spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
"จุ๊ๆๆ ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะมี นักศึกษาสตรีมากมายถึงเพียงนี้" สายตาของเทียนหู หันไปจับจ้องกลุ่มนักศึกษาสตรี ที่กำลังจับกลุ่มสนทนากันเจื้อยแจ้ว บริเวณมุมหนึ่งของลานฝึกซ้อมแห่งนี้ ส่วนพวกนักศึกษาชายก็มักจะมายืนบริเวณเดียวกันกับกลุ่มของต้วนหลิงเทียนอยู่เสียมากกว่า
"จริงสิ แล้วพวกเจ้ารู้หรือไม่ ว่าพวกเราต้องไปไหนหรือทำอะไรต่อ?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวถาม
"อันนี้พวกข้าก็ไม่รู้ นี่ข้าก็เดินตามๆผู้คนมานั่นล่ะ" เทียนหูส่ายหัว ส่วนซูหลี่เองก็เพียงยิ้มเจื่อนๆออกมา ดูเหมือนทั้งสองคนนี้ก็เดินดุ่มๆตามฝูงชนมาไม่ต่างอะไรกับต้วนหลิงเทียน
เซี่ยวฉวินยิ้มบางๆก่อนที่จะกล่าวออกมา "พวกเรามารวมตัวกันตรงนี้นั้นนับว่าเหมาะสมแล้ว เพราะมันเป็นจุดกึ่งกลาง ยามที่พวกเราเลือกฝ่ายเสร็จสิ้น พวกเราก็จะไปรวมตัวกับคนในฝ่ายได้ง่ายดาย อีกสักพักอาจารย์ ครูฝึกต่างๆ ก็น่าจะมากันแล้วล่ะ แล้วพวกเขาก็จะให้พวกเราเลือกทางเดินชีวิตของพวกเรา ว่าจะอยู่ฝ่ายไหน "
ทังสองฝ่ายที่สถาบันบ่มเพาะขุนพลเลือกสอนนั้นมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และผลลัพธ์หลังจบออกไปหน้าที่การงานก็แตกต่างกันคนละแบบ การเรียนการสอนนั้นแน่นอนว่าย่อมไม่เหมือนกัน
"จริงสิ พูดถึงเรื่องที่ต้องเลือกฝ่ายแล้ว พวกเจ้าได้ตัดสินใจเลือกกันแล้วรึยัง" ประกายตาของเทียนหูส่องประกายเล็กน้อย ในขณะที่ถามต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ
เซี่ยวหยูยิ้มบางๆก่อนที่จะกล่าวตอบออกมา "เซี่ยวฉวินกับข้า คงเลือกฝ่าย ดาวกุนซือ" เซี่ยวฉวินที่ยืนข้างๆก็พยักหน้าตอบรับคำกล่าวของเซี่ยวหยูพร้อมประกายตาฉลาดเฉลียว
"โอ้เช่นนั้นรึ งั้นพวกเจ้าก็เลือกไม่เหมือนข้า ข้าเลือกดาวขุนพล" เทียนหูยิ้มออกมา
"อันนี้เจ้าไม่บอกแค่ข้าดูก็รู้" ต้วนหลิงเทียนกล่าวแซวเทียนหูออกมาพร้อมหัวเราะ
"จริงรึ? เจ้าไม่ใช่แค่พูดโอ้อวดแน่นา? เช่นนั้นไหนเจ้าลองบอกข้ามาว่าซูหลี่เลือกฝ่ายไหน?"เทียนหูกล่าวถาม
