spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ผู้อาวุโสเหล็กช่างมีความสามารถในการยุยง เขาต้องการที่จะข่มขู่และทำให้เจี้ยงเฉินกลัวและทำให้เขาส่งมอบสินค้า เขาต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้เพื่อตบหน้าท่านอาจารย์ และขุดหลุมให้ท่านอาจารย์ตกลงไป
ใครจะรู้ว่าเด็กคนนี้จะไม่ไว้หน้าเขา ทั้งยังพูดเป็นนัยว่าเขากำลังเลือกคนอ่อนแอและกลัวคนที่เข้มแข็ง เขาเลือกชายหนุ่มเพราะเขาไม่สามารถจัดการกับเย่ชองหลิวได้
แม้ว่านี่คือความจริง การพูดความจริงในโอกาสเช่นนี้ทำให้ผู้อาวุโสเหล็กเสียหน้ามาก
"เจ้า ... เจ้าชื่ออะไร? เจ้าอยู่ในตระกูลใดในอาณาจักรนภาจันทร์? เจ้ารู้จักมารยาทมั้ย? เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร? "
เจี้ยงเฉินจ้องมองไปที่ผู้อาวุโสเหล็กด้วยสายตาที่ฉงน เขาใช้ความคิด สมองของท่านมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า? ข้าเรียกท่านว่าผู้อาวุโสเหล็ก,แล้วข้าจะไม่รู้ว่าท่านเป็นใครได้ยังไง?
แน่นอนว่าเขาไม่อยากจะหัวเสียกับอาวุโสหนิงอีกต่อไป เขาหัวเราะอย่างเบื่อหน่ายและตัดสินใจเดินจากไป แม้ว่าหมาบ้าตัวที่เห่าหอนข้างหน้าเขาไม่ได้กัดใคร แค่ฟังเสียงมันก็ทำให้เขารำคาญมาก
อย่างไรก็ตามการที่เจี้ยงเฉินก้าวออกไป ทำให้ผู้อาวุโสเหล็กขุ่นเคืองใจ
นี่ ... นี่คือการดูถูกผู้อาวุโสแห่งนิกายพฤกษาสวรรค์!
"หยุด!"
เจี้ยงเฉินไม่สนใจเขา แต่เย่หลงเดินผ่านมาและดึงแขนของเขาไว้ "น้องชาย พูดอะไรสักอย่างที่ทำให้เรื่องนี้ดีขึ้น"
อาวุโสเหล็กชี้ไปที่เย่หลง "เจ้าตัวน้อย เจ้าออกไป! มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า"
เย่หลงหัวเราะอย่างอ่อนโยน "อาวุโสเหล็ก เขายังอายุน้อยและท่านเป็นผู้อาวุโสที่นับถือ อย่าถือสาเขาเลย"
ความโกรธของอาวุโสเหล็กไม่ได้เกี่ยวข้องกับอายุของเจี้ยงเฉิน เขาอารมณ์เสียเพราะเจี้ยงเฉินไม่ให้ความร่วมมือ
"เอาล่ะ เอาล่ะ เด็กหนุ่มของอาณาจักรนภาจันทร์มีนิสัยเสียมากขึ้นทุกวัน เจ้าเด็กโง่ อย่าคิดว่าเจ้าไม่บอกชื่อข้าแล้วข้าจะสืบไม่ได้ว่าเจ้าเป็นใคร "
เจี้ยงเฉินผลักมือของเย่หลงเบา ๆ และขมวดคิ้วขึ้น "อาวุโสเหล็ก ท่านไม่จำเป็นต้องไปถามคนอื่น ข้าชื่อว่าเจี้ยงเฉิน โปรดจำไว้ว่า เจี้ยงแปลว่าแม่น้ำใหญ่และเฉินแปลว่าฝุ่น "
"เยี่ยม เยี่ยมมาก เจ้าเด็กน้อย เจ้ากล้ามาก เจี้ยงเฉินหรือ? ตอนนี้ข้าสามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าเจ้าอย่าได้คิดถึงการก้าวเท้าเข้าไปในประตูนิกายพฤกษาสวรรค์ในชีวิตนี้เลย "
อาวุโสเหล็กได้ครุ่นคิดชั่วครู่ขณะที่เขาคิดว่านี่เป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงที่สุด
