spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
ห้าวันถัดมา เจี้ยงเฉินเดินออกมาจากถ้ำ หัวใจแห่งเปลวเหมันต์ถูกกลั่นอย่างสมบูรณ์และกลายเป็นเมล็ดพันธุ์ภายในมหาสมุทรจิตวิญญาณของเจี้ยงเฉิน กลายเป็นความสามารถเพิ่มเติมในคลังแสงของเขา
เหลือเวลาอีกไม่ถึงสองวันจนถึงวันที่ทางออกจะปรากฏขึ้น เจี้ยงเฉินไม่กล้าชักช้า เขารีบไปยังจุดนัดพบ
เหลือเพียงครึ่งวันเท่านั้นเมื่อเขาไปถึงที่นั่น
ด่านเฟยและหยูตงต่างกังวลมากเพราะเวลาที่กำหนดไว้ใกล้เข้ามาเต็มที ถ้าเจี้ยงเฉินพลาดไป เขาก็จะไม่สามารถออกไปได้แม้จะใช้ความสามารถทั้งหมดที่มี
"ฮ่า ฮ่า เจี้ยงเฉิน เจ้ามาสักที พี่ด่านเฟยกำลังจะมุ่งหน้ากลับไปหาเจ้าถ้าเจ้ายังไม่ปรากฏตัว" เย่หลงเดินขึ้นมาอย่างมีความสุข
เขารู้สึกขอบคุณเจี้ยงเฉินอย่างสุดซึ้งจากก้นบึ้งของหัวใจ ถ้าไม่มีเจี้ยงเฉิน เขาอาจจะไม่ได้มีชีวิตรอดออกไปจากเขาวงกต
เขาได้รับผลประโยชน์จากเหตุร้ายก็เพราะเจี้ยงเฉินช่วย กวาดผู้เข้าแข่งขันชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทคนอื่นให้ออกไปจากทาง
ด่านเฟยรู้สึกอายเล็กน้อยที่ได้ยินเย่หลงพูดเกินจริง นางกล่าวว่า "เจ้าลิงเย่หลง เจ้าพูดพล่ามอะไร"
"ฮ่า ฮ่า ตอนนี้เจี้ยงเฉินกลับมาแล้ว นั่นหมายความว่าเราไม่ได้สูญเสียใคร และทีมงานทั้งหมดของเราก็กลับมาอย่างปลอดภัย" เย่หลงรีบเปลี่ยนหัวข้อ
"อืม ความสูญเสียที่เกิดขึ้นในเขาวงกตถือเป็นเรื่องใหญ่มาก ดูสิ จนถึงเวลานี้มีคนเพียงจำนวนเท่านี้ออกมา ดูเหมือนเพียงครึ่งหนึ่งของกลุ่มที่รอดกลับมา "
เย่หลงถอนหายใจ "ใครจะไปรู้ว่าสัตว์วิญญาณจำนวนมากจะปรากฏในช่วงไม่กี่วันนี้และล่าพวกเราทุกคนอย่างดุเดือด ถ้าเราไม่ได้กลับมาเร็วกว่านี้ ทุกสิ่งอาจจะไม่ได้ราบรื่นสำหรับเราอย่างที่คิด เจี้ยงเฉิน ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้เจ้าไม่ได้โดนสัตว์วิญญาณไล่ล่าหรือ? "
เจี้ยงเฉินส่ายศีรษะอย่างขบขัน "ข้ากักตนบ่มเพาะในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาจึงไม่ได้เจอพวกมัน"
เขาพบว่ามีสายตาที่กำลังบอกว่า "ข้าจะไม่เชื่อเจ้าแม้ว่าข้าจะถูกตีจนตาย" ในสายตาของทุกคน เขาหัวเราะ "ข้ากักตนบ่มเพาะจริง ๆ ทำไมพวกเจ้าต่างมองข้าแบบนั้น ?! "
"อืม" เย่หลงยิ้ม "ดีที่เจ้ากักตนบ่มเพาะ ข้าได้ยินจากผู้รอดชีวิตว่ามีสัตว์วิญญาณมากกว่าสิบชนิดตามล่ามนุษย์ข้างนอกนี้ ผู้เข้าร่วมเขาวงกตส่วนใหญ่เสียชีวิตในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา "
เจี้ยงเฉินหัวเราะพร้อมกับถอนใจข้างในและยังสงสัยด้วยว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าสัตว์วิญญาณที่รอดชีวิตจากบงกชอัคนีเหมมันต์กำลังไล่ล่าตามหาตัวเขาอยู่?