"ไม่ใช่เห็นได้ชัดอยู่แล้วหรือ ว่าเขาย่อมต้องเลือกฝ่ายดาวขุนพลเช่นเดียวกับเจ้า" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
ซูหลี่นั้นราวกับกระบี่แหลมคมที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณที่หนักแน่น หากคนเช่นเขาอยู่กลางสนามรบล่ะก็ คงไม่ต่างอะไรกับเครื่องจักรสังหาร และนั่นนับว่าข่มขวัญศัตรูได้ยอดเยี่ยมนัก
"เฮ่ ซูหลี่ เจ้าคงไม่ได้เลือกดาวขุนพลอย่างที่เขากล่าวจริงๆหรอกนะ?" เทียนหู กล่าวถาม
"อะไร มีปัญหารึ?" แววตาของซูหลี่คมกริบราวกระบี่ยามจับจ้องไปยังเทียนหู
"ข้าจะไปมีปัญหาอันใดเล่า? ข้าเพียงประหลาดใจเล็กน้อย ... " เทียนหูหัวเราะออกมาอย่างกริ่งเกรง...หากจะกล่าวไปตอนที่มาถึงค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะของกองกำลังโลหิตเหล็กวันแรก ตัวเขากับซูหลี่ก็ยังนับได้ว่าคู่คี่สูสีกัน...แต่มาตอนนี้ดูเหมือความแข็งแกร่งของซูหลี่จะล้ำหน้าเขาไปไกลแล้ว
"ต้วนหลิงเทียน แล้วเจ้าล่ะ เจ้าคงจะเลือกฝ่ายดาวขุนพลเหมือนข้ากับซูหลี่ ใช่หรือไม่?" เทียนหูกล่าวถามออกมา ตอนนี้ทุกสายตาจึงหันมามองหลิงเทียนอย่างพร้อมเพรียง
ภายใต้การจ้องมาของทุกคนต้วนหลิงเทียนเพียงฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะกล่าวออกมาแค่ 3 คำ "ฝ่าย ดาว กุนซือ!"
ฝ่ายดาวกุนซือ?
พวกเขารู้สึกประหลาดใจกันไม่น้อย และบังเกิดความรู้สึกเสียดายขึ้นมาประการหนึ่ง ผู้ที่แข็งแกร่งอย่างต้วนหลิงเทียนไปเลือกฝ่ายดาวกุนซือ...
ต้วนหลิงเทียนเพียงส่ายหัวออกมาพร้อมรอยยิ้มเมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของทุกคน
ในชีวิตที่แล้วของหลิงเทียนเขาเป็นกองกำลังเขี้ยวหมาป่าอันเป็นหน่วยรบพิเศษของประเทศ... ซ้ำยังเคยเป็นทหารรับจ้างที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดมาแล้ว เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นราชันย์ผู้เชี่ยวชาญอาวุธทุกชนิด..เส้นทางชีวิตของเขามันเจิ่งนองไปด้วยเลือดและคงไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่ฝ่ายดาวขุนพลจะสอนสั่งสักเท่าไร...เช่นนั้นหากเขาเลือกฝ่ายดาวขุนพลมันจะไปสนุกอะไร
ดังนั้นเขาจึงเลือกฝ่ายดาวกุนซือ!