เจี้ยงเฉินไม่คิดที่จะสร้างปัญหาในวันนี้ นี่เป็นความหายนะอันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อาวุโสเหล็กได้เผชิญหน้ากับเย่ชองหลิว เขาเสียหน้าไม่อาจทำอะไรได้ เขาจึงระบายความโกรธที่เกิดขึ้นไว้ที่เจี้ยงเฉิน
อย่างไรก็ตาม เจี้ยงเฉินไม่ใช่กระสอบทราย
เขาวางแผนไว้แล้วว่าเขาจะไม่พูดมากเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นผู้อาวุโสของนิกาย และเขาพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่ให้ความสนใจกับชายคนนี้
ใครจะคิดว่าชายคนนี้จะอุกอาจมากขึ้น? เขาบอกอย่างเปิดเผยว่าเขาได้ขึ้นบัญชีดำชื่อของเจี้ยงเฉินไว้ในนามของนิกายพฤกษาสวรรค์
เจี้ยงเฉินเก็บอาการมานานแล้วและเขาก็ไม่สามารถทำได้อีกต่อไป เขาพร้อมที่จะปะทุอารมณ์เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่ไร้เหตุผลเช่นนี้
"อาวุโสเหล็ก ข้าไม่เคยสนใจว่าข้าจะเข้านิกายพฤกษาสวรรค์ได้หรือไม่ แต่ในเมื่อท่านท้าทาย ข้าจะเข้าไปให้ได้เพื่อท่านโดยเฉพาะเลย ไม่เพียงเท่านั้นข้าจะเข้าไปในนิกายพร้อมกับการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ นิกายของท่านจะร้องขอให้ข้าเข้าไป! นี่คือทั้งหมดที่ข้าจะพูด ท่านรอดูได้เลยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น "
เจี้ยงเฉินไม่อาจใส่ใจที่จะมองไปที่ผู้อาวุโสหลังจากระบายความรู้สึกรำคาญนี้ เขาหัวเราะอย่างเย็นชาและเดินสะบัดแขนเสื้อจากไป
แน่นอนว่าอาวุโสเหล็กประเมินอิทธิพลและอำนาจของตัวเองสูงมาก รวมถึงประเมินความอดกลั้นของเจี้ยงเฉินต่ำไป เขาคิดว่าคนหนุ่มสาวทุกคนจากอาณาจักรธรรมดาสามัญควรจะเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนและควรจะหมอบคลานต่อนิกายพฤกษาสวรรค์ เพิ่มด้วยสถานะของเขาในฐานะผู้อาวุโส เขาคิดว่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาจะไม่สามารถทนได้ถ้าเขาเพียงกดดันสักเล็กน้อย
คนหนุ่มคนใดในราชอาณาจักรนภาจันทร์จะรับได้ถ้าเขาบอกว่านิกายลงบัญชีดำชื่อของพวกเขา?
เขาคิดว่าชายหนุ่มคนนั้นต้องยอมลดศีรษะพร้อมกับรีบขอโทษเขาทันที ใครจะคิดว่าชายหนุ่มคนนี้จะไม่ทำตามแผนการที่เขาคิดไว้ล่วงหน้า?
ไม่เพียงแต่เขาไม่ยอมขอโทษและขอความเมตตา เขากลับจองหองอวดดีมากกว่าอาวุโสของนิกายพฤกษาสวรรค์เสียอีก !
ผู้อาวุโสไม่เคยคิดว่าชายหนุ่มในยุคปัจจุบันจะมีบุคลิกและอารมณ์แบบนี้!
ผู้อาวุโสเหล็กสั่นสะท้านด้วยความโกรธ เขาชี้นิ้วพลางกล่าวว่า "เจี้ยงเฉิน ข้าไม่สนใจว่าเจ้ามีใครเป็นคนหนุนหลัง ถ้าเจ้าสามารถเข้ามายังนิกายได้ไม่ว่าเวลาใดในชั่วชีวิตของเจ้า ข้าจะปล่อยให้เจ้าใช้หัวของข้าเป็นเบาะรองนั่ง !”