มันเป็นไปได้
อย่างไรก็ตาม เจี้ยงเฉินจะไม่ยอมรับเรื่องนี้แม้ว่าจะถูกทำร้ายจนตายก็ตาม
ไม่มีอุบัติเหตุอื่นเกิดขึ้นในครึ่งวันที่เหลือ เจี้ยงเฉินเดินไปยังช่องการขนส่งประตูมิติพร้อมกับคนที่เหลือ พวกเขากลับออกไป
เมื่อเท้าของเขาก้าวเข้าสู่อาณาเขตนภาจันทร์ เขารู้สึกเป็นคลื่นไส้เพราะมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นและสภาพแวดล้อมก็แตกต่างกัน
กลุ่มคนของนิกายพฤกษาสวรรค์คอยควบคุมระเบียบตรงทางออก
เจี้ยงเฉินรู้ว่าแม้ว่าพวกเขาจะทำตามหน้าที่ แต่ก็คงจะถูกต้องมากกว่าที่จะกล่าวว่าพวกเขากำลังเฝ้าระวัง พวกเขากังวลว่าผู้ฝึกฝนจะลอบเอาของมีค่ากลับไปโดยที่ไม่ผ่านสายตาของพวกเขา
ในฐานะเจ้าภาพของเขาวงกตมฤตยู นิกายพฤกษาสวรรค์สามารถเอาครึ่งหนึ่งของสิ่งที่ผู้เข้าร่วมได้ล่ามาโดยไม่ต้องพยายามในนามของพวกเขาไม่ว่าจะมากหรือน้อย ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่นิกายจะเตรียมพร้อม
การปล่อยให้คนหนึ่งผ่านไปหมายความว่าสิ่งที่พวกเขาได้รับจะน้อยลง
แม้แต่เย่หลงในฐานะองค์ชายก็ไม่ได้รับข้อยกเว้น เขายังต้องส่งมอบอุปกรณ์จัดเก็บและเปิดมัน นำทุกอย่างที่ได้ออกมาให้พวกเขาดูและให้ครึ่งหนึ่งไป
เมื่อถึงเวลาของด่านเฟยและเจี้ยงเฉิน ท่านอาจารย์เย่ชองหลิวเดินเข้ามาและกล่าวกับศิษย์ที่ทำการตรวจสอบว่า "ข้าเป็นคนส่งทั้งสองคนเข้าไป จึงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบพวกเขา"
ครูผู้สอนเก่าก็ค่อนข้างมีอำนาจในขณะที่เขาจับมือของทั้งสองคนละข้าง นำตัวด่านเฟยและเจี้ยงเฉินออกไป บรรดาสาวกได้เพียงแค่จ้องมองอ้าปาก พวกเขาโกรธแต่ไม่กล้าพูด
พวกเขาไม่กลัวใครในราชอาณาจักรนภาจันทร์ แต่พวกเขาค่อนข้างกลัวชายชราคนนี้
พวกเขาทำได้เพียงโบกมืออย่างขุ่นเคือง "คนต่อไป!"