"หืม ดูเหมือนอาจารย์และครูฝึกของสถาบันบ่มเพาะขุนพลจะมาถึงกันแล้ว" ด้วยสายตาที่แหลมคมดั่งเหยี่ยวของหลิงเทียน ย่อมเห็นชายวัยกลางคนสองคนที่กำลังเดินมาไกลๆ อย่างรวดเร็ว
และในเวลาเดียวกันนั้น ก็มีอาจารย์ครูฝึกสตรี 2 คนเดินทางไปยังกลุ่มนักศึกษาสตรีด้วยเช่นกัน
"สวัสดีทุกคน ข้าเป็นอาจารย์ของสถาบันบ่มเพาะขุนพล รับผิดชอบฝ่ายดาวขุนพล มีนามว่า หนิวหมัง" ชายวัยกลางคนหนึ่งในนั้นคนที่แต่งกายสุภาพมีหนวดเคราดุดัน กล่าวออกมาด้วยเสียงดังคำรามราวกับฟ้าร้องจนทำให้หูของนักศึกษาที่อยู่ใกล้เขาอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน
"หนิวหมังผู้นี้ ฝึกวิชาแนวทางเดียวกับราชสีห์คำรามมาหรือไงกัน" ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจเล็กน้อย
ในบรรดาวิชายุทธ์สายต่อสู้นั้น มีวิชายุทธ์ประเภทหนึ่งที่จะใช้เสียงในการจู่โจมศัตรู สำหรับโลกใบนี้แล้วผู้ฝึกยุทธ์ที่จะสามารถใช้เสียงโจมตีให้มีประสิทธิ์ภาพนั้นต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ในระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขึ้นไป ถึงจะมีความสามารถที่แท้จริงในการสำแดงเดชวิชายุทธ์เกี่ยวกับคลื่นเสียง ...ในระหว่างการต่อสู้นั้น หากจู่โจมศัตรูโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวด้วยวิชายุทธ์ประเภทเสียงนี้แล้วล่ะก็ จะทำให้ศัตรูชะงักและเสียเวลาไปครู่หนึ่ง ...และสำหรับการต่อสู้ระดับสูงนั้น แค่เพียงเสียสมาธิไปชั่วพริบตาเดียว ผลการต่อสู้ก็คงถูกตัดสินแล้ว!
"สวัสดีทุกคนเช่นกัน ข้าเป็นอาจารย์ที่รับผิดชอบฝ่ายดาวกุนซือแห่งสถาบันบ่มเพาะขุนพลนี้ มีนามว่า ซื่อหม่า ฉางฟง" เมื่อเทียบกับหนิวหมังแล้วชายวัยกลางคนผู้นี้แลดูแตกต่างกว่าอย่างเห็นได้ชัด นี่เพราะเขาดูราวกับเป็นนักวิชาการคนหนึ่ง... ด้วยเครื่องแต่งกายที่ทำมาจากผ้าไหมและหนังสัตว์ทำให้เขาดูมีสง่าราศีและท่าทางสูงศักดิ์
"เอาล่ะเหล่านักศึกษาที่เลือกฝ่ายดาวขุนพล! ตอนนี้ให้เดินมายืนอยู่ข้างหลังข้า และผู้ใดที่เลือกฝ่ายดาวกุนซือ ก็ให้ไปยืนหลังอาจารย์ ซือหม่า ได้" หนิวหมังกล่าวออกมาอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินไปประจำตำแหน่ง
และเหล่านักศึกษาก็เริ่มเดินแยกย้ายไปตามฝ่ายที่ต้องการ
"เฮ่ พวกเจ้าทั้ง 3 โชคดีล่ะ แล้วเจอกัน" เทียนหูกล่าวคำลากับกลุ่มของต้วนหลิงเทียนพร้อมพยักหน้า ซูหลี่เองก็พยักหน้าให้ทั้ง 3 เช่นกัน และพวกเขา 2 คนก็เดินไปยืนอยู่ด้านหลังอาจารย์หนิวหมัง
สวนทางกลุ่มของต้วนหลิงเทียนนั้นเพียงเหลือบมองกันเองเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มเดินไปทางอาจารย์ซื่อหม่า ฉางฟง
"หืม ฝ่ายดาวกุนซือมีคนเพียงเท่านี้หรือ?" เมื่อมาถึงตำแหน่งรวมตัวของฝ่ายดาวกุนซือ ต้วนหลิงเทียนก็อดประหลาดใจออกมาไม่ได้ หลังจากหันมองไปรอบๆ
จำนวนศึกษาของสถาบันบ่มเพาะขุนพลปีนี้นับว่ามี 116 คน และเป็นผู้ชายประมาณ 100 คน และตอนนี้ทางฝ่ายดาวขุนพลนั้นมีผู้ชายไปรวมกันมากกว่า 80 คน ส่วนทางฝ่ายดาวกุนซือนั้นกลับมีไม่ถึง 20 คนเสียด้วยซ้ำ
แต่ดูเหมือนซื่อหม่าฉางฟง และ หนิวหมัง ก็ไม่ได้แปลกใจในผลลัพธ์นี้สักเท่าไร
"เอาล่ะ นักศึกษาที่เหลือฝ่ายดาวกุนซือ ให้ตามข้ามา" ภายใต้คำสั่งของซื่อหม่าฉางฟง ต้วนหลิงเทียนและกลุ่ม 3 คนของเขารวมทั้งนักศึกษาคนอื่นๆของฝ่ายดาวกุนซือก็เดินตามหลังซื่อหม่าฉางฟงไป
ณ จุดหนึ่งของเหล่านักศึกษาที่ยืนอยู่ในฝ่ายดาวขุนพล
"แม้ว่าเจ้าจะเลือกฝ่าย ดาวกุนซือ เจ้าก็ไม่อาจหนีความตายได้!" เป็นต้วนหรงที่อยู่ในฝ่ายดาวขุนพลกำลังจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนที่เดินจากไปด้วยแววตาอำมหิต เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร ...