เขาเป็นผู้อาวุโสที่ชอบคุยโม้ ชายหนุ่มคนนี้ทำให้เขาเสียหน้าอย่างมากโดยที่เขาไม่สามารถหนีรอดได้ มันเป็นเรื่องง่ายที่จะเห็นว่าเปลวไฟแห่งความโกรธกำลังมอดไหม้ภายในหัวใจของเขา นอกจากนี้เขายังตั้งใจไว้แล้วว่าแม้เย่ชองหลิวจะมีข้อเสนอแนะ เขาจะเป่าหูผู้อาวุโสคนอื่นในนิกายให้ปฏิเสธเจี้ยงเฉินอย่างสิ้นเชิง !
ตราบเท่าที่เขา ผู้อาวุโสเหล็กอยู่ในนิกายพฤกษาสวรรค์ เขาจะไม่ยอมให้เจี้ยงเฉินเข้าไปในนิกาย !
การเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของนิกายทำให้อาวุโสเหล็กมีอำนาจมาก เป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะปฏิเสธคำขอของศิษย์สามัญที่จะเข้าร่วมนิกาย
ไม่ว่าเย่ชองหลิวแข็งแกร่งมากเพียงใด แต่เขาก็ไม่ใช่ประมุขของนิกาย!
บรรยากาศในที่เกิดเหตุค่อนข้างตึงเครียดเมื่อเหล่าสาวกต่างประหลาดใจอย่างมากกับความขัดแย้งนี้
ในสายตาของพวกเขา นี่เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ
ชายหนุ่มธรรมดากล้าอวดดีกับผู้อาวุโสของนิกายพฤกษาสวรรค์ ชายคนนี้โดนประตูกระแทกหรือโดนลาเตะสมอง? การตะโกนใส่ผู้อาวุโสของนิกายนับได้ว่าเป็นความตายมิใช่หรือ?
ดูตอนนี้สิ เขาโดนขึ้นบัญชีดำ
ถึงเขาจะมีพรสวรรค์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้หรือมีศักยภาพสูงสุด เขาจะก้าวหน้าได้ถึงไหนถ้าเขาไม่ได้เข้าร่วมนิกาย? เขาก็จะมีเพียงความมั่งคั่งและโชคลาภธรรมดาเท่านั้น
เขาจะสามารถเพลิดเพลินไปกับโชคลาภและความมั่งคั่งของโลกอย่างสันติได้อย่างไรหลังจากดูถูกผู้อาวุโสของนิกายพฤกษาสวรรค์?
เมื่อใดก็ตามที่ผู้อาวุโสคิดถึงเขาในอนาคตสักวันหนึ่ง เพียงขยับนิ้วเขาก็สามารถส่งลูกศิษย์ไปเหยียบย่ำเขา
"เจ้าเจี้ยงเฉินมันไม่อยากอยู่อย่างสงบสุขในอาณาจักร มันกล้าอวดดีต่อหน้านิกายพฤกษาสวรรค์ มันสมควรโดนซะบ้าง! "
"ฮ่า! ใช่เขาสมควรได้รับมัน! ข้าอยากให้มีคนแบบเจี้ยงเฉินเยอะ ๆ ข้าจะได้มีคู่แข่งน้อยลงเวลาที่นิกายเปิดรับสมัครสาวกในอนาคต "
"เด็กคนนี้ช่างกล้าดี ถ้าข้าเป็นเขา ข้าคงไม่กล้าแม้แต่จะอ้าปากพูด "
"อืม เขาโชคร้ายมากที่ผู้อาวุโสของนิกายกำลังสร้างปัญหาให้กับเขา ถ้าเขาส่งมอบสิ่งของให้กับผู้อาวุโส ท่านอาจารย์เย่ก็จะไม่พอใจ ถ้าเขาไม่ให้ ผู้อาวุโสเหล็กก็จะไม่พอใจ เขาถูกกำหนดให้เลือกระหว่างสองคนที่มีอำนาจ "
เหล่าศิษย์ที่เห็นเหตุการณ์มีความคิดต่างกันไป บางคนรู้สึกสงสารเจี้ยงเฉินและบางคนก็แอบรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่เป็นธรรมกับเขา แน่นอนว่ายังมีคนอื่นที่ยินดีกับความโชคร้ายของเจี้ยงเฉินและมีบางคนที่อยากให้เขาโดนหนักกว่านี้
