีตาโต มีแสงระยิบระยับในดวงตาของเขาหลังจากนั้น "ถูกต้องแล้ว ข้าลืมเรื่องนี้ได้อย่างไร?"
การใช้โอสถวารีนิรันดร์สี่ฤดูเป็นไพ่ลับจัดการกับหญิงชรา!
"แน่นอนว่า เพียงโอสถเม็ดเดียวคงไม่ได้ผล ให้นางกำหนดเงื่อนไขให้กับเจ้า วิหารทักษิณครามสวรรค์เป็นเพียงสถานที่ทางโลกีย์สำหรับนิกายพฤกษาสวรรค์ ไม่มีอะไรเกินความสามารถ ไป๋ฉี อย่าได้คิดน้อยใจว่าตัวเองต่ำต้อย จำไว้ว่าเมื่อเจ้าต้องการมีความสัมพันธ์โดยการสมรสกับคนในวิหารทักษิณครามสวรรค์ พวกเขาต่างหากที่จะได้ประโยชน์จากการมีพันธมิตร ไม่ใช่เจ้า อย่าเข้าใจกลับกัน ไม่งั้นอย่าบอกว่าเจ้ารู้จักข้า! "