พวกเขาโกรธมากแต่ไม่มีที่ไหนเลยที่จะระบายมันออกไปได้ กลุ่มต่อไปของคนในแถวจึงกลายเป็นแพะรับบาป
ท่านอาจารย์นำตัวเจี้ยงเฉินและด่านเฟยไปข้าง ๆ
ด่านเฟยยิ้มอย่างร่าเริง "ท่านอาจารย์ เหล่าสาวกดูไม่ค่อยมีความสุขมากนัก"
"พวกมันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้าเลย คนระดับข้าไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจกับอารมณ์ของสาวกพวกนี้หรอก พวกเขาจะทุกข์หรือสุขก็เรื่องของพวกเขา "
"ด่านเฟย ดูเหมือนเจ้าจะทำได้ดีมากในครั้งนี้" ท่านอาจารย์อารมณ์ดีในขณะที่เขามองไปที่ตะกร้าไม้ไผ่ที่ด่านเฟยกำลังแบกอยู่
"ฮ่า ฮ่า ไม่มีอะไรเกินความพยายามครั้งที่ 3 ถ้าข้าไม่ได้อะไรกลับมา ข้าคงไม่มีหน้ากลับมาพบท่านอาจารย์ "
ท่านอาจารย์หัวเราะ "และคำแนะนำของข้าให้ร่วมทีมกับเจี้ยงเฉินเป็นอย่างไร? ข้ายินดีที่จะคาดเดาว่าเจี้ยงเฉินไม่ได้ใช้ความพยายามน้อยไปกว่าเจ้าในครั้งนี้"
ใบหน้าที่สวยงามของด่านเฟยแดงขึ้น อืม ... นางไม่อาจปฏิเสธได้
เจี้ยงเฉินยิ้ม "ข้าเป็นเพียงผู้ช่วย ข้าก็ไม่ได้ทำอะไรมากนัก"
ด่านเฟยโผล่ขึ้นมาว่า "ท่านอาจารย์ ข้าได้ตกลงกับเจี้ยงเฉินว่าสัตว์วิญญาณครึ่งหนึ่งที่หามาได้จะแบ่งให้เขา"
ท่านอาจารย์ยิ้มอย่างกระฉับกระเฉง "นั่นคือสิ่งที่ถูกต้อง เพราะพวกเจ้าร่วมทีมกัน สิ่งที่ได้มาก็ควรแบ่งให้เท่าเทียมกัน"
ก่อนหน้านี้ด่านเฟยกังวลว่าท่านอาจารย์จะมีความเห็นบางอย่าง ความรู้สึกไม่สบายใจในใจลดลงเมื่อเห็นทัศนคติของท่านอาจารย์
สายตาของท่านอาจารย์มองไปที่ฝูงชนและหน้าผากของเขาก็ค่อย ๆ ย่นเล็กน้อย "จำนวนคนที่ออกมาในครั้งนี้ดูเหมือนจะน้อยกว่าเดิม"
"ท่านอาจารย์ สี่องค์ชายที่เข้าร่วมในเขาวงกตมฤตยูในครั้งนี้ ทุกคนตายแล้วยกเว้น เย่หลง" ด่านเฟยก็นึกถึงเรื่องนี้
"หืม? "
"ทั้งเย่ดายและเย่เซียวได้ร่วมกันทำร้ายเย่หลง แต่ถูกเย่หลงและเจี้ยงเฉินยับยั้งได้ ข้าอ้อนวอนขอความเมตตาในนามของพวกเขา แต่ ... ในที่สุดเราเจอกับฝูงหนู เย่ดายและเย่เซียวไม่สามารถหลบหนีความหายนะ พวกเขาถูกฝูงหนูกลืนกิน เย่เฉียนผู้ซึ่งกระตุ้นฝูงหนู เขาถ่มน้ำลายขึ้นฟ้าแต่กลับรดหน้าตัวเอง ในท้ายที่สุดก็จบชีวิตลงด้วยฝูงหนู"
ท่านอาจารย์มองไปไกลขณะที่เขาฟังอย่างเงียบ ๆ และไม่ตอบสนอง
"พวกเจ้าไม่ได้ปะทะกับฝูงหนูหรือ?" ท่านอาจารย์ถามหลังจากที่เขาฟังเสร็จแล้ว
"ฝูงหนูล้อมรอบเราแต่ ... " ด่านเฟยหันไปมองเจี้ยงเฉิน นางไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
