หน้าแรก > War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 148 รุ่นพี่เช่นนั้นรึ!

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

spoilsoc.com

*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร)

"ต้วนหลิงเทียน!" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าออกมาพร้อมกับกล่าวตอบคำของซื่อหม่าฉางฟง

"ต้วนหลิงเทียน รึ?" คิ้วของซื่อหม่าขมวดเป็นปม เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย "เจ้าเป็นสาวกสายหลักของตระกูลต้วนงั้นหรือ?"

นอกจากเซี่ยวหยูและเซี่ยวฉวินแล้ว ทุกคนในห้องที่คุ้นเคยกับตระกูลต้วนแห่งเมืองหลวงดี ก็ล้วนจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาใคร่รู้ทันที นี่เพราะพวกมันรู้ว่ารุ่นเยาว์จากตระกูลต้วนสายหลักรุ่นนี้จะมีนามว่า หลิงนำหน้า ... แต่จะอย่างไรทุกคนรวมทั้งซื่อหม่าฉางฟงก็รู้สึกพิกลอยู่บ้าง หากต้วนหลิงเทียนเป็นคนของตระกูลต้วนจริง แล้วทำไมถึงไม่มีใครเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเขามาก่อน? นอกจากนี้ยังไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องกลยุทธ์ประเสริฐเลิศล้ำที่บ่งบอกให้รู้ถึงมันสมองและความเฉลียวฉลาดว่าเด่นล้ำขนาดไหน เอาแค่มีอายุเพียง 18 ปีแต่กลับสามารถเข้าสู่สถาบันบ่มเพาะขุนพลได้ก็หาได้ยากเย็นยิ่งแล้ว

"ไม่!" ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวออกมา...แล้วมันจะอย่างไรถ้าโลหิตที่ไหลเวียนหล่อเลี้ยงทั่วร่างกายของเขาอยู่เป็นโลหิตสายหลักของตระกูลต้วน!?

ตระกูลเลือดเย็นmujทอดทิ้งสตรีและเด็กได้ลง เป็นอะไรที่เขารังเกียจนัก!

"นั่งลง" ซื่อหม่าฉางฟงพยักหน้า หากต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คนของตระกูลต้วนเขาก็พอเข้าใจได้ ว่าเพราะอะไรเขาถึงไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเด็กหนุ่มคนนี้มาก่อน อาณาจักรนภาล่องเองก็มีพื้นที่กว้างขวางมากมาย และผู้คนในแผ่นดินเองก็มีหลายตระกูลที่แซ่ต้วนเช่นเดียวกัน

นักศึกษาคนอื่นก็ถอนหายใจออกมา

"นั่นสินะ หากเขาเป็นคนของตระกูลต้วนสายหลักจริง ป่านนี้ชื่อเสียงเขาระบือลือเลื่องไปทั่วเมืองหลวงนานแล้ว"

"ถึงแม้ว่าเขาจะหาได้เป็นสาวกตระกูลต้วนแล้วจะอย่างไร ความสามารถที่สามารถผ่านการทดสอบเข้าสถาบันบ่มเพาะขุนพลด้วยอายุ 18 ปีนี่ กวาดตามองทั่วแผ่นดินจะมีให้เห็นสักกี่คน!"

ตอนนี้นักศึกษาทั้งหลายหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตายำเกรง

"ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ไม่ใช่แค่อัจฉริยะมากพรสวรรค์ในเชิงยุทธ์ ทว่าปัญญาและไหวพริบเขานับว่าเลิศล้ำยิ่งนัก...แค่เรื่องกลยุทธ์ ปิดฟ้าข้ามทะเล ที่น่าพรั่นพรึ่งนั่น... แต่เขากลับคิดมันออกมาได้เช่นนี้!" ยิ่งเซี่ยวฉวินจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนนานเท่าไร เขายิ่งบังเกิดความนับถือมากขึ้นเท่านั้น

สายตาของเซี่ยวหยูเพียงหรี่ลงเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเขาจะประหลาดใจกับกลยุทธ์ที่หลิงเทียนกล่าวบอกออกมา แต่เมื่อเขาหวนคิดถึงปาฏิหาริย์ที่ต้วนหลิงเทียนเคยกระทำมา เขาก็ชินชากับมันเสียแล้ว...