ไม่นานต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ ก็เดินทางมาถึงห้องเรียนแห่งหนึ่งโดยการนำทางของซื่อหม่า ฉางฟง
"นั่ง" ซื่อหม่าฉางฟงที่เดินถึงโต๊ะที่อยู่บนพื้นยกสูงหน้าห้องกล่าวออกมาพร้อมพยักหน้าให้แก่ นักศึกษาทั้ง 18 คนที่อยู่ในห้อง
ต้วนหลิงเทียนจึงนั่งลง
ซื่อหม่าฉางฟง กวาดสายตามองไปทั่วห้องเรียนจ้องมองเหล่าชายหนุ่มทีละคนก่อนที่จะกล่าวออกมาช้าๆว่า "ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าที่เลือกฝ่ายดาวกุนซือ จะมีข้าเป็นอาจารย์ฝึกสอนตลอดทั้งปี! ข้าจะสอนให้พวกเจ้าเข้าใจความหมายของคำว่ากุนซือและเขาใจว่าหน้าที่ของกุนซือที่แท้จริงเป็นอย่างไร!"
"เอาล่ะ ตอนนี้ในหมู่พวกเจ้ามีใครบอกข้าได้หรือไม่ ว่ากุนซือนั้นคืออะไร?" ท่าทางของซื่อหม่าฉางฟงนั้นเปลี่ยนไปทันที ในขณะที่กล่าวถามคำถามนี้ออกมา ตอนนี้เขาดูสงบและเยือกเย็นมากนัก
และทันทีที่ซื่อหม่าฉางฟงกล่าวถามจบคำ ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนขึ้นและกล่าวตอบออกมาว่า "กุนซือคือ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ มีภูมิปัญญาฉลาดเฉลียวไหวพริบปฏิภาณดีเลิศ สงบนิ่งเยือกเย็นคุมสติอารมณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถอ่านภูมิประเทศและควบคุมทุกสิ่งในดินแดนได้ราวกับอยู่ในฝ่ามือ ยามเกิดศึกสงคราม สามารถวางแผนคิดสุดยอดกลยุทธ์ ชิงความได้เปรียบทำลายศัตรูได้ง่ายดาย " สายตาของต้วนหลิงเทียนและนักศึกษาทุกคนล้วนจับจ้องไปยังชายหนุ่มที่ยืนขึ้นกล่าวตอบคำ
"เอ่อ นี่ใช่ข้อความในหนังสือคู่มือ ที่อธิบายไว้หรือไม่?"
"เช่นนี้ก็ได้หรือ?"
นักศึกษาหลายคนถึงกับอึ้ง...เจ้ายังอุตส่าห์จดจำมันได้ด้วย!