"ฮ่า ฮ่า ดูเหมือนว่ามีอะไรมากกว่านี้?" ท่านอาจารย์หัวเราะเบา ๆ
"ไม่มีอะไรมากขอรับ ข้าบังเอิญรู้ภาษาสัตว์โบราณและพูดคุยกับผู้นำของพวกมัน ข้าแค่เกลี้ยกล่อมพวกมัน นั่นคือทั้งหมด" เจี้ยงเฉินกางมือ
ท่านอาจารย์ยิ้มอย่างมีความหมายแต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด เขาถอนหายใจ "ไม่คิดเลยว่าข่าวลือเกี่ยวกับองค์รัชทายาทจะทำให้เกิดการต่อสู้อย่างร้ายแรงเช่นนี้ หลังจากฝุ่นตลบก็มีแสงส่องสว่าง เย่หลงได้กลายเป็นผู้ชนะในตอนสุดท้าย "
"นี่ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่ไม่ดี" เจี้ยงเฉินยิ้ม
เขาเลิกคิ้วขณะที่เขากล่าวคำขอโทษ และเดินอย่างรวดเร็วไปยังฝั่งของเย่หลง
"หยูตง คนที่เพิ่งเดินผ่านเจ้าเป็นใครกัน?" เจี้ยงเฉินเดินขึ้นไปถาม
หยูตงส่ายหัว "ข้าไม่รู้ เขาพูดคุยกับข้าเพียงเล็กน้อยและถามชื่อข้า อาจจะเป็นเพราะเขาเห็นว่าข้าอยู่กับองค์ชายสี่ "
"เจ้าบอกเขาหรือไม่?"
หยูตงพยักหน้า เขาตื่นจากภวังค์และพูดว่า "นายน้อย มีอะไรที่ไม่เหมาะสมรึเปล่า?"
เจี้ยงเฉินนึกครู่หนึ่งและส่ายหน้าเบา ๆ "ข้ารู้สึกว่าคน ๆ นั้นกำลังเฝ้าสังเกตเจ้าอยู่ตลอดเวลา บางทีข้าอาจคิดไปเอง ลืมมันเถอะ ข้าอาจคิดมากเกินไป "
หยูตงรู้ว่าเจี้ยงเฉินไม่ใช่คนที่ชอบคิดอะไรไปเอง เขามองไปยังฝูงชนแต่ไม่พบร่องรอยของบุคคลนั้น
แม้ว่าเขารู้สึกว่ามันแปลก แต่เขาไม่ได้พูดมาก
"ฮ่า ฮ่า อาจารย์เย่ ข้าได้ยินมาว่าท่านเพิ่งพาคนสองคนออกไปเดี๋ยวนี้ ทำให้ทุกอย่างยุ่งยากสำหรับสาวก ทุกคนในแถวต่างบอกว่ามันไม่ยุติธรรมและยังสร้างปัญหายุ่งยากให้เรา "
ผู้อาวุโสของนิกายยิ้มอย่างสนุกสนานขณะที่เดินตรงไปยังอาจารย์เย่
ท่านอาจารย์ยีตา "ใครบ่น? บอกให้พวกเขามาหาข้า "
ผู้อาวุโสยิ้ม "พวกเขาจะกล้าพูดแบบนั้นต่อหน้าท่านได้อย่างไร? พวกเขาบ่นกับเหล่าสาวกของเราอย่างไม่หยุดหย่อนและปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ "
"อาวุโสเหล็ก เจ้าต้องการจะบอกอะไรกับชายชราเช่นข้า"
"ข้าแค่หวังว่าท่านจะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นสำหรับเราและเป็นแบบอย่างที่ดี"
อาจารย์เย่ชองหลิวหัวเราะอย่างจริงใจ "นี่เป็นเพียงเรื่องบังเอิญที่ไม่ดี คนสองคนที่ข้าส่งเข้าไปยังเขาวงกตเพื่อให้พวกเขาเห็นโลกกว้าง พวกเขาไม่ได้ล่าอะไรได้มากนัก พวกเขาจะให้ครึ่งหนึ่งได้อย่างไร? "
ผู้อาวุโสเหล็กมีสีหน้าเย็นชา "ท่านอาจารย์ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำหรอกหรือ?"