ในความคิดของเขา ..ต้วนหลิงเทียนผู้นี้เป็นสุดยอดตัวประหลาดโดยแท้!

ในขณะเดียวกันนั้นเองน้ำเสียงของซื่อหม่าฉางฟงก็ดังขึ้น “ต้วนหลิงเทียน กลยุทธ์ ปิดฟ้าข้ามทะเล ของเจ้านั้นข้าต้องกล่าวตามตรงว่ามันช่างไร้ที่ตินัก แม้แต่กลยุทธ์ที่ข้าทุ่มเทคิดค้นขึ้นยังหนีไม่พ้นเงาแก่นแท้ของกลยุทธ์เจ้า... ข้ากล่าวยอมรับได้อย่างไม่ละอาย ว่าโดยรวมแล้วกลยุทธ์ที่ข้าคิดขึ้น ยังไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับกลยุทธ์ ปิดฟ้าข้ามทะเล นี้ของเจ้าได้! "

โอ้!

เมื่อน้ำเสียงของซื่อหม่าหยุดลง นักศึกษาทั้งห้องอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความตื่นตระหนก พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่า อาจารย์ผู้สอนประจำฝ่ายดาวกุนซือแห่งสถาบันบ่มเพาะขุนพลผู้นี้ จะกล้ากล่าววาจายอมรับออกมาอย่างตรงไปตรงมา ว่ากลยุทธ์ที่ตัวคิดขึ้นมา ด้อยกว่ากลยุทธ์ของนักศึกษาใหม่...

อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งหมดหาใช่ตัวโง่งม แค่เพียงขบคิดต่อสักเล็กน้อย พวกเขาก็เข้าใจได้ว่า กลยุทธ์ที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมา มันคู่ควรกับคำชื่นชม ไร้ที่ติอย่างแท้จริง

"อาจารย์ผู้นี้นับว่าน่าสนใจนัก" ต้วนหลิงเทียนที่เห็นการตอบสนองของ ซื่อหม่าฉางฟง อดไม่ได้ที่จะประทับใจขึ้นมา

โดยปกติแล้วอาจารย์หรือครูฝึกมักจะให้ความสำคัญกับหน้าตาและความภาคภูมิของตัวเอง และจะไม่มีวันยอมรับเด็ดขาดว่าตนเองด้อยกว่าลูกศิษย์ ทว่าซื่อหม่าฉางฟงผู้นี้กลับเปิดเผยจริงใจและกล่าววาจายอมรับออกมาอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่มีแม้แต่ความกระดากอายแม้แต่น้อยนิด

ช่างเป็นการกระทำที่น่าสรรเสริญนัก!

ต่อมาเวลาของช่วงเช้าทั้งหมดก็ถูกซื่อหม่าฉางฟงใช้ในการบรรยายความรู้ต่างๆ และกล่าวได้ว่าการบรรยายของซื่อหม่าฉางฟงนั้นน่าสนใจ... ทั้งยังไม่ได้เป็นการบรรยายฝ่ายเดียว แต่มีการให้นักศึกษาได้ร่วมคิดวิเคราะห์กันอยู่มากมายบ่อยครั้ง ทำให้ตลอดเวลาช่วงเช้านี้ไม่มีนักศึกษาแม้แต่คนเดียวจาก 18 คนที่หลับในชั้นเรียน

และความรู้รอบตัวและเรื่องราวต่างๆที่มากมายของซื่อหม่า ฉางฟงนั้น เป็นอะไรที่ต้วนหลิงเทียนเองยังอดไม่ได้ที่ จะนับถือ!

เมื่อใกล้ยามเที่ยงอันได้เวลาไปพัก ซื่อหม่าฉางฟงก็ได้เรียกเก็บเอกสารรับรองการเข้าเรียนที่สถาบันบ่มเพาะขุนพลแห่งนี้จากต้วนหลิงเทียนและนักศึกษาคนอื่นๆ ในห้อง ก่อนที่เขาจะมอบป้ายขนาดเล็ก ฝีมือประณีต ลวดลายทั้ง 2 ด้านเหมือนกัน นอกจากลวดลายตรงบริเวณขอบแล้วตรงกลางยังสลักไปด้วย คำ 2 คำคือ สถาบันบ่มเพาะขุนพล