ซื่อหม่า ฉางฟงลดมือลงเพื่อส่งสัญญาณให้นักศึกษาคนนั้นนั่งลง ก่อนที่จะกล่าวออกมา "ถูกต้องมันก็เป็นดั่งที่คู่มือบอกไว้ กุนซือ จะต้องเฉลียวฉลาด อ่านภูมิประเทศขาด สามารถสร้างกลยุทธ์ให้ได้เปรียบศัตรู! ตอนนี้พวกเจ้าทุกคนล้วนเลือกที่จะเข้าร่วมกับฝ่ายดาวกุนซือ ข้าก็จะสอนสั่งสิ่งที่จำเป็นทั้งหมดสำหรับการเป็นกุนซือที่ยอดเยี่ยม! "
"พวกเจ้าต้องจดจำเอาไว้ให้ดีกุนซือนั้น สามารถช่วยให้ขุนพลแม่ทัพรบชนะได้อย่างง่ายดาย! และในทำนองเดียวกัน แค่เพียงวาจาเดียวของกุนซือที่ผิดพลาด ก็อาจทำให้ขุนพลแม่ทัพนายกองรวมทั้งเหล่าทหารนับหมื่นชีวิต ต้องถึงคราวจบสิ้น!!" ในขณะที่พูดจบท่าทางของซื่อหม่าฉางฟงเปลี่ยนเป็นจริงจัง และเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด
ต้วนหลิงเทียนแน่นอนว่าเห็นด้วยกับคำกล่าวของซื่อหม่าฉางฟงทุกคำ...ถ้าลองคิดดูง่ายๆก็จะรู้ว่า หากขุนพลแม่ทัพเปรียบเสมือนแขนขาของผู้ฝึกยุทธ์ ที่มีไว้สำหรับจู่โจมใช้ออกด้วยวิชาจู่โจมหรือหลบหนี กุนซือก็จะเปรียบดั่งสายตาและสมองของผู้ฝึกยุทธ์ ที่สามารถเข้าใจทุกสิ่งล่วงรู้ทุกอย่างและเป็นตัวกำหนดการเคลื่อนไหวของแขนขา
"วันนี้การร่ำเรียนครั้งแรกของพวกเจ้า ข้าจะให้พวกเจ้าขบคิดถึงปัญหาข้อหนึ่งที่มักเกิดขึ้นในสนามรบดู" สายตาของซื่อหม่าฉางฟงกวาดมองไปยังนักศึกษาทุกคนด้วยความลึกซึ้ง "ถ้ากองกำลังของศัตรูแข็งแกร่งกว่ากองกำลังที่เรามี อีกทั้งศัตรูยังล่วงรู้ถึงตำแหน่งที่ตั้งของเราอีกด้วย นอกเหนือจากกลยุทธ์ง่ายที่สุดอย่างเช่นลอบโจมตีพวกมันแล้ว ยังมีกลยุทธ์อันใดที่สามารถทำลายกองกำลังศัตรูได้อีก ?"
"ถ้ากองกำลังอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าของเรา แถมยังรู้ตำแหน่งของเราแล้วด้วยงั้นหรือ?" นอกจากต้วนหลิงเทียนที่มีประกายตาเรืองวูบราวกับล่วงรู้บางสิ่ง นักศึกษาที่เหลือล้วนก้มหน้าพูดงึมงำๆและครุ่นคิดอย่างจริงจัง
"หืม?" สายตาของซื่อหม่าฉางฟง ไปหยุดที่ต้วนหลิงเทียน อยู่สักพักหนึ่ง
เขาได้รับแจ้งให้จับตามองนักศึกษาคนนี้เอาไว้แล้ว ชายหนุ่มผู้มีอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น...ในขณะที่คนอื่นๆ นั้นมีอายุถึง 20 ปีั และเมื่อตอนนี้เขาสังเกตเห็นถึงท่าทางของต้วนหลิงเทียนแล้วเขาก็บังเกิดความตื่นตะลึงเล็กน้อย "มันจะเป็นไปได้หรือ ที่เขาสามารถคิดกลยุทธ์ได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้?"