เจี้ยงเฉินไม่สนใจเกี่ยวกับทัศนคติของผู้อาวุโสของนิกาย เขาจึงไม่ใยดีกับความเห็นของคนรอบข้าง เขาเดินออกจากทางเข้าหุบเขาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อเขาเดินผ่านด่านเฟย นางรู้สึกสงสารเขา ดวงตาที่สวยงามของนางมองเจี้ยงเฉินขณะที่ปากของนางขยับเล็กน้อย แต่นางไม่แน่ใจว่าจะปลอบโยนอย่างไร
ท่านอาจารย์เป็นคนเริ่มเรื่องที่ยากลำบากนี้ และเขาก็ไม่ได้แก้ไขมันให้ราบรื่นกับเจี้ยงเฉิน
ทำให้คนอื่น ๆ รู้สึกหดหู่ใจแทนเจี้ยงเฉิน พวกเขาทั้งหมดรู้สึกว่าท่านอาจารย์ทำให้เจี้ยงเฉินกลายเป็นของไร้ค่าและถูกโยนทิ้งไป
เป็นเพราะเหตุนี้ความรู้สึกผิดภายในใจของด่านเฟยจึงเพิ่มขึ้น
ขณะที่นางเฝ้าดูเจี้ยงเฉินเดินออกไปข้างนอกเพียงลำพัง แก้มของนางกระตุกขณะที่นางมองท่านอาจารย์อย่างผิดหวัง
สิ่งที่นางเห็นคือสายตาของท่านอาจารย์ เขายิ้มแย้มแจ่มใสอย่างร่าเริงราวกับว่าทั้งหมดนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา
"ด่านน้อย เจ้าคิดว่าข้าใจร้ายมากที่ไม่ได้ช่วยเจี้ยงเฉินใช่หรือไม่?"
ด่านเฟยมีความคิดเช่นนี้อยู่ในใจแต่นางให้เกียรติท่านอาจารย์มาโดยตลอด นางจึงไม่มีทางยอมรับเรื่องนี้.
"ฮ่า ฮ่า เจ้าหนุ่มคนนี้ค่อนข้างน่าสนใจ ข้าชอบเฝ้าดูเขาเปิดเผยและส่องแสงในตัวตนของเขา ชายหนุ่มควรวิ่งไปข้างหน้าและควรรับมือกับทุกปัญหา พวกเขาต้องได้รับแรงกระตุ้นถึงจะกระตือรือร้น "
ท่านอาจารย์ ข้าแค่เกรงว่าเจี้ยงเฉินจะคิดว่าเราไม่ซื่อสัตย์" ด่านเฟยรู้สึกผิดเมื่อนึกถึงผลงานของเจี้ยงเฉิน "เจี้ยงเฉินต้องรู้สึกโกรธมากในตอนนี้"
"ด่านน้อย ถ้าเจ้าคิดแบบนี้ นั่นหมายความว่าเจ้าไม่รู้จักสหายของเราเจี้ยงเฉินดีพอ" ท่านอาจารย์หัวเราะอย่างมีความหมาย "เอาล่ะ อย่าพูดเรื่องนี้อีก ไปกันเถอะ "
ด่านเฟยมีหลายเรื่องที่ทำให้นางหนักใจระหว่างเดินทางกลับ นางจึงไม่ค่อยมีความสุขทั้ง ๆ ที่กำลังพาสัตว์วิญญาณกลับ
แม้กระทั่งเย่หลงรู้สึกไม่พอใจแทนเจี้ยงเฉินเล็กน้อย เหตุวันนี้มันไม่ใช่ความผิดของเขาเลย
มันเป็นข้อผิดพลาดของอาวุโสเหล็กซึ่งตั้งใจมองหาเรื่องใครสักคน
อาวุโสเหล็กได้เลือกเจี้ยงเฉินเพื่อให้เป็นตัวอย่าง เมื่อเขาไม่สามารถทำอะไรกับท่านอาจารย์เย่ได้ นั่นเป็นสันดานที่ต่ำมาก แต่ถึงแม้ว่าเย่หลงจะรู้สึกแบบนี้ ก็ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้
เมื่อเขากลับมาที่เมืองหลวง เย่หลงจึงกล่าวกับหยูตงว่า "หยูตง กลับไปและปลอบใจนายน้อยของเจ้าว่าแผนการนี้อาจจะเป็นไปอย่างช้า ๆ ในอนาคต ต้องมีวิธีอื่น เช่นเดียวกับถนนที่มักจะปรากฏขึ้นเมื่อรถม้ามาถึงที่ด้านหน้าของภูเขา "