"ไม่มีอะไรต้องทำ ถ้าเจ้าคิดว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง ให้ประมุขนิกายซี่มาหาข้าหรือให้อาวุโสคนไหนมาก็ได้"
เสียงของท่านอาจารย์ไม่แยแส เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการที่จะเสียน้ำลายในการพูดคุยกับผู้อาวุโสคนนี้
ดูเหมือนผู้อาวุโสเหล็กจะกลัวท่านอาจารย์ในขณะที่เขามองไปสองสามครั้งแต่ไม่ได้พูดอะไรในตอนท้าย เขาเดินสะบัดแขนเสื้อออกไปอย่างโกรธเกรี้ยว
ผู้อาวุโสเหล็กหยุดเมื่อเดินผ่านหน้าเจี้ยงเฉิน "เจ้าเป็นหนึ่งในคนที่ท่านอาจารย์นำออกมาใช่มั้ย?"
“ใช่” เจี้ยงเฉินพยักหน้า
"ข้าเป็นผู้อาวุโสของนิกายพฤกษาสวรรค์ เจ้าหนุ่ม ข้าจะถามเจ้า เจ้าล่าอะไรมาได้บ้าง?
"ดูเหมือนว่าท่านอาจารย์ได้กล่าวถึงเรื่องนี้แล้ว ข้าจะไม่พูดซ้ำ" เจี้ยงเฉินรู้ว่าผู้อาวุโสคนนี้พยายามจะหาเรื่องเขา
"กล้าตีฝีปากกับข้าเหรอ?" ใบหน้าของผู้อาวุโสเหล็กเคร่งครึม "เจ้าเป็นหนุ่มที่มีศักยภาพดี เจ้ากำลังจะดับอนาคตตัวเองสำหรับเรื่องเล็ก ๆ เช่นนี้หรือ "
ความหมายของเรื่องนี้คือเจี้ยงเฉินยังอายุน้อยและหากเขาต้องการเข้าสู่นิกายพฤกษาสวรรค์ก็ไม่ควรขัดขืน ควรส่งมอบสิ่งที่ได้มาให้หมดจดและควรหลีกเลี่ยงความเสียหายต่ออนาคต
เจี้ยงเฉินยิ้มแย้มแต่แววตาไม่ได้ยิ้มด้วย เขาไม่ต้องการให้ความสนใจกับชายคนนี้ เขารู้ว่าชายคนนี้พยายามหาเรื่อง ถ้าเจี้ยงเฉินส่งมอบสินค้าให้ครึ่งหนึ่ง ก็เท่ากับว่าเขาถูกชายคนนี้ใช้เป็นเครื่องมือหักหน้าท่านอาจารย์ทางอ้อม
สิ่งของเป็นเรื่องเล็ก อาวุโสเหล็กใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้เพื่อที่จะทำให้ท่านอาจารย์เสียหน้า
"ไร้มารยาทสิ้นดี?!" ผู้อาวุโสเหล็กรู้สึกโมโหในใจเมื่อเห็นเจี้ยงเฉินอวดดี
เขาเดินวางมาดไปรอบ ๆ ถึงพลังของเขาจะแข็งแกร่งมากกว่าใคร ๆ แต่ก็มิอาจเทียบท่านอาจารย์เย่ได้ เขาคิดในใจว่าเจี้ยงเฉินยังเป็นเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมกล้าดี ทำไมจึงอวดดีเช่นนี้
และดูเหมือนว่าเขาจะหยิ่งกว่าท่านอาจารย์เย่เสียอีก!
"ผู้อาวุโสเหล็ก ไม่มีมูลหมาไม่ขี้ ไม่มีหนี้เขาก็ไม่ทวง ไประบายความรู้สึกไม่ดีของท่านกับใครก็ตามที่ปลุกเร้ามัน ข้ายังอายุน้อยและข้าไม่สามารถรับความรู้สึกสยดสยองเช่นนี้ได้ "
เสียงของเจี้ยงเฉินไม่รุนแรง เขาไม่ได้ตกหลุมพรางของผู้อาวุโสเหล็ก