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ซื่อหม่าฉางฟง ก็จับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาคมกริบพร้อมกล่าวถามออกมาว่า "ดูท่าทางเจ้าจะขบคิดได้แล้ว กลยุทธ์ของเจ้าเป็นเช่นไรเล่า"
ตอนนี้เองนักศึกษาทุกคนรวมทั้งเซี่ยวหยูและเซี่ยวฉวินพลันเงยหน้าขึ้นมามอง ต้วนหลิงเทียน...
"อะไร เขาคิดออกแล้ว?"
"ตลกน่า เขายังดูอายุน้อยขนาดนั้น กลยุทธ์อะไรกันเล่าที่เขาจะคิดได้?"
นักศึกษาบางคนมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยความไม่เชื่อถือสักเท่าไร
คิ้วของต้วนหลิงเทียนขมวสดขึ้นเล็กน้อยก่อนี่จะยืนขึ้นและกล่าวตอบออกมาด้วยน้ำเสียงไม่แยแส "ถ้าข้าพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ ข้าจะใช้กลยุทธ์ [ปิดฟ้าข้ามทะเล] ...โดยข้าจะจงใจแสร้งให้ศัตรูตายใจบ่อยครั้ง ว่าข้าสิ้นท่าแล้ว... เพื่อลวงให้พวกมันตายใจและคลายความเฝ้าระวังลง หลังจากนั้นก็ลงมือเฉียบขาดทั้งยังอาศัยการปลอมตัวเสริมและจู่โจมจุดยุทธศาสตร์ไม่ให้พวกมันได้ทันตั้งตัว ชิงความได้เปรียบจนบรรลุชัยชนะ"
หากมีคนที่มาจากประเทศที่หลิงเทียนจากมาหรือขอเป็นเพียงคนที่มาจากโลกของหลิงเทียนในชีวิตที่แล้ว พวกเขาจะล่วงรู้ทันทีว่ากลยุทธ์ที่หลิงเทียนกล่าวออกมาเมื่อครู่ เป็น 1 ใน 36 กลยุทธ์ของซุนวู ซ้ำยังเป็นกลยุทธ์แรกอีกด้วย มันคือ [ปิดฟ้าข้ามทะเล]
ซื่อหม่าฉางฟงถึงกับตะลึงค้าง เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าชายหนุ่มคนนี้จะคิดค้นกลยุทธ์อันประเสริฐเช่นนี้ออกมาได้ ทั้งกลยุทธ์ที่ชายหนุ่มชุดมวงผู้นี้กล่าวออกมายังสมบูรณ์แบบและแฝงความเป็นไปได้นาๆนับประการสำหรับเขา เรื่องเช่นนี้ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ... ‘นี่เป็นเพียงชายหนุ่มอายุ 18 ปีจริงหรือ?’
"ปิดฟ้าข้ามทะเล อันประเสริฐ ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!" หลังจากได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน เซี่ยวฉวิน ขบคิดและตีความกลยุทธ์ของต้วนหลิงเทียนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะกล่าวยกย่องหลิงเทียนออกมาเป็นคนแรก
"นี่ ... " เหล่านักศึกษาที่ดูแคลนต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่ยังอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง พวกเขานั้นไม่อาจไม่ยอมรับ เพราะกลยุทธ์นี้นับว่าประเสริฐจริงๆ
นั่นเพราะหากมีใครถูกเสแสร้งลวงหลอกซ้ำๆจนตายใจแล้วล่ะก็ พวกมันย่อมคลายความระวังลงไม่น้อย นี่เป็นธรรมชาติของมนุษย์!
"ยอดเยี่ยมนัก ...เป็นกลยุทธ์ที่ดีอะไรเยี่ยงนี้ ปิดฟ้าข้ามทะเลอันประเสริฐ!" ซื่อหม่าฉางฟงจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาเป็นประกายก่อนที่จะกล่าวถามออกมา "เจ้ามีนามว่าอะไร?"