"นี่คือป้ายแสดงตัวของนักศึกษาแห่งสถาบันบ่มเพาะขุนพล พวกเจ้าสามารถใช้ป้ายนี้เพื่อเข้าและออกจากสถาบันบ่มเพาะขุนพลได้" ในขณะที่ซื่อหม่าฉางฟงกล่าวถึงจุดนี้ประกายตาของเขาก็เรืองวูบขึ้นมาด้วยความจริงจังและเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย "อย่างไรก็ตามหากมีคนใช้ป้ายนี้ และใช้ชื่อเสียงของสถาบันบ่มเพาะขุนพลไปในทางมิชอบ ไม่ว่าจะเป็นรังแกประชาชนบริสุทธิ์ ก่อความวุ่นวาย และละเมิดกฎที่ระบุไว้ของสถาบันบ่มเพาะขุนพลแล้วล่ะก็ ทางสถาบันจะริบป้ายนี้กลับ และขับไล่พวกเจ้าออกไปจากสถาบัน!!"

ด้วยคำเตือนของซื่อหม่าฉางฟง ทำให้นักศึกษาที่คิดจะใช้ป้ายนี้ไปแสดงฐานะหรือโอ้อวดอะไรรีบสลายความคิดสัปดนเหล่านั้นทิ้งทันที

พวกเขาได้ทุ่มเทความพยายามอย่างหนักกว่าจะได้เข้ามาอยู่ในรั้วของสถาบันบ่มเพาะขุนพล และได้โอ้อวดใบหน้าบอกกล่าวแก่ญาติสนิทมิตรสหายไปทั่ว และในเมื่อตอนนี้พวกเขาก็ได้เป็นนักศึกษาแห่งสถาบันบ่มเพาะขุนพลสมใจแล้วก็ถือได้ว่านำเกียรติยศมาสู่วงศ์ตระกูล ทั้งยังแบกรับความหวังของตระกูลเอาไว้ อีกด้วย หากพวกเขาถูกไล่ออกจากสถาบันบ่มเพาะขุนพลล่ะก็ มันจะเป็นการเสียหน้าอย่างถึงขีดสุด ทั้งยังเป็นการทรยศตระกูลอีกด้วย!

"สถาบันบ่มเพาะขุนพลนี้จะมี 6 ชั้นปีการศึกษา แน่นอนว่าพวกเจ้าที่เป็นนักศึกษาใหม่จะถือว่าอยู่ระดับ 1 และสำหรับนักศึกษาระดับ 1 นั้นจะมีการเรียนการสอนเป็นเวลา 5 วัน ได้พักเพียง 2 วันตามกฎของสถาบัน สำหรับนักศึกษาฝ่ายดาวกุนซือนั้นจะมีชั้นเรียนในช่วงเช้า และได้รับประทานอาหารกลางวันในตอนเที่ยง หลังจากนั้นพวกเจ้าก็จะเป็นอิสระตลอดทั้งบ่าย พวกเจ้าสามารถใช้ลานฝึกซ้อมเพื่อทำการฝึกฝนวิชาได้อย่างเต็มที่ หรืออาจจะประลองกับผู้อื่นด้วยก็ได้ แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตายเด็ดขาด! " เมื่อซื่อหม่าฉางฟงกล่าวจบ เขาก็เดินจากไป

เซี่ยวฉวินเองก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะหันไปกล่าวกับเซี่ยวหยูและต้วนหลิงเทียนด้วยร้อยยิ้ม "พวกเราไปหาอะไรกินกันเถอะ!"

แล้วทั้ง 3 ก็เดินไปยังโรงอาหารของสถาบันไม่น่าพวกเขาก็พบโต๊ะว่างหลังจากที่มองหาอยู่สักพัก

โรงอาหารในสถาบันบ่มเพาะขุนพลแห่งนี้กลับมีรูปแบบละม้ายคล้ายเหลาอาหารอยู่ไม่น้อย ไม่นานบริกรก็เดินเข้ามาหาและกล่าวถามออกมาด้วยความเคารพว่า "นายท่านทั้ง 3 ต้องการรับอะไรขอรับ?"