หยูตงค่อนข้างเปิดกว้างเรื่องนี้ เขาหัวเราะพลางกล่าวว่า "อย่ากังวล องค์ชายสี่ บางทีอาวุโสเหล็กอาจคิดว่าคำพูดของนายน้อยข้าค่อนข้างหยิ่ง เท่าที่ข้ารู้นายน้อยไม่ได้ชื่นชมผู้อาวุโสของนิกายพฤกษาสวรรค์"
ในเวลานั้นเย่หลงถึงกับพูดไม่ออก แม้แต่ผู้ติดตามของเขาก็ยังอวดดี
อย่างไรก็ตามเขาคิดว่ามันถูกแล้ว เจี้ยงเฉินได้สร้างปาฏิหาริย์นับไม่ถ้วนตลอดทาง เช่นเดียวกับที่เย่หลงได้กล่าวไว้ในตอนแรกว่าเจี้ยงเฉินคือเพชรในตม เขาถูกกำหนดให้ส่องประกายสดใสวันหนึ่ง
ด้วยความสามารถและความรู้ที่ยอดเยี่ยมของเจี้ยงเฉิน จริง ๆ แล้วอาจจะไม่ใช่ความสูญเสียของเจี้ยงเฉินหากนิกายพฤกษาสวรรค์ไม่ต้องการตัวเขา คนหนุ่มเฉลียวฉลาดเช่นเจี้ยงเฉินคงจะมีนิกายมากมายที่ยอมสู้กันแย่งตัวเขา
นิกายพฤกษาสวรรค์ไม่ได้เป็นนิกายเดียวที่เข้มแข็งเพียงในกลุ่มราชอาณาจักรทั้งสิบหก
เมื่อเจี้ยงเฉินกลับมาบ้าน เขาเห็นว่าทุกอย่างสงบในหนึ่งเดือนที่เขาไม่อยู่ ไม่มีอะไรแปลกเกิดขึ้น สิ่งที่ทำให้เจี้ยงเฉินรู้สึกประหลาดใจก็คือหลังจากผ่านไป 1 เดือนระดับการฝึกของกุยจินก็สูงขึ้นมากขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้าอีกครั้งโดยการตัดผ่านไปถึงเส้นชีพจรที่ 9 หลังจากหยูตง เขาได้เข้าสู่กลุ่มของผู้เชี่ยวชาญพลังลมปราณฉีที่แท้จริง !
"ดูเหมือนว่ากุยจินจะเป็นคนที่จะได้รับผลไม้หยกที่เหลือของหยูตง"
โกวยู่วยังไม่ออกมาจากการกักตนบ่มเพาะ ดูเหมือนว่านางได้พัฒนาอย่างมากหลังจากได้รับโอสถห้ามังกรเปิดสวรรค์และมีแนวโน้มที่จะพยายามตัดผ่านเข้าสู่อาณาจักรปราณจิตวิญญาณในคราวเดียว
คนที่มีช่วงเวลาที่ดีที่สุดในช่วงเวลานี้คือเซี่ยวไป๋ฉี เมื่อเวลาผ่านไป อาวุโสหนิงแห่งวิหารทักษิณครามสวรรค์ไม่สามารถปลีกตัวเองห่างจากเขาได้เลย
ทั้งสองคนตกหลุมรักกันเมื่อพวกเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกัน แม้ว่าอาวุโสหนิงมีอายุมากกว่าเซี่ยวไป๋ฉี แต่นี่ก็ไม่ใช่ปัญหา
อาวุโสหนิงเป็นคนเริ่มไล่ตามเซี่ยวไป๋ฉี เจียงเฉินได้ทำนายไว้แล้วก่อนหน้านี้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับทั้งสองคน !
อย่างไรก็ตาม เซี่ยวไป๋ฉีรู้ถึงความเหมาะสมและรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน แม้ว่าเขาจะยืนยันความสัมพันธ์ของเขากับอาวุโสหนิง แต่เขาก็ยังภักดีต่อตระกูลเจี้ยง
เมื่อใดก็ตามที่เขาอยู่ในเมืองหลวง เขาจะมาเยี่ยมทุก ๆ สองหรือสามวัน เขาจะมาดูว่าเขาสามารถช่วยอะไรได้บ้าง