แล้วทั้ง 3 คนก็สั่งอาหารพร้อมทั้งสุรามา 1 ป้าน

"ความรู้ของอาจารย์ซื่อหม่านั้นช่างกว้างขวางลึกซึ้งน่าชื่นชมยิ่งนัก" เซี่ยวหยูกล่าวออกมา

"ข้าเห็นด้วย" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำ

เซี่ยวฉวินพลันหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาฉงน "ต้วนหลิงเทียน , เซี่ยวหยูจะกล่าวชื่นชมอาจารย์ซื่อหม่า ข้าเองไม่ค่อยแปลกใจเท่าไร... แต่เจ้าที่คิดค้นกลยุทธ์ที่ทำให้ท่านอาจารย์ถึงกับยอมรับด้วยความละอายว่ากลยุทธ์เขาต้อยต่ำกว่า แต่เจ้ายังกลับชื่นชมเขาอีกหรือ?"

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเขาหวนนึกถึงกลยุทธ์ปิดฟ้าข้ามทะเลที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาก่อนหน้านี้ในชั้นเรียน เขายิ่งคิดว่ามันน่าพิศวงลึกซึ้งและยากที่จะเข้าใจได้ในเวลาสั้นๆ!

นั้นเพราะกลยุทธ์นี้ไม่ใช่แค่นำไปใช้ในสนามรบได้เท่านั้น มันยังสามารถที่จะนำไปประยุกต์ใช้กับสถานการณ์ต่างๆอีกมากมาย ... มันเป็นกลยุทธ์ที่ไร้จำกัดในแง่ของการปฏิบัติ!

ร่องรอยความลำบากใจปรากฏขึ้นที่มุมปากของหลิงเทียน เมื่อเขาได้ยินคำสรรเสริญของเซี่ยวฉวินที่ยกย่องเขาเสียจนแทบลอยที่สามารถคิดค้นกลยุทธ์ปิดฟ้าข้ามทะขึ้นมาได้ ทั้งๆที่จริงแล้ว...เขาไม่ใช่คนคิดมันขึ้นมาแม้แต่น้อย มันเป็น 1 ใน 36 กลยุทธ์พื้นฐานที่เขาเคยรับรู้มาในชีวิตก่อนหน้าเท่านั้น ...

...ตอนนี้เซี่ยวฉวินกล่าวยกย่องราวกับเขาเป็นคนคิดมันขึ้นมาเอง นั่นทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะละอายใจ

ไม่นานนักโรงอาหารก็มีเหล่านักศึกษาเข้ามาใช้บริการกันมากมายและส่วนมากก็จะเป็นคนที่มีอายุมากกว่า 20 ปีทั้งนั้น พวกที่มีอายุ 20 ปี ก็มักจะเป็นนักศึกษาใหม่ของปีนี้ ที่เหลืออายุมากๆน่าจะเป็นพวกรุ่นพี่

ในเวลาต่อมาโรงอาหารที่กว้างขวางแห่งนี้ก็เต็มและแน่นขนัดไปด้วยผู้คน มีแม้กระทั่งบางคนที่ยืนรอโต๊ะอาหาร

"เฮ่ ต้วนหลิงเทียน!" เสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากระยะไกล เมื่อหันไปก็พบว่าเป็นเทียนหูและ ซูหลี่ที่พึ่งมาถึง ถึงแม้ว่าโต๊ะจะไม่ได้เล็กอะไร แต่เมื่อนั่ง 5 คนก็ต้องเบียดเสียดกันเล็กน้อย

"เฮ่ ทำไมพวกเจ้าถึงมาช้านักล่ะ?" ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจเล็กน้อย

“อย่าได้กล่าวถึงเรื่องนี้เลย...เฮ่อ ฝ่ายดาวขุนพลของพวกเรานั้นคนเยอะนัก จึงต้องทำการแบ่งออกเป็น 2 ชั้นเรียน...และพวกเราก็โชคร้ายนักที่ได้อยู่ในชั้นเรียนของ หนิวหมัง...หนิวหมังผู้นี้ช่างประหลาดคนนัก เขาเพียงบรรยายเกี่ยวกับวิชายุทธ์เล็กน้อย ก่อนที่จะลากพวกเราไปยังลานฝึกซ้อม และเริ่มให้พวกเราออกวิ่ง และเจ้าดูก็น่าจะรู้ว่าพวกเราต้องวิ่งกันมาตลอดทั้งเช้า...ยามนี้ข้าเหนื่อยแทบตกตายแล้ว!!” เทียนหูกล่าวออกมาพร้อมความขุ่นเคืองใจ

หลังจากได้ฟังต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองดูและพบว่าเสื้อผ้าของเทียนหูนั้นชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ

เซี่ยวหยูหันไปมองซูหลี่ที่นั่งอยู่ด้านข้างและดูเหมือนจะปลอดโปร่งโล่งสบายไม่ได้เหน็ดเหนื่อยอะไร เขาจึงกล่าวล้อเลียนออกมา "เทียนหู ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่ไหวเองหรอกหรือ ซูหลี่ยังไม่เห็นเหน็ดเหนื่อยอันใด ลมหายใจยังไม่ปั่นป่วนสักเพียงนิด ดูเหมือนมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรอย่างเจ้ากล่าว"

"บัดซบแล้วเจ้าเอาข้าไปเปรียบเทียบกับมันสิ! มันเป็นตัวประ ... " เทียนหูที่รู้ตัวว่ากำลังจะกล่าวเรียกซูหลี่ว่าตัวประหลาดจึงหันหน้าไปมองซูหลี่เล็กน้อย และเมื่อพบว่าซูหลี่จับจ้องมายังเขาด้วยสายตาคมกล้าราวกระบี่ เขาถึงกับยิ้มเจื่อนๆพร้อมหยุดกล่าววาจาทันที

"จากที่เจ้าเล่ามาดูเหมือนว่า ฝ่ายดาวกุนซือของพวกเราจะสบายและผ่อนคลายมากกว่าของพวกเจ้ามากนัก พวกเราทำเพียงนั่งเรียนอย่างสนุกสนานในห้องเรียนทั้งเช้า" เซี่ยวฉวินกล่าวออกมาพร้อมหัวเราะ

"บัดซบ ถ้าข้ารู้ก่อนหน้านี้ล่ะก็ ข้าจะเลือกฝ่ายดาวกุนซือ" เทียนหูกล่าวออกมาด้วยสีหน้าเสียใจเล็กน้อย

ซูหลี่พลันแค่นเสียงเย็นชาและกล่าวออกมาอย่างอ่อนใจ "เจ้าเนี่ยนะ จะไปวางแผน?

ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆเริ่มหัวเราะออกมา หากเทียนหูต้องการที่จะเป็นดาวกุนซือ ผู้วางแผนการรบขึ้นมาจริงๆแล้วล่ะก็ คงเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญสำหรับเขานักา

ไม่นานอาหารก็ถูกยกมาจัดวาง ต้วนหลิงเทียนเองก็ขอจานชามและตะเกียบออกไปอีก 2 ชุด

และในขณะที่ ทั้ง 5 คนจับตะเกียบเตรียมพร้อมที่จะกินอาหารอยู่นั้น

"เฮ้! พวกเจ้าทั้ง 5 คน วางเหรียญเงินสำหรับค่าอาหารมื้อนี้ แล้วลุกออกไปซะ" เสียงพลันดังขึ้นมาและทำลายความสงบในโต๊ะอาหารของต้วนหลิงเทียน

ใบหน้าของหลิงเทียนจมลงเล็กน้อยก่อนที่จะจ้องไปยังผู้ที่กล่าวคำ

คนที่กล่าววาจาออกมาเมื่อครู่นั้นเป็นชายหนุ่มที่มีอายุเกิน 20 ปี และข้างๆเขาก็ยังมีชายหนุ่มอีก 3 คนที่มีอายุใกล้เคียงกัน จากการคาดคะเนของต้วนหลิงเทียน พวกมันสมควรเป็นรุนพี่ปี 2

"เมื่อกี้พวกเจ้าว่าอะไรนะ?" เทียนหูพลันหันไปถลึงตามองคนที่กล่าววาจาเมื่อครู่ ท่าทางของเทียนหูไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่นิด

"ไอเด็กบัดซบพวกเจ้าหูตึงหรือไร? ข้าบอกให้วางเหรียญเงินไว้แล้วไสหัวไปซะ" ชายหนุ่มที่น่าจะเป็นผู้นำกลุ่มใบหน้าหมองคล้ำลงเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างเสียงดัง

ปีที่แล้วพวกเขาเองก็โดนพวกรุ่นพี่ชั้นปีสูงกว่าเข้ามาข่มเหงเช่นนี้ ถึงแม้พวกเขาที่เป็นนักศึกษาเข้าใหม่อารมณ์ร้อนที่ไม่ยินยอมปฏิบัติตามคำสั่ง แต่สุดท้ายพวกเขาก็ถูกกดดันจนต้องวางเงินไว้และเดินออกไปอย่างอัปยศ ตอนนี้ก็มีกลุ่มนักศึกษาเข้าใหม่มาแล้ว และเป็นรุ่นน้องของพวกเขา พวกเขาเองก็คิดจะวางอำนาจรุ่นพี่ของชั้นปีที่ 2 เสียหน่อย แต่ผู้ใดจะไปคาดคิดกันว่าพวกเขาจะต้องมาพบเจอกับนักศึกษาใหม่ที่กล้าไม่ปฏิบัติตาม เขาจึงรู้สึกอายเล็กน้อย

"พวกข้าบอกให้พวกเจ้าไสหัวไป ไม่ได้ยินหรือไร?"

“แล้วก็อย่าได้ลืมวางเหรียญเงินค่าอาหารเอาไว้ด้วย เพื่อแสดงความเคารพพวกเรา ต่อไปในอนาคตพวกเราจะคอยดูแลพวกเจ้าเองยามอยู่ในสถาบัน”

"เจ้ายังมองอะไรอยู่อีก ไสหัวไป!" ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งกล่าวออกมา พร้อมถลึงตามองกลุ่มของต้วนหลิงเทียน

ต้วนหลิงเทียนหันไปมองรอบๆ ก็พบว่ามีนักศึกษาเข้าใหม่ของปีนี้ไม่น้อยที่กำลังประสบเหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้อยู่ และดูเหมือนเหล่านักศึกษาเข้าใหม่ส่วนใหญ่ เลือกที่จะยอมจำนนวางเหรียญเงินเอาไว้และจากไปพร้อมความอัปยศ ทิ้งอาหารและสุราเอาไว้ให้นักศึกษารุ่นพี่เหล่านี้

"ไม่คิดว่าวันนี้จะมีแมลงวันโสโครกบินไปมายั้วเยี้ยขนาดนี้ ช่างน่าขยะแขยงนัก!" ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวออกมาพร้อมหายใจ ก่อนที่จะคีบอาหารบางส่วนมากินโดยไม่สใจเหล่ารุ่นพี่สักนิด

เมื่อได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน เทียนหูที่กำลังมีโทสะจากการรบกวนและกำลังถลึงตามองเตรียมฟาดปากรุ่นพี่อยู่ก็หัวเราะออกมา "ฮ่าๆๆ เจ้ากล่าวถูกแล้ว แต่แมลงวันเหล่านี้ช่างน่าสงสารนัก พวกมันไม่มีแม้แต่เหรียญเงินจะซื้ออาหารกิน ... จุ๊ๆๆ ถ้าพวกเจ้ายากจนถึงขั้นไม่มีเหรียญเงินซื้ออาหารกิน แค่พวกเจ้าคุกเข่าลงแล้วร้องเพลงให้บิดาฟัง บางทีบิดาอาจจะพอใจจ่ายเศษเงินให้พวกเจ้าไปซื้อหาอาหารกิน"

หลังจากที่ได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงเทียนและเทียนหู ที่จับคู่กันสาดวาจาขยะใส่เหล่ารุ่นพี่ เซี่ยวหยูและ เซี่ยวฉวิน อดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็เลิกแยแสกลุ่มรุ่นพี่ที่ยืนหัวโด่อยู่และเริ่มกินอาหารกันอย่างสนุกสนาน

ส่วนซูหลี่นั้นตั้งแต่ต้นจนจบมันเพียงคีบอาหารบนโต๊ะกินอย่างต่อเนื่องด้วยทีท่าไม่แยแส สีหน้าเองก็ไม่เปลี่ยนสักนิด ...

"เจ้า ... พวกเจ้า... " ชายหนุ่มที่เหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มรุ่นพี่ สีหน้าเริ่มเขียวคล้ำเพราะโทสะ แววตาของมันเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด

Copyright © 2019 spoilsoc.com All rights reserved.